10 ตำนานเรื่องเล่าของหัวลุกที่กลายเป็นเรื่องจริงซะงั้น!?? [P.2][จบ]

20 เม.ย. 56 19:47 น. / ดู 2,076 ครั้ง / 22 ความเห็น / 10 ชอบจัง / แชร์
The Toxic Woman



      ผู้หญิงคนหนึ่งเกิดอาการป่วย เธอถูกส่งเข้าโรงพยาบาล และเมื่อนางพยาบาลใช้สายยางเพื่อนำมาต่อกับถุงเลือดสำรองกับพบว่าเลือดเธอเป็นพิษแสนน่ากลัว ทำให้นางพยาบาลและคนอื่นๆ ที่สัมผัส-ดมเลือดของเธอเข้าเกิดอาการผิดปกติและตายอย่างทรมานในเวลาต่อมา.........
มันกลายเป็นจริงซะงั้น!  เมื่อเวลา 8:15  ในตอนเย็น เมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์, 1994 กลอเรีย รามิเรซ(Gloria  Ramirez) อายุ 31 ปี เกิดอาการป่วยต้องเข้าห้องภาวะฉุกเฉินของโรงพยาบาลในเมืองแคลิฟอร์เนียทางใต้ของริเวอร์ไซด์ ตอนนั้นเธอใส่เสื้อยืดคอกลมแขนสั้น มีอาการแปลกๆ อาการตื่น หายใจเร็ว หัวใจเต้นเร็วเกินไป ความดันเลือดสูง และเธอตอบสนองกับคำถามสั้นๆ เท่านั้นแต่ก็พูดตะกุตะกะ  โดยขั้นแรกนั้นคณะแพทย์สันนิษฐานว่าเธอเป็นมะเร็งที่คอ

คณะแพทย์ที่รักษากลอเรีย ได้ทำการฉีดให้กับ แต่เธอก็กระตุกเป็นระยะๆ ทำให้คณะแพทย์ต้องทำการปั๊มหัวใจเธอ เขาลอกเสื้อเชิ้ตของเธอออก และกดขั้วไฟฟ้าที่หน้าอกของเธอ ในระหว่างนั้นเอง บางคนได้กลิ่น ของผลไม้ออกจากปากของเธอ

แพทย์เลยทำการเจาะเลือดเพื่อวิเคราะห์ นางพยาบาลทำการแนบกระบอกฉีดยา และเธอเลือดของเธอมีสีแปลกๆ มีกลิ่นเหมือนแอมโมเนีย จากนั้นหายนะก็เกิด เมื่อเลือดของเธอพุ่งกระเด็นจากช่องรูเข็มฉีดยามันไปโดนหน้านางพยาบาลจนหน้าของเธอไหม้!! เธอล้มลงไปกับพื้น คลื่นเยนอาเจียน จากนั้นพยาบาลอีกคนก็ล้มชักอีกคน จากนั้นมันเริ่มลุกลามมายังคนใกล้เคียง จนผู้บริหารโรงพยาบาลออกประกาศภาวะฉุกเฉินภายใน  ผลสุดท้ายมีผู้ป่วยจากเหตุการณ์นี้จำนวน 23 (คณะที่รักษาเธอมี 37 คน) ซึ่งทั้งหมดถูกจับเพื่อเข้าเขตกักกังเชื้อโรคทั้งหมด โดยมีอาการเหมือนหญิงที่ป่วยในตอนแรกไม่มีผิด

ภายหลังมีผลสรุปเกี่ยวกับเหตุการณ์นี้พบว่าหญิงคนนั้นและคนป่วยทั้งหมดในเหตุการณ์คนนี้ เป็นหลายโรคมากๆ ทั้ง ฮิสทีเรียมวล, โรคตับอักเสบ,  เนื้อเยื่อตาย, กระดูกผิดปกติ ส่งผลให้ผู้ป่วยบางรายทนทุกข์ทรมานและตายในสองสัปดาห์ให้หลัง ส่วนตัวกลอเรียเธอตายหลังจากนั้น 40 นาที หลังเธอเข้าโรงพยาบาล ผลชันสูตรศพ(แบบปลอดเชื้อสุดๆ) พบว่าเลือดของเธอเป็นพิษ สามารถระเหยเป็นไอได้ ใครสูดสามารถตายได้ทันทีเสมือนหนึ่งเป็นแก๊สพิษ

ภายหลังมีผลสรุปเกี่ยวกับเหตุการณ์นี้พบว่าหญิงคนนั้นและคนป่วยทั้งหมดในเหตุการณ์คนนี้ สิ่งหนึ่งที่น่าสนใจคือ ในบรรดาพนักงานที่ล้มป่วย เป็นผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย และจากผลการตรวจเลือดผู้ป่วยทั้งหมดก็พบว่าไม่มีความผิดปกติใดๆเลย จึงสรุปปรากฏการณ์ที่ไม่ทราบสาเหตุนี้ว่าเป็นอุปทานหมู่ ทำให้เรื่องราวของเธอยังเป็นปริศนาจนถึงทุกวันนี้



The Headless Lover



หญิงท้องคนหนึ่ง บอกสามีของเธอว่า ลูกในท้องไม่ใช่ลูกเขาแต่เป็นลูกของผู้ชายอีกคน ด้วยเหตุผลทั้งหมด สามีเลยตัดสินใจตัดหัวชู้รักแล้วเอามาฝากภรรยาที่กำลังตั้งท้องแก่ มันเป็นเรื่องเล่าหลายแบบ แต่หลักๆแล้วมันก็แนวนี้แหละ

มันกลายเป็นจริงซะงั้น!  จ่าสิบเอก สตีเฟน แชพ (Sgt  Stephen  Schap) และ ไดแอน แชพ (Diane Schap) คู่รักพลเรือนทหาร ในค่ายที่เยอรมันนี ในปี 1993 เขากำลังยินข่าวดีเมื่อภรรยาเขาตั้งท้อง แต่มันคงจะเป็นข่าวดีสุดๆ หรอกถ้าสตีเฟนไม่ได้ทำหมัน.......(ตรูเป็นหมันแล้วมันท้องได้ไงฟ่ะะ) ไดแอนจำต้องยอมรับว่าเธอไปมีชู้กับเพื่อนรักของสตีเฟน ชื่อ เกรกอรี่ โกลเวอร์

โชคร้ายสตีเฟนแก้แค้นเธอล้ำลึกกว่าที่เอาเก้าอี้ขว้างใส่เธออีก

ธันวาคมตอนเย็น ไดแอนตั้งครรภ์ในเตียงโรงพยาบาลเธอโทรศัพท์ถึงชู้รักเธอเกรกอรี่ และแล้วจู่ๆ สายเขาก็ขาด  ไดแอนไม่รู้อะไรเกิดขึ้นกับเขาในเวลานั้นแต่เธอไม่ต้องคิดนานหรอก เพราะอีกชั่วโมงต่อมาสตีเฟนเข้ามาในห้องของเธอแล้วเขาก็ขว้างหัวสดๆ ของเกรกอรี่จากกระเป๋าหิ้วใส่หน้าเธอ จากนั้นสตีเฟนก็พูดว่า

"ดูสิไดแอน ฉันพาคนรักของเธอมาให้แล้ว เธอจะได้นอนกอดเขาทั้งคืนทั้งวัน สมใจเลยแหละ” สตีเฟนกล่าวกับภรรยา นี้เป็นการแก้แค้นที่สะใจสำหรับเขาแล้ว



Something Off About That Picture



มีชายคนหนุ่มคนหนึ่งเดินทางร้านขายของชำของสุภาพสตรีสูงอายุคนหนึ่ง เขาเกิดไปสะดุดตาภาพถ่ายของชายคนหนึ่ง รูปก็ดูปกติดี เด็กชายในชุดที่แต่งจนหล่อเนี้ยบ แต่มันดูแปลกๆไป เขาถามหญิงชราว่านี่ใครกัน

“โอ!!” หญิงชราตอบกลับ พยายามจับแมวให้อยู่นิ่งๆในอ่างล้างจาน “ดูไม่ออกเหรอว่าเขาตายแล้ว แต่รูปนี้ดูดีนะ เธอว่ามั้ย??”

มันเป็นจริงซะงั้น! Post-mortem photography หมายถึงภาพที่ระลึกหลังความตาย เป็นงานศิลปะมากกว่าธรรมดา เพราะเป็นการจัดศพของคนที่ตายไปแล้วมาแต่งหน้าทำผม แต่งตัวและถ่ายรูปให้เสมือนพวกเขามีชีวิต(ทำท่าเหมือนหลับนอนลึก)ก่อนนำไปฝัง การถ่ายภาพนี้นิยมในหมู่ชนชั้นกลางสมัยวิคตอเรียน ส่วนมากลูกค้ามักเป็นลูกสาวหรือทารกซึ่งพ่อแม่เด็กรับไม่ได้ว่าพวกเขาตายไปแล้ว เด็กที่ตายมักถูกจัดแสดงในการนอนพิงบนที่นอน หรือในเตียงนอนเด็ก บ่อยบางครั้งการจัดท่ากับของเล่นโปรด ส่วนผู้ใหญ่จะวางท่ามากกว่าปรกติในเก้าอี้ โดยมีเสาค้ำบนเฟรมการออกแบบพิเศษ นอกจากนี้ก็ยังมีลูกค้าที่เป็นหบาทหลวงที่ตายแล้วก็ถูกนำมาตกแต่งเต็มยศและนำไปไว้ในโบสถ์งานศพของเขาเสมือนหนึ่งยังมีชีวิตอยู่ (1945 ) หรือนักโทษประหารบางคนที่ถูกประหารด้วยกิโยตินซึ่งเมื่อคอเขาขาดก็นำมาต่อใหม่และถ่ายรูปเอาไว้ เป็นต้น



Drugs Smuggled in Baby's Corpse



โดยเรื่องนี้เป็นตำนานเมืองเก่าที่ไม่เปลี่ยนแปลงอะไรเลยตั้งแต่ปี 1970 โดยเรื่องเล่าว่ามีผู้หญิงคนหนึ่งกับเพื่อนร่วมงานไปท่องเที่ยวสนุกสนานที่ชายแดนเม็กซิโกโดยพวกเขานำทารกสองขวบไปด้วย หากแค่พวกเขาคาดสายตาทารกแค่แป๊ปเดียวเท่านั้นเองเด็กทารกก็หายไป พวกเขาได้แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจให้ออกตามหา และ 15 นาทีต่อมาพวกเขาก็ได้พบ ผู้เป็นแม่วิ่งไปขอบคุณตำรวจ  แต่นั่นวินาทีหลังจากนั้นความดีใจก็หายไปทันทีเมื่อพวกเขาพบว่าเด็กทารกที่ว่านั่นตายนานตั้งแต่ 45 นาทีที่หายไปแล้ว ที่ท้องเด็กถูกผ่าออกและข้างในยัดด้วยโคเคน สาเหตุคือพวกโจรลักพาเด็กต้องการศพเด็กนั้นเพื่อซ่อนยาเสพย์ติดเพื่อหนีจุดตรวจไปสหรัฐนั่นเอง

มันเป็นจริงซะงั้น! เรื่องการยัดยาเสพย์ติดเข้าไปในศพเพื่อเลี่ยงการตรวจสอบก่อนเข้าสหรัฐอเมริกา มีมาช้านานแล้วครับ ดั่งข่าวหนึ่งในวอชิงตันโพสต์ ค.ศ.1985 ที่หน้าย่อว่าเมื่อวันจันทร์ ในไมอามี่ มีการลักลอบขนโคเคนเข้ามาในประเทศสหรัฐอเมริกาโดยยัดศพเด็กทารก ในเที่ยวบินจากโคลอมเบียไปยังไมอามี่ โดยตอนแรกเจ้าหน้าที่พบว่าศพเด็กที่ตอนแรกนั้นมาแบบเด็กที่เหมือนมีชีวิตและคนแอบลักลอบทำท่าทำทางเป็นแม่ของเด็ก หากแต่พวกเขาพบพิรุธเสียก่อน ข้างล่างคือคลิปสยองนิดๆ หน่อยๆ นะครับ



Buried Alive!



และแล้วก็มาถึงอันดับ 1 ของเรา “ฝังทั้งเป็น” เรื่องนี้ผมอ่านแล้วน่ากลัวมากดังนั้นอาจยาวหน่อยเพราะผมจะละเมียดแปล

        เรื่องเล่ากันว่ามีหญิงชายคนหนึ่งแต่งงานกับ และอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข จนกระทั้งแก่เฒ่า จนกระทั้งวันหนึ่งภรรยาของเขาได้จากไป เขาจัดพิธีศพตามหลักศาสนาคริสต์ คือนำศพของเธอมาฝังในโลงศพอย่างดีมาฝังในสุสานเพื่อให้เธอพักผ่อนถาวร

        เรื่องคงจบแต่เพียงเท่านี้ หากแต่ไม่ เมื่อดึกคืนหนึ่งในขณะที่ฝ่ายชายนอนหลับ เขาได้ฝันน่ากลัวเข้า เมื่อเขาเห็นภรรยาที่อยู่ในโลงศพลืมตาดื่นขึ้น เธอพยายามตะเกียดตะกายเพื่อออกจากโลงที่ถูกฝังในดิน ความมืด ความแคบ อาการน้อยลงทุกที ทำให้เธอกลายเป็นบ้า เธอกำลังร้องชื่อเขาเพื่อมาช่วยเหลือเธอ

        ฝ่ายชายฝันร้ายแบบนี้ทุกค่ำคืน จนกระทั้งทนไม่ไหว เขาเลยร้องขอให้แพทย์และหน่วยงานท้องถิ่นนำโลงศพของภรรยาของเขาออกมา และเมื่อทั้งหมดเปิดฝาโลงก็ตะลึงเมื่อศพภรรยาของเขาไม่ได้เน่าเบื่อ ซ้ำที่เบิกตาโพลง ทำหน้าตาหวาดกลัว ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยขีดข่วน ที่เล็บมีเลือดเกรอะกรัง และที่ฝาโลงด้านในมีรอยขีดข่วนชัดเจน .........

        มันเป็นจริงซะงั้น! เรื่องของศพที่คิดว่าตายแล้วนำมาฝังตามพิธีกรรมทางศาสนา หากแต่ต่อมากลับพบว่าผู้ตายนั้นไม่ได้ตายจริง และกลับมาคืนชีพในโลงศพและพยายามตะเกียดตะกายเอาชีวิตรอด เรื่องราวเหล่านี้ถูกนำไปสร้างเป็นภาพยนตร์สยองขวัญมากมาย แต่ที่น่าแปลกคือเรื่องเหล่านี้กลายเป็นจริงอีกทั้งมีมากกว่าหนึ่งกรณี สาเหตุง่ายมากก็เพราะสมัยก่อนนั้นการตรวจสอบผู้ตายนั้นตายจริงหรือไม่ นั้นไม่ค่อยทันสมัย ทำให้มีการฝังในโลงศพทั้งๆ ที่ผู้ตายคนนั้นแค่ตายชั่วขณะ และนี้คือตัวอย่าง ของผู้มีประสบการณ์ฝังทั้งเป็นที่ฟื้นคืนชีพในโลงศพที่ถึงฝังในดินอย่างน่าสยดสยอง

        ปี 1851 เวอรจิเนีย เเมคโดเนล(Virginia Macdonald) อาศัยอยู่กับพ่อแม่ของเธอในนิวยอร์กซิตี้และป่วยตายเธอถูกนำไปฝังในสุสานกรีนวู๊ด(Greenwood) บรู๊คลิน นิวยอร์ค อเมริกา หลังจากพิธีฝังศพผ่านไป แม่ของเธอกลับบอกคนอื่นว่าเธอเชื่อว่าลูกของเธอไม่ตาย เธอพูดแบบนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนครอบครัวของเธอทนไหมไหวเลยต้องขุดโลงศพเปิดฝาโลงให้แม่ของเธอหายข้อข้องใจซะ แต่ปรากฏว่าพวกเขาพบว่าศพของเวอจิเนียนั้นยังไม่เน่า เธอคืนชีพในโลงและพยายามตะเกียดตะกาย ที่มือของเธอนั้นสภาพเละอย่างไม่มีชิ้นดี แสดงให้เห็นว่าเธอพยายามทำลายโลง แต่ล้มเหลวและขาดใจตายไปเสียก่อน (ปล. หลังจากนั้นป่าช้าแห่งนี้ได้ถูกย้ายไปที่แห่งใหม่ หลายโรงถูกนำมาตรวจสอบก็พบว่ามีศพหลายศพที่ถูกฝังทั้งเป็นจำนวนมาก)

(c)http://atcloud.com

ขอบคุณนัที่อ่านจนจบ 
เลขไอพี : ไม่แสดง

อ่านต่อ คุณอาจจะสนใจเนื้อหาเหล่านี้ (ความคิดเห็นกระทู้ อยู่ด้านล่าง)

ความคิดเห็น

#1 | -VivaLaVida. | 20 เม.ย. 56 19:59 น.

หลอนดีแฮะบางเรื่อง 

ไอพี: ไม่แสดง

#2 | CHANYEOL | 20 เม.ย. 56 20:04 น.

ขอบคุณค่า เอามาลงอีกนะ

ไอพี: ไม่แสดง

#3 | `mywzc. | 20 เม.ย. 56 20:13 น.

เย้ ๆๆ อ่านจบแล้วโว้ยยยย #ดีใจทำไม 

ไอพี: ไม่แสดง

#4 | @twitter | 20 เม.ย. 56 20:18 น.

เรื่องสุดท้ายนี้คงเฮี้ยนน่าดู

ไอพี: ไม่แสดง

#5 | นัสไงจำไม่ได้หรอ' | 20 เม.ย. 56 20:40 น.

หลอนทุกเรื่อง

ไอพี: ไม่แสดง

#6 | JUPITER_RAINY | 20 เม.ย. 56 20:58 น.

หนูไม่อยากให้มันจบ ขอต่ออีกหลายๆตอน สนุก ฮี้ๆ 

ไอพี: ไม่แสดง

#7 | :atnym* | 20 เม.ย. 56 21:00 น.

หลอนไปมั้ย คืนนี้จะหลับลงมั้ยเนี่ย 555555555

ไอพี: ไม่แสดง

#8 | poelfly13 | 20 เม.ย. 56 21:02 น.

หลอนๆๆๆๆน่ากลัวววว

ไอพี: ไม่แสดง

#9 | `เฮอร์เซมอะเกิร์ล | 20 เม.ย. 56 21:15 น.

The Toxic Woman เรื่องนี้เหมือนเคยได้ยินด้วยล่ะ 

ไอพี: ไม่แสดง

#10 | ``พระแม่ดีเลย์;฿. | 20 เม.ย. 56 21:17 น.

ดูสิไดแอน ฉันพาคนรักของเธอมาให้แล้ว เธอจะได้นอนกอดเขาทั้งคืนทั้งวัน สมใจเลยแหละ
โอยยยยย อย่างจิต

ไอพี: ไม่แสดง

#11 | อานฮียอนคนแมน_LEGGO | 20 เม.ย. 56 21:49 น.

The Toxic Woman 

ไอพี: ไม่แสดง

#12 | jays. | 20 เม.ย. 56 22:34 น.

Something Off About That Picture

ไอพี: ไม่แสดง

#13 | mbjjw | 20 เม.ย. 56 23:15 น.

น่ากลัวดี จขกท.เอามางอีกนะ 

ไอพี: ไม่แสดง

#14 | สตาร์บัคส์ | 20 เม.ย. 56 23:27 น.

เรื่องสุดท้าย 

ไอพี: ไม่แสดง

#15 | pkbOO | 20 เม.ย. 56 23:33 น.

น่ากลัวอ่ะ 

ไอพี: ไม่แสดง

#16 | FBI | 21 เม.ย. 56 10:36 น.

ซ้ำที่เบิกตาโพลง ทำหน้าตาหวาดกลัว
ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยขีดข่วน ที่เล็บมีเลือดเกรอะกรัง
และที่ฝาโลงด้านในมีรอยขีดข่วนชัดเจน..

เล่าเห็นภาพเลยคร่ะส์..

ไอพี: ไม่แสดง

#17 | ป๊อปโป๊ะ | 21 เม.ย. 56 12:24 น.

ชอบเรื่องแรกกับเรื่องสุดท้าย 

ขอบคุณ จขกท. นะจ๊ะ

ไอพี: ไม่แสดง

#18 | joaxn | 21 เม.ย. 56 13:00 น.

โหยโคตรหลอน 

ไอพี: ไม่แสดง

#19 | `;$-แม่สิบเอ็ดโมง.* | 21 เม.ย. 56 14:24 น.

เรื่องสุดท้ายแบบว่าา...

ไอพี: ไม่แสดง

#20 | ~[หมาป่ากับกระต่าย]~ | 21 เม.ย. 56 18:05 น.

อันสุดท้ายน่ากลัว TTwTT

ไอพี: ไม่แสดง

#21 | Janine | 21 เม.ย. 56 18:54 น.

เรื่องสุดท้ายน่ากลัวมากอ่ะ เรายิ่งเป็นโรคกลัวที่แคบด้วย ถ้าตายละถูกฝังเมื่อไหร่กรุณานำดาบมีดกระบี่ฝังไว้ด้วยเผื่อคืนชีพ555555555

ไอพี: ไม่แสดง

#22 | KOPoom_13 | 23 เม.ย. 56 20:36 น.

เรื่องสุดท้าย 

ไอพี: ไม่แสดง

แสดงความคิดเห็น

จะต้องเป็นสมาชิกจึงจะแสดงความคิดเห็นได้
เป็นสมาชิกอยู่แล้ว ลงชื่อเข้าใช้ระบบ
ยังไม่ได้เป็นสมาชิก สมัครสมาชิกใหม่
หรือจะลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google หรือ Facebook ก็ได้
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Facebook
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google