เจฟฟรีย์ ดาห์เมอร์ (Jeffrey Dahmer) คนรักศพ ตอนที่2จบ ซึ่งมากT^T

31 มี.ค. 56 13:30 น. / ดู 7,041 ครั้ง / 9 ความเห็น / 2 ชอบจัง / แชร์
  25 กันยายน 1988 ดาห์เมอร์ย้ายเข้ามาอยู่พาร์ตเมนต์ บนถนนสายที่ 25 เหนือ ในเมืองมิลวอกี้ เมื่อย้ายมาอยู่มาได้ไม่นานเขาก็ได้เจอเด็กชายไกรสร สินธโสภณชาวลาวอายุ 13 ปี ดาห์เมอร์ใช้เงินล่อไกรสรมาถ่ายรูปโป๊ จากนั้นก็วางยาและลวนลามเขา แต่ก่อนที่จะมีอะไรกันต่อไป ไกรสรเกิดไหวตัวทัน หนีรอดออกมาได้ ผู้ปกครองเขารีบพาตัวส่งโรงพยาบาล และแจ้งตำรวจ
ดาห์เมอร์ถูกตำรวจจับกุมตัวถึงที่ทำงานเขาในโรงงานผสมเหล้า ในข้อหาพรากผู้เยาว์ และพยายามล่วงละเมิดทางเพศแก่เด็กชาย
วันที่ 30 กรกฎาคม ปีค.ศ. 1989 เขาถูกดำเนินคดี แต่แต่ไม่นานก็ประกันตัว ขณะที่ตรวจสอบสภาพจิตก่อนที่ศาลจะตัดสิน อัยการและพ่อเขาวอนขอให้คำตัดสินอยู่ในความดูแลของแพทย์ และดาห์เมอร์ได้แสดงความต้องการอย่างจริงใจว่าต้องการรักษาโรคจิตให้หาย โดยรับทัณฑ์บนและรักษาตัวอยู่ในสถานบำบัด 1 ปี

เมื่อพ้นโทษทัณฑ์บน ดาห์เมอร์ได้พักกลับยายอีกครั้ง และไม่นานเขาก็ได้เจอเหยื่อรายใหม่อีก แอนโทนี่ เชียร์ เกย์ผิวดำอายุ 24 ปี การลงมือไม่ต่างครั้งก่อน ๆ มากนัก เอาเงินมาล่อแล้วพาแอนโทนี่ไปถ่ายภาพเปลือยที่บ้านย่า(ย่ายังอยู่ในบ้าน) วางยาจนมึนเมาแล้วจับหักคอ ข่มขืนทวารหนักในขณะที่ศพกำลังอุ่นๆ อยู่และหั่นเป็นชิ้นทำลายหลักฐาน
แต่ครั้งนี้พิเศษหน่อย เขาตัดหัวของเหยื่อมาต้มในหม้อจนหนังหัวหลุดออก และนำมาทาสีให้เป็นสีเทา จากนั้นก็ตั้งไว้ดูเล่นในห้อง บางครั้งครึ้มอกครึ้มใจก็สำเร็จความใคร่กับหัวกะโหลกนั้นด้วย



14 พฤษภาคม 1990 ดาห์เมอร์ย้ายกลับไปที่อพาร์ตเมนต์เดิมอีกครั้ง และมหกรรมสยองได้บังเกิดอีกครั้ง
แค่ 15 เดือน เขาเชือดคูร่วมนอนไปถึง 12 ศพ ตั้งแต่เดือนพฤษภาคมถึงกรกฎาคม เฉลี่ยคือฆ่าคนสัปดาห์ล่ะครั้ง ในจำนวนนี้มีชายผิวขาว 1 คน ผิวดำ 3 คน ยุโรป 1 คน เอเชีย 1 คน อายุน้อยที่สุด 14 ปี มากที่สุด 31 ปี
เหยื่อส่วนใหญ่มักอาศัยในพื้นที่ที่ตำรวจเรียกว่าพื้นที่เสี่ยง เป็นที่ชุมนุมของเหล่าทรชนที่มีประวัติอาชญากรร้ายแรง อาทิวางเพลิง ล่วงละเมิดทางเพศ ข่มขืน หัวไม้ ฯลฯ



และนี้คือรายชื่อเหยื่อที่ดาห์เมอร์ฆ่าตลอดระยะ 15 เดือนที่ผ่านมา
เอ็ดเวิร์ด สมิธ มิถุนายน 1990
ริคกี้ ลี บีคส์ กรกฏาคม 1990
เออร์เนสท์ มิลเลอร์ กันยายน 1990
เดวิด โธมัส กันยายน 1990
เคอร์ติส สเตราห์เตอร์ กุมภาพันธ์ 1991
เออร์รอล ลินด์เซย์ เมษายน 1991
แอนโทนี่ ฮิวจ์ 24 พฤษภาคม 1991
โคเนรัค สินธโสภณ 27 พฤษภาคม 1991
แม็ท เทอร์แมอร์ 30 มิถุนายน 1991
เจอเรเมียห์ ไวน์เบอร์เกอร์ 5 กรกฏาคม 1991
โอลิเวอร์ เลซี่ย์ 12 กรกฏาคม 1991
โจเซฟ เบรดโฮ๊ฟท์ 19 กรกฎาคม 1991


จะเห็นได้ว่าตั้งแต่เดือนพฤษภาคมถึงมิถุนายน 1991 เขาสังหารเหยื่ออาทิตย์ละราย โดยใช้วิธีการเดิมๆ คือหลอกมาที่ห้องหมายเลข 213 ให้ดูวีดีโอลามกแบบรักร่วมเพศ จากนั้นก็วางยาในเครื่องดืมให้เหยื่อกิน พอเหยื่อมึนก็รัดคอด้วยมือเปล่าหรือไม่ก็ใช้เข็มขัดรัดจนตายคามือจากนั้นก็ลงมือข่มขืนศพแล้วสำเร็จความใคร่ให้น้ำกามรดลงไปบนศพ
วิปริตดีแท้


นี้คือเหยื่อที่อายุน้อยที่สุดที่เจฟฟรีย์ ดาห์เมอร์  มีอายุเพียง 14 ปีเท่านั้นโคเนรัค สินธโสภณ ก็ไม่ใครที่ไหนเขาเป็นน้องชายของไกรสรที่เคยหนีรอดจากหน้ามือเขามานั้นแหละ เพียงแต่โคเนรัค สินธโสภณไม่โชคดีเหมือนไกรสรเท่านั้นเอง แต่ก็เกือบรอด ตอนที่ถูกวางยา เขาหนีสุดชีวิตออกมาออกมาได้ ในขณะที่เจฟฟรีย์ออกไปข้างนอกในสภาพสลึมสลือในฤทธิ์ยา
เวลา 02.00 แซมดร้า สมิธ ผู้เห็นเหตุการณ์โทรแจ้งตำรวจให้มาช่วย
"ช่วยส่งสายตรวจมาด่วน(บอกสถายที่รายละเอียด) มีเด็กชายวิ่งหนีอะไรบางอย่างไม่คิดชีวิต ดูคล้ายกับถูกทำร้ายและมีอาการบาดเจ็บด้วย"
เมื่อตำรวจ 3 นาย มาถึงดาห์เมอร์ก็ตามมา เขาอ้างว่าโคเนรัคเป็นแฟนเขาไม่มีอะไรร้ายแรง เพียงแค่ดื่มเหล้าและงอนออกเพี้ยนนิดหน่อยแล้วแก้ผ้าวิ่งโทงๆ ส่วนโคเนรัคถูกมอมยาจนให้การไม่ได้ เจฟฟรีย์ควักบัตรประจำตัวประชาชนให้ตำรวจดู ตำรวจเชื่อก่อนจะให้เจฟฟรีย์พาโคเนรัคกลับด้วยกัน ท่ามกลางความไม่พอใจของแซมดร้า สมิธ
แต่เพื่อความแน่นใจตำรวจตามประกบเด็กหนุ่มกับเจฟฟรีย์ เข้าไปในห้องพักของอพาร์ทเมนต์ เมื่อเปิดออกมามีกลิ่นเนาโซยมาแต่ไม่ใส่ใจ ทุกอย่างจัดเป็นระเบียบเรียบร้อยไม่มีการต่อสู้ เสื้อผ้าของโคเรรัคพาดอยู่บนโซฟา มีรูปถ่ายโคเนรัคในชุดบีกีนี่ตกอยู่สองรูป


เหยื่อที่อายุน้อยที่สุดที่เจฟฟรีย์ ดาห์เมอร์  มีอายุเพียง 14 ปีเท่านั้นโคเนรัค สินธโสภณ ก็ไม่ใครที่ไหนเขาเป็นน้องชายของไกรสรที่เคยหนีรอดจากหน้ามือเขามานั้นแหละ เพียงแต่โคเนรัค สินธโสภณไม่โชคดีเหมือนไกรสรเท่านั้นเอง แต่ก็เกือบรอด ตอนที่ถูกวางยา เขาหนีสุดชีวิตออกมาออกมาได้ ในขณะที่เจฟฟรีย์ออกไปข้างนอกในสภาพสลึมสลือในฤทธิ์ยา
เวลา 02.00 แซมดร้า สมิธ ผู้เห็นเหตุการณ์โทรแจ้งตำรวจให้มาช่วย
"ช่วยส่งสายตรวจมาด่วน(บอกสถายที่รายละเอียด) มีเด็กชายวิ่งหนีอะไรบางอย่างไม่คิดชีวิต ดูคล้ายกับถูกทำร้ายและมีอาการบาดเจ็บด้วย"
เมื่อตำรวจ 3 นาย มาถึงดาห์เมอร์ก็ตามมา เขาอ้างว่าโคเนรัคเป็นแฟนเขาไม่มีอะไรร้ายแรง เพียงแค่ดื่มเหล้าและงอนออกเพี้ยนนิดหน่อยแล้วแก้ผ้าวิ่งโทงๆ ส่วนโคเนรัคถูกมอมยาจนให้การไม่ได้ เจฟฟรีย์ควักบัตรประจำตัวประชาชนให้ตำรวจดู ตำรวจเชื่อก่อนจะให้เจฟฟรีย์พาโคเนรัคกลับด้วยกัน ท่ามกลางความไม่พอใจของแซมดร้า สมิธ
แต่เพื่อความแน่นใจตำรวจตามประกบเด็กหนุ่มกับเจฟฟรีย์ เข้าไปในห้องพักของอพาร์ทเมนต์ เมื่อเปิดออกมามีกลิ่นเนาโซยมาแต่ไม่ใส่ใจ ทุกอย่างจัดเป็นระเบียบเรียบร้อยไม่มีการต่อสู้ เสื้อผ้าของโคเรรัคพาดอยู่บนโซฟา มีรูปถ่ายโคเนรัคในชุดบีกีนี่ตกอยู่สองรูป



ดาห์เมอร์ยังคงออกล่าและสังหารเหยื่อต่อไป ร่างของเหยื่อจะถูกตัดออกเป็นชิ้นเป็นท่อนเล็กท่อนน้อย ใส่ลงในอ่างน้ำ ผสม ทา ราดด้วยน้ำกรดและน้ำยาเคมี เนื้อถูกย่อยสลายส่งกลิ่นร้ายกาจเช่นเดียวกับกระดูกที่ถูกกัดจนเป็นสีดำกลิ่นน่าคลื่นไส้ จากนั้นก็เก็บมาดูเล่นเมื่อเบื่อก็นำชิ้นส่วนเหล่านั้นทิ้งไปยังโถส้วมหรือท่อระบายน้ำจนหมด  บางครั้งก็ผ่าแบะศพออกเป็นสองซีกราวกับชำแหละหมู มองดูอวัยวะภายใน และรู้สึกมีความสุขกับกลิ่นคาวและไออุ่นที่ระเหยออกจากภายในศพ
        นอกจากนี้ยังมีกะโหลกที่ถูกทาสีเทาและองคชาติที่ตัดออกมาจากศพที่ดองเก็บไว้ในขวดแก้วบรรจุยาฟอร์มัลดีไฮด์ ส่วนหัวที่ตัดออกเขาเอาไปต้มหม้อจนเปื่อยยุ่ย จากนั้นลอกเนื้อหนงให้เหลือแต่กะโหลกแล้วทำความสะอาดให้สวยงามเหมือนของเล่นพลาสติก
        เมื่อนานๆ เจฟฟรีย์เพิ่มความสุนทรีย์ยิ่งขึ้น และเพื่อความสะใจ เขาก็เริ่มกินศพ เริ่มคิดค้นหาวิธีใหม่ๆ ในการฆ่าเหยื่อ เช่นใช้สว่านเจาะสมองแล้วเอาน้ำกรดราดบนสมอง แต่บางรายไม่ตายเพราะไม่ถูกส่วนสำคัญทำให้ต้องทนทุกข์ทรมานชักเป็นเวลาหลายวันก่อนจะตาย
        ด้วยความรู้สึกเหล่านี้เจฟฟรีย์เริ่มเข้าสัทธิซาตาน เวลาว่างๆ เขามักเอาศพที่หั่นเป็นท่อนๆ มาวางรอบตัวเพื่อแสดงถึงอำนาจ
        "ไม่ต้องถามหรอกว่าพลังแห่งปีศาจอยู่ในโลกนี้หรือไม่ ผมถูกสิงสู่ด้วยพลังงานอำนาจแห่งปีศาจ ผมไม่แน่ใจหรอกน่ะว่าพระเจ้าและปีศาจมีจริงหรือไม่ แต่ผมคิดว่ามันคงสายไปแล้วที่จะมาใคร่ครวญ ผมต้องการเป็นผู้สร้าง ผมจะสร้างวิหารอันศักดิ์สิทธิ์ในห้องพักของตัวเอง มีรูปเคารพกริฟฟรินและกะโหลกใสกำยานกลิ่นซาบซ่าต่อจิตใจเป็นเครื่องสักการะ เพื่อที่จะให้อำนาจและเงินทองไหลเทลงมา
        แต่ความฝันนี้ยุติลงจนกระทั้งเขาลงมือกับเหยื่อรายสุดท้ายพลาดเหยื่อคือ เทรซี่ เอ็ดเวิร์ดส์ ในคืนวันที่ 22 กรกฎาคม 1991 ดังกล่าว



หลังถูกจับกุม ดาห์เมอร์ได้ขึ้นศาล และพิจารณาคดี ในวันที่ 13 กรกฏาคม 1992
แต่ก่อนที่เจฟฟรีย์ ตำรวจมิลวอกี้เพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยระดับสุดยอด มีสุนัขดมกลิ่นหาวัตถุระเบิดทุกตารางนิ้ว ผู้เข้าในห้องพิจารณาต้องถูกตรวจร่างกายทุกคน
ที่นั่งห้องพิจารณาคดีมีทั้งหมด 100 ที่นั่ง แบ่งออกเป็น ผู้สื่อขาว23 ที่นั่ง พ่อและแม่บุญธรรมของเจฟฟรีย์(รูปบน)และญาติของฝ่ายเหยื่อ 34 ที่นั่ง ที่เหลือเปิดให้ประชาชนทั่วไปมารับฟัง โดยมีผู้พิพากษา ลอเรนซ์ ซี.แกรม จูเนียร์ และ จูเลียร์ ไมเคิล แม็คแคนส์ อัยการเขต
ทนายความของเจฟฟรีย์ได้หยิบยกว่าเจฟฟรีย์เป็นคนวิกลจริตไม่ใช่ฆาตกรต่อเนื่องมาใช้สู่กันในศาล และหาสาเหตุว่าอะไรดลใจให้ดาห์เมอร์ก่อเหตุฆาตกรรมน่ากลัวนี้ได้ ตำรวจสอบสวนรายหนึ่งกล่าวว่าดาห์เมอร์ฆ่าเหยื่อเพราะไม่ต้องการให้เหยื่อไปจากเขาแต่อัยการไม่เห็นด้วย เพราะเห็นว่าเจฟฟรีย์ ดาห์เมอร์ไม่ได้บ้าแต่มีสติสมบูรณ์ และลงมือเหยื่ออย่างเลือดเย็น
ทนายฝ่ายจำเลยและอัยการต่างพยายามแถลงต่อศาลเพื่อช่วงชิงความได้เปรียบจากคณะลูกขุน การโต้เถียงเป็นไปอย่างสนุกเผ็ดผัดราวกับโต้มัธยมศึกษา จนถึงขนาดมีการบรรยายเหตุการณ์ในห้องพิจารณ์คดีในวันที่สอง ไว้ว่า
        "ก่อนที่คณะลูกขุนจะเข้าสู่ห้องพิจารณาคดี ทนายจำเลยเปิดหนังสือพิมพ์แท็บลอยด์ฉบับหนึ่งอ่านพาดหัวข่าวเกี่ยวกับเจฟฟรีย์ด้วยเสียงอันดังลั่นว่า ฆาตกรกินคนแห่งมิลวอกี้ กินเนื้อเพื่อนร่วมห้องอย่างหน้าตาเฉย ทุกคนได้ฟังต่างพากันฮาหัวเราะตกเก้าอี้ โดยเฉพาะเจฟฟรีย์เขาหัวเราะจนตัวงอ แต่มองดูแล้วเขาหล่อเอาการแม้จะอยู่ในขณะที่หัวเราะ"
        ในวันวันที่ 29 มกราคม ปีค.ศ. 1992 มีการคัดเลือกคณะลูกขุนกับบุคลภายนอกอีกสองคน รวมแล้วประกอบด้วยชายผิวขาว 6 ท่าน สตรีผิวขาว 7 ท่าน และมีชายคนผิวดำแค่คนเดียวเท่านั้นในคณะลูกขุน ทำให้ญาติผู้ตายประท้วงจนเกือบก่อจารชนย่อย
       


ในวันตัดสินคดีวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 1992 เจฟฟรีย์ ดาห์เมอร์ได้แถลงคำต่อศาลก่อนที่พิพากษาจะอ่านคำตัดสิน เขาแสดงความเสียใจต่อญาติผู้ตายด้วยสีหน้าท่าทางสงบและเยือกเย็น ก่อนที่จะสรุปเป็นสำนวนของศาลจำนวน 4 หน้ากระดาษพิมพ์ ได้ว่า
"บัดนี้ทุกอย่างดำเนินมาจนถึงที่สุดแล้ว ณ วันนี้ มิใช่พยายามเอาตัวรอดจากความผิด ด้วยความจริงใจข้าพเจ้ามิเคยคิดถึงการได้รับอิสรภาพแม้แต่น้อย นี้เป็นการทำให้โลกรู้ว่าข้าพเจ้ากระทำการอะไรลงไป ข้าพเจ้ามิได้กระทำการลงไปเพราะความโกรธก็หาไม่.........
ข้าพเจ้าไม่เคยโกรธใคร ข้าพเจ้ารู้ดีว่าป่วยหรือไม่ก็โหด**ม ณ วันนี้ข้าพเจ้าตระหนักแล้วว่าข้าพเจ้าป่วยแพทย์บอกให้ข้าพเจ้าได้เข้าใจว่าข้าพเจ้าได้ป่วยจริง และข้าพเจ้าได้สำนึกในความผิดอันร้ายแรงที่ข้าพเจ้าได้ก่อขึ้นทั้งหมดแล้ว ขอบคุณพระเจ้าที่ทำให้ข้าพเจ้าไม่อาจก่อกรรมทำเข็ญต่อผู้อื่นอีกต่อไป ข้าพเจ้าได้หวังว่าพระเยซูเจ้าจักได้ทรงให้อภัยต่อบาปที่ข้าพเจ้าก่อมาทั้งหมด ข้าพเจ้าจะไม่เรียกร้องอะไรอีกต่อไปแล้ว........."
ผลสุดท้ายผู้พิพากษาตัดสินว่าดาห์เมอร์ผิดจริงจากจำนวนเหยื่อ 15 ราย (เชื่อกันว่าตัวเลขเหยื่อจริง ๆ สูงกว่านี้) หลังจากนั้น 2 วัน บรรดาญาติของเหยื่อต่างรอกันประหารชีวิตดาห์เมอร์ แต่กฎหมายของรัฐวิสคอนซินไม่มีการลงโทษประหารชีวิต ดาห์เมอร์ถูกตัดสินจำคุกเป็นเวลา 957 ปี
        ในเวลาต่อมา เจฟฟรีย์ ได้ถูกส่งตัวไปคุมขัง ณ ทัณฑสถาน โคลัมเบีย ในพอร์เทจ วิสคอนซิน
ดาห์เมอร์กล่าวภายหลังว่าเขาเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมถึงได้ทำเรื่องน่ากลัวเหล่านั้นได้ จิตแพทย์กล่าวว่าเขาอาจเป็นคน 3 บุคลิก อันเกิดจากความรู้สึกโดดเดี่ยวและไม่มั่นคงในวัยเด็ก


ข้อความในช่องข้อความมีขนาดยาวเกินไป
จะต่อในคอมเม้น 1 นะคะ

cr. Cammy
เลขไอพี : ไม่แสดง

อ่านต่อ คุณอาจจะสนใจเนื้อหาเหล่านี้ (ความคิดเห็นกระทู้ อยู่ด้านล่าง)

ความคิดเห็น

#1 | ..- | 31 มี.ค. 56 13:32 น.

25 พฤศจิกายน 1994  เวลา 9.11 น.
นักโทษชายเจฟฟรีย์ ดาห์เมอร์ กำลังก้ม ๆ เงย ๆ ทำความสะอาดห้องน้ำใกล้กับโรงยิมออกกำลังกายร่วมกับนักโทษชายสองคนคือเจสซี่ แอนเดอร์สัน นักโทษในคดีฆ่าเมียตนเองและป้ายความผิดไปให้คนผิวดำ กับคริสโตเฟอร์ สคาร์เวอร์ นักโทษผิวดำในคดีฆ่าคนตายโดยเจตนา คิดว่าตนเองคือพระเจ้า
ในขณะที่เจฟฟรีย์กำลังเมื่อเงยหน้าแว่บหนึ่งเขาก็เห็นแท่งเหล็กที่ถอดจากเครื่องออกกำลังกายพุ่งเข้ามาหา มันทิ่มเข้าไปในกะโหลกศีรษะเต็มแรงด้วยน้ำมือของนักโทษคู่อริคริสโตเฟอร์ สคาร์เวอร์ที่เขาโกรธแค้นที่เจฟฟรีย์ ดาห์เมอร์ฆ่าเหยื่อผิวดำ เจฟฟรีย์นอนแนบไปกับพื้นกะโหลกศีรษะยุบเลือดท่วมหน้า เขาทนพิษบาดแผลไม่ไหวตายคาที่
สิ้นสุดกันที่เกย์โหด


ก่อนจบ
        ไลโอเนล ดาห์เมอร์ พ่อของเจฟฟรีย์ ดาห์เมอร์ ได้เขียนหนังสือเล่มหนึ่งชื่อ "หัวอกพ่อ" A Father's Story  เขาเขียนได้ไว้ตอนหนึ่งว่า
        "นับว่าเป็นโชคดีมหาศาลที่พ่อแม่ส่วนใหญ่ไม่มีลูกแบบเจฟฟรีย์ที่เป็นอมมนุษย์ แต่มีลูกที่หลงทางผิดก็แค่ ติดเหล้า ยาเสพย์ติด ประกอบอาญชกรรมเล็กๆ น้อย แต่ก็ยังดีที่ไม่ประกอบอาชญากรรมอันสะเทือนขวัญสั่นประสาทผู้คน
        มันเป็นความเจ็บปวดของพ่อแม่ มองเห็นลูกตัวเองออกจากอ้อมกอดอันอบอุ่น หมุนคว้างไปไร้ทิศทาง ถูกพายุพัดหอบไป ไกลออกไปทุกที ทุกทีจนหายลับกลับตา สำหรับผมมันไม่เท่าไร แต่สำหรับเมียเก่าผมหรือแม่ของเขาเธอเครียดและเก็บกดเธอติดสุราจนเป็นพิษเรื้อรัง มันฝึงลึกจิตใจของเธอไปจนตาย

  "


cr. Cammy

แก้ไขล่าสุด 31 มี.ค. 56 13:33 | ไอพี: ไม่แสดง

#2 | Yolyo | 31 มี.ค. 56 15:48 น.

อยากเห็นหน้าอ่ะ

ไอพี: ไม่แสดง

#3 | eieizahaha+ | 31 มี.ค. 56 16:04 น.

คลิก รูปภาพเจฟ 

ไอพี: ไม่แสดง

#4 | `kate | 31 มี.ค. 56 16:18 น.

อื้อหื้อ .. สำเร็จความใคร่กับหัวกระโหลกหรอ
โรคจิตมาก แต่ชอบ -.,-

ไอพี: ไม่แสดง

#5 | เซมารู__ช๊อคก้าา!!* | 31 มี.ค. 56 17:57 น.

โคเนรัค สินธโสภณ 
นามสกุลคล้ายๆคนไทยเลยเนอะ บอกว่ามีคนเอเชียด้วย ถ้าจะเป็นลูกครึ่ง
// ข้าม คห. นี้ไปเหอะ - -

แก้ไขล่าสุด 31 มี.ค. 56 17:57 | ไอพี: ไม่แสดง

#6 | `Pim_doiii.- | 1 เม.ย. 56 09:08 น.

เศร้าตอน จบ  / หามาให้อ่นอีกนะค่ะ ติดตามๆ 

ไอพี: ไม่แสดง

#7 | งุงิ... | 1 เม.ย. 56 15:42 น.

แอร๊ อยากอ่านเรื่องแบบนี้อีก ชอบ ฮ่าๆๆๆ
โรคจิตมาก

ไอพี: ไม่แสดง

#8 | ๙๙. | 1 เม.ย. 56 18:09 น.

โหดมากมาย 

ไอพี: ไม่แสดง

#9 | 'ppbah:) | 2 เม.ย. 56 09:42 น.

957 ปี 

ไอพี: ไม่แสดง

แสดงความคิดเห็น

จะต้องเป็นสมาชิกจึงจะแสดงความคิดเห็นได้
เป็นสมาชิกอยู่แล้ว ลงชื่อเข้าใช้ระบบ
ยังไม่ได้เป็นสมาชิก สมัครสมาชิกใหม่
หรือจะลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google หรือ Facebook ก็ได้
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Facebook
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google