คุณกำลัง "ตาบอด"เพราะ "ความรัก"หรือเปล่า ? ...(Secret Magazine)

26 ก.ย. 55 22:11 น. / ดู 777 ครั้ง / 2 ความเห็น / 5 ชอบจัง / แชร์
จาก บทความ "Love Management"
ในคอลัมน์ Life Management โดย ศรัณยู
นกแก้ว นิตยสาร Secret เล่ม 08
ความรักของคุณกับแฟน เป็นแบบนี้ไหม ?
เช้า โทร.ปลุกแฟน
สาย โทร.เช็คแฟนว่าถึงที่ทำงานรึยัง
บ่าย โทร.ถามแฟนว่ากินข้าวกับอะไร
เย็น นัดเจอแฟนที่ร้านประจำ
ดึก โทร.กู๊ดไนท์ก่อนแฟนเข้านอน
ใครที่มีอาการสอง
ในห้าของพฤติกรรมดังกล่าว
โปรดทราบขณะนี้ท่านกำลังเข้าข่ายอาการ
แฟน Addict
หรือติดแฟนอย่างเหนียวแน่นหนึบ
ซึ่งอาการนี้ดูเผิน ๆ อาจไม่รุนแรง
เท่าไรนัก แต่หากปฏิบัติติดต่อกันไปสักพัก
จะพบว่า เพื่อนฝูงเริ่มโบกมือลา
พ่อแม่เริ่มห่างหายหน้า ซ้ำร้ายเมื่อวัน
ใดที่หัวใจข้างซ้ายหักดังเป๊าะ! เมื่อนั้น
ความเจ็บปวดจะถาโถมเข้ามารุมจนแทบ
ไม่เป็นผู้เป็นคน
ทางแก้ก็ไม่มีอะไรยาก เพียงแต่เรา
ต้องเริ่มต้นด้วยการเรียกสติที่กระเจิงไป
เพราะความรักให้กลับคืนมา จาก
นั้นก็ลองปฏิบัติตามสูตรสำเร็จที่จะทำ
ให้เราและแฟนไม่ตัวติดกันเกินไป แต่
จะทำให้เรา แฟน และคนรอบข้างรัก
กันมากขึ้น ดัง 5 ข้อต่อไปนี้
1. กินแต่ห่อหมกอย่างเดียว เดี๋ยวก็เบื่อ
ในห้วงแห่งรัก
หลายคนมักเกิดอาการที่เรียกว่า "หลง"
ไม่ว่าคนรักจะพูดอะไร ชวนกินอะไร เป็น
ต้องเออออห่อหมกกับเขาไปเสียทุกเรื่อง
พูดเป็นอยู่ไม่กี่ประโยค เช่น "ใช่จ๊ะ" "
ได้สิจ๊ะ" หรือไม่ก็ "ชอบอยู่แล้ว" ทั้ง ๆ ที่
ไม่ได้ออกมาจากใจจริง
เชื่อไหมว่า การตามใจคนรักจนเคย
โดยลืมที่จะใส่ใจความรู้สึกของตัวเองนั้น
วันหนึ่งอาจทำให้รักแสนหวานกลาย
เป็นทุกข์แสนเข็ญได้ เพราะ
ในที่สุดคนเราย่อมอดไม่ได้ที่
จะแสดงธาตุแท้ของตัวเองออกมา ดัง
นั้นรักจะไปได้ตลอดรอดฝั่งก็ต่อเมื่อ
ทั้งสองฝ่ายกล้าที่จะเปิดเผย
และยอมรับตัวตนที่แท้จริงของกันและกัน
เท่านั้น
การตามใจหรือตอบว่า "ใช่" จึงไม่
ใช่ทางออกของปัญหา แต่การ ปรับเข้าหา
กันคนละครึ่งทาง ต่างหากที่จะทำให้
ความรักของทั้งคู่ไปถึงฝั่งฝัน
2. อย่ารักแฟนจนลืมเพื่อน
อีกปัญหาของอาการติดแฟนคือ คนทั้งคู่จะ
อยู่ด้วยกัน โทรศัพท์หากันเกือบตลอด 24
ชั่วโมง จนโลกนี้เหลือเพียงเราสอง ทำ
ให้ลืมเพื่อน ลืมสังคม เสียสติ
เพราะกลัวว่าเพื่อนจะเข้ามา
เป็นก้างขวางคอระหว่างรักเรากับเขาคน
นั้น
สิ่งที่หลายคนลืมนึกไปก็คือ เพื่อนสนิทที่อยู่
กับเรามาเป็นสิบปี
นี่แหละกัลยณมิตรที่ดีที่สุด เขาจะคอยเตือน
ให้เรารู้ตัวว่า ความรักและคนรักของเรา
เป็นอย่างไร
ในยามที่กิเลสแห่งรักกำลังยั่วยุเราจนขาดสติ
นัดกับแฟนหนหน้า
ทางที่ดีก็อย่าลืมพาเพื่อนไป
ด้วยสักคนสองคนนะจ๊ะ
3. เรียนรู้ที่จะรัก (คนอื่นที่ไม่ใช่แฟน)
ทุกคนล้วนต้องการความรักจากใครสักคนที่
เป็นคนพิเศษสำหรับเรา แต่การหมกหมุ่น
กับความรักมากเกินไปอาจทำให้เราเกิด
ความกลัวขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว เช่น
กลัวว่าวันหนึ่งจะไม่มีคนรัก หรือกลัวว่า
คนที่เรารักจะไม่รักเราเท่ากับที่เรารัก
เขา ฯลฯ และความกลัวนี่เองที่ทำ
ให้เราทุ่มเทให้คนรักอย่างไม่ลืมหูลืมตา
จนลืมทุกสิ่งทุกอย่างที่สำคัญต่อชีวิต
ไม่แพ้คนรัก และที่สำคัญที่สุดคือ ลืมคิดไปว่า
แม้จะไม่มีแฟน ก็ไม่ได้หมายความว่า เรา
จะไม่มีคนรักหรือไม่มีใครให้รัก
บางทีการ ลองเป็นฝ่ายมอบ
ความรักของเราให้แก่ผู้อื่นก่อน ไม่ว่าจะ
เป็นพ่อแม่ ปู่ย่าตายาย เพื่อนฝูง หรือ
ผู้ที่ขาดความรัก เช่น เด็กกำพร้า
สัตว์เลี้ยง ก็เป็นการกระทำที่นำ
ความสุขมาให้เราได้มาก ไม่แพ้การ
เป็นฝ่ายรับความรักเหมือนกัน
4. อย่าลืมคนที่รักเราที่สุด
เคยสังเกตตัวเองไหมว่า ทุกครั้งที่มีแฟน
การกินข้าว การไปเที่ยวกับพ่อแม่
และครอบครัวจะเริ่มลดน้อยลง
ใครที่รู้ตัวว่า เริ่มมีอาการดังกล่าว แนะนำ
ให้รีบขยับตัวห่างออกมา
จากแฟนสักหนึ่งเมตร เพราะนั่นหมาย
ความว่า
คุณกำลังติดแฟนอย่างหนักจนหลงลืมที่
จะแบ่งปันความรักให้แก่คนรอบข้าง
โดยเฉพาะอย่างยิ่งพ่อแม่ซึ่ง
เป็นบุคคลที่รักเรามากที่สุด
อันที่จริงแล้ว ความรักในแบบฉบับแฟนจะ
ไม่สามารถราบรื่นได้เลย หากปราศ
จากแรงสนับสนุนที่อบอุ่นจากครอบครัวของ
ทั้งสองฝ่าย เพราะ ชีวิตคู่ไม่ได้
เป็นเรื่องของคนเพียงสองคนเท่านั้น
แต่หมายถึง การรวมคนสองตระกูลเข้า
เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันต่างหาก
รู้แล้วก็อย่ามัวแต่ปลูกต้นรักกัน
อยู่เพียงสองคน หันมาชักชวนคนอื่น ๆ
ในครอบครัวให้ร่วมรดน้ำพรวนดินต้นรักไป
กับคุณด้วยดีกว่า แล้วจะรู้ว่า
ความรักที่อบอุ่นไปด้วยไอรัก
จากครอบครัวของทั้งสองฝ่ายนั้นเติมเต็ม
และมั่นคงกว่าเป็นไหน ๆ
5. รักด้วยสมอง หรือรักขึ้นสมอง
ข้อปฏิบัติสุดท้ายที่สำคัญที่สุด
ในการบริหารจัดการ
ความรักเจ้าปัญหาก็คือ การฝึกที่จะรัก
ด้วยสติ
เมื่อแรกเริ่มรัก เราอาจรู้สึกตื่นเต้น
กระตือรือร้น ปรารถนาจะประคอง
ความรักไปให้นานที่สุด แต่หากเราเริ่มต้น
ความรักอย่างขาดสติ สิ่งที่
จะตามมาย่อมหนีไม่พ้น ความทุกข์ ที่เกิด
จาก ความรัก นั่นเอง
เพราะธรรมชาติของความรักที่ปราศ
จากสติปัญญาย่อมกระตุ้นให้เกิดความโลภ
โกรธ หลง ขึ้นในใจ
คนที่รักมาก หึงหวงมาก จึงมัก
จะถูกครอบงำโดย ความโลภ อยาก
ให้คนรักอยู่ใกล้ตลอดเวลา และ
เป็นของเราคนเดียว ส่วนคนที่รักมาก
คาดหวังมาก เมื่อผิดหวังจะถูกครอบงำ
โดย ความโกรธ และคนที่รักอย่าง
ไม่ลืมหูลืมตา นานวันเข้าก็จะถูกครอบงำ
โดย ความหลง จนเข้าข่าย "ความรักทำ
ให้คนตาบอด" ในที่สุด
ถ้าไม่อยากให้ความรักของคุณ
เข้าข่ายคำกล่าวที่ว่า "ที่ใดมีรัก
ที่นั่นมีทุกข์" สิ่งหนึ่งที่
ต้องถามตัวเองเมื่อเราเริ่มรักใครสักคนก็คือ
"เรากำลังรักด้วยสมอง
หรือรักขึ้นสมอง" อยู่กันแน่
*********
ความรักที่เกิดจากความหวาดระแวง
ในที่สุด ก็มีทางเดินเป็นของตัวเอง คือ
แยกทาง เลิกรา เพียงแต่ว่า กว่า
จะยอมรับกันได้ ก็เรียกว่า ชีวิตพังทลาย
ในทุก ๆ ด้าน ชื่อเสียง การทำงาน
คนรอบข้าง
ความรักลักษณะนี้ ทำให้ชีวิตต้องเริ่มต้น
ใหม่ อีกทั้งยังเป็นการจองเวร จองกรรม
อย่างไม่มีที่สุด
เป็นวัฏจักรของเวรกรรมที่หมุนไปด้วย
ความอาฆาตแค้นของอีกฝ่าย
แค่ปล่อยวางด้วยความเข้าใจ
เอาอโหกรรมให้แก่กัน แค่นี้ก็พ้นห่วงกรรม
ซึ่งกันและกันแล้ว
รักแท้ในแบบ "พรหมวิหาร 4"
เมตตา หรือ รักอย่างบริสุทธิ์ใจ ปรารถนา
ให้คนรักมีความสุขมากกว่าจะรักเพื่อ
ความสุขของตัวเอง
กรุณา หรือ รักอย่างเพื่อร่วมทุกข์
ปรารถนาให้คนรักพ้นทุกข์ด้วยความ
ช่วยเหลือจนสุดความสามารถ
มุทิตา หรือ รักอย่างเพื่อนร่วมสุข คือ ยินดี
เบิกบานในความสุขของคนที่เรารัก
ด้วยใจจริง
อุเบกขา หรือ รักอย่างปล่อยวาง คือ
ไม่ยินดียินร้าย ไม่ยึดมั่นถือมั่น ไม่ลำเอียง
ไม่มีอคติ และไม่หมกหมุ่น
กับคนรักมากเกินไปจนทำให้ตัวเองทุกข์
โดยไม่จำเป็น
*********
บุญรักษา ทุกท่านครับ
cr.http://www.gotoknow.org/blogs/posts/221524
เลขไอพี : ไม่แสดง

อ่านต่อ คุณอาจจะสนใจเนื้อหาเหล่านี้ (ความคิดเห็นกระทู้ อยู่ด้านล่าง)

ความคิดเห็น

#1 | manun. | 27 ก.ย. 55 06:28 น.

เราเข้าข่าย 4 ใน 5 

ไอพี: ไม่แสดง

แสดงความคิดเห็น

จะต้องเป็นสมาชิกจึงจะแสดงความคิดเห็นได้
เป็นสมาชิกอยู่แล้ว ลงชื่อเข้าใช้ระบบ
ยังไม่ได้เป็นสมาชิก สมัครสมาชิกใหม่
หรือจะลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google หรือ Facebook ก็ได้
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Facebook
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google