ภายใต้การข่มขู่บริษัท SM พยายามผลักวงเคป๊อปหัวขบฏไปสู่การถูกลืมเลือน
11 ต.ค. 55 17:24 น. /
ดู 4,074 ครั้ง /
27 ความเห็น /
4 ชอบจัง
/
แชร์
121009 วงเคป๊อปภายใต้การข่มขู่: บริษัท SM Entertainment พยายามจะผลักวงเคป๊อปหัวขบฏไปสู่การถูกลืมเลือน
121009 K-Pop Group Under Threat: SM Entertainment attempts to consign a rebellious pop group to oblivion
[ภาพประกอบ]
http://i1147.photobucket.com/albums.........JYJUT121009.jpg
T/N: ผู้เขียนเป็นนักแต่งเพลงและผู้เขียนบทความเพลงที่สนใจปัญหาความยุติธรรมสำหรับศิลปินในประเทศเกาหลีใต้
บริษัท SM Entertainment พยายามจะผลักวงเคป๊อปหัวขบฏไปสู่การถูกลืมเลือน
JYJ วงป๊อปเกาหลีใต้ก้าวเข้าสู่วงการเพลงในประเทศอันร้อนแรงเมื่อปี 2004 ในฐานะ 3 ใน 5 คนของวง DBSK ในตอนนั้น พวกเขากลายเป็นวงที่คนสังเกตเห็นได้ว่าขายดีและประสบความสำเร็จที่สุดที่บริษัท SM Entertainment เคยคว้ามาได้ สร้างเงินหลายล้านดอลล่าร์จนนับไม่ถ้วนแก่บริษัทต้นสังกัดภายในระยะเวลาเพียง 5 ปี
อย่างไรก็ตาม ทุกวันนี้นักร้องคิมแจจุง ปาร์คยูชอนและคิมจุนซูยังคงติดพันอยู่กับระบบกฎหมายที่เข้าข้างคนมีอำนาจหลังจากทั้งสามคนพยายามจะหนีออกมาจากสัญญายาวนาน 13 ปีที่พวกเขาเคยเซ็นยามเมื่อยังเป็นวัยรุ่นยังไม่บรรลุนิติภาวะตอนเริ่มต้นอาชีพ มันเป็นสัญญาที่ทำให้พวกเขาต้องทำงานจนเหนื่อยล้า จ่ายเงินแค่เศษเสี้ยวที่พวกเขาหามาได้ ไม่เคยให้ค่าลิขสิทธิ์เพลงและมีพื้นที่เพียงเล็กน้อยเพื่อการต่อรองแม้จะมีระยะเวลาครอบครองเกินกว่าหนึ่งทศวรรษ ศิลปินกลุ่มนี้ฟ้องร้องเพื่อออกมาและศาลเห็นชอบ สัญญาถูกประกาศให้เป็นโมฆะโดยศาลเพราะสัญญาโอนเอียงให้ประโยชน์แก่บริษัท SM มากเกินไป แต่นั้นไม่ใช่ตอนจบ
บริษัท SM Entertainment เป็นบริษัทต้นสังกัดหนึ่งในสามบริษัทที่ใหญ่ที่สุดในประเทศเกาหลีใต้ บริษัทเผชิญกับคำวิจารณ์หนาหูเรื่องการอาศัยสัญญาทาสที่ผูกมัดศิลปินไว้กับบริษัทเอเจนซี่อย่างน้อยเป็นเวลาหนึ่งทศวรรษโดยไม่มีทางออก บริษัทปั้นวง Girls Generation คังตะ โบอา Super Junior และวงอื่นๆ อีกมากมาย แต่ผู้คนสังเกตเห็นว่าบริษัท SM นั้นปฏิบัติงานแทบจะเหมือนกับว่าเป็นลัทธิอะไรอย่างหนึ่ง
พวกเขาพยายามจะปั้นดาราเพลงป๊อปขึ้นมาหนักหนาแค่ไหน มีคำวิจารณ์ชัดเจนว่าบริษัททำงานหนักเท่ากันเพื่อทำลายอาชีพของคนที่พยายามจะหนีออกจากสัญญาไป เป็นที่ทราบกันดีว่า JYJ เป็นตัวอย่างของการถูกโจมตีเช่นนั้น พวกเขาทั้งสามคนบอกว่าพวกเขาขอรายงานการเงินเรื่องค่าลิขสิทธิ์จากบริษัทต้นสังกัดครั้งแล้วครั้งเล่าเพื่อแสดงจำนวนเงินที่แท้จริงที่พวกเขาสร้างให้แก่บริษัทหลังจากทราบถึงชื่อเสียงและความสำเร็จเพื่อให้ได้รับการแบ่งส่วนที่เท่าเทียมมากขึ้น นอกจากนั้น ในสัญญาจ้างที่ตอนนี้เป็นโมฆะไปแล้วที่พวกเขาเคยเซ็นตอนเป็นเยาวชนยังมีเงื่อนไขที่ว่าพวกเขาต้องจ่ายเงินราว 400-480 ล้านเหรียญสหรัฐถ้าหากพวกเขาออกจากบริษัทก่อนหมดสัญญา
การที่สัญญาเป็นโมฆะไม่ได้หมายถึงจุดจบของปัญหาทางกฎหมายของพวกเขา ในวันที่ 13 กันยายน ศาลชั้นต้นกรุงโซลได้เลื่อนการประกาศคำตัดสินออกไปอย่างไม่มีกำหนดเพื่อบังคับให้มีอนุญาโตตุลาการ เครือข่ายการออกอากาศโทรทัศน์ในประเทศเกาหลีใต้เห็นพ้องกันว่าพวกเขาจะแบน "จนกว่าคดีจะได้รับคำตัดสิน" แม้ว่าศาลบอกเมื่อสองปีที่แล้วว่าการกระทำของบริษัท SM Entertainment นั้นผิดกฎหมายและต้องโทษในการเสียเงินค่าปรับ แต่ตราบใดที่บริษัท SM ยังคงนิ่งเป็นหิน ไม่ขยับตัวในการเจรจาต่อร้องว่าติดเงิน JYJ เอาไว้มากแค่ไหน คดีนี้ก็ไม่มีจุดจบ และการถูกแบนของ JYJ จะดำเนินต่อไปไม่มีที่สิ้นสุด
ตามที่ Asia Sentinal เคยรายงานเมื่อเดือนมกราคม ปี 2011 ในเรื่องราวเกี่ยวกับวง Girls Generation ของบริษัท SM Entertainment วงการเพลงป๊อปเกาหลีไม่เหมือนที่ไหนโลก บริษัทเกาหลีสร้างรถยนต์ ทีวี เครื่องใช้และเครื่องซักผ้าขึ้นมาอย่างพิถีพิถันแค่ไหน พวกเขาก็ใช้เทคนิคเดียวกันในการสร้างดาราเพลงป๊อป บริษัทอาศัยการเตรียมการอย่างเข้มข้นและใส่ใจกับรายละเอียดอย่างหนักหน่วง เป็นรูปแบบทางธุรกิจที่เรียกว่า "เทคโนโลยีทางวัฒนธรรม" ซึ่งทำให้ศิลปินในประเทศก้าวข้ามไปเป็นสิ่งที่นักวิจารณ์ไม่เอาใจใส่เพราะดูเหมือนว่าวงเพลงป๊อปจะซ้ำกันราวกับตัดออกมาจากพิมพ์คุกกี้เดียวกัน ไม่มีความน่าปรารถนาใดๆ ทั้งทางดนตรีและในฐานะศิลปิน
ตอนที่ทั้งสามคนตัดสินใจจะออกมาอยู่ด้วยตัวเองแม้ว่าจะมีการข่มขู่จากบริษัท SM พวกเขาออกมาโดยแทบไม่มีอะไรมากไปกว่าเสื้อผ้า จริงๆ แล้วบริษัทเป็นเจ้าของทุกๆ อย่างที่พวกเขาคิดว่าเป็นของพวกเขา รวมถึงเครื่องอัดเสียงและเทปเพลงที่พวกเขาแต่งไว้และยังไม่ได้มีการเปิดตัว และของขวัญที่แฟนๆ มอบให้พวกเขาอีกด้วย
บุคคลภายในบริษัท SM บอกว่าบริษัทอาศัยบริษัทอื่นในวงการบันเทิงอย่างกว้างขวาง สื่อออกอากาศต่างๆ และองค์กรที่ดูเหมือนจะเป็นทางการหลายแห่งเพื่อบีบให้ศิลปินเชื่อฟัง ยกตัวอย่างเช่น เมื่อเดือนมกราคม ปี 2011 สมาคมผู้ผลิตวงการบันเทิงเกาหลีได้เขียนใบคำร้องให้สมาชิกลงชื่อว่า "ถ้าคำตัดสินเข้าข้างฝ่ายของทั้งสามคือที่ยื่นขอคำสั่งศาลและฟ้องร้อง ดารานับไม่ถ้วนจะใช้ผลของคดีในทางที่ผิดเพื่อฟ้องร้องบริษัทเอเจนซี่ของตัวเอง การยื่นขอคำสั่งศาลและคดีฟ้องร้องที่ทั้งสามคนยื่นนั้นมีจุดประสงค์หลักก็เพื่อการหากำไรทางการเงินส่วนตัวโดยการใช้มุมมองที่ผิดพลาดของสังคมเรื่องสัญญาทาส"
ตั้งแต่ตอนที่พวกเขายื่นคดีฟ้องร้องจนถึงปลายปี 2009 ทั้งสามคนบอกว่าพวกเขาทำตามข้อตกลงในสัญญาทุกอย่างที่บริษัท SM จัดไว้ให้ การปรากฎตัวครั้งสุดท้ายกับชองยุนโฮและชิมชางมิน อดีตสมาชิกวงของพวกเขาอีกสองคนคือที่การแสดงปลายปีในประเทศญี่ปุ่น
หลังจากนั้น ความยากลำบากทุกรูปแบบก็เริ่มเกิดขึ้น เพลงประกอบละครที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงอย่าง Sungkyunkwan Scandal ซึ่งปาร์คยูชอนร่วมแสดงก็ถูกระงับจากผู้จัดจำหน่าย การสัมภาษณ์ทางโทรทัศน์กับนักร้อง-นักแสดงคนนี้ก็ถูกยกเลิกและแม้กระทั่งตอนที่เขารับรางวัลนักแสดงหน้าใหม่ยอดเยี่ยมที่ KBS Drama Awards เป็นที่น่าสงสัยว่าเขาไม่เคยได้รับการกล่าวถึงหรือออกรายการบันเทิงรายการไหนๆ ที่กล่าวถึงละครหรือความสำเร็จของเขาเลย แม้แต่รายการของช่อง KBS เองก็ตาม
แบคชางจู ประธานบริษัท C-JeS ต้นสังกัดใหม่ของ JYJ กล่าวเมื่อปีที่แล้วว่าทุกอย่างที่บริษัทพยายามจะทำเพื่อโปรโมท JYJ ใช้เวลานานเป็น 4 เท่าของปกติเพราะทุกครั้งที่หันไปทางไหน พวกเขาก็ถูกขัดขวาง ยกเลิกและกีดกัน
บริษัท SM เห็นแก่ตัวด้วยการยื่นขอคำสั่งศาลเพื่อไม่ได้ทั้งสามคนได้ออกอัลบั้ม "The Beginning" อัลบั้มภาษาอังกฤษอัลบั้มใหม่ ด้วยการส่งจดหมายไปยังทางบริษัท Warner Music และบอกพวกเขาไม่ให้จัดจำหน่ายอัลบั้ม ในวันที่ 13 ตุลาคม ปี 2010 มีรายงานว่าสมาพันธ์แห่งวัฒนธรรมและวงการศิลปะเกาหลีได้ขอให้สถานีออกอากาศหลักทั้ง 3 แห่ง สถานีเคเบิ้ล ห้องอัด ผู้จัดจำหน่าย สื่อมวลชนและองค์กรอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องให้ละเว้นจากการเลือกตัว JYJ ไปออกทีวีหรือทำงานกับพวกเขา
เมื่อสื่อเกาหลีรายงานอย่างนั้น ทางสมาพันธ์กลับปฏิเสธว่าจริงๆ แล้วมันเป็น "เอกสารอย่างเป็นทางการ" - ข้อความที่เป็นคำโกหกหลังจากจดหมายที่ตีตราว่าเป็น "เอกสารจาก KFPCAI (สมาพันเกาหลีแห่งวัฒนธรรมและวงการศิลปะ)" ได้รับการเปิดเผยสู่สาธารณชน เรื่องหักมุมอีกเรื่องหนึ่งคือ สมาพันธ์นี้ไม่มีใครเคยได้ยินชื่อมาก่อนหน้าที่พวกเขาจะส่งเอกสารนั้น สมาพันธ์ไม่มีที่อยู่ในการทำธุรกิจและไม่มีข้อมูลในการติดต่อ
แต่เอกสารได้รับการตอบสนองราวกับเป็นบทเพลงสวดอันศักดิ์สิทธิ์ เหมือนกับว่าใครที่มีอำนาจ ยิ่งใหญ่และมีอิทธิพลมากกว่าอยู่เบื้องหลัง - ใครบางคนที่มีความโกรธแค้นเคืองต่อ JYJ และคำเตือนนั้นก็ได้รับการปฏิบัติตาม การปรากฎตัวของศิลปินวงนี้ที่งาน Blue Dragon film awards ถูกยกเลิก การออกรายการทอล์คโชว์ วาไรตี้หรือรายการเพลงล้วนถูกเลื่อนออกไปหรือยกเลิกทั้งหมด
นักวิจารณ์กล่าวว่ามันเป็นความลับที่ทราบกันดีว่าบริษัท SM อยู่เบื้องหลังความพยายามยาวยืดในการขึ้นบัญชีดำศิลปินวงนี้ วีซ่าถูกระงับสำหรับการแสดงโชว์เคสในประเทศสหรัฐอเมริกาเพื่อโปรโมทอัลบั้ม "The Beginning" ของพวกเขา ในตอนนั้น โชว์เคส 4 ครั้งถูกจัดขึ้นแบบฟรีๆ และประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ JYJ ยังคงมุ่งมั่นในการทำงานและก้าวไปข้างหน้าอย่างต่อเนื่อง มีการร่วมงานกับนิตยสารบิลบอร์ดและ MTVKorea ในประเทศอเมริกาอีกด้วย
เมื่อพวกเขากลับมายังประเทศเกาหลี JYJ เปิดทัวร์คอนเสิร์ตเต็มรูปแบบ คอนเสิร์ตแรกตามกำหนดการคือในโซลตอนเดือนพฤศจิกายนที่ Jamsil Olympic Stadium เป็นเวลา 2 คืน ดึงดูดแฟนๆ ได้มากกว่า 70,000 คน และมีจำนวนมากที่มาจากญี่ปุ่น ตามมาด้วยคอนเสิร์ตที่ประเทศไทย ไต้หวัน จีนจากนั้นก็อเมริกาเหนือ พวกเขาปิดตัวด้วยคอนเสิร์ตที่ขายบัตรได้หมดเกลี้ยงในเกาหลีอีกสองครั้ง
แม้ว่าจะมีแรงกดดันและถูกขึ้นบัญชีดำ JYJ ยังคงเปล่งประกายและสร้างอัลบั้มที่ฮิตไปทั่วโลกอย่าง "In Heaven" ในปี 2011 แสดงนำในละครที่ประสบความสำเร็จของเกาหลีหลายเรื่องและออกทัวร์ยุโรป อเมริกาเหนือและอเมริกาใต้ที่ได้รับการกล่าวถึงอย่างมาก ท่ามกลางแรงกดดันที่บริษัท SM ได้ทำเพื่อเป็นตัวอย่างคำเตือนให้พวกเขาหยุดการทำงาน พวกเขาพิสูจน์แล้วว่าพวกเขาประสบความสำเร็จได้ด้วยพรสวรรค์และความสามารถของตัวเอง และการสนับสนุนจากแฟนๆ ของพวกเขา
ทั้งสามคนยังคงทำงานการกุศลและรับหน้าที่เป็นฑูตของประเทศสำหรับองค์กรแลกเปลี่ยนหลายต่อหลายอย่าง อีกทั้งยังได้รับความรักจากประเทศญี่ปุ่นเมื่อพวกเขาจัดคอนเสิร์ตการกุศลเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยของแผ่นดินไหวฟุจุชิม่าซึ่งถูกบีบบังคับให้ไปจัดในพื้นที่ห่างไกลของประเทศญี่ปุ่นเพราะคู่ค้าของบริษัท SM อย่างบริษัท AVEX ทำทุกๆ อย่างที่ทำได้เพื่อกีดกัน แต่ครั้งนี้ทำไม่สำเร็จ ผู้คนและแฟนๆ อยากให้ JYJ ได้แสดง และพวกเขาได้แสดงต่อหน้าแฟน 80,000 คนในระยะเวลา 2 วัน
ตั้งแต่ต้นมันมีทั้งเรื่องดีเรื่องร้าย แต่ของขวัญของการลาจากที่พวกเขาได้รับมาจากบริษัท SM อย่างหนึ่งคือความสามารถในการทำงานอย่างไม่รู้เหน็ดเหนื่อยเหมือนใครๆ ในวงการเพลงตอนนี้ ด้วยความกระตือรือร้นอย่างมากและอารมณ์ขันที่ไม่หมดไป พรสวรรค์ในฐานะนักร้อง นักแสดงและศิลปินยังคงเป็นและจะเป็นของพวกเขาเองเสมอ ทั้งสามคนภูมิใจที่ได้เรียกตัวเองว่าเป็นคนเกาหลี แม้กระทั่งตอนที่ต้องเผชิญกับการถูกขึ้นบัญชีดำ ถูกแบนและปฏิบัติราวกับรังเกียจโดยสื่อมวลชนเกาหลีและวงการเพลง พวกเขายังคงรักและเป็นตัวแทนประเทศต่อไป
Credit: Asia Sentinel
แปลไทย: ลูกแก้วใสกิ๊งระริ๊ง
121009 K-Pop Group Under Threat: SM Entertainment attempts to consign a rebellious pop group to oblivion
http://i1147.photobucket.com/albums.........JYJUT121009.jpg
T/N: ผู้เขียนเป็นนักแต่งเพลงและผู้เขียนบทความเพลงที่สนใจปัญหาความยุติธรรมสำหรับศิลปินในประเทศเกาหลีใต้
บริษัท SM Entertainment พยายามจะผลักวงเคป๊อปหัวขบฏไปสู่การถูกลืมเลือน
JYJ วงป๊อปเกาหลีใต้ก้าวเข้าสู่วงการเพลงในประเทศอันร้อนแรงเมื่อปี 2004 ในฐานะ 3 ใน 5 คนของวง DBSK ในตอนนั้น พวกเขากลายเป็นวงที่คนสังเกตเห็นได้ว่าขายดีและประสบความสำเร็จที่สุดที่บริษัท SM Entertainment เคยคว้ามาได้ สร้างเงินหลายล้านดอลล่าร์จนนับไม่ถ้วนแก่บริษัทต้นสังกัดภายในระยะเวลาเพียง 5 ปี
อย่างไรก็ตาม ทุกวันนี้นักร้องคิมแจจุง ปาร์คยูชอนและคิมจุนซูยังคงติดพันอยู่กับระบบกฎหมายที่เข้าข้างคนมีอำนาจหลังจากทั้งสามคนพยายามจะหนีออกมาจากสัญญายาวนาน 13 ปีที่พวกเขาเคยเซ็นยามเมื่อยังเป็นวัยรุ่นยังไม่บรรลุนิติภาวะตอนเริ่มต้นอาชีพ มันเป็นสัญญาที่ทำให้พวกเขาต้องทำงานจนเหนื่อยล้า จ่ายเงินแค่เศษเสี้ยวที่พวกเขาหามาได้ ไม่เคยให้ค่าลิขสิทธิ์เพลงและมีพื้นที่เพียงเล็กน้อยเพื่อการต่อรองแม้จะมีระยะเวลาครอบครองเกินกว่าหนึ่งทศวรรษ ศิลปินกลุ่มนี้ฟ้องร้องเพื่อออกมาและศาลเห็นชอบ สัญญาถูกประกาศให้เป็นโมฆะโดยศาลเพราะสัญญาโอนเอียงให้ประโยชน์แก่บริษัท SM มากเกินไป แต่นั้นไม่ใช่ตอนจบ
บริษัท SM Entertainment เป็นบริษัทต้นสังกัดหนึ่งในสามบริษัทที่ใหญ่ที่สุดในประเทศเกาหลีใต้ บริษัทเผชิญกับคำวิจารณ์หนาหูเรื่องการอาศัยสัญญาทาสที่ผูกมัดศิลปินไว้กับบริษัทเอเจนซี่อย่างน้อยเป็นเวลาหนึ่งทศวรรษโดยไม่มีทางออก บริษัทปั้นวง Girls Generation คังตะ โบอา Super Junior และวงอื่นๆ อีกมากมาย แต่ผู้คนสังเกตเห็นว่าบริษัท SM นั้นปฏิบัติงานแทบจะเหมือนกับว่าเป็นลัทธิอะไรอย่างหนึ่ง
พวกเขาพยายามจะปั้นดาราเพลงป๊อปขึ้นมาหนักหนาแค่ไหน มีคำวิจารณ์ชัดเจนว่าบริษัททำงานหนักเท่ากันเพื่อทำลายอาชีพของคนที่พยายามจะหนีออกจากสัญญาไป เป็นที่ทราบกันดีว่า JYJ เป็นตัวอย่างของการถูกโจมตีเช่นนั้น พวกเขาทั้งสามคนบอกว่าพวกเขาขอรายงานการเงินเรื่องค่าลิขสิทธิ์จากบริษัทต้นสังกัดครั้งแล้วครั้งเล่าเพื่อแสดงจำนวนเงินที่แท้จริงที่พวกเขาสร้างให้แก่บริษัทหลังจากทราบถึงชื่อเสียงและความสำเร็จเพื่อให้ได้รับการแบ่งส่วนที่เท่าเทียมมากขึ้น นอกจากนั้น ในสัญญาจ้างที่ตอนนี้เป็นโมฆะไปแล้วที่พวกเขาเคยเซ็นตอนเป็นเยาวชนยังมีเงื่อนไขที่ว่าพวกเขาต้องจ่ายเงินราว 400-480 ล้านเหรียญสหรัฐถ้าหากพวกเขาออกจากบริษัทก่อนหมดสัญญา
การที่สัญญาเป็นโมฆะไม่ได้หมายถึงจุดจบของปัญหาทางกฎหมายของพวกเขา ในวันที่ 13 กันยายน ศาลชั้นต้นกรุงโซลได้เลื่อนการประกาศคำตัดสินออกไปอย่างไม่มีกำหนดเพื่อบังคับให้มีอนุญาโตตุลาการ เครือข่ายการออกอากาศโทรทัศน์ในประเทศเกาหลีใต้เห็นพ้องกันว่าพวกเขาจะแบน "จนกว่าคดีจะได้รับคำตัดสิน" แม้ว่าศาลบอกเมื่อสองปีที่แล้วว่าการกระทำของบริษัท SM Entertainment นั้นผิดกฎหมายและต้องโทษในการเสียเงินค่าปรับ แต่ตราบใดที่บริษัท SM ยังคงนิ่งเป็นหิน ไม่ขยับตัวในการเจรจาต่อร้องว่าติดเงิน JYJ เอาไว้มากแค่ไหน คดีนี้ก็ไม่มีจุดจบ และการถูกแบนของ JYJ จะดำเนินต่อไปไม่มีที่สิ้นสุด
ตามที่ Asia Sentinal เคยรายงานเมื่อเดือนมกราคม ปี 2011 ในเรื่องราวเกี่ยวกับวง Girls Generation ของบริษัท SM Entertainment วงการเพลงป๊อปเกาหลีไม่เหมือนที่ไหนโลก บริษัทเกาหลีสร้างรถยนต์ ทีวี เครื่องใช้และเครื่องซักผ้าขึ้นมาอย่างพิถีพิถันแค่ไหน พวกเขาก็ใช้เทคนิคเดียวกันในการสร้างดาราเพลงป๊อป บริษัทอาศัยการเตรียมการอย่างเข้มข้นและใส่ใจกับรายละเอียดอย่างหนักหน่วง เป็นรูปแบบทางธุรกิจที่เรียกว่า "เทคโนโลยีทางวัฒนธรรม" ซึ่งทำให้ศิลปินในประเทศก้าวข้ามไปเป็นสิ่งที่นักวิจารณ์ไม่เอาใจใส่เพราะดูเหมือนว่าวงเพลงป๊อปจะซ้ำกันราวกับตัดออกมาจากพิมพ์คุกกี้เดียวกัน ไม่มีความน่าปรารถนาใดๆ ทั้งทางดนตรีและในฐานะศิลปิน
ตอนที่ทั้งสามคนตัดสินใจจะออกมาอยู่ด้วยตัวเองแม้ว่าจะมีการข่มขู่จากบริษัท SM พวกเขาออกมาโดยแทบไม่มีอะไรมากไปกว่าเสื้อผ้า จริงๆ แล้วบริษัทเป็นเจ้าของทุกๆ อย่างที่พวกเขาคิดว่าเป็นของพวกเขา รวมถึงเครื่องอัดเสียงและเทปเพลงที่พวกเขาแต่งไว้และยังไม่ได้มีการเปิดตัว และของขวัญที่แฟนๆ มอบให้พวกเขาอีกด้วย
บุคคลภายในบริษัท SM บอกว่าบริษัทอาศัยบริษัทอื่นในวงการบันเทิงอย่างกว้างขวาง สื่อออกอากาศต่างๆ และองค์กรที่ดูเหมือนจะเป็นทางการหลายแห่งเพื่อบีบให้ศิลปินเชื่อฟัง ยกตัวอย่างเช่น เมื่อเดือนมกราคม ปี 2011 สมาคมผู้ผลิตวงการบันเทิงเกาหลีได้เขียนใบคำร้องให้สมาชิกลงชื่อว่า "ถ้าคำตัดสินเข้าข้างฝ่ายของทั้งสามคือที่ยื่นขอคำสั่งศาลและฟ้องร้อง ดารานับไม่ถ้วนจะใช้ผลของคดีในทางที่ผิดเพื่อฟ้องร้องบริษัทเอเจนซี่ของตัวเอง การยื่นขอคำสั่งศาลและคดีฟ้องร้องที่ทั้งสามคนยื่นนั้นมีจุดประสงค์หลักก็เพื่อการหากำไรทางการเงินส่วนตัวโดยการใช้มุมมองที่ผิดพลาดของสังคมเรื่องสัญญาทาส"
ตั้งแต่ตอนที่พวกเขายื่นคดีฟ้องร้องจนถึงปลายปี 2009 ทั้งสามคนบอกว่าพวกเขาทำตามข้อตกลงในสัญญาทุกอย่างที่บริษัท SM จัดไว้ให้ การปรากฎตัวครั้งสุดท้ายกับชองยุนโฮและชิมชางมิน อดีตสมาชิกวงของพวกเขาอีกสองคนคือที่การแสดงปลายปีในประเทศญี่ปุ่น
หลังจากนั้น ความยากลำบากทุกรูปแบบก็เริ่มเกิดขึ้น เพลงประกอบละครที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงอย่าง Sungkyunkwan Scandal ซึ่งปาร์คยูชอนร่วมแสดงก็ถูกระงับจากผู้จัดจำหน่าย การสัมภาษณ์ทางโทรทัศน์กับนักร้อง-นักแสดงคนนี้ก็ถูกยกเลิกและแม้กระทั่งตอนที่เขารับรางวัลนักแสดงหน้าใหม่ยอดเยี่ยมที่ KBS Drama Awards เป็นที่น่าสงสัยว่าเขาไม่เคยได้รับการกล่าวถึงหรือออกรายการบันเทิงรายการไหนๆ ที่กล่าวถึงละครหรือความสำเร็จของเขาเลย แม้แต่รายการของช่อง KBS เองก็ตาม
แบคชางจู ประธานบริษัท C-JeS ต้นสังกัดใหม่ของ JYJ กล่าวเมื่อปีที่แล้วว่าทุกอย่างที่บริษัทพยายามจะทำเพื่อโปรโมท JYJ ใช้เวลานานเป็น 4 เท่าของปกติเพราะทุกครั้งที่หันไปทางไหน พวกเขาก็ถูกขัดขวาง ยกเลิกและกีดกัน
บริษัท SM เห็นแก่ตัวด้วยการยื่นขอคำสั่งศาลเพื่อไม่ได้ทั้งสามคนได้ออกอัลบั้ม "The Beginning" อัลบั้มภาษาอังกฤษอัลบั้มใหม่ ด้วยการส่งจดหมายไปยังทางบริษัท Warner Music และบอกพวกเขาไม่ให้จัดจำหน่ายอัลบั้ม ในวันที่ 13 ตุลาคม ปี 2010 มีรายงานว่าสมาพันธ์แห่งวัฒนธรรมและวงการศิลปะเกาหลีได้ขอให้สถานีออกอากาศหลักทั้ง 3 แห่ง สถานีเคเบิ้ล ห้องอัด ผู้จัดจำหน่าย สื่อมวลชนและองค์กรอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องให้ละเว้นจากการเลือกตัว JYJ ไปออกทีวีหรือทำงานกับพวกเขา
เมื่อสื่อเกาหลีรายงานอย่างนั้น ทางสมาพันธ์กลับปฏิเสธว่าจริงๆ แล้วมันเป็น "เอกสารอย่างเป็นทางการ" - ข้อความที่เป็นคำโกหกหลังจากจดหมายที่ตีตราว่าเป็น "เอกสารจาก KFPCAI (สมาพันเกาหลีแห่งวัฒนธรรมและวงการศิลปะ)" ได้รับการเปิดเผยสู่สาธารณชน เรื่องหักมุมอีกเรื่องหนึ่งคือ สมาพันธ์นี้ไม่มีใครเคยได้ยินชื่อมาก่อนหน้าที่พวกเขาจะส่งเอกสารนั้น สมาพันธ์ไม่มีที่อยู่ในการทำธุรกิจและไม่มีข้อมูลในการติดต่อ
แต่เอกสารได้รับการตอบสนองราวกับเป็นบทเพลงสวดอันศักดิ์สิทธิ์ เหมือนกับว่าใครที่มีอำนาจ ยิ่งใหญ่และมีอิทธิพลมากกว่าอยู่เบื้องหลัง - ใครบางคนที่มีความโกรธแค้นเคืองต่อ JYJ และคำเตือนนั้นก็ได้รับการปฏิบัติตาม การปรากฎตัวของศิลปินวงนี้ที่งาน Blue Dragon film awards ถูกยกเลิก การออกรายการทอล์คโชว์ วาไรตี้หรือรายการเพลงล้วนถูกเลื่อนออกไปหรือยกเลิกทั้งหมด
นักวิจารณ์กล่าวว่ามันเป็นความลับที่ทราบกันดีว่าบริษัท SM อยู่เบื้องหลังความพยายามยาวยืดในการขึ้นบัญชีดำศิลปินวงนี้ วีซ่าถูกระงับสำหรับการแสดงโชว์เคสในประเทศสหรัฐอเมริกาเพื่อโปรโมทอัลบั้ม "The Beginning" ของพวกเขา ในตอนนั้น โชว์เคส 4 ครั้งถูกจัดขึ้นแบบฟรีๆ และประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ JYJ ยังคงมุ่งมั่นในการทำงานและก้าวไปข้างหน้าอย่างต่อเนื่อง มีการร่วมงานกับนิตยสารบิลบอร์ดและ MTVKorea ในประเทศอเมริกาอีกด้วย
เมื่อพวกเขากลับมายังประเทศเกาหลี JYJ เปิดทัวร์คอนเสิร์ตเต็มรูปแบบ คอนเสิร์ตแรกตามกำหนดการคือในโซลตอนเดือนพฤศจิกายนที่ Jamsil Olympic Stadium เป็นเวลา 2 คืน ดึงดูดแฟนๆ ได้มากกว่า 70,000 คน และมีจำนวนมากที่มาจากญี่ปุ่น ตามมาด้วยคอนเสิร์ตที่ประเทศไทย ไต้หวัน จีนจากนั้นก็อเมริกาเหนือ พวกเขาปิดตัวด้วยคอนเสิร์ตที่ขายบัตรได้หมดเกลี้ยงในเกาหลีอีกสองครั้ง
แม้ว่าจะมีแรงกดดันและถูกขึ้นบัญชีดำ JYJ ยังคงเปล่งประกายและสร้างอัลบั้มที่ฮิตไปทั่วโลกอย่าง "In Heaven" ในปี 2011 แสดงนำในละครที่ประสบความสำเร็จของเกาหลีหลายเรื่องและออกทัวร์ยุโรป อเมริกาเหนือและอเมริกาใต้ที่ได้รับการกล่าวถึงอย่างมาก ท่ามกลางแรงกดดันที่บริษัท SM ได้ทำเพื่อเป็นตัวอย่างคำเตือนให้พวกเขาหยุดการทำงาน พวกเขาพิสูจน์แล้วว่าพวกเขาประสบความสำเร็จได้ด้วยพรสวรรค์และความสามารถของตัวเอง และการสนับสนุนจากแฟนๆ ของพวกเขา
ทั้งสามคนยังคงทำงานการกุศลและรับหน้าที่เป็นฑูตของประเทศสำหรับองค์กรแลกเปลี่ยนหลายต่อหลายอย่าง อีกทั้งยังได้รับความรักจากประเทศญี่ปุ่นเมื่อพวกเขาจัดคอนเสิร์ตการกุศลเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยของแผ่นดินไหวฟุจุชิม่าซึ่งถูกบีบบังคับให้ไปจัดในพื้นที่ห่างไกลของประเทศญี่ปุ่นเพราะคู่ค้าของบริษัท SM อย่างบริษัท AVEX ทำทุกๆ อย่างที่ทำได้เพื่อกีดกัน แต่ครั้งนี้ทำไม่สำเร็จ ผู้คนและแฟนๆ อยากให้ JYJ ได้แสดง และพวกเขาได้แสดงต่อหน้าแฟน 80,000 คนในระยะเวลา 2 วัน
ตั้งแต่ต้นมันมีทั้งเรื่องดีเรื่องร้าย แต่ของขวัญของการลาจากที่พวกเขาได้รับมาจากบริษัท SM อย่างหนึ่งคือความสามารถในการทำงานอย่างไม่รู้เหน็ดเหนื่อยเหมือนใครๆ ในวงการเพลงตอนนี้ ด้วยความกระตือรือร้นอย่างมากและอารมณ์ขันที่ไม่หมดไป พรสวรรค์ในฐานะนักร้อง นักแสดงและศิลปินยังคงเป็นและจะเป็นของพวกเขาเองเสมอ ทั้งสามคนภูมิใจที่ได้เรียกตัวเองว่าเป็นคนเกาหลี แม้กระทั่งตอนที่ต้องเผชิญกับการถูกขึ้นบัญชีดำ ถูกแบนและปฏิบัติราวกับรังเกียจโดยสื่อมวลชนเกาหลีและวงการเพลง พวกเขายังคงรักและเป็นตัวแทนประเทศต่อไป
Credit: Asia Sentinel
แปลไทย: ลูกแก้วใสกิ๊งระริ๊ง
เลขไอพี : ไม่แสดง
อ่านต่อ คุณอาจจะสนใจเนื้อหาเหล่านี้ (ความคิดเห็นกระทู้ อยู่ด้านล่าง)
ความคิดเห็น
ขอด่าหน่อยนะ เอ็สเอ็มแม่งเลวมาก แบบ อะไรอ่ะ
ถ้าจะมากมายขนาดนี้นะ แล้วสื่อเกาหลี? คืออะไร?
คือทำไมไม่เป็นกลางอ่ะ? ทำไมทำแบบนี้ - -?
อ่านแล้วแบบ ขึ้น พี่ทำงานเหนื่อยจะตาย แต่ทำแบบนี้?
คือต้องการอะไรวะ?
**ถึงจะรักศิลปินในเอ็สเอ็มแค่ไหน แต่บอกตรงๆ
เกลียดต้นสังกัดมาก ยอมรับนะว่าเออ เก่งอ่ะ
เป็นค่ายใหญ่ เก่งเรื่องแนวเพลงไรงี้ ทำไรก็ดัง
แต่แบบงี้ไม่ไหวอ่ะ เกลียดเอ็สเอ็ม
ไอพี: ไม่แสดง
สกปรกที่สุด โฮมินออกมาได้เมื่อไหร่นะ.. 
หวังว่าเรื่องเเบบนี้จะไม่เกิดขึ้นกับวงอื่นในค่าย
เพราะไม่ใช่ว่าทุกวงจะเข้มเเข็ง จะเจออะไรมามากมายเหมือนทงบัง..
เอสเจ โซนยอ ชายนี่ เอฟเอ็กซ์ เอ็กโซ
โชคดีนะ เเคสอย่างเราจะซัพพอร์ตทุกคนในฐานะรุ่นน้องของทงบังชินกิเสมอ 
แก้ไขล่าสุด 11 ต.ค. 55 18:12 | ไอพี: ไม่แสดง
เราก็เจ็บใจและก็เกลียดเอสเอ็มเหมือนกัน
แค้นมาก...ไม่ใช่แค่ ดงบัง ที่โดนนะ เอสเจ ก็โดนเหมือนกัน
อย่างกรณี ป๋าฮันกับคิบอมอ่า บอกตามตรงจี๊ดดดด ด
รักศิลปินนะ แค่โคต.รเกลียดค่ายนี้เลยอ่า 
ไอพี: ไม่แสดง
เอสเอ็มเป็นบริษัทที่สร้างศิลปินเเล้วก็ทำร้ายศิลปินเอง พูดจริงๆที่มึ.งอยู่ได้ทุกวันนี้ไม่ใช่เพราะเเฟนคลับของศิลปินในค่ายมึ.งหรือไง ที่พวกกูทนที่พวกกูรอไม่ได้หมายความว่ากูรอมึ.งนะกูรอพี่กู อย่าสำคัญตัวเองนักเลย มึ.งมันก็เเค่ค่ายห่วยๆที่เสือ.กมีศิลปินดีๆก้เท่านั้นเเหละ ถ้ามันเเน่จริงมันก็คงไม่ยื้อคดีเจวายเจไว้ ไม่ใช้เงินทำให้จุนซูร้องเพลงโดยไม่ได้ออกอากาศหรอก มึ.งเเมนมากค่ะเอสเอ็ม
แก้ไขล่าสุด 12 ต.ค. 55 20:02 | ไอพี: ไม่แสดง
เอ็กโซหนู อนาคตข้างหน้านี้จะไปเจออะไรแบบนี้หรอ อย่ามาทำอะไรเด็กดาวนะ!!
ไม่งั้นจะขนเอ็กโซติกไทยไปถล่มแน่ สงสารพี่แคสมากเลย T^T sm เลวมาก
ไอพี: ไม่แสดง
แต่ตราบใดที่บริษัท SM ยังคงนิ่งเป็นหิน ไม่ขยับตัวในการเจรจาต่อร้องว่าติดเงิน JYJ เอาไว้มากแค่ไหน คดีนี้ก็ไม่มีจุดจบ และการถูกแบนของ JYJ จะดำเนินต่อไปไม่มีที่สิ้นสุด
ก็เป็นอย่างนี้ จะพรากพี่ชายกุไปถึงเมื่อไร .
ไอพี: ไม่แสดง
จะต้องเป็นสมาชิกจึงจะแสดงความคิดเห็นได้
เป็นสมาชิกอยู่แล้ว ลงชื่อเข้าใช้ระบบ
ยังไม่ได้เป็นสมาชิก สมัครสมาชิกใหม่
หรือจะลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google หรือ Facebook ก็ได้
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Facebook
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google
เป็นสมาชิกอยู่แล้ว ลงชื่อเข้าใช้ระบบ
ยังไม่ได้เป็นสมาชิก สมัครสมาชิกใหม่
หรือจะลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google หรือ Facebook ก็ได้
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Facebook
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google