ความจริงของปรากฏการณ์ผีอำ (ตอนที่ 2)
ตอนนี้จะมีตัวหนังสือพรืดๆเยอะไปหน่อย ทรมานเด็กสมัยใหม่ที่อ่านอะไรยาวๆไม่ค่อยได้ แต่อยากให้ลองอ่านดูค่ะ จะได้เลิกกลัวอย่างไม่มีสาเหตุ
ส่วนมากจะเป็นจขกท.เล่าเรื่อง เพราะอยากให้เห็นภาพคร่าวๆว่ามันเป็นประมาณไหน
http://www.siamzone.com/board/view.php?sid=2986054
ขออนุญาตเท้าความนิดนึงว่าเราเองก็เป็นคนที่ประสบปัญหานี้มาตั้งแต่เด็กๆ
ปัจจุบันเรียนมหาวิทยาลัยแล้วก็ยังเจออยู่
เราไม่รู้ว่ามันผี หรือ วิทยาศาสตร์
แต่เอะอะอะไรเราก็ไม่อยากจะฟันธงว่าผีๆๆๆๆๆๆ และใช้ชีวิตอยู่ด้วยความกลัวแบบนั้นไปตลอด โดยไม่รู้ว่ามันจริงหรือไม่
จนวันหนึ่งเราได้อ่านหนังสือของพี่หมอเอ้ว
(ขออนุญาตเอ่ยชื่อนะ เพราะพี่หมอมาช่วยอธิบายให้เราเลยสบายใจขึ้นเยอะ )
พี่หมอเอ้วคือคนที่เขียนหนังสือเรื่องเล่าจากร่างกาย และ เหตุผลของร่างกาย (เราแนะนำว่าใครยังไม่เคยอ่าน และอยากหาหนังสืออ่านนอกเวลาให้ลองไปหามานะคะ อ่านสนุกมาก และได้ความรู้อีกเยอะเลย ให้เริ่มจากเรื่องเล่าของร่างกายก่อนเพราะเป็นเล่มแรกค่ะ)
วันนึงในเฟซบุ๊คพี่หมอเขามาเขียนบทความว่า"ทำไมฝันว่านอนตกจากที่สูงแล้วจึงตื่น"
หลังจากอ่านบทความจบเราเห็นว่าเกี่ยวกับเรื่องหลับๆฝันๆ เราเลยลองถามพี่หมอดู..
ดังภาพด้านล่าง
หลังจากนั้นไม่นานพี่หมอก็มาตอบว่าดังนี้ค่ะ...
ซึ่งเราว่าคำตอบของพี่หมอนั้นค่อนข้างจะชัดเจนเลยทีเดียวในแง่ของวิทยาศาสตร์
(สรุปให้ง่ายกว่านี้คือ สมองเราหลับและโปรเจ็คภาพฝันไปเเล้ว แต่ตัวเรามันหลับไม่ทันสมองค่ะ)
ด้วยความสงสัยเราจึงไปเสิร์ชปู่เกิ้ลอ่านเรื่องภาวะ Hypnagogic
(หรือ Hypnagogia ชื่อเดียวกัน) จึงได้คำนิยามมาว่า
"เป็นช่วงเวลาระหว่างการตื่นไปจนถึงการนอนหลับ"
(คือเหมือนเราไปนอนหลับตา แล้วซักพักเราจะค่อยๆง่วงจนหลับไปในที่สุดน่ะค่ะ ช่วงภาวะที่ร่างกายเริ่มจะ shut down เราเรียกมันว่า Hypnagogia)
ใครสนใจเรื่องรายละเอียด จิ้มอ่านได้เลยค่ะ จขกท.จะเอามาเล่าหมดก็จริง แต่คงไม่ร่ายยาวเหมือนใน wiki แน่ๆ จะสรุปให้ฟังสั้นๆค่ะ
http://en.wikipedia.org/wiki/Hypnagogia
ซึ่งเหตุการณ์ที่สามารถเกิดขึ้นในช่วงนี้มีทั้ง Lucid Dreaming, Hallucinations (การเห็นภาพหลอน), Out-Of-Body Experiance (ภาวะการถอดร่าง) และ Sleep Paralysis ซึ่งอย่างหลังนี่แหละคือภาวะที่คนไทยเราเรียกกันติดปากว่า "ภาวะผีอำ" และเป็นเรื่องที่จขกท.จะยกมาพูดในวันนี้...
ก่อนอื่นต้องบอกไว้ก่อนว่า ภาวะต่างๆที่กล่าวมานั้นล้วนแต่เป็นผลมาจากการทำงานของสมองและประสาทสัมผัสที่ใช้ในการรับรู้ทั้งสิ้นนะคะ ไม่ได้หมายความภาวะถอดร่างคือเราถอดร่างไปจริงๆ
มาพูดถึง Sleep Paralysis กัน
Sleep Paralysis (ต่อไปนี้จะเรียกว่า SP) เป็น 1 ในภาวะย่อยของสิ่งที่สามารถประสบได้ระหว่างอยู่ในช่วง Hypnagogic (นอกเหนือจากนี้แล้วยังมีภาวะ Sights, Hearing และ Tetris Effect ฯลฯ)
ผู้ที่ประสบภาวะ SP นั้นจะได้ยินเสียงตั้งแต่เสียงเบาๆ (เช่นเสียงกระซิบ, เสียงบางอย่างสั่น /เสียงดังๆ เช่น เสียงระเบิด แตรรถ จราจร ความวุ่นวาย ไปจนถึง คำพูดต่างๆ เสียงหัวเราะ เสียงร้องไห้)
ในบางรายพบว่านอกจากได้ยินเสียงแล้ว ยังมีการเห็นเป็นภาพอีกด้วย นอกจากนี้แล้วยังมีรายงานมาว่าผู้ที่ประสบภาวะ SP ยังรู้สึกเหมือน "หายใจไม่ออก อึดอัด/ โดนไฟช็อตเบาๆ/ ตัวสั่น" ร่วมกับความรู้สึก "กลัวบางอย่าง ถูกคุกคาม, มีความสุขมาก จนไปถึง ความรู้สึกว่าถึงจุดสุดยอดแล้วก็มี " (ทั้งนี้แล้วแต่คนนะคะ)
มีใครเป็นบ้างเนี่ย?
จากผลการวิจัยพบว่าประชากรโลกกว่า 60% ต้องเคยประสบภาวะนี้อย่างน้อย 1 ครั้งในชีวิต โดยจะเกิดขึ้นบ่อยมากกับผู้ป่วยด้วยโรค Narcoleptics (หลับเร็ว หลับง่ายผิดปกติ จขกท.ก็เคยมีเพื่อนคนนึงที่เป็น คือบางทีกินข้าวอยู่ดีๆแล้วหลับไปเลย เล่นวิ่งไล่จับกับจขกท.แล้วหลับไปเลยไรงี้)
แล้วสาเหตุของการเกิด SP ล่ะ
สาเหตุของการเกิด SP สมองเข้าสู่ภาวะ REM (Rapid eye movement sleep) เร็วจนเกินไป (อันนี้อธิบายว่าทำไมบางคนถึงเจอตอนกำลังจะเข้านอน) หรือ สมองออกจากภาวะ REM ไม่พร้อมกับร่างกาย (ตัวตื่นก่อน แต่สมองยัง REM อยู่ อันนี้จะอธิบายสาเหตุว่าทำไมบางคนนอนตื่นมาแล้วถึงเจอ)
ภาวะ REM นี้เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นกับทุกคนขณะนอนหลับ เป็นช่วงที่เราหลับฝันแบบกลอกตา นี่จะเป็นช่วงที่ความฝันชัดเจน และ "เพี้ยน" ที่สุด (ฝันว่าหนีผีบ้างล่ะ เหาะได้บ้างล่ะ ไปเที่ยวกับดาราหรือคนที่แอบชอบบ้างล่ะ แล้วภาพต่างๆในฝันก็จะแปลกๆ เช่นหนีไดโนเสาร์โดยการขี่คิตตี้ไรงี้ )
โดยใน 1 คืน มนุษย์ทั่วๆไปจะเกิดภาวะ REM ประมาณ 3-4 ครั้ง (20-25%) และรวมๆแล้วกินเวลาตั้งแต่ 90-120 นาทีของช่วงเวลาการนอนทั้งหมด
แล้วทำไมตัวขยับไม่ได้ ?
ในช่วงภาวะ REM นี้ร่างกายจะหลั่งสารชนิดหนึ่ง (ขออภัย ขี้เกียจเสิร์ชหาชื่อแล้วค่ะ เคยอ่านเจอใน wiki นี่แหละ) ซึ่งจะทำให้ร่างกายขยับไม่ได้ เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดอันตรายกับตัวเองและคนรอบข้าง
เพราะฝันช่วง REM บางทีถ้ามันเกี่ยวกับการต่อย เตะ วิ่ง แล้วร่างกายเรามันออกอาการตามในฝันจริงๆ อันตรายมากนะคะ คนที่นอนละเมอแล้วต่อยคนข้างๆ หรือตกเตียงเนี่ยมีผลมาจากสารชนิดนี้ไม่หลั่งออกมาหรือหลั่งออกมาน้อยเกิน
นี่ก็เป็นสาเหตุว่าทำไมช่วง SP เราจึงขยับตัวไม่ได้หรือขยับยากมาก เพราะร่างกายเรากำลังหลั่งสารชนิดนี้อยู่นั่นแหละค่ะ
ดังนั้นภาวะ Sleep Paralysis หากพูดในแง่วิทยาศาสตร์แล้วจึงเป็นเหมือนการประมวลผลของสมองที่ไม่ตรงกับร่างกาย ทำให้เกิดอาการ"เพี้ยน" ไปชั่วคราว
แพทย์และนักวิทยาศาสตร์จึงบอกว่านี่คืออาการที่สามารถใช้อธิบายถึงภาวะ "ผีอำ" ได้ดีที่สุด ส่วนฝรั่งจะเรียกว่าภาวะ Alien Abduction (โดนเอเลี่ยนลักพาตัว) หรือ Shadow People (เจอมนุษย์เงา) เห็นได้ว่าต่างวัฒนธรรมก็มีวิธีการเรียกที่แตกต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับว่าโดนสอนมาแบบไหน
บ้านเราค่อนข้างจะชอบปลูกฝังเรื่องไสยศาสตร์ และเรื่องผีๆ จึงไม่แปลกที่เราจะมีความคิดนี้อยู่ในสมองค่ะ...
ปิดท้ายด้วยคำถามของเราอีกคำถาม ที่พี่หมอเอ้วกรุณามาตอบ...
"แล้วทำไมเราถึงไม่เห็นเป็นน่ารัก หรือ สวยๆ แทนที่จะเป็นภาพน่ากลัว"
พี่หมอก็มาตอบว่า...
ก็คือสมองเราเลือกจะฉายภาพน่ากลัว เพราะมันเป็นภาพที่จำเป็นต่อการเอาตัวรอดของมนุษย์เอง (ถ้าให้อธิบายเรื่องนี้จะยาวไปจนถึงเรื่องการวิวัฒนาการค่ะ คร่าวๆคือ เมื่อก่อนเราไม่ได้อยู่ในป่าคอนกรีตที่เต็มไปด้วยความสะดวกสบายแบบนี้ คนป่าก็อาศัยกันในป่า อันตรายรอบด้าน การเอาตัวรอดและระวังอยู่เสมอจึงเป็นสิ่งสำคัญ มันทำให้สมองเราต้องมีความพร้อมในด้านเสมอ พอนานๆเข้า หลายๆอย่างของเราเปลี่ยน แต่บางอย่างก็ยังเป็นสมองคนป่าอยู่..เช่น ทำไมเราชอบคนหน้าตาดี ทั้งๆที่มันไม่ได้มีประโยชน์อะไร เรื่องนี้ก็เป็นอีกอันที่เรายังติดมาจากยุคก่อนค่ะ แต่จะให้จขกท.มาอธิบายเดี๋ยวจะไปไกล เพราะเรามาพูดถึงภาวะผีอำอยู่)
เอาเป็นว่าจบตอน 2 ไว้แค่นี้ค่ะ ส่วนตอน 3 จะมีหรือไม่นั้น
จขกท.ยังชั่งใจอยู่ ใจจริงอย่างจะเขียนบอกๆไปให้หมด เกี่ยวกับภาวะ Hypnagogic ที่เหลือที่ยังไม่ได้กล่าวไป รวมทั้งเรื่อง Lucid Dreaming ที่คนเอาไปปนกับ SP อยู่บ่อยๆ และอาการ Night Terror และที่สำคัญที่สุด ทำไมการสวดมนต์ หรือนั่งสมาธิก่อนนอนจึงช่วยทำให้ไม่เจอ]แต่เอาเป็นว่าดูกระแสตอบรับก่อนเน้อ
อ่านต่อ คุณอาจจะสนใจเนื้อหาเหล่านี้ (ความคิดเห็นกระทู้ อยู่ด้านล่าง)
ความคิดเห็น
@ คห.2 เราเข้าใจความรู้สึกเธอค่ะ หลังจากที่เราอ่านคำตอบของพี่หมอแล้วไปเสิร์ชอ่านเองดู ก็ยิ่งมั่นใจว่าอาการเราสามารถอธิบายได้ในแง่วิทยาศาสตร์ แต่เราก็ยังกลัวอยู่ดี เพราะภาพที่เห็นมันน่ากลัวมากๆ
อาจารย์นึงในคณะเราก็เป็น วันก่อนเราก็คุยกับเขา เขาบอกว่า เมื่อก่อนเขาหลับอยู่ เคลิ้มๆแล้วลืมตามาเห็นผู้หญิงคนหนึ่งนั่งหวีผมอยู่หน้ากระจก (หน้าตาประมาณผีจูออนผมยาวๆ) เขาก็รู้แล้วว่าตัวเองเจอภาวะนี้อีกแล้ว ซักพักได้ยินเหมือนเสียงไขกุญแจห้อง เขาเลยคิดว่าแฟนเขาคงกลับมาแล้ว เลยปล่อยๆไป ไม่ได้พยายามสลัดตัวให้ตื่น แต่ปรากฏว่าเสียงไขกุญแจมันดังอยู่นั่นแหละ แต่ไม่ไขเข้ามาซักที จนเขาสงสัยว่ามีคนไขกุญแจอยู่จริงหรือเปล่า ซักพักผู้หญิงที่นั่งหวีผมอยู่ก็หันมาทางเขา แล้วก็เดินมานั่งหวีผมบนเตียงข้างๆอาจารย์เราเลย ..
แต่ทั้งหมดนี้อาจารย์เราเขาก็รู้ว่าไม่จริงนะคะ
ต่อจ่ะๆๆๆ
คือเป็นคนที่ฝันบ่อยมาก และฝันได้ทุกวันเลย
ฝันอะไรแปลกๆบ่อย แฟนตาซีบ่อยมากๆ
แต่ที่อยากรู้คือ ทำไมถึงฝันได้ทุกวัน นับวันที่ไม่ฝันได้เลยอ่ะ
@ คห.4 ใช่ เราก็เป็นตอนเหนื่อยมากๆ มันจะหลับเร็วไง
@ คห.5 เอาเป็นว่ามีหนึ่งเสียงตอบรับแล้วเน้อ 555 ส่วนเรื่องฝัน อันนั้นเพื่อนเราก็ถามพี่หมอมาเหมือนกันนะคะ ว่ามีคนนอนโดยไม่ฝันไหม? ถ้าตามที่พี่หมอบอกซึ่งอิงกับทางวิทยาศาสตร์คือคนเรานอนแล้วต้องฝันทุกคน เป็นธรรมชาติของมนุษย์ค่ะ จะมีแค่เราจำฝันได้หรือไม่ได้ (จำไม่ได้ในกรณีนี้หมายถึงจำไม่ได้ว่าฝัน) ซึ่งจะเป็นช่วงที่เป็น nonREM คือฝันแบบไม่กลอกตา ฝันช่วงนี้จะราบเรียบ ธรรมด๊าธรรมดา และเป็นความฝันที่คนเราจำไม่ได้ค่ะ พูดง่ายคือภาวะหลับลึกนั่นเอง...
ส่วนฝันว่าอะไร ทำไมถึงฝันเรื่องนั้นเป็นพิเศษ เรื่องนี้จิตวิทยาและวิทยาศาสตร์ก็ให้คำตอบแน่นอนไม่ได้เหมือนกัน แต่ก็มีการวิเคราะห์คร่าวๆว่ามันเป็นเรื่องของจิตใต้สำนึกค่ะ
จริงๆพูดเรื่องนี้เราก็อยากให้เผื่อใจว่า วิทยาศาสตร์ก็ไม่ได้สามารถให้คำตอบได้ทุกอย่าง และทุกอย่างที่วิทยาศาสตร์บอกมาก้ใช่ว่าจะจริง 100% ตราบใดที่เรายังไม่เจอ แม้มันจะน่าเหลือเชื่อแค่ไหน เราก็ไม่ควรไปปักใจเชื่อว่ามันจริงหรือไม่จริงค่ะ เพราะฉะนั้นแพทย์ยังไม่สามารถหาคนที่ไม่ฝันเจอ ก็แสดงว่าคนที่สามารถนอนโดยไม่ฝันได้นั้น อาจมีอยู่จริง หรือไม่มีก็ได้ค่ะ
ที่จขกท.มานั่งร่ายยาวๆนี่ก็เป็นแค่อีกทางเลือกหนึ่งที่อยากเอามาให้ลองอ่านกัน ว่ามันก็มีคำอธิบายที่เป็นวิทยาศาสตร์เหมือนกัน ส่วนใครเลือกที่จะเชื่อหรือไม่เชื่อนั้น จขกท.ไม่ว่าค่ะ เคารพความเชื่อของทุกคนเน้อ
เป็นสมาชิกอยู่แล้ว ลงชื่อเข้าใช้ระบบ
ยังไม่ได้เป็นสมาชิก สมัครสมาชิกใหม่
หรือจะลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google หรือ Facebook ก็ได้
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Facebook
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google