10 เคล็บลับการสร้างเพื่อนใหม่และดูแลมิตรภาพ*O*
11 พ.ย. 55 18:36 น. /
ดู 1,171 ครั้ง /
8 ความเห็น /
7 ชอบจัง
/
แชร์
เพื่อนแบบคนรู้จัก : โดยส่วนใหญ่แล้วในชีวิตของเราจะมีเพื่อนประเภทนี้มากที่สุด กล่าวคือเป็นเพื่อนที่เห็นหน้าเห็นตากันเมื่อไปโรงเรียนหรือไปทำงาน อาจไม่ได้สนิทสนมกันมาก แต่ก็ทักทายทุกครั้งที่พบกัน
เพื่อนที่อยู่รอบ ๆ ตัว : เพื่อนกลุ่มนี้คือคนที่เราใช้เวลาส่วนใหญ่ด้วย เช่น ไปเที่ยวด้วยกัน ดูหนัง ทานข้าว ฯลฯ เป็นเพื่อนที่เราสามารถคุยเรื่องต่าง ๆ ได้ทุก ๆ วัน
เพื่อนสนิท หรือเพื่อนแท้ : ซึ่งเพื่อนแบบนี้มักจะมีอยู่ไม่กี่คน เพื่อนแท้คือคนที่คุณสามารถปรึกษาเรื่องราวทุกเรื่องได้อย่างไม่ปิดบัง เปิดเผยตัวตนจริง ๆ ให้เขาเห็นได้โดยไม่เคอะเขิน และไม่จำเป็นว่าต้องเจอกันบ่อย ๆ เพราะระยะทางไม่ใช่อุปสรรคต่อมิตรภาพของเพื่อนแท้ค่ะ
อย่างไรก็ตาม แม้ระดับความสัมพันธ์ของเพื่อนจะถูกแบ่งออกเป็นหลายรูปแบบตามความสนิทสนม แต่ไม่ว่าจะเป็นความสัมพันธ์แบบไหนก็ต้องเริ่มต้นมาจากก้าวแรกด้วยกันทั้งนั้น คือการเป็นคนแปลกหน้าต่อกันมาก่อน แล้วจึงค่อย ๆ เริ่มต้นพัฒนาขึ้นไป ด้วยการผูกมิตรหรือการรู้จักกับเพื่อนใหม่ ซึ่งอาจฟังดูเป็นเรื่องน่ากลัวสำหรับหลาย ๆ คน ที่จะต้องพาตัวเองไปพัวพันใกล้ชิดกับคนที่ยังแปลกหน้ากันอยู่
แต่อย่าได้กลัวไปเลยค่ะ แม้จะรู้สึกประหม่าในตอนแรก แต่ในวันถัด ๆ ไป คุณก็จะคลายความประหม่าตื่นเต้นนี้ลง และพูดคุยกันได้เป็นธรรมชาติมากขึ้นเอง ไม่แน่ว่าเพื่อนใหม่คนนี้อาจจะกลายเป็นเพื่อนสนิทของคุณในวันข้างหน้าก็ได้นะคะ เพราะฉะนั้นจงอย่าได้กลัวที่จะผูกมิตรกับผู้คนใหม่ ๆ เลยค่ะ
อ่านมาถึงตรงนี้ บางคนคงอยากจะสะกิดคนข้าง ๆ มาชวนคุยทำความรู้จักกัน แต่ว่าถ้ายังไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นอย่างไรดี วันนี้กระปุกดอทคอมมีคำแนะนำดี ๆ ในการผูกมิตรกับเพื่อนใหม่และการรักษามิตรภาพให้ยั่งยืนมาฝากกัน
1. ขจัดความเขินอายทิ้งไป
สิ่งแรกที่ต้องทำก่อนจะผูกมิตรกับเพื่อนใหม่ คือตัดความเขินอายออกไปแล้วทำตัวให้เป็นธรรมชาติ หลายคนมองว่าการทำความรู้จักกับคนใหม่ ๆ ช่างเป็นเรื่องที่น่ากลัว เพราะกังวลว่าจะทำอย่างไรให้อีกฝ่ายประทับใจ หรือจะพูดคุยอย่างไรให้ลื่นไหลดี แต่...ยิ่งกังวลมากก็ยิ่งเกร็ง และยิ่งทำตัวไม่เป็นธรรมชาติ บทสนทนาของคนที่เพิ่งรู้จักกันครั้งแรก จึงมักจะตะกุกตะกักเพราะยังประหม่าเขินอายด้วยกันทั้งคู่ ดังนั้น จึงควรทำใจสู้สลัดความเขินอายทิ้งไป และทำตัวให้เป็นธรรมชาติ ไม่ตั้งกลัวว่าจะทำอะไรเปิ่น ๆ ออกไป หรอกค่ะ เป็นตัวของตัวเองให้เขาเห็นนี่แหละ จริงใจสุด ๆ แล้ว
2. เริ่มทำความรู้จักจากกลุ่มเล็ก ๆ
หากคุณเป็นคนประเภทที่ทำตัวไม่ถูกเมื่ออยู่ท่ามกลางคนแปลกหน้ากลุ่มใหญ่ ไม่รู้จะเริ่มอย่างไรที่จะปฏิสัมพันธ์กับคนที่ไม่เคยรู้จักมาดี ลองค่อย ๆ ปรับนิสัยของตัวเองด้วยการลองทำความรู้จักกับคนกลุ่มเล็ก ๆ ดูก่อน เพื่อเป็นการพัฒนาทักษะการเข้าสังคมของคุณ โดยคุณอาจกลับไปติดต่อกับเพื่อนสมัยเรียน นัดเขาออกมาทานข้าว หรือโทรไปพูดคุยถามไถ่ความเป็นไป, เข้าชมรมหรือเป็นสมาชิกคลับที่คุณสนใจ เพื่อสร้างเพื่อนใหม่ที่อย่างน้อยก็จูนกันติด เพราะมีความสนใจในเรื่องเดียวกัน คุณจึงสามารถเรียนรู้การสร้างความสัมพันธ์ได้จากจุดนี้ด้วย
หรือลองทำความรู้จักกับเพื่อนของเพื่อน หากคุณสนิทกับเพื่อนคนนั้นแล้ว คุณก็มีโอกาสจะเข้ากันได้กับเพื่อนของเขามากขึ้นด้วย หรือวิธีสุดท้าย เลิกเก็บตัวและออกไปเปิดหูเปิดตาบ้าง หากคุณเป็นคนประเภทที่ชอบเก็บตัว เพื่อนชวนไปไหนก็ไม่ค่อยจะไป เพราะอย่างนี้คุณจึงไม่คุ้นชินกับสถานการณ์ที่ต้องเจอคนใหม่ ๆ นั่นเอง คุณจะมีเพื่อนใหม่ไม่ได้เลยถ้าคุณไม่เลิกเก็บตัวนะคะ
3. รู้จักกับคนกลุ่มใหญ่ขึ้น
หากคุณเริ่มปรับตัวได้ในการผูกมิตรเพื่อนใหม่จากกลุ่มเล็ก ๆ แล้ว คราวนี้การขยับขยายเป็นกลุ่มที่ใหญ่ขึ้นคงไม่ใช่เรื่องยาก ซึ่งการพบเจอคนมากมายหลายแบบก็เป็นเรื่องที่น่าสนุกไปอีกแบบ เช่น การออกค่าย, เป็นอาสาสมัครตามโครงการต่าง ๆ, ลงคอร์สเวิร์คชอปเรื่องที่ตัวเองสนใจ...เหล่านี้นอกจากจะเพื่อนใหม่แล้วยังได้ประโยชน์ด้วย หรือจะลองผูกมิตรกับผู้คนจากสังคมออนไลน์ต่าง ๆ แม้จะไม่ได้เห็นหน้า ไม่ได้เจอกัน แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเป็นเพื่อนกันไม่ได้นี่นา
4. ทำตัวเป็นฝ่ายแรกที่เริ่มสนทนา
ในยามที่คนไม่คุ้นหน้า ต้องมาเจอกันเป็นครั้งแรก ช่างเป็นสถานการณ์ที่น่าอึดอัด หากอีกฝ่ายยังไม่มีทีท่าจะเอื้อนเอ่ยอะไรออกมา อย่ารอช้าที่ตัวคุณเองจะเป็นฝ่ายเอ่ยคำทักทายที่เป็นมิตร พร้อมทั้งแนะนำตัวคุณออกไปก่อน แล้วจึงเว้นช่วงให้ฝ่ายตรงข้ามโต้ตอบกลับมาบ้าง จากนั้นบทสนทนาอื่น ๆ ก็จะค่อย ๆ ไหลตามมาเอง เพราะถ้าหากทลายกำแพงชั้นแรกออกได้ ขั้นต่อ ๆ ไปก็ไม่ใช่เรื่องยากแล้วล่ะ
5. เปิดใจ
การจะรู้จักใครสักคน ถ้าเราไม่เปิดใจ ก็ยากที่จะชนะใจและเริ่มต้นความสัมพันธ์กับอีกฝ่ายได้ ไม่ว่าจะเป็นความสัมพันธ์รูปแบบใด รวมทั้งความสัมพันธ์ฉันท์เพื่อนด้วย อย่ากำหนดขอบเขตว่าต้องการจะรู้จักแต่คนที่มีพื้นเพความสนใจหรือรสนิยมใกล้เคียงกันเท่านั้น บางครั้งคนที่ต่างที่มาต่างความสนใจ รสนิยมต่างกัน ก็กลับเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันได้อย่างไม่น่าเชื่อ ซึ่งนอกจากเปิดใจแล้วก็ยังต้องเชื่อใจกันด้ว ที่สำคัญที่สุดก็คือต้องเชื่อว่าอีกฝ่ายเป็นคนดี อย่าตั้งอคติกันเพียงในครั้งแรกที่พบ ใคร ๆ ย่อมอยากได้เพื่อนที่จริงใจและเปิดใจ เพราะฉะนั้นคุณก็ต้องจริงใจและเปิดใจในการสร้างเพื่อนใหม่ด้วย
6. เรียนรู้เรื่องราวของเพื่อนใหม่
มิตรภาพก็คือเรื่องราวระหว่างคนสองคน ทำความรู้จักความเป็นมาและเป็นไปของเพื่อนใหม่คุณดูสักนิด คุณอาจแลกเปลี่ยนทำความรู้จักกันด้วย คำถามอย่าง...เรียนที่ไหน, ทำงานอะไร, สนใจกีฬาหรือเปล่า, เชียร์ทีมไหนเป็นพิเศษ, มีงานอดิเรกอะไร, ชอบดูหนังแนวไหน ฯลฯ คำถามที่จะทำให้คุณเรียนรู้เรื่องราวของเพื่อนใหม่ได้ มีอีกเยอะแยะเลย ลองใช้คำถามเหล่านี้เป็นแนวทางที่จะทำความรู้จักเพื่อนใหม่ของคุณดูนะคะ
7. สัมพันธ์กันอย่างจริงใจ
หลาย ๆ ครั้งที่เรากังวลเรื่องราวเกี่ยวกับตัวเองว่าจะต้องพูดหรือทำอะไรให้ดูดี อย่างเช่นว่า ควรจะพูดอะไรต่อไป ทำท่าไหนต่อดี แล้วคนอื่นจะคิดอย่างไรกับคุณ ความกังวลเช่นนี้คุณเองก็สามารถมีได้ แต่ควรให้มันเป็นความกังวลเกี่ยวกับเรื่องการทำงานจะดีกว่า ไม่ควรนำสิ่งเหล่านั้นมากังวลเกี่ยวกับมิตรภาพความสัมพันธ์ คุณควรพูดหรือทำในสิ่งที่คุณอยากทำ ไม่ใช่สิ่งที่คุณต้องทำ ปฏิบัติต่ออีกฝ่ายอย่างที่อยากให้คนอื่นปฏิบัติกับเรา แสดงความจริงใจของคุณต่อฝ่ายตรงข้าม เพียงเท่านั้นคุณก็จะดึงดูดให้คนมาปฎิสัมพันธ์กับคุณอย่างจริงใจได้เช่นเดียวกัน ไม่แน่ว่าเพื่อนคนนี้อาจกลายเป็นเพื่อนสนิทของคุณในวันหน้าก็ได้นะ
8. เป็นตัวของตัวเอง
อย่าพยายามเปลี่ยนแปลงตัวเองหรือสร้างบุคลิกใหม่เพื่อผูกมิตร เพราะนั่นไม่ใช่ตัวคุณเลย ในครั้งแรกที่รู้จักกันมักเป็นวันที่อีกฝ่ายจดจำคุณในบุคลิกแบบนั้นไว้ฝังใจ และก็จะคิดว่ารู้จักคุณที่เป็นคนแบบนั้น หากคุณปรุงแต่งตัวเองให้ต่างจากที่เคยเป็น นอกจากจะรู้สึกไม่สะดวกใจและทำตัวไม่ถูกในการพบกันครั้งต่อไปแล้ว อาจเกิดปฏิกิริยาหมางเมินจากอีกฝ่าย ในโทษฐานที่คุณไม่จริงใจในการพบกันตั้งแต่ครั้งแรกก็ได้นะคะ
9. ให้ความช่วยเหลือเมื่อเพื่อนต้องการ
มิตรภาพคือความสัมพันธ์ที่สนับสนุน เกื้อกูลกัน เพราะฉะนั้นเมื่อเพื่อนมีปัญหา จงอย่าลังเลที่จะเข้าช่วยเหลือ และให้ช่วยเหลือด้วยความจริงใจ ไม่หวังผลตอบแทน ช่วยด้วยใจที่คุณอยากช่วย ไม่ใช่ด้วยความรู้สึกว่าควรจะช่วย แถมความรู้สึกอิ่มเอมใจที่ได้จาการช่วยเหลือนั้นก็คือรางวัลที่ยิ่งใหญ่ เพราะคุณไม่สามารถสร้างความรู้สึกนี้ได้กับเรื่องทั่ว ๆ ไปหรอกนะคะ
10. ติดต่อกันอย่าให้ห่างหาย
เมื่อได้เป็นเพื่อนกันแล้ว ก็อย่าให้การติดต่อขาดหายไปนานนัก หมั่นนัดออกมาเจอกันบ้าง อย่างไปทานข้าวเย็น เดินเล่น ดูหนัง หรือทำกิจกรรมอื่น ๆ ด้วยกัน ไม่ต้องเจอกันบ่อยนัก อาจเป็นเดือนละครั้ง หรือ 2-3 เดือนครั้งก็ได้ค่ะ มิตรภาพไม่ได้ถูกตัดรอนง่าย ๆ ด้วยความห่างไกล แต่การแสดงความเอาใจใส่ว่าอยากมาพูดคุย หรือเจอหน้าก็ทำให้อีกฝ่ายเกิดความรู้สึกดีได้
.... กระทู้นี้ย้ายมาจากห้องเบ็ดเตล็ด ...
เพื่อนสนิท หรือเพื่อนแท้ : ซึ่งเพื่อนแบบนี้มักจะมีอยู่ไม่กี่คน เพื่อนแท้คือคนที่คุณสามารถปรึกษาเรื่องราวทุกเรื่องได้อย่างไม่ปิดบัง เปิดเผยตัวตนจริง ๆ ให้เขาเห็นได้โดยไม่เคอะเขิน และไม่จำเป็นว่าต้องเจอกันบ่อย ๆ เพราะระยะทางไม่ใช่อุปสรรคต่อมิตรภาพของเพื่อนแท้ค่ะ
อย่างไรก็ตาม แม้ระดับความสัมพันธ์ของเพื่อนจะถูกแบ่งออกเป็นหลายรูปแบบตามความสนิทสนม แต่ไม่ว่าจะเป็นความสัมพันธ์แบบไหนก็ต้องเริ่มต้นมาจากก้าวแรกด้วยกันทั้งนั้น คือการเป็นคนแปลกหน้าต่อกันมาก่อน แล้วจึงค่อย ๆ เริ่มต้นพัฒนาขึ้นไป ด้วยการผูกมิตรหรือการรู้จักกับเพื่อนใหม่ ซึ่งอาจฟังดูเป็นเรื่องน่ากลัวสำหรับหลาย ๆ คน ที่จะต้องพาตัวเองไปพัวพันใกล้ชิดกับคนที่ยังแปลกหน้ากันอยู่
แต่อย่าได้กลัวไปเลยค่ะ แม้จะรู้สึกประหม่าในตอนแรก แต่ในวันถัด ๆ ไป คุณก็จะคลายความประหม่าตื่นเต้นนี้ลง และพูดคุยกันได้เป็นธรรมชาติมากขึ้นเอง ไม่แน่ว่าเพื่อนใหม่คนนี้อาจจะกลายเป็นเพื่อนสนิทของคุณในวันข้างหน้าก็ได้นะคะ เพราะฉะนั้นจงอย่าได้กลัวที่จะผูกมิตรกับผู้คนใหม่ ๆ เลยค่ะ
อ่านมาถึงตรงนี้ บางคนคงอยากจะสะกิดคนข้าง ๆ มาชวนคุยทำความรู้จักกัน แต่ว่าถ้ายังไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นอย่างไรดี วันนี้กระปุกดอทคอมมีคำแนะนำดี ๆ ในการผูกมิตรกับเพื่อนใหม่และการรักษามิตรภาพให้ยั่งยืนมาฝากกัน
1. ขจัดความเขินอายทิ้งไป
สิ่งแรกที่ต้องทำก่อนจะผูกมิตรกับเพื่อนใหม่ คือตัดความเขินอายออกไปแล้วทำตัวให้เป็นธรรมชาติ หลายคนมองว่าการทำความรู้จักกับคนใหม่ ๆ ช่างเป็นเรื่องที่น่ากลัว เพราะกังวลว่าจะทำอย่างไรให้อีกฝ่ายประทับใจ หรือจะพูดคุยอย่างไรให้ลื่นไหลดี แต่...ยิ่งกังวลมากก็ยิ่งเกร็ง และยิ่งทำตัวไม่เป็นธรรมชาติ บทสนทนาของคนที่เพิ่งรู้จักกันครั้งแรก จึงมักจะตะกุกตะกักเพราะยังประหม่าเขินอายด้วยกันทั้งคู่ ดังนั้น จึงควรทำใจสู้สลัดความเขินอายทิ้งไป และทำตัวให้เป็นธรรมชาติ ไม่ตั้งกลัวว่าจะทำอะไรเปิ่น ๆ ออกไป หรอกค่ะ เป็นตัวของตัวเองให้เขาเห็นนี่แหละ จริงใจสุด ๆ แล้ว
2. เริ่มทำความรู้จักจากกลุ่มเล็ก ๆ
หากคุณเป็นคนประเภทที่ทำตัวไม่ถูกเมื่ออยู่ท่ามกลางคนแปลกหน้ากลุ่มใหญ่ ไม่รู้จะเริ่มอย่างไรที่จะปฏิสัมพันธ์กับคนที่ไม่เคยรู้จักมาดี ลองค่อย ๆ ปรับนิสัยของตัวเองด้วยการลองทำความรู้จักกับคนกลุ่มเล็ก ๆ ดูก่อน เพื่อเป็นการพัฒนาทักษะการเข้าสังคมของคุณ โดยคุณอาจกลับไปติดต่อกับเพื่อนสมัยเรียน นัดเขาออกมาทานข้าว หรือโทรไปพูดคุยถามไถ่ความเป็นไป, เข้าชมรมหรือเป็นสมาชิกคลับที่คุณสนใจ เพื่อสร้างเพื่อนใหม่ที่อย่างน้อยก็จูนกันติด เพราะมีความสนใจในเรื่องเดียวกัน คุณจึงสามารถเรียนรู้การสร้างความสัมพันธ์ได้จากจุดนี้ด้วย
หรือลองทำความรู้จักกับเพื่อนของเพื่อน หากคุณสนิทกับเพื่อนคนนั้นแล้ว คุณก็มีโอกาสจะเข้ากันได้กับเพื่อนของเขามากขึ้นด้วย หรือวิธีสุดท้าย เลิกเก็บตัวและออกไปเปิดหูเปิดตาบ้าง หากคุณเป็นคนประเภทที่ชอบเก็บตัว เพื่อนชวนไปไหนก็ไม่ค่อยจะไป เพราะอย่างนี้คุณจึงไม่คุ้นชินกับสถานการณ์ที่ต้องเจอคนใหม่ ๆ นั่นเอง คุณจะมีเพื่อนใหม่ไม่ได้เลยถ้าคุณไม่เลิกเก็บตัวนะคะ
3. รู้จักกับคนกลุ่มใหญ่ขึ้น
หากคุณเริ่มปรับตัวได้ในการผูกมิตรเพื่อนใหม่จากกลุ่มเล็ก ๆ แล้ว คราวนี้การขยับขยายเป็นกลุ่มที่ใหญ่ขึ้นคงไม่ใช่เรื่องยาก ซึ่งการพบเจอคนมากมายหลายแบบก็เป็นเรื่องที่น่าสนุกไปอีกแบบ เช่น การออกค่าย, เป็นอาสาสมัครตามโครงการต่าง ๆ, ลงคอร์สเวิร์คชอปเรื่องที่ตัวเองสนใจ...เหล่านี้นอกจากจะเพื่อนใหม่แล้วยังได้ประโยชน์ด้วย หรือจะลองผูกมิตรกับผู้คนจากสังคมออนไลน์ต่าง ๆ แม้จะไม่ได้เห็นหน้า ไม่ได้เจอกัน แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเป็นเพื่อนกันไม่ได้นี่นา
4. ทำตัวเป็นฝ่ายแรกที่เริ่มสนทนา
ในยามที่คนไม่คุ้นหน้า ต้องมาเจอกันเป็นครั้งแรก ช่างเป็นสถานการณ์ที่น่าอึดอัด หากอีกฝ่ายยังไม่มีทีท่าจะเอื้อนเอ่ยอะไรออกมา อย่ารอช้าที่ตัวคุณเองจะเป็นฝ่ายเอ่ยคำทักทายที่เป็นมิตร พร้อมทั้งแนะนำตัวคุณออกไปก่อน แล้วจึงเว้นช่วงให้ฝ่ายตรงข้ามโต้ตอบกลับมาบ้าง จากนั้นบทสนทนาอื่น ๆ ก็จะค่อย ๆ ไหลตามมาเอง เพราะถ้าหากทลายกำแพงชั้นแรกออกได้ ขั้นต่อ ๆ ไปก็ไม่ใช่เรื่องยากแล้วล่ะ
5. เปิดใจ
การจะรู้จักใครสักคน ถ้าเราไม่เปิดใจ ก็ยากที่จะชนะใจและเริ่มต้นความสัมพันธ์กับอีกฝ่ายได้ ไม่ว่าจะเป็นความสัมพันธ์รูปแบบใด รวมทั้งความสัมพันธ์ฉันท์เพื่อนด้วย อย่ากำหนดขอบเขตว่าต้องการจะรู้จักแต่คนที่มีพื้นเพความสนใจหรือรสนิยมใกล้เคียงกันเท่านั้น บางครั้งคนที่ต่างที่มาต่างความสนใจ รสนิยมต่างกัน ก็กลับเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันได้อย่างไม่น่าเชื่อ ซึ่งนอกจากเปิดใจแล้วก็ยังต้องเชื่อใจกันด้ว ที่สำคัญที่สุดก็คือต้องเชื่อว่าอีกฝ่ายเป็นคนดี อย่าตั้งอคติกันเพียงในครั้งแรกที่พบ ใคร ๆ ย่อมอยากได้เพื่อนที่จริงใจและเปิดใจ เพราะฉะนั้นคุณก็ต้องจริงใจและเปิดใจในการสร้างเพื่อนใหม่ด้วย
6. เรียนรู้เรื่องราวของเพื่อนใหม่
มิตรภาพก็คือเรื่องราวระหว่างคนสองคน ทำความรู้จักความเป็นมาและเป็นไปของเพื่อนใหม่คุณดูสักนิด คุณอาจแลกเปลี่ยนทำความรู้จักกันด้วย คำถามอย่าง...เรียนที่ไหน, ทำงานอะไร, สนใจกีฬาหรือเปล่า, เชียร์ทีมไหนเป็นพิเศษ, มีงานอดิเรกอะไร, ชอบดูหนังแนวไหน ฯลฯ คำถามที่จะทำให้คุณเรียนรู้เรื่องราวของเพื่อนใหม่ได้ มีอีกเยอะแยะเลย ลองใช้คำถามเหล่านี้เป็นแนวทางที่จะทำความรู้จักเพื่อนใหม่ของคุณดูนะคะ
7. สัมพันธ์กันอย่างจริงใจ
หลาย ๆ ครั้งที่เรากังวลเรื่องราวเกี่ยวกับตัวเองว่าจะต้องพูดหรือทำอะไรให้ดูดี อย่างเช่นว่า ควรจะพูดอะไรต่อไป ทำท่าไหนต่อดี แล้วคนอื่นจะคิดอย่างไรกับคุณ ความกังวลเช่นนี้คุณเองก็สามารถมีได้ แต่ควรให้มันเป็นความกังวลเกี่ยวกับเรื่องการทำงานจะดีกว่า ไม่ควรนำสิ่งเหล่านั้นมากังวลเกี่ยวกับมิตรภาพความสัมพันธ์ คุณควรพูดหรือทำในสิ่งที่คุณอยากทำ ไม่ใช่สิ่งที่คุณต้องทำ ปฏิบัติต่ออีกฝ่ายอย่างที่อยากให้คนอื่นปฏิบัติกับเรา แสดงความจริงใจของคุณต่อฝ่ายตรงข้าม เพียงเท่านั้นคุณก็จะดึงดูดให้คนมาปฎิสัมพันธ์กับคุณอย่างจริงใจได้เช่นเดียวกัน ไม่แน่ว่าเพื่อนคนนี้อาจกลายเป็นเพื่อนสนิทของคุณในวันหน้าก็ได้นะ
8. เป็นตัวของตัวเอง
อย่าพยายามเปลี่ยนแปลงตัวเองหรือสร้างบุคลิกใหม่เพื่อผูกมิตร เพราะนั่นไม่ใช่ตัวคุณเลย ในครั้งแรกที่รู้จักกันมักเป็นวันที่อีกฝ่ายจดจำคุณในบุคลิกแบบนั้นไว้ฝังใจ และก็จะคิดว่ารู้จักคุณที่เป็นคนแบบนั้น หากคุณปรุงแต่งตัวเองให้ต่างจากที่เคยเป็น นอกจากจะรู้สึกไม่สะดวกใจและทำตัวไม่ถูกในการพบกันครั้งต่อไปแล้ว อาจเกิดปฏิกิริยาหมางเมินจากอีกฝ่าย ในโทษฐานที่คุณไม่จริงใจในการพบกันตั้งแต่ครั้งแรกก็ได้นะคะ
9. ให้ความช่วยเหลือเมื่อเพื่อนต้องการ
มิตรภาพคือความสัมพันธ์ที่สนับสนุน เกื้อกูลกัน เพราะฉะนั้นเมื่อเพื่อนมีปัญหา จงอย่าลังเลที่จะเข้าช่วยเหลือ และให้ช่วยเหลือด้วยความจริงใจ ไม่หวังผลตอบแทน ช่วยด้วยใจที่คุณอยากช่วย ไม่ใช่ด้วยความรู้สึกว่าควรจะช่วย แถมความรู้สึกอิ่มเอมใจที่ได้จาการช่วยเหลือนั้นก็คือรางวัลที่ยิ่งใหญ่ เพราะคุณไม่สามารถสร้างความรู้สึกนี้ได้กับเรื่องทั่ว ๆ ไปหรอกนะคะ
10. ติดต่อกันอย่าให้ห่างหาย
เมื่อได้เป็นเพื่อนกันแล้ว ก็อย่าให้การติดต่อขาดหายไปนานนัก หมั่นนัดออกมาเจอกันบ้าง อย่างไปทานข้าวเย็น เดินเล่น ดูหนัง หรือทำกิจกรรมอื่น ๆ ด้วยกัน ไม่ต้องเจอกันบ่อยนัก อาจเป็นเดือนละครั้ง หรือ 2-3 เดือนครั้งก็ได้ค่ะ มิตรภาพไม่ได้ถูกตัดรอนง่าย ๆ ด้วยความห่างไกล แต่การแสดงความเอาใจใส่ว่าอยากมาพูดคุย หรือเจอหน้าก็ทำให้อีกฝ่ายเกิดความรู้สึกดีได้
.... กระทู้นี้ย้ายมาจากห้องเบ็ดเตล็ด ...
เลขไอพี : ไม่แสดง
อ่านต่อ คุณอาจจะสนใจเนื้อหาเหล่านี้ (ความคิดเห็นกระทู้ อยู่ด้านล่าง)
ความคิดเห็น
จะต้องเป็นสมาชิกจึงจะแสดงความคิดเห็นได้
เป็นสมาชิกอยู่แล้ว ลงชื่อเข้าใช้ระบบ
ยังไม่ได้เป็นสมาชิก สมัครสมาชิกใหม่
หรือจะลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google หรือ Facebook ก็ได้
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Facebook
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google
เป็นสมาชิกอยู่แล้ว ลงชื่อเข้าใช้ระบบ
ยังไม่ได้เป็นสมาชิก สมัครสมาชิกใหม่
หรือจะลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google หรือ Facebook ก็ได้
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Facebook
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google