[Review] มาวิจารณ์อัลบั้ม A Girl Like Me (จบแล้ว)

(7/10)ตามคำขอของคุณ ริริริริริริริริ! นะค่ะ หัลงจากที่ One-hit Wonder ในอัลบั้มแรกไป อีตาเจย์ซีขาดันก็กลัวอิห่านจะดับไปเลยก็เลยเร่งรีบออกภายในระยะเวลาไม่ถึงปี ทั้งๆที่ซิงเกิ้ลยังไม่ลงจากชาร์ตเล่นเอาแฟนๆไม่ทันได้หายใจหายคอแต่ก็กลัวกระแสจะหมดสะก่อน(ตอนนั้นไม่มี กรั่กๆๆ) ถ้าในสมัยปี 2006 เมื่อเอ่ยชื่อ Rihanna แล้วในไทยแทบจะนับคนได้เลยที่จะรู้จัก เมืองนอกเมืองนาก็ยังไม่ประสบความสำเร็จดีนัก กลับมาคราวนี้สำหรับสตูดิโออัลบั้มชุดที่เธอได้สลัดคราบสาวชาวเกาะมาขายปลาบนฝั่งชายหาดใกล้เมืองบ้างแทนด้วยลุคไม่แตกต่างจากเดิมเท่าไหร่นัก หญิงสาวที่ตอนนั้นบริสุทธิ์(?) ทำเพลงใสไร้เดียงสารักน้ำเน่าอาร์แอนด์บี ตัวเพลงยังไม่ละทิ้งจากอัลบั้มเดิม พ๊อพอาร์แอนด์บีแร๊กเก้ ตบแดนซ์ฮอล์ ติดกลิ่นร็อคอ่อนๆในหลายๆแทร็ค แอบมีอคูสติกกีต้าร์คลอไปกับเพลงเหมือนเดินเล่นชิลล์ๆบนชายหาด นับว่าเป็นพัฒนาการแบบก้าวกระโดดจากเพลงโคโดโมะมามี่โป๊กโกะเสร่อน่าเบื่อเพ้อเจ้อเหมือนอัลบั้มแรก อัลบั้มนี้มีสีสันมากขึ้นแต่ความน่าเบื่อไม่จีรังของอาร์แอนด์บีทำให้เพลงสำหรับคอป๊อปดูฟังยากนิดนึงยังคงเหลืออยู่ทั่วไปโน๊ะ? ส่วนอัลบั้มนี้แป๊กมั้ย? ชั้นคิดว่าำไม่โน๊ะ? อันดับหนึ่งก็ยังพอมีให้เห็นส่วนยอดขายก็ 2 ล้านก๊อปปี้สำหรับเพลงแบบนี้กับตลาดในตอนนั้นก็ถือว่าเยอะโน๊ะ

"SOS"(8/10) ซิงเกิ้ลเปิดอัลบั้มที่ทำให้ริฮานน่าเป็นที่รู้จักมากขึ้นในระดับนึง จริงๆตัวเอ็มวีตัวเพลงแบบนี้ดังได้ก็อลังการแล้วโน๊ะ กรั่กๆๆๆ อัพเทมโพฮิพฮอพอาร์แอนด์บีย้อนยุคไปช่วง 80's ด้วยอิทธิของแซมเพิ่ลจากเพลง Tainted Love ของ Soft Cell ตบด้วยแร๊กเก้แดนซ์ฮอล์ ลูกเล่นอิเล็กทรอนิกส์ ไม่อยากทำร้ายจิตใจด้วยคำหว่าโหลเลยจริงๆโน๊ะ  เพลงนี้เคยเป็นของ Christina Milian ในอัลบั้ม So Amazin' แต่ชีคัดเพลงนี้ออก ค่ายก็เลยโยนให้อิห่านร้อง กรี๊ดดดดด ดังได้เพราะเพลงคนอ่นจริงๆโน๊ะ
"Kisses Don't Lie"(7/10) กรี๊ดดดดดๆๆ ทำไมค่ะ ทำไมเพลงนี้ย์... เอ่อ แต่ไม่ตัดมันก็ดีละโน๊ะ มีไว้ประดับอัลบั้มสวยๆ กับมิดเทมโพพ๊อพร็อคอาร์แอนด์บีแร๊กเก้ ที่มีกีต้าร์ไฟฟ้าร็อคๆ กับเครื่องเป่ารั้งอารมณ์ใดไม่ทราบ ป๊าดดดดดด และแทร็คนี้ยังเป็นแทร็คที่มีวลีเด็ดหลายๆคำ เนื้อหาวัยรุ่นมากๆ เนื้อหาก็ประมาณผู้หญิงคนนึงที่ตกหลุมรักผู้ชาย แต่ติดอยู่ที่เทอยังไม่ได้ข้อสรุป เนื่องจากเธอกลัวความเจ็บปวด จูบเธอสิ เพราะจูบของคุณไม่โกหกหรอก ตอแหลลลลลลลลล
"Unfaithful"(8.5/10) มิดเทมโพพ๊อพเพียโนบัลลาดอาร์แอนด์บี ที่หร่อนมั่นหน้ากล้าตัดเป็นซิงเกิ้ลมากด้วย แต่ด้วยอิทธิพลการโพรดิวซ์ของ StarGate ในยุคนั้นขอบอกว่าเพลงไหนออกมาจะต้องดังแน่นอน กับเนื้อหาที่บาดใจคนไทยแน่นอน "ชั้นไม่อยากทำร้ายเค้าอีกต่อไปแล้ว ทุกๆครั้งที่เค้าเห็นชั้นไปกับผู้ชายคนอื่น เค้าก็เหมือนกับตายทั้งเป็น" ถ้าติดตาม MV ดีๆจะรู้ว่าริฮานน่าไม่ได้เป็นคนเริ่มก่อนโน๊ะ หม่นพอล่ะกับเสียงอิห่านเสียดสีกับเครื่องสายไปมา กับแบ็คซาวนด์หลอนๆส่งอารมณ์ ไม่ได้เลวร้ายแต่ก็ไม่ได้ดีที่สุด
"We Ride"(7.5/10) กรี๊ดดดดดดด StarGate ผลผลิตมิดเทมโพพ๊อพอาร์แอนด์บีที่งดงามที่ควรค่าเข้ากับปากอิห่านตอนนั้นมาก เสียดายที่ไม่ดัง คลอไปกับอคูสติกกีต้าร์ ผสานกับฮิพฮอพบีทสังเคราะห์ และยังคงเป็นอีซี่ลิซเซนนิ่งเบาๆ ตบท้ายด้วยความเป็นแดนซ์ฮอล์ที่เสียดายเพลงนี้จบได้เหี้ยมากกก ตัวเนื้อหาก็ คิดถึงแฟนเก่า เรื่องราวเก่าๆยังคงวนเวียนอยู่ในหัว ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ลืมเค้าไม่ลง
"Dem Haters" (featuring Dwane Husbands)(6/10) หรือ Them Haters นั่นเอง หลายคนฟังแล้วอาจจะช็อค นี่คือเพลงอิห่านเมื่อก่อนหรอ? แต่ยังค่ะยังไม่ใช่แทร็คเคราะห์ร้ายที่ต้องโดนด่า มิดเทมโพพ๊อพแร๊กเก้อาร์แอนด์บีกึ่งบัลลาด เจออีตาผู้ชายมาแผดเสียงใส่ เป็ดน้อยอย่างเราถึงกับต้องถอย ส่วนเนื้อหาก็เกี่ยวกับพวกมือที่สามพยายามจะใส่ร้ายป้ายสีชีวิตรักของคุณและพยายามแยกคุณสองคนออกจากกัน ละมั้ง ถ้าเซ้นส์ชั้นไม่พลาดโน๊ะ กรั่กๆๆๆ

"Final Goodbye"(7/10) ใครสั่งใครสอนให้เอาแทร็คบัลลาดหม่นๆมาไว้แทร็คต้นๆแบบนี้ย์ค่ะ อิหน่อแตดดด กรี๊ดดด ดดดด ดด!!!! หลังจากที่โยกเบาๆได้สิบกว่านาทีชั้นก็ต้องเจอความหม่นเศร้าสุดพลังด้วยสำเนียงหดหู่เหมือนคนไกล้ตาย อุ๊ยส์ บางทีชั้นอาจจะเปรียบเทียบรุนแรงเกินไป มิดเทมโพพ๊อพอาร์แอนด์บีบัลลาด คลอไปกับกีต้าร์โปร่ง ผู้หญิงคนนึงที่อยากจะใช้ชีวิตที่เหลือกับผู้ชายคนหนึ่ง แต่เธอต้องการจะเปิดเผยความลับก่อนที่หล่อนจะตาย บางทีเนื้อเพลงมันอาจจะเศร้าได้น่ากลัวไปสำหรับอัลบั้มอาร์แอนด์บีแร๊กเก้สดใสแบบนี้โน๊ะ?
"Break It Off" (featuring Sean Paul)(7/10) เอาเถอะค่ะด้วยความที่เพลงนี้ทำึความดีความชอบสร้างอะไรๆให้อิห่านเป็นที่พูดถึงบ้างคือขึ้นที่ 9 hot 100 โดยที่ยังไม่มีเอ็มวี แต่ก็นะค่ะยุคนั้นมันยุคฮิพฮอพนิ และก็ขอบคุณซิงเกิ้ลนี้เหลือเกินที่ทำให้อัลบั้มนี้ดูมีสีสันขึ้นมาบ้าง อัพเทมโพฮิพฮอพแร๊กเก้ ตบแดนซ์ฮอล์ไปฉาดใหญ่ ลูกเล่นอิเล็กโทรบีทส์ พอทนพอโยกโน๊ะ แว่วๆมาด้วยว่าอิห่านเป็นคนแต่งเอง
"Crazy Little Thing Called Love" (featuring J-Status(6/10) เพลงแบบนี้แหล่ะค่ะ ที่ดิชั้นคิดว่ามันเข้ากับริฮานน่า แต่ไม่ใช่กับอีเจสเตตัสหยีแตดอะไรนั่น แต่เป็นเมื่อก่อนเท่านั้น มิดเทมโพพ๊อพอาร์แอนด์บี แร๊กเก้ตามประสา ปล่อยไก่ตัวเบ้อเริ่มด้วยท่อนแรพอนาถๆ ตกหลุมรักอย่างจังกับเนื้อหา SOS ภาคสอง กับสิ่งเล็กๆที่เรียกว่ารักโน๊ะ กรี๊ดดดดดด
"Selfish Girl"(5/10) เกิดเพ้อเจ้ออะไรอีกค่ะ แต่ก็เป็นแทร็คที่เข้าใจทำทำให้ดิชั้นเห็นภาพเป็นชะนีขายปลากำลังเพ้อผู้ชาย ไม่อยากแบ่งผู้ชายให้ใคร มิดเทมโพพ๊อพอาร์แอนด์บีแร๊กเก้ชนิดเดียวกับแทร็คเมื่อี้รุย กับเครื่องเป่าอารมณ์ลอยๆเพ้อผู้ชายริมชายหาดโน๊ะ
"P.S. (I'm Still Not Over You)"(8.5/10) กรี๊ดดดดดดด มิดเทมโพอคูสติกพ๊อพอาร์แอนด์บีบัลลาด เป็นแทร็คที่ชอบบบที่สุดในอัลบั้ม ฟังง่ายๆเนื้อหาน่ารักๆ เทอรู้มั้ยว่าชั้นพยายามมากเลยกับการจะลบเทอออกไปจากใจ แต่ละวันผ่านไปมันไม่ดีขึ้นเลย Rihanna ก็ยกเอาการเขียนจดหมายมาใส่ในเพลง(ที่ไม่ได้แต่งเอง 555) ประมาณว่าชั้นอยากเขียนจดหมายถึงเทอจัง อยากถามนู่นถามนี้ แต่ชั้นไม่ได้จะมาเรียกร้องความสนใจนะ ปล. ชั้นยังลืมเธอไม่ได้เลย แอร๊ยยยยยยยย

"A Girl like Me"(7/10) เป็นไตเติ้ลแทร็คที่ไม่ชอบมากที่สุดเลย (มี 3 อัลบั้มโน๊ะ กรั่กๆๆๆ) ด้วยความที่ความเป็นพ๊อพน้อย ติดหูยาก มิดเทมโพอาร์แอนด์บี จิกแร๊กเก้ที่ยังคงคอนเส็ปต์อัลบั้มอยู่โน๊ะ เพลงนี้ริฮานน่ามีส่วนร่วมแต่งด้วยนะ โดยรวมแล้วพูดถึงเกี่ยวกับว่า ผู้หญิงอายุเท่าห่่าน(18) จะทำอะไรบ้างน้า ผู้คนเริ่มคดโกง เริ่มรักและเลิกรัก บ้างก็เกลียดเทอ บางคนก็ชอบ กล่าวถึงชีวิตวัยรุ่นทั่วๆไปอะแหล่ะโน๊ะ?
"A Million Miles Away"(7.5/10) เืลือกแทร็คปิดอัลบั้มได้สวยงาม มิดเทมโพเพียโนบัลลาด ตบด้วยอคูสติกกีต้าร์หม่นเศร้า ดีไซน์การร้องรวมไปถึงภาคดนตรีไม่น่าเบื่อเหมือนเคย การเดินเพลงไปด้วยเพียโนช่วยอะไรเสียงเป็ดๆแหลมๆได้เยอะ กรี๊ดดดดดดด
"If It's Lovin' That You Want (Part 2)" (featuring Cory Gunz) (Bonus track)(7/10) กรี๊ดดดดดดดด อิดอก  เวอร์ชั่นแรกปกติมันแป๊กมั้ยค่ะ? แป๊ก! แล้วหร่อนจะเสนอหน้ามาทำเวอร์ชั่นพาร์ทสองทำไม่หยีแตดอะไรเวินเว่อร์ค๊าาาาา อีดอกกกก มิดเทมโพฮิพฮอพอาร์แอนด์บี ตบด้วยเครื่องเป่าอาหรับสวยๆ สอดประสานกับแร๊กเก้แดนซ์ฮอลล์อีกชั้น ก็ทำออกมาได้เนิบนาบกว่าเวอร์แรกแต่ก็ไม่เลวร้ายมาก เสียงอีแร๊พผู้ชายดิบเถื่ออนาถได้ใจจริงๆ
"Who Ya Gonna Run To"(7.5/10) เป็นแทร็คที่ RihannaNavy ควรจะลืมและไม่ควรจะจดจำมากที่สุด.... อีเหี้ย อิมโพรไวซ์ได้อนาถเล่นเอาซะน้ำตากูเล็ดเลยค่ะ อิห่านน กรี๊ดดดดดดดด มิดเทมโพพ๊อพอาร์แอนด์บี พ่วงท้ายฮิพออพมาด้วย การผสมผสานอย่างลงตัวระหว่างกีต้าร์โปร่ง เพียโน และเครื่องสาย ดีไซน์การร้องก็สวย ฟังง่าย ถ้าไม่ติดการหอนคลออันโปกฮาของหร่อนมันจะน่าฟังกว่านี้
"Coulda Been the One"(6/10) กับหนึ่งแทร็คที่เป็นริฮานน่าแต่มันกลายเป็นริฮานน่าเวอร์ชั่นตลาดๆดาษๆ มิดเทมโพฮิพฮอพอาร์แอนด์บี ตบด้วยเรื่องเป่าแบบโอลด์สกูลเก่าๆ จิกเพอร์คััสชั่นมาอีกรอบ กับดีไซน์การร้องง่อยๆที่ชั้นว่ามันไม่ใช่อ่ะค่ะที่รักกกกกก
สรุป อัลบั้มนี้ถือว่าฟังยากกกมากก อารมณ์แทร็คไม่ต่อเนื่องกัน แต่จัดแทร็คไม่เลวร้ายเท่าไหร่ เป็นชั้นก็จะจัดแบบนี้ แนะนำให้จับออกมาฟังทีละแทร็คดีกว่า ขนาดที่ว่าชั้นเป็นแฟนคลับที่เทิดทูนนางมากๆชั้นยังเกือบสลบเมื่ิอฟังจบรอบที่ 7 เรยโน๊ะ ตัวอาร์แอนด์บีฮิพฮอพระดับกันมาร่วมกับสำเนียงเหน่อๆของนางทำชั้นเกือบลมจับเหมือนกันโน๊ะ ส่วนแรงบันดาลใจของอัลบั้มนี้ด้วยความที่ริฮานน่าได้มีโอกาสไปแสดงเปิดทัวร์ให้ Gwen Stefani อานิสงค์ของความพ๊อพร็อคเลยเกลื่อนนนอัลบั้มนี้ผสานกับแรงบันดาลใจไอดอลของอิห่านคือ Fall Out Boy กรี๊สสสสสสส อิหน่อแตดกระแดะฟังเพลงร็อค



#All Reviews