วิจารณ์ The Hunger Games: Catching Fire

ไปที่หน้า
วิจารณ์ภาพยนตร์
  • เมื่อ 10 ธ.ค. 56 12:06

    ภาคนี้สุดยอดมากครับ และจะรอดูภาคต่อไป 9.9/10

    แจ้งลบ
  • เมื่อ 7 ธ.ค. 56 12:01

    ชอบเรื่องนี้จากภาคแรก เห็นผ่าน ๆ ไม่คิดว่าหนังจะน่าสนุก แต่พอได้ดู แล้วต้องซ้ำอะ
    ภาค2สนุกกว่าภาคแรกขึ้นมาอีก มีหลากหลายอารมณ์ หนังไม่ได้เน้นเกมการล่า
    แต่อยู่ที่การต่อสู้กับคนที่มีอำนาจสูงสุด

    ชอบฉากที่นางเอกพูดถึงริว น้ำตาเอ่อ แล้วฉากจูบชูสามนิ้วนี่มันให้ความรู้สึกสะเทือนอารมณ์ และมีพลังทุกครั้ง มีฉากนี้ทีไรน้ำตามันเอ่อทุกที (ตรึงใจมาตั้งแต่ภาคแรกแหละ)

    ถึงตอนจบถของหนังก็รู้ว่า เกมเพิ่งจะเริ่มต้น รอชมภาค 3 อย่างจดจ่อ และเป็นแฟนหนังเรื่องนี้ปักใจ

    สรุปชอบเรื่องนี้มากค่ะ จัดคะแนนให้เต็ม ๆ สิบ สิบ

    ชอบบทวิจารณ์ของคุณ Watchmen_Since_1985 ค่ะ ได้ข้อมูลของหนังเยอะขึ้นด้วย

    แจ้งลบ
  • เมื่อ 7 ธ.ค. 56 00:39

    เป็นหนังที่ตอนจบไม่อยากให้จบ ต้องตระเวนหาซื้อหนังสือมาอ่านก่อนรอปีหน้า

    แจ้งลบ
  • เมื่อ 25 พ.ย. 56 21:10

    ไม่รู้สิคับ ผมไม่ค่อยอินแฮะ

    แจ้งลบ
  • เมื่อ 25 พ.ย. 56 10:14

    สนุกครับ สนุกกว่าภาคแรก มีครบทุกอารมณ์ เทคนิคดีครับ ให้ 9.5/10

    แจ้งลบ
  • เมื่อ 24 พ.ย. 56 22:30

    ต้องชมคนคิดพล็อต ที่ทำให้เรื่องนี้เวลาเอามาทำเป็นภาพยนต์ มันสามารถใส่อะไรเข้ามาได้เยอะมาก
    ทั้งการเมือง มิตรภาพ ครอบครัว รวมไปถึงรักสามเศร้า โดยรวมทำได้ดีกว่าภาคแรก

    แจ้งลบ
  • เมื่อ 24 พ.ย. 56 21:44

    เพิ่งได้ไปดูวันนี้ 24 พ.ย. ที่ SF ลำปางเหมือนกันครับ รอบที่ผมดูคนค่อนข้างน้อย อาจจะยังเช้าอยู่
    ความเห็นเหมือนกับหลายๆ คนที่แสดงความคิดเห็นมาครับ คือ ใครดูภาคแรกแล้วชอบ ต้องดูภาคสองครับ เดินเรื่องตามstep คล้ายภาคแรก แต่ภาคนี้ผมว่าเนื้อเรื่องมันน่าติดตาม ฉากแอ็คชั่นอาจจะไม่ใช่จุดขาย แต่ก็ทำได้น่าตื่นเต้น และน่าสนใจ อาจจะมากกว่าภาคแรกเสียด้วยซ้ำ ส่วนเนื้อเรื่องก็มีช่วงดราม่าบีดหัวใจจนแน่นอกอยู่แน่นนอน ฉากตอนต้นๆ เรื่อง ที่ไปทัวร์เขต 11 (ถ้าจำไม่ผิด) ที่นางเอกกล่าวต่อประชาชนโดยไม่ต้องดูสคริปท์ (ไม่ได้พาดพิงใครหรือเปล่า?) มันตรึงใจทำน้ำตาแทบไหลครับ อารมณ์และดนตรีประกอบมันได้เลย ถ้าเปลี่ยนนางเอกเป็นคนอื่นอารมณ์อาจจะเป็นอีกแบบ
    ผมถามน้องบางคนที่ไปดูมาว่าสนุกไหม เขาบอกว่าอย่าคาดหวังมาก ผมก็เลยไปดูให้มันรู้แจ้ง ทำให้ผมรู้ว่าน้องเขาคงไม่เข้าใจแก่นที่แท้จริงของเรื่อง hunger game ผมกลับดูสนุกไปได้เรื่อยๆ ทั้งเรื่อง จนจบ ซึ่งตอนจบทำให้อยากดูภาคต่อไปเร็วๆ มาก และทราบมาว่าภาคสาม จะแบ่งเป็น 2 part ต้องติดตามกันต่อไปครับ
    สำหรับผมเรื่องนี้ ให้ 10 เต็มครับ
    ปล.หนังเรื่องนี้ ผมว่าเข้ากับสถานการณ์บ้านเราแบบเนืองๆ นะจะบอกให้
    การมีอำนาจในมือ ไม่อาจเปลี่ยนผิดให้เป็นถูกได้นะครับ

    แจ้งลบ
  • เมื่อ 24 พ.ย. 56 19:03

    ไปดูเมื่อ 24-11-13 รอบเวลา 12:00 น. คนเยอะครึ่งโรงครับ
    ชมเรื่องนี้ที่ SF Cinema City งามวงศ์วาน (โรง2.)

    เข้าประเด็นครับ.....

    เป็นภาคต่อที่สมแล้วกับการรอคอยมากจริง ๆ ครับ และเป็นการยกระดับความสนุกจากภาคแรกได้อย่างสมศักดิ์ศรีเอามาก ๆ เนื้อเรื่องดีชวนติดตาม บทเน้น ๆ ดี การดำเนินเรื่องเป็นเอกฉันท์สุด ๆ พาไปสู่การแข่งขันเกมล่าชีวิตครั้งนี้อย่างลงตัว ฉากดราม่าเรียกน้ำตาดีสุด ๆ จุดพีคเด่นไม่มีด้อย มุมกล้องดีไม่ค่อยเวียนหัว ภาพสวยมากอลังการมาไวโดยแท้ องค์ประกอบเด่นทุกอย่าง ฉาก Arena+Battle ทำออกเจ๋งโครต ตื่นเต้น เร้าใจ แอ๊คชั่นมันส์ดี แม้ในเรื่องมีบางอย่างชวนน่าเบื่อนิด ๆ ความสมเหตุผลเข้ากันได้ดีมาก ครบทุกรสชาติ โดนทุกอารมณ์ ยกนิ้วให้เลยครับกับฟินนิค+โยฮันน่า จอมขโมยซีนของเรื่องเลย รวมไปถึง ผกก.Francis Lawrence ที่รับช่วงต่อจาก Gary Ross ได้อย่างตั้งใจมาก และต้องไม่ลืม Jennifer Lawrence,Josh Hutcherson และนักแสดงคนอื่นด้วยครับ คุ้มค่ากับการชมภาพยนตร์เรื่องนี้ครับ


    ให้คะแนน 10/10

    แจ้งลบ
  • เมื่อ 24 พ.ย. 56 14:28

    สนุกดีครับ มีหลายๆ รสชาติ และเรียกน้ำตาได้ดี 10/10

    แจ้งลบ
  • เมื่อ 23 พ.ย. 56 10:02

    The Hunger Games: Catching Fire : It's Time To Revolution !

    คนมักจะคิดว่า The Hunger Games จะต้องดำเนินเรื่องไปในการแข่งขันเกม พวกเขาเหล่านั้น ไม่เข้าใจ มันไม่ใช่ หากแต่ The Hunger Games มันคือ อุปกรณ์ ชิ้นหนึ่งที่อยู่ในระบบของการกดขี่โดยระบอบการปกครองที่ไร้ซึ่งความยุติธรรม --- ไม่ดราม่าการเมืองแน่นอน แค่เบื่อคนที่เข้าไปเพื่อหวังจะดู เพียง คนฆ่ากัน ได้โปรดเถอะ !

    หากการอ่านหนังสือครบทั้งสามเล่มซ้ำยังมีไว้ครอบครอง ผมอาจกล้าเรียกตัวเองได้ว่า เป็นแฟนหนังสือ แต่นั่นคงเป็นการพูดเกินจริง เพราะผมไม่ได้รู้สึกชอบตัวนิยายมากขนาดนั้น ทำไมน่ะหรอ ก็มันติดกลิ่นทไวไลท์มากๆ ผมจึงขอเรียกตัวเองว่าเป็น แฟนหนัง ฟังดูสบายใจกว่าเยอะ เพราะอะไร เพราะในนิยายนั้น หนังมุ่งเน้นไปที่ พาร์ทความรักอย่างเกินงาม โดยเฉพาะในเล่มสาม ที่รู้สึกเอียนๆอยู่ไม่น้อย แต่ในหนัง ทิศทางหลักคือการถูกกดขี่และลุกฮือขึ้นสู้กับการปกครองที่ไม่เป็นธรรม เพื่อค้นหาอิสรภาพ แะหนังดันขยี้ปมนี้ออกมาได้อย่างน่าชื่นชม และถูกตอกย้ำอย่างชัดเจนเมื่อการมาถึงของ Catching Fire

    ใครที่ชอบภาคแรก 'ไม่มีทาง' ที่คุณจะไม่ปลื้ม Catching Fire แม้หนังจะเปลี่ยนตัวผู้กำกับจาก Gary Ross ซึ่งโดยส่วนตัวแล้วชอบวิสัยทัศน์ที่แกมีต่อ The Hunger Games ภาคแรกมากๆ มันเป็นการฉีกหน้าหนังสือแล้วอาศัยแค่บางส่วนและเพราะวิสัยทัศน์ที่เฉียบคมของแกนี่ล่ะ เลยทำให้หนังมีทิศทางอย่างที่เห็น ผมแอบหวั่นว่า Francis Lawrence ผู้กำกับที่มาทำต่อจะไปยึดเอาตามหนังสือ เพราะนันหมายถึงการไม่ซื่อสัตย์ต่อหนังภาคแรกแต่หันไปซื่อสัตย์กับตัวนิยายแทน แต่ไม่เลย Francis Lawrence ยังคงสานต่อตามที่ Ross ได้เริ่มไว้ และเผลอๆอาจทำได้ดีกว่าด้วยซ้ำ ผมมองว่าผู้กำกับ Lawrence แกเป็นคนมีของนะ แม้จะมีหนังใหญ่แค่สี่เรื่องเท่านั้น ใน Catching Fire นี้ Lawrence ทำได้ดีมากจริงๆ

    ส่วนหนึ่งที่หนังไปได้ไกล ได้ดีแบบนี้ ลำพังแค่อาศัยผู้กำกับ คนเขียนบท หรือคนเบื้องหลังมันก็ไม่ใช่ที่ นักแสดง เป็นส่วนสำคัญมากๆ ราศรีออสการ์ของ Jennifer Lawrence มันน่าจับตามาก ไม่เพียงแต่การตีบท Katniss Everdeen ให้ออกมาได้อย่างหมดจด แต่เชื่อว่าตัวละครตัวนี้จะมีอิทธิพลกับคนดูไม่ต่างจากผู้คนเขตต่างๆในหนัง และกล้าพูดได้เลยว่า Jennifer Lawrence โอบอุ้มหนังเรื่องนี้ไว้ทั้งเรื่อง Josh Hutcherson ในบท Peeta Mellark นักแสดงรายนี้ ผมชอบมากตั้งแต่ตอนเด็กๆที่ได้ดูเรื่อง Bridge to Terabithia Bridge to Terabithia ที่ขโมยน้ำตาผมไป ใน Catching Fire นั้นน่าเสียดายที่ Hutcherson ไม่ได้ใช้การแสดงที่มีอยู่ได้มากพอ หรือถูกกลบด้วย Lawrence ก็ไม่รู้ าทางฝั่งของน้องชายเทพเจ้า Thor อย่าง Liam Hemsworth นักแสดงรายนี้ โผล่ๆมาแปปๆ แต่น่าตรึงใจกว่าอาจด้วยต้นทุนด้านน่าตาก็เป็นได้ เพราะโดยส่วนตัวยังไม่เคยเห็นหนังที่พี่แกได้แสดงแบบรับบทนำมาก่อนเลย แต่ถ้าวัดจากที่เห็นขอบกว่า น่าจับตามอง ส่วนรายอื่นๆที่เหลือ Woody Harrelson, Elizabeth Banks, Donald Sutherland ต่างก็มีส่วนช่วยให้หนัง "ถึง" อย่างที่ได้สัมผัสกัน รายใหม่ที่เพิ่มเข้ามา Philip Seymour Hoffman ต้องมีอะไรให้พูดถึง ความร้าย!? ของพี่แก มันหลอกเราได้(แม้จะสปอยจากการอ่านนิยายมาแล้ว) ,Jena Malone โผล่มาก็แย่งซีนแล้ว รายนี้ และที่อยากพูดถึง Sam Claflin ในบท Finnick ที่ในนิยายจะมีบทบาทมากกว่านี้ เข้าใจว่า บางอย่างต้องเอาออกเพื่อจะเสริมอีกสิ่งเข้ามาแทน ชอบครับ คนนี้ และที่สำคัญคือภาคนี้ได้รับเงินทุนเพิ่มขึ้น เราเลยมีโอกาสได้เห็นอะไรที่ยิ่งใหญ่ขึ้น

    ตัวหนังเริ่มต้นจากภาคแรก โดยไม่ต้องไม่เสียเวลาเล่าย้อน นั้นคือ เดินหน้า ไปอย่างเดียว ครั้งก่อนเราสัมผัสได้ถึงความกดดันมหาศาล ภาคนี้ไม่ต่างกัน ซ้ำร้ายหนักกว่าเดิม ทั้งภาพหนังยังออกมาในอารมณ์ดาร์กๆ ประกอบกับความหนาวเหน็บของสภาพอากาศในช่วงต้นเรื่อง มันแทบมองไม่เห็นแสงแงความหวังแม้แต่น้อย หนังเปิดฉากในรุ่งอรุณเช้าวันใหม่ ซึ่งเป็นฉากที่ส่วนตัวรู้สึกว่า มันอบอุ่น และน่าจะเป็นแสงแห่งความหวังจางๆที่ทำให้ตัวละคร(และคนดู)มีแรงสู้ต่อไป ช่วงครึ่งแรกจะเป็น Victory Tour ก่อนครึ่งหลังจะหันเข้าไปสู่เกม ซึ่งครั้งนี้เป็นครั้งที่ 75 หรือที่เรียกว่า Quarter Quell ซึ่งกติกา จะแตกต่างจากครั้งก่อนๆ และแม้ภาคนี้การแข่งขันจะน้อยกว่าภาคแรก ก็อย่างที่บอกมันไม่ใช่ใจความหลักของหนัง ความโหดร้ายในเกมคือความตาย จบแล้วจบกัน ในขณะที่ภายนอกเกม คือการตายทั้งเป็น ความสนุกของมันไม่ใช่เห็นคนฆ่ากันตาย แต่ความสนุกของมันคือการได้เห็นตัวละครเอาชีวิตรอดจากเหตุการณ์ที่มืดแปดด้าน ไม่ใช่ชนะในเกมเท่านั้น แต่เป็นการเอาชนะในโลกภายนอกจริงๆต่างหาก และนั่นไม่แปลกเลยที่ทำไม เกม จึงไม่ใช่ส่วนสำคัญที่สุดของหนัง

    ส่วนตัวแล้วชอบมากครับ และมันทำให้จักรวาลของ The Hunger Games มีขอบเขตที่กว้างและเติมเต็ม ตอนจบก็ยังขยายไปสู่ประเด็นที่จริงจังขึ้น ใครที่มองหาหนังดีๆดูแล้วล่ะก็ Catching Fire ไม่ใช่ตัวเลือกแต่เป็น คำตอบที่ดีที่สุด ณ เวลานี้

    แจ้งลบ
มีทั้งหมด 14 วิจารณ์ หน้าที่ 1 [ก่อนหน้า] 1 2 [ถัดไป]
เขียนวิจารณ์
จะต้องลงชื่อเข้าใช้ระบบก่อน จึงจะเขียนวิจารณ์ได้
เป็นสมาชิกอยู่แล้ว ลงชื่อเข้าใช้ระบบ
ยังไม่ได้เป็นสมาชิก สมัครสมาชิกใหม่
หรือจะลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google+ หรือ Facebook ก็ได้
Facebook | Google+

advertisement

วันนี้ในอดีต

เกร็ดภาพยนตร์

  • Hercules - ดเวย์น จอห์นสัน เตรียมตัวสำหรับการรับบท เฮอร์คิวลีส โดยการฝึกฝนอย่างหนักทุกวันเป็นเวลา 8 เดือน อ่านต่อ»
  • No Tears for the Dead - ชางดงกอน ผู้รับบท กอน ใช้เวลามากกว่า 6 เดือนเพื่อฝึกฝนบทต่อสู้ เขายังเข้าค่ายเอฟบีไอที่ประเทศสหรัฐอเมริกา เพื่อเตรียมตัวถ่ายฉากต่อสู้ด้วย อ่านต่อ»

เปิดกรุภาพยนตร์

บอดี้การ์ดหน้าหัก บอดี้การ์ดหน้าหัก คำก้อน (เพ็ชรทาย วงษ์คําเหลา) พนักงานรักษาความปลอดภัยธนาคารแห่งหนึ่ง เพิ่งออกเวรกำลังกลับบ้าน แล้วเกิดเหตุการณ์ผู้ก่อกา...อ่านต่อ»