วิจารณ์ Frankenweenie
-
tomymint
(เลขที่ 307871)
เมื่อ 30 ต.ค. 55 08:59
แจ้งลบชอบมากซึ้งน้ำตาไหล คิดถึงหมาตัวเองที่เพิ่งตายไป หนังเหมาะกับทุกวัย อบอุ่น ดูแล้วได้ข้อคิดหลายๆอย่างค่ะ
-
Bigtum
(เลขที่ 310619)
เมื่อ 17 ต.ค. 55 00:01
แจ้งลบแววตาที่โศกเศร้าของเด็กชายที่เห็นสุนัขเพื่อนซี้ต้องจากไปก่อนเวลาอันควร แสดงให้เห็นว่าเค้ารักมันมากแค่ไหน ความมหัศจรรย์ก็คือ ทิม เบอร์ตัน ได้ใส่จิตวิญญาณลงไปในหุ่น พร้อมกับหยดน้ำตาแห่งความสูญเสียของเด็กชาย แต่ไม่นานมันก็ฟื้นคืนชีพ นี่เป็นหนังแอนิเมชั่นสต็อปโมชั่นที่เป็นการกำกับหุ่นอีกครั้ง ของผู้กำกับ ทิม เบอร์ตัน ที่หันมาจับงานถนัดแบบเดียวกับ The Nightmare Before Christmas และ Corpse Bride ซึ่งลายเซ็นก็เห็นได้จากหุ่นที่มีหน้าตาแบบคุ้นเคยกันดี การเอาแฟรงเก้นสไตน์มาดัดแปลงคราวนี้ถือว่าชาญฉลาด และตรงกับคอนเซปทางนี้ของผู้กำกับสุดเซอร์ได้เป็นอย่างดี อันที่จริง Frankenweenie เคยเป็นหนังสั้นคนแสดงที่ทิม เบอร์ตัน เคยสร้างเอาไว้ให้กับดิสนีย์ตั้งแต่ปี 1984 นู่น กลับมาคราวนี้ขอขึ้นจอในแบบแอนิเมชั่นสต็อปโมชั่น 3D ขาวดำ
วิกเตอร์ เด็กชายที่ชื่นชอบงานประดิษฐ์ เก่งงานทดลอง ถึงกับตกตะลึงเมื่อได้เห็นครูวิทยาศาสตร์คนใหม่สาธิตวิธีใช้การกระแสไฟฟ้าชอตใส่กบที่ตายไป และขามันก็ขยับได้ เลยเกิดไอเดียกลับไปทดลองกับเจ้าสปาร์คกี้ สุนัขคู่ใจที่เพิ่งจากไป โดยที่ปิดบังพ่่อแม่ไม่ให้รู้ ผลคือมันกลับมามีชีวิตอีกครั้ง แต่ต้องคอยชาร์ตพลังงานด้วยกระแสไฟฟ้า ปัญหาคือวิกเตอร์ ไม่สามารถพาเจ้าสปาร์คกี้ซอมบี้ออกไปเดินเล่นไหนต่อไหนได้เหมือนเดิม ทำให้เจ้าสปาร์คกี้แสนรู้ต้องแอบออกมาเดินเล่นเอง และไม่นานความลับก็แตก เมื่อเด็กคนอื่นๆรู้ ก็เลยเอาวิชานี้ไปทดลองใช้ไฟฟ้าชอตใส่สัตว์อื่นๆบ้าง แต่เกิดความผิดพลาด ส่งผลให้เกิดความโกลาหล งานวันดัชท์ซึ่งเป็นวันสำคัญของเมืองนิวฮอลแลนด์แห่งนี้ กลายเป็นวันวิ่งหนีเหล่าสัตว์ประหลาดที่บุกเข้ามาจู่โจมแบบไม่ทันได้ตั้งตัว
ดูเหมือนว่าทิม เบอร์ตันจะชื่นชอบผลงานสยองขวัญคลาสสิคยุคเก่าเอามากๆ ก็เลยตั้งชื่อตัวละครออกมาแบบที่คนดูต้องอมยิ้ม รวมทั้งฉากไคลแม็กซ์ที่เหมือนคารวะผลงานงานคลาสสิคเหล่านั้น ที่ต้องชื่นชมคือบรรดาหุ่นที่ขนมาขึ้นจอ ถูกสร้างสรรค์ออกมาได้อย่างพิลึกพิลั่นวิกลจริตแบบมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว งานนี้เบอร์ตันทำการบ้านมาดี เด็กที่ชื่อโทชิอากิ โผล่มาฉากแรกก็รู้ทันทีว่าหมอนี่ญี่ปุ่นแน่ๆ แววตาแบบการ์ตูนญี่ปุ่นมาเลย รวมทั้งน้องเต่าที่ฟื้นคืนชีพกลายร่างเป็นเต่ายักษ์ก็ให้อารมณ์แบบหนังสัตว์ประหลาดญี่ปุ่นกาเมล่าบุกเมืองเข้ากับฉากหลังที่ถูกดีไซน์ออกมาโทนเดียวกับหนังสยองตัดกับภาพขาวดำได้อย่างลงตัว งานด้านภาพสามมิติให้ผลลัพธ์ออกมาระดับนึง ผมเช็คด้วยการลองถอดแว่นตาสามมิติออกมาปรากฎว่าแทบไม่ต่างกัน ถ้าไม่ซีเรียสด้านภาพ ดูแบบสองมิติก็ได้ครับ
Frankenweenie อาจจะได้ใจคนดูที่ชอบหนังแนวพิลึกๆของทิม เบอร์ตัน แต่ขอเสียของหนังคือขาดความสดใหม่ นั่นเป็นเพราะผลงานเก่าๆทำเอาไว้ดี และยังเป็นของใหม่ของยุคนั้นที่ทำเอาหลายคนได้เซอร์ไพรส์เมื่อได้เห็น ฉะนั้นผลงานใหม่จึงต้องการพลังสร้างสรรค์และพลอตที่โดดเด่นจริงๆ แต่ Frankenweenie ยังไปได้ไม่ถึงจุดนั้น แต่ถ้ามองในแง่การ์ตูนเรททั่วไปที่เน้นให้เด็กดูได้ ก็อาจจะไม่จำเป็นต้องแฝงปรัชญาให้คิดเยอะกันมากมายนัก อย่างน้อยหนังก็มีข้อคิดดีๆที่บอกไว้คือ ถ้าเราใส่ใจเลี้ยงดูสัตว์เลี้ยงด้วยความตั้งใจจริงๆ สัตว์เลี้ยงของเราก็จะไม่ร้ายกาจใส่เรา ที่สำคัญยังช่วยให้เกิดความผูกพันและความทรงจำดีๆ ต่อให้มันต้องจากไปแบบไม่มีวันกลับมาอีกก็ตาม -
ทิชชูไม่ต้อง
(ไม่ได้เป็นสมาชิก)
เมื่อ 16 ต.ค. 55 17:58
เป็นหนังทิม เบอร์ตันที่เป็นทิม เบอร์ตันมากๆ ทั้งเรื่องราว ภาพบรรยากาศความน่ารักแบบหลอนๆ แบบหนังสยองขวัญยุค 70-80 การจัดวางองค์ประกอบ ออกแบบแสงแบบขาวจัด-ดำจัด คอนทราสต์ชัดๆ ตามสไตล์เอ็กเพรสชันนิสต์ที่หนังยุคนั้นชอบใช้ ซาวด์ประกอบที่ใส่มาแต่ละทีก็ใช่เลย เพลงประกอบของคาเรน โอก็ออกสไตล์ย้อนยุคหน่อยๆ ด้วย น่ารักมาก ชอบกว่า Dark Shadow เป็นสต็อปโมชันที่มีเสน่ห์ ชอบเพื่อนวิกเตอร์ เวียร์ดเกิร์ลที่หน้าใกล้ศพมาก หลอนได้อีก(แบบน่ารัก)
เคยดูเวอร์ชันหนังสั้นขาวดำที่เป็นคนแสดงมาก่อนเมื่อนานมาแล้ว เอามาทำอีกทีในยุคนี้ไม่น่าเชื่อว่ายังจับบรรยากาศของงานยุคแรกๆ ของเค้ามาใส่ได้แบบพอดี และการใส่ 3 มิติมันไม่ได้ดูแบบใส่มาเพื่อ คือมันเห็นชัดเจนว่า 3 มิติยังไง เราอู้วว์ว้าวไปได้ด้วย ปกติไม่ชอบหนัง 3 มิติ เพราะไม่รู้จะทำไปทำไม ไม่ต่างอะไรมาก (ยกเว้น Hugo เรื่องนึง)
สิงที่ประทับใจอีกอย่างคือชื่อเต่าของโทชิอากิที่ชื่อว่า เชลลี คือเรื่องนี้มันเป็นการยำแซ่บระหว่างความผูกพันธ์ระหว่างเด็กชายกะสุนัข + แฟรงเกนสไตน์ ใช่มะ แล้วคนสร้างเรื่องนี้ก็ยังน่ารักมี reference ไปถึงคนแต่งเรื่องสยองขวัญคลาสสิกของยุคโรแมนติกที่ชื่อว่านาง มารี เชลลี ด้วย (ไม่รู้เค้าตั้งใจงี้ป่ะนะ แต่คิดว่าน่าจะใช่) หญิงเดี่ยวในแก๊งนักเขียนชายที่ล้อมวงกันเล่าเรื่องสยองขวัญริมทะเลสาป จนกลายเป็นเรื่องนี้ --- เล่าๆกันมาประมาณนี้
เป็นสมาชิกอยู่แล้ว ลงชื่อเข้าใช้ระบบ
ยังไม่ได้เป็นสมาชิก สมัครสมาชิกใหม่
หรือจะลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google หรือ Facebook ก็ได้
Facebook | Google+
วันนี้ในอดีต
สนิมสร้อยเข้าฉายปี 2003
แสดง ปติญญา ทองศรี, ฌานิศ ใหญ่เสมอ, หทัยทิพย์ สีสังข์
Battle Royale IIเข้าฉายปี 2003
แสดง Tatsuya Fujiwara, Natsuki Kato, Yuma Ishigaki
ฮาชิมะ โปรเจกต์ ไม่เชื่อต้องลบหลู่เข้าฉายปี 2013
แสดง พิรัชต์ นิธิไพศาลกุล, อเล็กซ์ เรนเดลล์, อภิญญา สกุลเจริญสุข
เกร็ดภาพยนตร์
- The Revenant - ถ่ายทำตามลำดับเหตุการณ์ตามตารางถ่ายทำ 80 วัน ที่กำหนดวันกระจายกินเวลาถึง 9 เดือน ซึ่งนับเป็นระยะเวลาการถ่ายทำที่ยาวนานมาเป็นพิเศษ เพราะภาพยนตร์ถ่ายทำในสภาพอากาศหนาวเย็น สถานที่ห่างไกลความเจริญ และตัวผู้กำกับ อเลฮันโดร กอนซาเลซ อินาร์ริตู และผู้กำกับภาพ เอ็มมานูเอล ลูเบซกี ตั้งใจถ่ายทำภาพยนตร์ด้วยแสงธรรมชาติเท่านั้นเพื่อให้สมจริงที่สุด ทำให้เวลาการถ่ายทำของแต่ละวันเหลือเพียงไม่กี่ชั่วโมง อ่านต่อ»
- Pride and Prejudice and Zombies - นาตาลี พอร์ตแมน เป็นนักแสดงดั้งเดิมที่ได้รับบท อลิซาเบธ แต่ถอนตัวออกเนื่องจากปัญหาตารางงาน สการ์เลตต์ โจแฮนส์สัน, แอนน์ แฮตธาเวย์, เอ็มมา สโตน, มีอา วาชิคอฟสกา, รูนีย์ มารา, มิลา คูนิส และ เบลก ไลฟ์ลีย์ ต่างก็ได้รับการพิจารณาให้รับบทนี้ ก่อนที่ ลิลี เจมส์ จะได้บทนี้ไปในที่สุด โดย นาตาลี ยังคงรับหน้าที่ควบคุมงานสร้างอยู่ อ่านต่อ»
