แนะนำเทคนิคสำหรับอ่านหนังสือในวิชาคำนวณ
27 พ.ค. 55 16:10 น. /
ดู 5,692 ครั้ง /
20 ความเห็น /
21 ชอบจัง
/
แชร์
สวัสดีครับ
ผมเคยเขียนลงในกระทู้ของผมเองและเคยคอมเม็นต์ในหลายๆกระทู้แล้วครับ แต่จะเป็นเพียงหลักการแบบคร่าวๆเท่านั้น กระทู้นี้ผมจึงเขียนเพื่อขยายความและลงรายละเอียดให้มากขึ้น
วิชาคำนวณ
โดยหลักการของวิชาคำนวณทั่วๆไปนั้นจะมีภาคเนื้อหาไม่มากนัก เนื้อหาส่วนใหญ่จะเป็นการพิสูจน์สูตรและนิยามรวมทั้งอธิบายทฤษฎีต่างๆไว้เพื่อให้ผู้อ่านได้ทำความเข้าใจ หลังจากนั้นจึงจะเป็นโจทย์ให้เราได้ลองทำ
หลักการของผมคือการทำความเข้าใจในทฤษฎีและนิยามต่างๆให้กระจ่างแจ้งครับ ซึ่งหนังสือแต่ละเล่มก็มีการอธิบายที่แตกต่างกัน โดยเรื่องนี้เราต้องลองอ่านและทำความเข้าใจเองครับ ซึ่งบางครั้งผมเองไม่สามารถที่จะอ่านให้เข้าใจได้ จึงต้องไปถามเพื่อนหรืออาจารย์ให้ช่วยอธิบาย จากนั้นเมื่อเข้าใจถึงหลักการต่างๆแล้ว ผมจะเริ่มลงมือทำโจทย์ โดยเริ่มจากโจทย์และแบบฝึกหัดที่มันง่ายๆก่อนแล้วค่อยๆเพิ่มความยากของโจทย์ให้มากขึ้นไปเรื่อยๆ
สำหรับเนื้อหาและหลักการที่สำคัญนั้น ผมจะอ่านให้เรียบร้อยก่อนสักรอบหนึ่ง ในขณะที่อ่าน หากพบว่าเป็นเนื้อหาหรือข้อความที่สำคัญผมจะทำการขีดเส้นใต้ด้วยปากกาสีแดงเอาไว้ ในการนี้ หลายๆคนอาจจะใช้ปากกาไฮไลท์ทำสีไว้ก็ได้ จากนั้นจึงเขียนสรุปเนื้อหาที่สำคัญลงในสมุดจดของผมด้วยภาษาที่ผมเข้าใจ ว่างเมื่อใดก็เอามาเปิดอ่านเล่นๆเพื่อเป็นการทบทวนและเตือนความจำ
สำหรับสูตรการคำนวณต่างๆนั้น ผมจะเขียนลงในกระดาษ Post-it แล้วแปะไว้ตามสถานที่ที่เราเดินผ่านบ่อยๆ เช่น ฝาผนังห้อง , หัวเตียง , โคมไฟ และประตูห้องหรือประตูตู้เสื้อผ้า เวลาผมจะเดินผ่าน ผมจะอ่านสูตรที่เขียนแปะไว้ก่อนสักรอบสองรอบเพื่อเป็นการเตือนความจำ การทำฝึกโจทย์ให้มากๆนั้นก็มีส่วนช่วยในการทำให้เราจำสูตรได้มากขึ้น เพราะถ้าเราทำโจทย์มากขึ้น เราก็จะยิ่งต้องใช้สูตรมากขึ้นตามไปด้วยเช่นกัน ดังนั้นจึงทำให้เราได้เห็นสูตรและจำสูตรได้ดีขึ้นด้วย นอกจากนั้นแล้ว ผมยังจดสูตรการคำนวณต่างๆเอาไว้ในสมุดสรุปสูตรของผมเองด้วย เวลาผมเดินทางไปไหนก็สามารถพกติดตัวและนำมาเปิดอ่านได้เสมอ ดังนั้นสูตรต่างๆจะผ่านสายตาผมบ่อยมากและช่วยให้ผมจำสูตรได้ดีด้วย
ช่วงเวลาที่ใช้อ่านหนังสือ
ผมไม่ค่อยเน้นเรื่องช่วงเวลาสักเท่าไหร่ เพราะผมเป็นคนที่อ่านหนังสือได้แทบทุกสถานที่และแทบทุกช่วงเวลา แม้กระทั่งบนรถเมล์ผมก็ยืนอ่านได้ แต่การที่จะทำเช่นนี้ได้นั้นต้องอาศัยสมาธิและความอดทนมากพอสมควร ต้องคอยฝึกฝนกับสถานที่ต่างๆอยู่เสมอแต่ถ้าจะให้ดีควรเลือกสถานที่ที่เงียบสงบและมีอากาศถ่ายเทได้สะดวก แสงพอเหมาะ และที่สำคัญคือต้องมีสมาธิจดจ่อกับการอ่านหนังสืออย่างเต็มที่ครับ
วิชาคณิตศาสตร์เป็นวิชาคำนวณที่ไม่พลิกแพลงมากนักถ้าเทียบกับวิชาคำนวณอื่นๆ เพราะส่วนมากแล้วคณิตศาสตร์จะเน้นไปที่เรื่องของนิยาม แต่คณิตศาสตร์เป็นวิชาที่ลึกล้ำมาก เป็นพื้นฐานของวิชาคำนวณทุกวิชา ดังนั้นการจะทำความเข้าใจนิยามต่างๆต้องอาศัยการอธิบายจากอาจารย์หรือผู้ที่มีความรู้ทางด้านนี้ การที่จะอ่านหนังสืออย่างเดียวแล้วเข้าใจนั้นเป็นเรื่องที่แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยครับ หากมีพื้นฐานคณิตศาสตร์ที่ดีแล้ว การจะอ่านหนังสือวิชาคำนวณอื่นๆนั้นจะเข้าใจได้ง่ายมากยิ่งขึ้น
หนังสือคณิตศาสตร์ที่แนะนำ
-อ.สมัย เหล่าวานิชย์
-อ.สุชิน ทำมาหากิน
- Textbook ของ Hall
วิชาฟิสิกส์ สำหรับผมแล้ว ฟิสิกส์เป็นคู่อริกับผมมาโดยตลอด เพราะมันมีการประยุกต์ใช้เยอะมากแถมโจทย์ก็ชอบพลิกแพลงไปตามสถานการณ์ต่างๆมากมาย เนื้อหาวิชาฟิสิกส์นั้นจะเป็นสิ่งที่อยู่รอบตัวเราและมักจะเป็นทฤษฎีที่ง่ายๆ เข้าใจได้ไม่ยาก แต่ที่ยากคือโจทย์ เพราะวิชานี้ค่อนข้างมีเงื่อนไขเยอะ อย่างไรก็ตาม การฝึกทำโจทย์เยอะๆนั้นจะทำให้เราได้เจอกับวิธีการแก้โจทย์ได้มากยิ่งขึ้นครับ
หนังสือฟิสิกส์ที่แนะนำ
-อ.ช่วง และ อ.เผ่า ณ แอพพลายด์
-อ.อติชาต บ้วนกียาพันธุ์
-Textbook ของ Young & Freedman
-Textbook ของ Pearson
-Textbook ของ Survey
-Textbook ของ Irodov
วิชาเคมี ไม่ค่อยประยุกต์มากเท่าวิชาฟิสิกส์ แต่เนื้อหาวิชานี้จะอยู่ในระดับเล็กมากจนกระทั่งเราไม่ค่อยได้ใส่ใจกับมัน (ระดับโมเลกุล) ดังนั้น การที่จะเริ่มต้นอ่านวิชานี้อาจจะยากเพราะเราอาจจะไม่เคยชินกับสิ่งเหล่านี้ ดังนั้นอาจจะต้องอาศัยการอธิบายจากอาจารย์เพื่อทำให้เราเข้าใจในเนื้อหามากยิ่งขึ้น สำหรับในภาคคำนวณของวิชาเคมีนั้นจะมีเนื้อหาไม่เยอะมากนัก และสามารถทำความเข้าใจได้ง่ายตามกฎและทฤษฎีบทต่างๆอยู่แล้ว เงื่อนไขไม่จุกจิกมากนัก ดังนั้นหากฝึกทำโจทย์ให้เยอะๆแล้ว วิชานี้จะไม่ยากอีกต่อไป
หนังสือเคมีที่แนะนำ
- อ.สุทัศน์ ไตรสถิตวร
- อ.ชัยวัฒน์ เจนวาณิชย์
- คณาจารย์มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
- Textbook ของ Raymond Chang
สิ่งสำคัญในวิชาคำนวณคือการทำโจทย์ให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ ขอเน้นเลยนะครับว่า"ต้องทำโจทย์ให้เยอะที่สุด" อย่าเพิ่งคิดว่าการที่คุณทำการบ้านได้ด้วยตนเองจะเพียงพอทำให้คุณทำข้อสอบได้นั้น ไม่มีทางแน่นอนครับ ยิ่งถ้าเกิดคุณไปเจอสนามสอบระดับประเทศเช่นสอบเข้าเตรียมอุดม , มหิดลวิทยานุสรณ์,เอนทรานซ์,แอดมิชชั่นหรือสอบตรงต่างๆแล้วนั้น การบ้านที่คุณทำจะเป็นเพียงเศษเสี้ยวเล็กๆของข้อสอบเหล่านั้นครับ ดังนั้นแล้ว คุณต้องขวนขวายทำโจทย์จากหนังสืออื่นๆให้มากที่สุด
ยิ่งคุณซ้อมทำโจทย์ได้เยอะมากเท่าไหร่ คุณก็ยิ่งทำข้อสอบได้เยอะมากเท่านั้นครับ
ด้วยเทคนิคการอ่านหนังสือทั้งหมดที่กล่าวมานั้น ทำให้ผมสามารถทำข้อสอบวิชาคำนวณทั้งในระดับโรงเรียนและสอบแข่งขันนอกโรงเรียนได้ผลเป็นที่น่าพอใจ
แม้กระทั่งตอนที่ผมสอบเอนทรานซ์ คะแนนที่ออกมาทำให้ผมรู้สึกดีใจกับผลที่ได้รับและรู้สึกว่าคุ้มค่ามากกับความทุ่มเทและความพยายามทั้งหมดที่ผ่านมา
หวังว่ากระทู้นี้จะพอมีส่วนดีอยู่บ้าง
ด้วยความปรารถนาดี
spit_it_out
ปล.สำหรับวิชาท่องจำ+เนื้อหาเยอะๆ ผมจะขอยกไปเขียนในสัปดาห์ต่อไปครับ
คลังกระทู้ของผม
Review ร้านหนังสือสำหรับซื้อหนังสือและตำราเรียน<<<
How to ทำอย่างไร ให้ได้ CU Tep เกิน 100<<<
10 อันดับโรงเรียนที่มีผู้หญิงหน้าตาดีที่สุด(ขวัญใจหนุ่มๆ)<<<
How to ทำอย่างไรจึงจะพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษทั้ง 4 ทักษะ(ฟัง พูด อ่าน เขียน)<<<
How to...เรียนม.ปลายอย่างไร ให้ได้ 4.00<<<
แนะนำหนังสือสำหรับใช้อ่านในระดับม.ปลาย สายวิทย์-คณิตฯ<<<
แนะนำสำหรับคนที่อยากเข้ามหิดลวิทยานุสรณ์<<<
ผมเคยเขียนลงในกระทู้ของผมเองและเคยคอมเม็นต์ในหลายๆกระทู้แล้วครับ แต่จะเป็นเพียงหลักการแบบคร่าวๆเท่านั้น กระทู้นี้ผมจึงเขียนเพื่อขยายความและลงรายละเอียดให้มากขึ้น
โดยหลักการของวิชาคำนวณทั่วๆไปนั้นจะมีภาคเนื้อหาไม่มากนัก เนื้อหาส่วนใหญ่จะเป็นการพิสูจน์สูตรและนิยามรวมทั้งอธิบายทฤษฎีต่างๆไว้เพื่อให้ผู้อ่านได้ทำความเข้าใจ หลังจากนั้นจึงจะเป็นโจทย์ให้เราได้ลองทำ
หลักการของผมคือการทำความเข้าใจในทฤษฎีและนิยามต่างๆให้กระจ่างแจ้งครับ ซึ่งหนังสือแต่ละเล่มก็มีการอธิบายที่แตกต่างกัน โดยเรื่องนี้เราต้องลองอ่านและทำความเข้าใจเองครับ ซึ่งบางครั้งผมเองไม่สามารถที่จะอ่านให้เข้าใจได้ จึงต้องไปถามเพื่อนหรืออาจารย์ให้ช่วยอธิบาย จากนั้นเมื่อเข้าใจถึงหลักการต่างๆแล้ว ผมจะเริ่มลงมือทำโจทย์ โดยเริ่มจากโจทย์และแบบฝึกหัดที่มันง่ายๆก่อนแล้วค่อยๆเพิ่มความยากของโจทย์ให้มากขึ้นไปเรื่อยๆ
สำหรับเนื้อหาและหลักการที่สำคัญนั้น ผมจะอ่านให้เรียบร้อยก่อนสักรอบหนึ่ง ในขณะที่อ่าน หากพบว่าเป็นเนื้อหาหรือข้อความที่สำคัญผมจะทำการขีดเส้นใต้ด้วยปากกาสีแดงเอาไว้ ในการนี้ หลายๆคนอาจจะใช้ปากกาไฮไลท์ทำสีไว้ก็ได้ จากนั้นจึงเขียนสรุปเนื้อหาที่สำคัญลงในสมุดจดของผมด้วยภาษาที่ผมเข้าใจ ว่างเมื่อใดก็เอามาเปิดอ่านเล่นๆเพื่อเป็นการทบทวนและเตือนความจำ
สำหรับสูตรการคำนวณต่างๆนั้น ผมจะเขียนลงในกระดาษ Post-it แล้วแปะไว้ตามสถานที่ที่เราเดินผ่านบ่อยๆ เช่น ฝาผนังห้อง , หัวเตียง , โคมไฟ และประตูห้องหรือประตูตู้เสื้อผ้า เวลาผมจะเดินผ่าน ผมจะอ่านสูตรที่เขียนแปะไว้ก่อนสักรอบสองรอบเพื่อเป็นการเตือนความจำ การทำฝึกโจทย์ให้มากๆนั้นก็มีส่วนช่วยในการทำให้เราจำสูตรได้มากขึ้น เพราะถ้าเราทำโจทย์มากขึ้น เราก็จะยิ่งต้องใช้สูตรมากขึ้นตามไปด้วยเช่นกัน ดังนั้นจึงทำให้เราได้เห็นสูตรและจำสูตรได้ดีขึ้นด้วย นอกจากนั้นแล้ว ผมยังจดสูตรการคำนวณต่างๆเอาไว้ในสมุดสรุปสูตรของผมเองด้วย เวลาผมเดินทางไปไหนก็สามารถพกติดตัวและนำมาเปิดอ่านได้เสมอ ดังนั้นสูตรต่างๆจะผ่านสายตาผมบ่อยมากและช่วยให้ผมจำสูตรได้ดีด้วย
ช่วงเวลาที่ใช้อ่านหนังสือ
ผมไม่ค่อยเน้นเรื่องช่วงเวลาสักเท่าไหร่ เพราะผมเป็นคนที่อ่านหนังสือได้แทบทุกสถานที่และแทบทุกช่วงเวลา แม้กระทั่งบนรถเมล์ผมก็ยืนอ่านได้ แต่การที่จะทำเช่นนี้ได้นั้นต้องอาศัยสมาธิและความอดทนมากพอสมควร ต้องคอยฝึกฝนกับสถานที่ต่างๆอยู่เสมอแต่ถ้าจะให้ดีควรเลือกสถานที่ที่เงียบสงบและมีอากาศถ่ายเทได้สะดวก แสงพอเหมาะ และที่สำคัญคือต้องมีสมาธิจดจ่อกับการอ่านหนังสืออย่างเต็มที่ครับ
วิชาคณิตศาสตร์เป็นวิชาคำนวณที่ไม่พลิกแพลงมากนักถ้าเทียบกับวิชาคำนวณอื่นๆ เพราะส่วนมากแล้วคณิตศาสตร์จะเน้นไปที่เรื่องของนิยาม แต่คณิตศาสตร์เป็นวิชาที่ลึกล้ำมาก เป็นพื้นฐานของวิชาคำนวณทุกวิชา ดังนั้นการจะทำความเข้าใจนิยามต่างๆต้องอาศัยการอธิบายจากอาจารย์หรือผู้ที่มีความรู้ทางด้านนี้ การที่จะอ่านหนังสืออย่างเดียวแล้วเข้าใจนั้นเป็นเรื่องที่แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยครับ หากมีพื้นฐานคณิตศาสตร์ที่ดีแล้ว การจะอ่านหนังสือวิชาคำนวณอื่นๆนั้นจะเข้าใจได้ง่ายมากยิ่งขึ้น
หนังสือคณิตศาสตร์ที่แนะนำ
-อ.สมัย เหล่าวานิชย์
-อ.สุชิน ทำมาหากิน
- Textbook ของ Hall
วิชาฟิสิกส์ สำหรับผมแล้ว ฟิสิกส์เป็นคู่อริกับผมมาโดยตลอด เพราะมันมีการประยุกต์ใช้เยอะมากแถมโจทย์ก็ชอบพลิกแพลงไปตามสถานการณ์ต่างๆมากมาย เนื้อหาวิชาฟิสิกส์นั้นจะเป็นสิ่งที่อยู่รอบตัวเราและมักจะเป็นทฤษฎีที่ง่ายๆ เข้าใจได้ไม่ยาก แต่ที่ยากคือโจทย์ เพราะวิชานี้ค่อนข้างมีเงื่อนไขเยอะ อย่างไรก็ตาม การฝึกทำโจทย์เยอะๆนั้นจะทำให้เราได้เจอกับวิธีการแก้โจทย์ได้มากยิ่งขึ้นครับ
หนังสือฟิสิกส์ที่แนะนำ
-อ.ช่วง และ อ.เผ่า ณ แอพพลายด์
-อ.อติชาต บ้วนกียาพันธุ์
-Textbook ของ Young & Freedman
-Textbook ของ Pearson
-Textbook ของ Survey
-Textbook ของ Irodov
วิชาเคมี ไม่ค่อยประยุกต์มากเท่าวิชาฟิสิกส์ แต่เนื้อหาวิชานี้จะอยู่ในระดับเล็กมากจนกระทั่งเราไม่ค่อยได้ใส่ใจกับมัน (ระดับโมเลกุล) ดังนั้น การที่จะเริ่มต้นอ่านวิชานี้อาจจะยากเพราะเราอาจจะไม่เคยชินกับสิ่งเหล่านี้ ดังนั้นอาจจะต้องอาศัยการอธิบายจากอาจารย์เพื่อทำให้เราเข้าใจในเนื้อหามากยิ่งขึ้น สำหรับในภาคคำนวณของวิชาเคมีนั้นจะมีเนื้อหาไม่เยอะมากนัก และสามารถทำความเข้าใจได้ง่ายตามกฎและทฤษฎีบทต่างๆอยู่แล้ว เงื่อนไขไม่จุกจิกมากนัก ดังนั้นหากฝึกทำโจทย์ให้เยอะๆแล้ว วิชานี้จะไม่ยากอีกต่อไป
หนังสือเคมีที่แนะนำ
- อ.สุทัศน์ ไตรสถิตวร
- อ.ชัยวัฒน์ เจนวาณิชย์
- คณาจารย์มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
- Textbook ของ Raymond Chang
สิ่งสำคัญในวิชาคำนวณคือการทำโจทย์ให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ ขอเน้นเลยนะครับว่า"ต้องทำโจทย์ให้เยอะที่สุด" อย่าเพิ่งคิดว่าการที่คุณทำการบ้านได้ด้วยตนเองจะเพียงพอทำให้คุณทำข้อสอบได้นั้น ไม่มีทางแน่นอนครับ ยิ่งถ้าเกิดคุณไปเจอสนามสอบระดับประเทศเช่นสอบเข้าเตรียมอุดม , มหิดลวิทยานุสรณ์,เอนทรานซ์,แอดมิชชั่นหรือสอบตรงต่างๆแล้วนั้น การบ้านที่คุณทำจะเป็นเพียงเศษเสี้ยวเล็กๆของข้อสอบเหล่านั้นครับ ดังนั้นแล้ว คุณต้องขวนขวายทำโจทย์จากหนังสืออื่นๆให้มากที่สุด
ยิ่งคุณซ้อมทำโจทย์ได้เยอะมากเท่าไหร่ คุณก็ยิ่งทำข้อสอบได้เยอะมากเท่านั้นครับ
ด้วยเทคนิคการอ่านหนังสือทั้งหมดที่กล่าวมานั้น ทำให้ผมสามารถทำข้อสอบวิชาคำนวณทั้งในระดับโรงเรียนและสอบแข่งขันนอกโรงเรียนได้ผลเป็นที่น่าพอใจ
แม้กระทั่งตอนที่ผมสอบเอนทรานซ์ คะแนนที่ออกมาทำให้ผมรู้สึกดีใจกับผลที่ได้รับและรู้สึกว่าคุ้มค่ามากกับความทุ่มเทและความพยายามทั้งหมดที่ผ่านมา
หวังว่ากระทู้นี้จะพอมีส่วนดีอยู่บ้าง
ด้วยความปรารถนาดี
spit_it_out
ปล.สำหรับวิชาท่องจำ+เนื้อหาเยอะๆ ผมจะขอยกไปเขียนในสัปดาห์ต่อไปครับ
คลังกระทู้ของผม
Review ร้านหนังสือสำหรับซื้อหนังสือและตำราเรียน<<<
How to ทำอย่างไร ให้ได้ CU Tep เกิน 100<<<
10 อันดับโรงเรียนที่มีผู้หญิงหน้าตาดีที่สุด(ขวัญใจหนุ่มๆ)<<<
How to ทำอย่างไรจึงจะพัฒนาทักษะภาษาอังกฤษทั้ง 4 ทักษะ(ฟัง พูด อ่าน เขียน)<<<
How to...เรียนม.ปลายอย่างไร ให้ได้ 4.00<<<
แนะนำหนังสือสำหรับใช้อ่านในระดับม.ปลาย สายวิทย์-คณิตฯ<<<
แนะนำสำหรับคนที่อยากเข้ามหิดลวิทยานุสรณ์<<<
เลขไอพี : ไม่แสดง
อ่านต่อ คุณอาจจะสนใจเนื้อหาเหล่านี้ (ความคิดเห็นกระทู้ อยู่ด้านล่าง)
ความคิดเห็น
#2 |
ศรีทนได้ค่ะ (ไม่เป็นสมาชิก)
|
27 พ.ค. 55 16:25 น.
ใช่ ต้องทำโจทย์ ทำโจทย์และทำโจทย์ Y_____Y
ขอบคุณมากค่า 5555555
ไอพี: ไม่แสดง
ขอบคุณมากๆ ครับจขกท. ผมโง่คำนวณมาก ไม่ว่าจะคณิต วิทย์ ฟิสิกส์ เคมี อะไรก็ตามที่เป็นคำนวณน่ะ ไม่เคยเข้าใจมันเลย ขอบคุณมากจริงๆ ครับ
ไอพี: ไม่แสดง
จะต้องเป็นสมาชิกจึงจะแสดงความคิดเห็นได้
เป็นสมาชิกอยู่แล้ว ลงชื่อเข้าใช้ระบบ
ยังไม่ได้เป็นสมาชิก สมัครสมาชิกใหม่
หรือจะลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google หรือ Facebook ก็ได้
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Facebook
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google
เป็นสมาชิกอยู่แล้ว ลงชื่อเข้าใช้ระบบ
ยังไม่ได้เป็นสมาชิก สมัครสมาชิกใหม่
หรือจะลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google หรือ Facebook ก็ได้
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Facebook
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google