รู้หรือไม่? TVแบบไหนกินไฟที่ซู๊ดดด

จอทีวีที่วางขายปัจจุบันแบ่งเป็นประเภทใหญ่ๆ ได้ 3 ประเภท

1. CRT
ข้อดี
- ภาพคมชัดที่สุด
- โดยมากจะมีขนาดไม่เกิน 29"  จึงทำให้กินไฟน้อยกว่า เมื่อเทียบกับจอ LCD และ PLASMA ที่นิยมขนาดใหญ่ตั้งแต่ 32" ขึ้นไป (จอ CRT 29" กินไฟ 100-160 W.)
- ราคาถูกกว่า LCD และ PLASMA
- อายุการใช้งานนาน ใช้กันไม่ต่ำกว่า 10 ปี อาจเจ๊งเร็วกว่าขึ้นอยู่กับความโหดในการใช้งาน ข้อเสีย
- ร้อนง่าย อาจทำให้ห้องอุณหภูมิสูงขึ้นถึง 5 องศา ถ้าเปิดแอร์ก็เปลืองไฟมากขึ้นเลยละ
- จอภาพอาจไหม้ได้ ถ้าเปิดภาพเดิมแช่ไว้นานๆ 
- น้ำหนักมาก และหลังตุงทำให้เสียเนื้อที่จัดวาง
*นอกจากนี้ยังมีจอ CRT รุ่นใหม่ที่ดีไซน์บางลงเยอะมากๆ แต่ยังหนากว่า LCD และ PLASMA ขนาดของ CRT รุ่นใหม่จะอยู่ที่ 32" ทีวีประเภทนี้ ลดจุดด้อยเรื่องความหนา แต่ยังคงคุณสมบัติ ดูทีวีคมชัด กินไฟปานกลาง


2. LCD
ข้อดี
- บาง สวย มีสไตล์
- กินไฟน้อยกว่า CRT และPLASMA แต่เพราะความนิยมจอแอลซีดีขนาดใหญ่ มากกว่า 32" ขึ้นไป ทำให้มันกินไฟเยอะกว่า CRT ซึ่งนิยมใช้จอเล็กกว่า  ( จอ LCD 42" กินไฟ 220-280 W. แต่ถ้าเป็นจอคอมพ์ล่ะก็ LCD ประหยัดไฟกว่า CRT 40-60% เชียวนะ!)
- เวลาเปิดไม่ร้อน ไม่เพิ่มอุณหภูมิห้อง
- เปิดภาพแช่ไว้ จอไม่ไหม้
- อายุการใช้งาน ประมาณ 60,000 ชั่วโมง จัดว่าดีพอสมควร
- ตอนนี้ราคากำลังถูกลง แต่แพงกว่า CRT

ข้อเสีย
- ดูทีวีภาพไม่คมชัด  เหมาะจะดูพวก DVD ซะมากกว่า


3. PLASMA
ข้อดี
- สวย บาง มีสไตล์ ประหยัดเนื้อที่
- เหมาะกับผู้ที่ต้องการจอขนาดใหญ่ๆ นิยมใช้ขนาด 50 - 60 นิ้ว
- ภาพคม สวย ไม่ว่าจะดู TV หรือ ดู DVD

ข้อเสีย
-  กินไฟมากที่สุด โลกร้อนสุด เช่น จอ 42" กินไฟ 340-400 W.
- จอร้อน เพิ่มอุณหภูมิห้อง
- เปิดภาพแช่ไว้ จอไหม้ได้ เหมือน CRT
- อายุสั้น ประมาณ 30,000 ชั่วโมง

สำหรับข้อดีและข้อเสียของ TV แต่ละชนิดนั้นแตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับการเลือกใช้ตามการใช้งานที่ให้ประโยชน์สูงสุด และที่สำคัญต้องคำนึงถึงการประหยัดพลังงานเพื่อสิ่งแวดล้อมและเงินให้กระเป๋าด้วย

ที่มา gonextgreen