วิจารณ์ Fast & Furious 6

Fast & Furious 6
By Bigtum

: คำว่า'คืนอิสรภาพ'มันไม่เคยมีอยู่ในสายเลือดพวกเราตั้งแต่เเรกเเล้วเฟ้ย! เชื่อเหอะ! ตอนที่หนัง Fast ภาค 4 เริ่มสร้างภาคต่อโดยจับเอาตัวละครหลักชุดเดิมจากภาคเเรกกลับมาพร้อมหน้า คงคิดไม่ถึงว่าจะเอาเรื่องราวที่เกิดขึ้นตั้งแต่ภาคแรกยันภาคล่าสุด มาเชื่อมโยงต่อกันได้ถึงขนาดนี้ พูดก็พูดเหอะตอนแรกนึกว่าหนัง Fast จะหยุดอยู่แค่ภาค 3 Tokyo Drift เสียด้วยซ้ำ หลังจากที่ภาค 2 ไม่มีพี่วิน ดีเซลกลับมา เพราะพี่วินแกเรียกค่าตัวเพิ่ม แต่ผู้สร้างไม่เอาด้วย แกเลยโฉบไปเล่นหนัง The Chronicles of Riddick แทน (แต่เจ๊ง) ส่วนภาค 3 ไม่มีทั้งพี่ 'วิน' และพี่ 'พอล' จนแฟนๆพากันบอกว่านี่มันเป็นเพียงแค่ 'ภาคเสริม' ผู้สร้างเลยตระหนักได้ว่า มันคงถึงเวลาแล้วสินะ ที่ภาคถัดไปควรจะคืนสู่เหย้านำนักเเสดงจากภาคแรกกลับมาให้พร้อมหน้า เลยแง้มๆในฉากจบของ Tokyo Drift ให้เห็นว่าพี่วินจะมา แล้วเป็นไง ปรากฎว่าหนังประสบความสำเร็จอย่างสุดๆ

เรื่องราวดำเนินต่อมาจนถึงภาคที่ 6 เข้าไปเเล้ว หลังจากที่ Fast Five ได้ทิ้งตัวละครสำคัญที่น่าจะตายไปเเล้ว ให้คนดูได้แปลกใจ Fast 6 จึงต้องกลับมาสานต่อจากสิ่งที่เคยติดค้างเอาไว้ แต่มันไม่ใช่แค่นั้นน่ะสิ ใครล่ะจะคิดว่า Tokyo Drift ที่เคยถูกมองว่าเป็นเพียงแค่ภาคเสริม ได้กลายเป็นจุดเชื่อมโยงไปสู่ภาคที่ 7 จนได้! บทหนังฉลาดมาก ที่จัดการทุกอย่างให้เข้าที่เข้าทางออกมาได้อย่างลงตัวขนาดนี้ ทำการบ้านมาดีจริงๆ พลอตเรื่องในภาคนี้ต่อจากภาคที่แล้ว หลังจากภารกิจปล้นเงิน 100 ล้านเหรียญฯที่ริโอลุล่วงสำเร็จ ทุกคนในทีมกำลังใช้ชีวิตความเป็นอยู่ที่สบายขึ้น แต่แล้วจู่ๆ ฮ็อบส์ (ดเวย์น จอห์สัน) ก็มาเคาะประตูถึงหน้าบ้านของดอม หรือ 'โดมินิค ทอเร็ตโต้' (วิน ดีเซล) เพื่อมาบอกข่าวดีอันแสนตื่นเต้นว่า ตูมีงานใหญ่ให้ทำเฟ้ย!

ฮ็อบส์ขอให้ดอมกับทีมซิ่งของเค้าช่วยจับนักซิ่งตัวพ่อระดับพระกาฬอย่าง 'โอเว่น ชอว์' (ลูค อีเเวนส์) มาให้เค้า ตูล่าตัวมันมา 4 ทวีป 12 ประเทศละ จับมันไม่สำเร็จซะที รายของชอว์คืออดีตทหารหน่วยพิเศษที่ผันตัวมาเป็นผู้ร้ายตัวเเสบ ที่ชอบฉกอุปกรณ์ทางการทหาร รับมือด้วยยากแน่ๆ เพราะมีทั้งรถหุ้มเกราะกันกระสุน รถถัง เเละรถฟอร์มูล่าวันอันบ้าพลัง 460 เเรงม้า แต่งให้ขยี้คู่เเข่งที่ขวางหน้า แต่งานนี้พี่วินของเราจะปฎิเสธก็คงจะยาก เมื่อรู้ข่าวจากเบาะแสสำคัญว่า เล็ตตี้ (มิเชลล์ โรดริเกซ) สาวคนรักที่น่าจะซี้ม่องเท่งไปตั้งแต่ภาคเก่านั้น ยังไม่ตาย! แถมยังไปอยู่ในแก๊งของชอว์ เป็นมือขวาให้มันอีก ภารกิจตามตัวจึงเกิดขึ้น ดอมจำเป็นต้องเรียกตัวเพื่อนๆในทีมกลับมาซิ่งกันอีกครั้ง เพราะข้อแลกเปลี่ยนที่จะลบล้างประวิติให้ทุกคนทั้งทีม ไม่ต้องโดนนิรโทษกรรมอีกต่อไปนั้น มันช่างยั่วยวนเสียเหลือเกิน

ไบรอัน โอคอนเนอร์ (พอล วอล์เกอร์) อดีตนายตำรวจ ที่กลายมาเป็นทีมซิ่งมาพร้อมกับบทบาทคุณพ่อมือใหม่ ร่วมด้วย มีอา (จอร์แดนา บรูว์สเตอร์), โรมัน (ไทริส กิ๊บสัน), เท้จ (ลูดาคริส), ฮาน (ซุง กัง), จีเซล (กัล กาด็อท) และเสริมด้วยคู่หูคนใหม่ของฮ็อบส์ คือไรลีย์ (จีน่า คาราโน) กลับมากันอย่างพร้อมเพรียงภายใต้การกำกับของจัสติน ลินคนเดิมจากสามภาคที่เเล้ว ซึ่งก็ไม่ทำให้ผิดหวัง และลอนดอนคือสถานที่ประลองความเร็วกันในครั้งนี้ หนังอาจจะเต็มไปด้วยบทสนทนาที่เยอะขึ้นก็จริง แต่ก็มาพร้อมกับฉากเเข่งรถที่ใหญ่ขึ้น และอันตรายขึ้นมากกว่าเดิมด้วยเช่นกัน ถือว่ามาไกลกว่าที่คิด ค่อยๆพัฒนาตัวเองมาเรื่อยๆ จากหนังแข่งรถฟอร์มเล็กฉกของ ปี 2001 นับจากวันวานกลายสภาพมาเป็นหนังแข่งรถอาชญากรรมเต็มตัวในวันนี้ ดุจเครื่องยนต์ธรรมดาที่เพิ่มแรงม้าเข้าไปด้วยการติดเทอร์โบที่หยุดไม่อยู่แล้ว

ใครที่คิดว่าหนังคงจะยุ่งอยู่กับแผนการอาชญากรรม ต่อสู้ปะทะกันไปมาจนไม่มีเวลามาดวลรถแบบตัวต่อตัวอย่างที่เคยเกิดขึ้นในภาคก่อนๆ ที่ถือว่าเป็นเสน่ห์ของหนังแฟรนไชส์ตระกูล Fast ไปแล้วนั้น ไม่ต้องห่วงหรอก หนังไม่ลืมที่จะใส่มาให้ แต่คราวนี้ไม่ใช่แค่พี่วินดวลกับพี่พอลนะ แต่ยังมีพี่วินดวลรถกับ...ใครนั้น? ต้องไปชมกันเอง ขาดไม่ได้สำหรับหนังเเข่งรถ คือรถยนต์คันงามๆที่คราวนี้จะเน้นหนักไปที่รถสายพันธุ์อเมริกันที่ดอมชอบขับอย่าง ด็อดจ์ ชาร์เจอร์ส, ฟอร์ด มัสเเตง ส่วนรถใหม่ๆเช่น แอสตัน มาร์ตินส์ และอัลฟ่า โรมีโอจะมาปรากฎโฉมกันให้เห็นเป็นครั้งแรก Fast & Furious 6 จัดเต็มความมันส์ เดินเรื่องไปข้างหน้าเเบบเต็มสูบ คงจะถูกอกถูกใจแฟนๆของหนังชุดนี้ได้อย่างไม่ยาก

โดยเฉพาะฉากเปิดที่นำเอาภาพเก่าๆตั้งแต่ภาคเเรกมาให้ชม พร้อมกับเพลงที่มีจังหวะชวนให้โยกหัวตาม คือสีสันเด็ดที่ผู้เขียนชอบมากๆของหนังภาคนี้ ซึ่งก็รวมไปถึงของเเถมตอนจบ (เป็นลายเซ็นไปเเล้ว) กับการเปิดตัวผู้ร้ายในภาคถัดไป ซึ่งจะใช่คนที่เคยลือกันหรือเปล่า? ต้องไปชมกันเอง แต่ที่เเน่ๆพอจะบอกได้แล้วในตอนนี้คือ ภาคถัดไป Fast 7 รอไม่นาน เพราะจะมาเร็วขึ้นกว่าเดิม โดยกำหนดฉายนั้นได้ออกมาแล้ว คือเดือนกรกฎาคม ปี 2014 แต่ผู้กำกับจัสติน ลิน จะไม่กลับมา เค้าให้เหตุผลว่าเตรียมงานสำหรับการถ่ายทำไม่ทัน ไม้จึงถูกส่งต่อผ่านมือให้กับผู้กำกับที่จะมารับช่วงต่อจากจัสติน ลิน ซึ่งไม่ใช่ใครที่ไหนหรอก เป็นเจมส์ วาน จากหนังโหด Saw และหนังสยองขวัญ Insidious นั่นเอง อึ๊ย!

ระดับคะเเนน "B-"

ยังมีรีวิวหนังเรื่องอื่นๆอีกเพียบ! แวะเวียนเข้าไปอ่านกันได้ที่
https://m.facebook.com/#!/profile.p.........100001766011395