เกร็ดน่ารู้จาก The Bourne Legacy
เกร็ดน่ารู้
- ผู้ร่วมเขียนบทของ โทนี กิลลอย ก็คือ แดน กิลรอย น้องชายของเขาเอง ซึ่งเป็นครั้งแรกที่พวกเขาทำงานด้วยกัน ส่วนตำแหน่งผู้ลำดับภาพก็คือ จอห์น กิลรอย สมาชิกอีกคนของครอบครัวที่ร่วมงานกับผู้กำกับ โทนี กิลรอย มาแล้วใน Duplicity (2009) และ Michael Clayton (2007)
- ลูอิส โอซาวะ ชางชีน เรียนรู้รากฐานของปากัวร์ ซึ่งช่วยให้เขาสามารถเคลื่อนที่ได้อย่างรวดเร็ว รวมถึงฝึกกระโดดจากที่สูง และฝึกขับรถผาดโผน เพื่อรับบทเจ้าหน้าที่จากโครงการลาร์กซ์
- ฉากที่ใหญ่ที่สุดที่ทีมงานสร้างขึ้นมาในโรงถ่าย คอฟแมน แอสโตเรีย สตูดิโอ คือ บ้านไม้สูง 3 ชั้นในป่าแมรีแลนด์ของ มาร์ทา ที่รับบทโดย ราเชล ไวส์ซ ซึ่งมีรายละเอียดทุกอย่างเหมือนบ้านพลัมบ์-บรอนสัน อาคารสำคัญทางประวัติศาสตร์ใน ฮัดสัน วัลเลย์ รัฐนิวยอร์กที่สร้างขึ้นตั้งแต่ปี 1815 ซึ่งเดิมทีทีมงานตั้งใจจะถ่ายทำที่ พลัมบ์-บรอนสัน แต่บ้านหลังนี้จำต้องถูกรักษาเอาไว้ในรูปแบบเดิม จนไม่อาจกลายมาเป็นบ้านของ มาร์ทา ตามเรื่องได้
- ฉากที่ แอรอน ครอสส์ รับบทโดย เจเรมี เรนเนอร์ ปรากฏตัวภายนอกบ้านไม้สูง 3 ชั้นของ มาร์ทา ที่รับบทโดย ราเชล ไวส์ซ ถ่ายทำที่บ้านพลัมบ์-บรอนสัน บ้านต้นแบบจริงๆ แต่ฉากภายนอกอื่นๆ ถ่ายทำที่ค่ายลูกเสือ วิลเลียม เอช. เพาช์ ในสเตเทน ไอสแลนด์ รัฐนิวยอร์ก ซึ่งมีพื้นที่ขนาด 143 เอเคอร์
- ฉากเปิดตัวที่ เจเรมี เรนเนอร์ ในบท แอรอน ครอสส์ ดำลงไปในน้ำเย็นจัดระดับจุดเยือกแข็ง ถ่ายทำเสร็จในเทกเดียว
- ผู้กำกับ โทนี กิลรอย เลือกถ่ายทำในกรุงมะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์ โดยมีเหตุผลสำคัญอย่างหนึ่ง คือ โลเป อูเบ. ฮูบัน จูเนียร์ ประธานของ ฟิลิปปิน ฟิล์ม สตูดิโอส์ สามารถช่วยติดต่อกับหน่วยงานรัฐบาลเพื่อการถ่ายทำฉากอันตรายบนท้องถนน รวมถึงทีมงานท้องถิ่นสามารถพูดภาษาอังกฤษได้เป็นอย่างดี
- เป็นภาพยนตร์ฮอลลีวูดเรื่องแรก ซึ่งถ่ายทำที่กรุงมะนิลาให้เป็นมะนิลาจริงๆ จากที่ผ่านมากรุงมะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์ มักถูกถ่ายทำให้เป็นประเทศไทย อินโดนีเซีย เวียดนาม หรือปานามา
- ฉากขี่มอเตอร์ไซค์ผาดโผนโดยไม่มีหมวกกันน็อกปิดบังใบหน้านั้น ทำให้นักแสดงต้องเล่นเอง เจเรมี เรนเนอร์ ซึ่งรับบทเป็น แอรอน ครอสส์ รักการขี่มอเตอร์ไซค์แข่งอยู่แล้ว เขาจึงสามารถแสดงฉากที่ แอรอน พา มาร์ทา ที่รับบทโดย ราเชล ไวส์ซ ขี่รถมอเตอร์ไซค์หนีด้วยความเร็ว 45-50 ไมล์ต่อชั่วโมง
- มีการนำรถจีปนีย์ รถโดยสารที่เป็นเอกลักษณ์ของฟิลิปปินส์ มาประกอบฉากไล่ล่าด้วย
- ใช้รถยนต์ประมาณ 90 คัน และตัวประกอบอีกกว่า 300 คน ในการถ่ายทำฉากไล่ล่าตามท้องถนนในกรุงมะนิลา ประเทศฟิลิปปินส์ เป็นระยะทาง 1.5 ไมล์ และกินพื้นที่ 3 สัญญาณไฟจราจร
- เป็นครั้งแรกที่ภาพยนตร์ชุดนี้ถ่ายทำในป่า ทีมงานและนักแสดงเดินทางไปถ่ายทำที่ อุทยาน คานานัสกิน คันทรี ในเทือกเขาร็อกกีฝั่งตะวันตกของคัลแกรี แคนาดา เป็นเวลานาน 2 สัปดาห์
- เป็นการรวมตัวกันอีกครั้งของนักแสดงจากภาพยนตร์ชุดนี้ในภาคก่อนๆ ได้แก่ อัลเบิร์ต ฟินนีย์ ในบท ดร.อัลเบิร์ต เฮิร์สช์, เดวิด สตรัตแธร์น กลับมารับบท โนอาห์ โวเซน หัวหน้าโครงการรักษาความปลอดภัยแบล็กไบรอาร์, สก็อตต์ เกลนน์ รับบท เอซรา เครเมอร์ ผู้อำนวยการหน่วยซีไอเอ จาก The Bourne Ultimatum (2007) รวมถึง โจน อัลเลน จาก The Bourne Supremacy (2004) และ The Bourne Ultimatum (2007)
- แอรอน ครอสส์ ที่รับบทโดย เจเรมี เรนเนอร์ ใส่แจ็กเก็ตสีส้มในฉากปีนเขา เช่นเดียวกับนักปีนเขาคนอื่นๆ ที่มักจะใส่เสื้อผ้าสีสดใสเวลาเดินทางคนเดียว เพื่อให้เฮลิคอปเตอร์ค้นหาสังเกตเห็นได้ง่าย
วันนี้ในอดีต
Bangkok Dangerousเข้าฉายปี 2008 แสดง Nicolas Cage, Charlie Yeung, Shaun Delaney
เทวดาตกมันส์เข้าฉายปี 2008 แสดง เทพ โพธิ์งาม, วิวิศน์ บวรกีรติขจร, ศุภรดา เต็มปรีชา
In Brugesเข้าฉายปี 2008 แสดง Colin Farrell, Brendan Gleeson, Ralph Fiennes
เกร็ดภาพยนตร์
- Everest - เรื่องราวในภาพยนตร์อ้างอิงจากหนังสือเกี่ยวกับภัยพิบัติที่ยอดเขาเอเวอเรสต์เมื่อปี 1996 หลายเล่ม หนึ่งในนั้นคือหนังสือเรื่อง Into Thin Air เขียนโดย จอน ครากอาวร์ ที่ในภาพยนตร์แสดงโดย ไมเคิล เคลลี และยังอ้างอิงจากบทสัมภาษณ์ผู้รอดชีวิตจากเหตุการณ์ครั้งนั้นด้วย อ่านต่อ»
- The Tribe - นักแสดงทุกคนในเรื่องเป็นคนหูหนวก อ่านต่อ»
เปิดกรุภาพยนตร์
The End of the Storm
ในที่สุดช่วงระยะเวลาตลอด 30 ปีที่ทีมลิเวอร์พูลและแฟนๆ ทั่วโลกรอคอยได้สิ้นสุดลง พวกเขาสร้างปรากฏการณ์ความสำเร็จขึ้นอีกคร...อ่านต่อ»