[ fic GRI ] miracles don't exist.
24 มิ.ย. 56 21:03 น. /
ดู 1,276 ครั้ง /
1 ความเห็น /
0 ชอบจัง
/
แชร์
title : ---------
couple : GD x VI
Category: Drama
writer :
---------
'อย่ายุ่งกับผมได้มั้ย !' เสียงเล็กๆยังคงสะท้อนก้องอยู่ในหัวผมไม่หยุด ทั้งที่ผมออกมาจากคอนโดของเขาได้สักพักแล้ว
วันนี้ควรจะเป็นวันที่มีความสุขของเขาสิ วันนี้มันเป็นวันเกิดเขานะ ผมนี่บ้าจริงไปวุ่นวายกับคนรักจนเกินไปหรอ แค่อยากทำให้มีความสุข กลับกลายเป็นแบบนี้ไปได้ ..
ร่างที่เหมือนไร้วิญญาณของ ' ควอน จียง' กำลังเดินออกไปตามถนนที่มีเพียงแสงจากเสาไฟเท่านั้นที่รู้ว่าเขายังอยู่บนโลกใบนี้ แต่หากจะมีใครล่วงรู้จุดหมายปลายทางของชายผู้นี้ แม้แต่ตัวเขาเองยังไม่รู้เลยว่าจุดหมายคือที่ไหน .. อากาศที่หนาวเหน็บไม่สามารถทำให้เขาสะทกสะท้านได้เลย มีแต่เพียงเสียงตวาดจากคนรักที่ทำให้เขาหลุดลอยจากโลกความเป็นจริงได้เพียงเท่านี้
รถเบนซ์สีดำคันโตขับมาจอดเทียบข้างในขณะที่เขากำลังเดินอย่างไร้ปลายทาง แต่สติของชายหนุ่มก็ไม่ได้กลับเข้าที่อยู่ดี จนคนบนรถต้องเดินลงมาดึงข้อมืดเล็กเอาไว้ "ไ.อห่.า ! นี่ได้ยินที่กูเรียกมั้ย" มือหนาดึงข้อมือเล็กแรงๆให้เจ้าตัวรู้สึก หากแต่คนตัวเล็กได้แต่เพียงพยักหน้าตอบว่ารับรู้ถึงการมาของเพื่อนสนิท "เป็นอะไรว.ะเนี่ย ทะเลาะกันมาอีกแล้วรึไง" ชายผู้มาเยือนถามซ้ำด้วยน้ำเสียงห่วงใย แต่เขาก็ได้แต่เพียงพยักหน้ารับ
....ยองเบ เพื่อนที่ผมปรึกษาแทบจะทุกเรื่องเวลาที่กลุ้มใจ มันมักจะมีคำแนะนำดีๆให้ผมเสมอ แต่ในตอนนี้ผมไม่อยากบอกอะไรใครเลย ผมอยากอยู่คนเดียว ผมได้แต่พยักหน้ารับทุกอย่างที่มันถาม .....
"ไปบ้านกูก่อน ค่อยว่ากัน" พูดจบไม่ว่าเปล่าพลางฉุดดึงเพื่อนรักของเขาให้ขึ้นไปบนรถให้เรียบร้อยก่อนที่ร่างที่ล่องลอยของควอนจียงจะได้โต้เถียงหรือขัดขืนเสียอีก
รถหรูสีดำขับอย่างไม่รีบร้อนไปตามถนนยามค่ำคืน ภาพสถานที่ที่เขาเคยมีความสุขกับคนรักของเขาต่างแล่นเข้ามาในหัว ตลอดสองปีที่ผ่านมา เขารู้นิสัยของอีซึงฮยอนดี ว่าเป็นคนอารมณ์ค่อนข้างรุนแรง แม้ว่าจะมีปากเสียงกันบ่อยครั้ง แต่ครั้งนี้มันรุนแรงจนเขาตั้งตัวไม่ทันไม่คิดว่าจะได้ยินคำพูดนี้จากคนรักของเขา ..ดวงตาที่เคยว่างเปล่ามาตลอดทางเริ่มมีน้ำคลออยู่ภายใน ก่อนที่น้ำใสๆนั้นจะร่วงลงเปรอะแก้ม
.. ผมไม่ได้ร้องไห้เพราะเขามานานเท่าไหร่แล้วนะ..
เมื่อมีหยดแรกที่ไหลลงมา หยดต่อๆไปก็ตามลงมาไม่ขาดสาย ชายหนุ่มผู้ซึ่งเข้มแข็งในสายตาใครหลายคนกำลังร้องไห้ แม้แต่เพื่อนที่นั่งอยู่ข้างกายเขาในตอนนี้ยังอดเวทนากับภาพตรงหน้าไม่ได้ ยองเบได้แต่เพียงตบบ่าเขาเป็นการปลอบโยน
- อีซึงฮยอน -
ร่างเล็กนั่งอยู่บนโซฟาตัวใหญ่หลังจากตวาดคนรักไป .. เขาพูดแรงไปรึเปล่านะ ..
ผมแค่เหนื่อยจากการทำงาน เหนื่อยจากภาระหน้าที่ ไหนจะยังเรื่องที่ผมได้ฟังจากเพื่อนมาอีก อะไรน่ะหรอ นอกใจยังไงล่ะ เพื่อนในมหาลัยผมเห็นว่าพี่เขาไปทานข้าวกับผู้หญิงคนนึง หลายเดือนมาแล้ว แถมยังเทียวไปหาถึงโรงพยาบาลแทบทุกวัน ใช่ครับ เธอเป็นหมอที่ค่อนข้างหน้าตาดีเลยทีเดียว มันน่าโมโหมั้ยล่ะครับ
.. มือเล็กหยิบรูปที่เพื่อนแอบถ่ายมาได้จากโรงพยาบาล แสดงถึงความสนิทสนมของคนในรูปเป็นอย่างดี คนตัวเล็กกัดฟันกรอด พร้อมกลอกตาไปมาก่อนจะขยำรูปในมือจนยับเยิน ราวกับหากรูปนี้แหลกสลายคามือเขาแล้วคนในรูปจะเจ็บปวดไปด้วย ..
เขาควรจะทำอะไรต่อไปดี แล้วป่านนี้ไม่รู้พี่เขาไปไหนแล้ว ห่วงก็ห่วง โมโหก็โมโห ดึกป่านนี้แล้วจะเป็นอะไรรึเปล่า
.. ซึงริเดินลงมาข้างล่างยังคงเห็นรถเบนท์ลีย์สีขาวของคนรักอยู่ .. "ไปไหนของเขาเนี่ย โถ่โว้ย! " คนตัวเล็กเตะเข้าไปที่ประตูรถคันหรูไปทีนึง รถมันไม่ได้รู้สึกเจ็บกับเขาหรอก มีแต่เขาที่เจ็บอยู่คนเดียว ท่าทางกระวนกระวายด้วยความเป็นห่วงอีกคนที่ติดต่อไม่ได้ทำให้รปภ.ต้องเดินเข้ามาถามไถ่ และเขาก็ได้รู้ว่า ควอนจียง เดินหายออกไปโดยฝากกุญแจไว้กับรปภ. เมื่อเขาได้กุญแจรถมาก็รีบขับไปตามทางที่คิดว่าคนรักของเขาจะไปปรากฏตัวอยู่ไหนสักที่ ที่พวกเขาเคยไปด้วยกัน แต่ทว่าสถานที่เหล่านั้นกลับว่างเปล่า ไร้วี่แววของบุคคลที่เขาตามหาอยู่
ร่างบางหยิบสมาร์ทโฟนขึ้นกดดูเวลา "ตีสี่แล้วหรอ " ริมฝีปากเล็กถอนหายใจออกมากับความเหนื่อยอ่อน ก่อนจะขับรถกลับคอนโดเพื่อพักผ่อน ได้แต่เพียงคาดหวังว่าตื่นมาพรุ่งนี้จะพบเจอ 'พี่จียง' คนที่เขารักมากที่สุดนอนกอดเขาอยู่ดั่งเช่นทุกเช้า ..
---------
สี่เดือนผ่านไป
ร่างเล็กตื่นมาบนเตียงใหญ่ที่ปกติต้องมีอีกคนที่จะกอดเขาอยู่ทุกเช้า สี่เดือนที่ผ่านมาเขาต้องทนอยู่คนเดียว หลังจากวันนั้น เขาก็ไม่พบเจอจียงอีกเลย โทรหาก็ไม่มีการตอบรับ ไปหาที่ห้องก็ไม่มีใครอยู่ จนตอนนี้เขาเริ่มท้อแท้แล้ว
หรือว่าเขาจะโดนทิ้งแล้วจริงๆ ?
ใบหน้าเล็กส่ายหน้าไปมาเพื่อสลัดทุกอย่างออกไปจากหัว วันนี้เขามีแต่งานๆๆๆๆ ที่ต้องทุ่มเท ไหนจะงานเลี้ยงลูกค้าคืนนี้อีก
คิดพลางดึงร่างกายตัวเองเข้าห้องน้ำเพื่อทำธุระให้เสร็จก่อนจะไปดำเนินกิจวัตรประจำวัน ...
ในงานเลี้ยงลูกค้า ณ ผับใจกลางเมือง
ร่างเล็กในชุดสูทดูสุภาพกำลังนั่งคุยกับลูกค้าอย่างออกรสชาติ ก่อนที่สายตาคมจะเหลือบไปเห็น เขาคนนั้น ..
"พี่ยองเบ .."
พูดออกมาด้วยเสียงแผ่วเบาจนแทบจะโดนเสียงเพลงภายในร้านกลบไป เขาจำได้ทันทีว่าคนๆนี้เป็นเพื่อนสนิทกับคนรักของเขา ถ้าเข้าไปถามอาจจะได้ข่าวอะไรบ้าง
.. ซึงริขอตัวจากลูกค้าอย่างสุภาพก่อนจะก้าวเท้ายาวๆไปหาเป้าหมาย ก่อนจะหยุดอยู่ตรงหน้าของชายผู้หนึ่งที่ดูไม่สนุกกับบรรยากาศในร้านเอาเสียเลย
"พี่ครับ" เสียงใสเรียกคนรู้จักให้ผู้ที่ถูกทักทายรู้ตัว
" อะ อ้าวว ซ ซึงฮยอน มาทำอะไรที่นี่ " ยองเบพูดเสียงตะกุกตะกัก เมื่อพบผู้มาเยือนอย่างบังเอิญ
"ออกมาคุยกับผมหน่อยสิครับ ที่นี่คงเสียงดังเกินไป" ไม่ว่าเปล่าร่างเล็กที่น่าจะเหนื่อยมาทั้งวันกลับมาแรงลากชายร่างกำยำออกมาจนถึงข้างนอกร้านได้ ..
"พี่ครับ พี่เห็นพี่จีบ้างมั้ย ผมตามหามาหลายเดือนแล้ว .." ซึงริเปิดประเด็นทันที ว่าพลางมองอีกคนอย่างคาดคั้นคำตอบ
" เอ่อ ..คือ .."
"ว่าไงครับพี่ เห็นพี่จียงบ้าง ม มั้ย ฮึกก .." เสียงคนตัวเล็กเริ่มเปลี่ยนไปจากแข็งกร้าวกลายเป็นเสียงที่อ้อนวอนปนเสียงสะอื้น
เขาเพียงแค่ต้องการรู้ความเป็นไปของคนที่ได้ชื่อว่าเป็นแฟนของเขาก็เท่านั้น
"เอ่อ..ไปดูเองดีกว่าครับ มันอยู่ที่บ้านพี่น่ะ" พูดจบก็เดินนำร่างเล็กขึ้นรถเบนซ์สีดำขลับไป
เมื่อรถคันโตขับมาจอดเทียบหน้าบ้านหลังใหญ่ ซึ่งดูเหมือนจะเป็นเพียงบ้านพักตากอากาศซะมากกว่า เพราะที่นี่ห่างไกลจากตัวเมืองมาก
ชายหนุ่มผู้อ่อนใจเดินนำน้องชายที่ต้องการพบคนรักมายังห้องเล็กๆห้องหนึ่ง
ภายในห้องนั้นมีเตียงสีขาวดูสะอาดตากับคนที่เขาคุ้นเคยเป็นอย่างดีนอนอยู่บนนั้น พร้อมทั้งสายระโยงระยางเต็มไปหมด ร่างบนเตียงซีดเสียจนแทบจะไม่มีเลือดกำลังตัวสั่นเทิ้มอยู่ใต้ผ้าห่ม เมื่อเห็นเช่นนั้นซึงฮยอนแทบจะพรวดพราดเข้าไปหาบุคคลที่เขาโหยหาแทบจะทัน
เพียงแต่สะดุดชะงักกับ หญิงสาว คนที่เขาเคยเห็นในรูปที่ยืนเฝ้าอาการของคนบนเตียงอยู่
"เธอเป็นใครน่ะ .." คำถามแรกที่ออกจากปากเขาเมื่อมายืนในห้องเล็กๆห้องนี้
หญิงสาวหันมาหาผู้ถามก่อนจะเอ่ยปากตอบ
"ฉันเป็นญาติเขาค่ะ แล้วก็เป็นหมอของเขาด้วย " หญิงสาวยิ้มอย่างเหนื่อยอ่อนให้กับผู้มาเยือนก่อนจะขอตัวออกไปจากห้องให้ชายทั้งสามได้อยู่กันตามลำพัง
ซึงฮยอนเดินเข้ามานั่งลงตรงข้างกายคนรักที่หายใจรวยระรินภายใต้เครื่องช่วยหายใจ
"พี่เขาเป็นอ อะไร ครับ ฮึกก ..พี่ยองเบ "
ร่างบอบบางที่มองคนรักไม่วางตาเริ่มสะอึกสะอื้นอีกครั้งเมื่อเห็นสภาพคนรัก
"มะเร็ง ..ระยะสุดท้าย .. ตั้งแต่วันนั้นมันไม่ยอมไปหาหมออีกเลย ไม่กินยาไม่กินข้าวซดแต่เหล้า เอาแต่พร่ำพูดว่า เราไม่รักมันแล้ว เราเบื่อมันแล้ว แล้วก็บังคับให้พี่สัญญาว่าจะไม่บอกเรา " ยองเบอธิบายให้คนตัวเล็กที่สะอื้นจนตัวโยนอยู่ข้างเตียง
"วันนี้เป็นวันครบรอบสองปีใช่มั้ย มันบอกให้พี่ไปเอานี่จากคนที่ร้านนั้น " ยองเบเอ่ยก่อนจะหยิบกล่องกำมะหยี่สีแดงเข้มมายื่นให้ซึงฮยอน เขารับมันมาทั้งน้ำตา พอเปิดกล่องเล็กนั่นดู ธารน้ำตายิ่งไหลลงอาบแก้มใสไม่หยุด
"ฮึก .. ฮือออ ค คนบ้า พี่มันบ้า ฮึก ก บ้า ที่สุดเลย "
ภายในกล่องเล็กๆเป็นแหวนทองคำขาวสองวงซึ่งเป็นขนาดนิ้วของเขาและคนที่นอนอยู่เตียง ภายในสลักชื่อของเขาทั้งสองคนเอาไว้ เป็นแหวนดีไซน์เรียบๆที่มีค่ามากที่สุดในชีวิตของอีซึงฮยอนเลยก็ว่าได้
"มันคงอยู่ได้ไม่พ้นคืนนี้แล้วล่ะ .. " ยองเบเอ่ยขัดขึ้นด้วยเสียงที่แผ่วเบา ราวกับจะสื่อว่าทั้งหมดเป็นความผิดของอีซึงฮยอน ที่ทำให้เพื่อนเขาเป็นแบบนี้
" ไม่จริง .. ฮึก ไม่จริงใช่มั้ย พี่.. " เสียงเล็กชะงักลงเมื่อมือเย็นเฉียบของร่างบนเตียงเอื้อมมาจับข้อมือตัวเองไว้
" ซึงริ .. " เสียงแหบพร่าเอ่ยเรียกชื่อคนรักอย่างโหยหา
" หายโกรธ ..พี่แล้ว ช ใช่มั้ย.. " ควอนจียงเอ่ยถามคนตัวเล็กที่ร้องไห้ไม่หยุด
" ฮึกก .. คนบ้า ทำไม ต้องทำขนาดนี้ " มือเล็กยกขึ้นปาดน้ำใสบนสองแก้มออก
" ไม่โกรธ ไม่โกรธพี่เลย ฮึก .. ผมรักพี่นะครับ ผมขอโทษ พี่ !!"
ร่างเล็กร้องเสียงหลงเมื่ออยู่มือที่จับข้อมือเขาไว้ก็ร่วงหล่นอยู่บนเตียง เสียงเครื่องวัดคลื่นหัวใจก็ร้องบอกภาวะฉุกเฉิน
..อย่าพึ่งจากผมไปแบบนี้ ผมขอโทษ ผมขอโทษที่ไม่เคยรู้เลยว่าพี่ต้องรองรับอารมณ์ผมแค่ไหน ขอโทษที่โมโหใส่ ขอโทษที่ละเลย ได้โปรด .. กลับมายืนข้างๆผม กลับมากอดผม บอกรักผมทุกเช้า กลับมาคอยเป็นห่วงเวลาผมกลับดึก พระเจ้าครับ ..อย่าพรากเขาไปจากผมเลย ..
หญิงสาวคนนั้นรีบรุดเข้ามาประถมพยาบาลให้คนป่วยแทบจะทันที เธอขอให้เราทั้งคู่ออกไปรอนอกห้องก่อน
เหมือนว่าทุกอย่างจะสายไปเสียแล้ว ไม่นานหญิงสาวที่เข้าไปช่วยปั๊มหัวใจด้วยวิธีต่างๆนานาก็เดินออกมาบอกข่าวร้ายกับเขา
อีซึงฮยอนวิ่งเข้าไปในห้องทันที ก็พบกับร่างซีดเซียวที่มีใบหน้าเปื้อนยิ้มบางๆแม้จะสิ้นลมไปแล้ว เขาโผเข้ากอดร่างที่ไร้วิญญาณของคนรัก ทั้งเขย่าทั้งตะโกนใส่ราวกับมันจะทำให้คนรักฟื้นกลับคืนมา
.. บอกผมสิว่าเขายังอยู่กับผม เขายังไม่ทิ้งผมไป อยู่ให้ผมรัก อยู่ให้ผมได้ทำหน้าที่คนรักที่ดี อยู่เพื่อผม เขายังอยู่ บอกผมสิ.. พี่ครับ ผมรักพี่ ได้ยินผมมั้ย กลับมาเถอะนะครับ ให้ผมได้ดูแลพี่บ้าง ได้โปรด..
คนเรามักไม่ค่อยใส่ใจคนใกล้ตัว เขาอาจจะรักและเป็นห่วงเราแทบบ้า พอถึงเวลาที่จะเสียเขาไปตลอดกาลถึงได้นึกได้ ว่ารักเขามากขนาดไหน
the end .
couple : GD x VI
Category: Drama
writer :
---------
'อย่ายุ่งกับผมได้มั้ย !' เสียงเล็กๆยังคงสะท้อนก้องอยู่ในหัวผมไม่หยุด ทั้งที่ผมออกมาจากคอนโดของเขาได้สักพักแล้ว
วันนี้ควรจะเป็นวันที่มีความสุขของเขาสิ วันนี้มันเป็นวันเกิดเขานะ ผมนี่บ้าจริงไปวุ่นวายกับคนรักจนเกินไปหรอ แค่อยากทำให้มีความสุข กลับกลายเป็นแบบนี้ไปได้ ..
ร่างที่เหมือนไร้วิญญาณของ ' ควอน จียง' กำลังเดินออกไปตามถนนที่มีเพียงแสงจากเสาไฟเท่านั้นที่รู้ว่าเขายังอยู่บนโลกใบนี้ แต่หากจะมีใครล่วงรู้จุดหมายปลายทางของชายผู้นี้ แม้แต่ตัวเขาเองยังไม่รู้เลยว่าจุดหมายคือที่ไหน .. อากาศที่หนาวเหน็บไม่สามารถทำให้เขาสะทกสะท้านได้เลย มีแต่เพียงเสียงตวาดจากคนรักที่ทำให้เขาหลุดลอยจากโลกความเป็นจริงได้เพียงเท่านี้
รถเบนซ์สีดำคันโตขับมาจอดเทียบข้างในขณะที่เขากำลังเดินอย่างไร้ปลายทาง แต่สติของชายหนุ่มก็ไม่ได้กลับเข้าที่อยู่ดี จนคนบนรถต้องเดินลงมาดึงข้อมืดเล็กเอาไว้ "ไ.อห่.า ! นี่ได้ยินที่กูเรียกมั้ย" มือหนาดึงข้อมือเล็กแรงๆให้เจ้าตัวรู้สึก หากแต่คนตัวเล็กได้แต่เพียงพยักหน้าตอบว่ารับรู้ถึงการมาของเพื่อนสนิท "เป็นอะไรว.ะเนี่ย ทะเลาะกันมาอีกแล้วรึไง" ชายผู้มาเยือนถามซ้ำด้วยน้ำเสียงห่วงใย แต่เขาก็ได้แต่เพียงพยักหน้ารับ
....ยองเบ เพื่อนที่ผมปรึกษาแทบจะทุกเรื่องเวลาที่กลุ้มใจ มันมักจะมีคำแนะนำดีๆให้ผมเสมอ แต่ในตอนนี้ผมไม่อยากบอกอะไรใครเลย ผมอยากอยู่คนเดียว ผมได้แต่พยักหน้ารับทุกอย่างที่มันถาม .....
"ไปบ้านกูก่อน ค่อยว่ากัน" พูดจบไม่ว่าเปล่าพลางฉุดดึงเพื่อนรักของเขาให้ขึ้นไปบนรถให้เรียบร้อยก่อนที่ร่างที่ล่องลอยของควอนจียงจะได้โต้เถียงหรือขัดขืนเสียอีก
รถหรูสีดำขับอย่างไม่รีบร้อนไปตามถนนยามค่ำคืน ภาพสถานที่ที่เขาเคยมีความสุขกับคนรักของเขาต่างแล่นเข้ามาในหัว ตลอดสองปีที่ผ่านมา เขารู้นิสัยของอีซึงฮยอนดี ว่าเป็นคนอารมณ์ค่อนข้างรุนแรง แม้ว่าจะมีปากเสียงกันบ่อยครั้ง แต่ครั้งนี้มันรุนแรงจนเขาตั้งตัวไม่ทันไม่คิดว่าจะได้ยินคำพูดนี้จากคนรักของเขา ..ดวงตาที่เคยว่างเปล่ามาตลอดทางเริ่มมีน้ำคลออยู่ภายใน ก่อนที่น้ำใสๆนั้นจะร่วงลงเปรอะแก้ม
.. ผมไม่ได้ร้องไห้เพราะเขามานานเท่าไหร่แล้วนะ..
เมื่อมีหยดแรกที่ไหลลงมา หยดต่อๆไปก็ตามลงมาไม่ขาดสาย ชายหนุ่มผู้ซึ่งเข้มแข็งในสายตาใครหลายคนกำลังร้องไห้ แม้แต่เพื่อนที่นั่งอยู่ข้างกายเขาในตอนนี้ยังอดเวทนากับภาพตรงหน้าไม่ได้ ยองเบได้แต่เพียงตบบ่าเขาเป็นการปลอบโยน
- อีซึงฮยอน -
ร่างเล็กนั่งอยู่บนโซฟาตัวใหญ่หลังจากตวาดคนรักไป .. เขาพูดแรงไปรึเปล่านะ ..
ผมแค่เหนื่อยจากการทำงาน เหนื่อยจากภาระหน้าที่ ไหนจะยังเรื่องที่ผมได้ฟังจากเพื่อนมาอีก อะไรน่ะหรอ นอกใจยังไงล่ะ เพื่อนในมหาลัยผมเห็นว่าพี่เขาไปทานข้าวกับผู้หญิงคนนึง หลายเดือนมาแล้ว แถมยังเทียวไปหาถึงโรงพยาบาลแทบทุกวัน ใช่ครับ เธอเป็นหมอที่ค่อนข้างหน้าตาดีเลยทีเดียว มันน่าโมโหมั้ยล่ะครับ
.. มือเล็กหยิบรูปที่เพื่อนแอบถ่ายมาได้จากโรงพยาบาล แสดงถึงความสนิทสนมของคนในรูปเป็นอย่างดี คนตัวเล็กกัดฟันกรอด พร้อมกลอกตาไปมาก่อนจะขยำรูปในมือจนยับเยิน ราวกับหากรูปนี้แหลกสลายคามือเขาแล้วคนในรูปจะเจ็บปวดไปด้วย ..
เขาควรจะทำอะไรต่อไปดี แล้วป่านนี้ไม่รู้พี่เขาไปไหนแล้ว ห่วงก็ห่วง โมโหก็โมโห ดึกป่านนี้แล้วจะเป็นอะไรรึเปล่า
.. ซึงริเดินลงมาข้างล่างยังคงเห็นรถเบนท์ลีย์สีขาวของคนรักอยู่ .. "ไปไหนของเขาเนี่ย โถ่โว้ย! " คนตัวเล็กเตะเข้าไปที่ประตูรถคันหรูไปทีนึง รถมันไม่ได้รู้สึกเจ็บกับเขาหรอก มีแต่เขาที่เจ็บอยู่คนเดียว ท่าทางกระวนกระวายด้วยความเป็นห่วงอีกคนที่ติดต่อไม่ได้ทำให้รปภ.ต้องเดินเข้ามาถามไถ่ และเขาก็ได้รู้ว่า ควอนจียง เดินหายออกไปโดยฝากกุญแจไว้กับรปภ. เมื่อเขาได้กุญแจรถมาก็รีบขับไปตามทางที่คิดว่าคนรักของเขาจะไปปรากฏตัวอยู่ไหนสักที่ ที่พวกเขาเคยไปด้วยกัน แต่ทว่าสถานที่เหล่านั้นกลับว่างเปล่า ไร้วี่แววของบุคคลที่เขาตามหาอยู่
ร่างบางหยิบสมาร์ทโฟนขึ้นกดดูเวลา "ตีสี่แล้วหรอ " ริมฝีปากเล็กถอนหายใจออกมากับความเหนื่อยอ่อน ก่อนจะขับรถกลับคอนโดเพื่อพักผ่อน ได้แต่เพียงคาดหวังว่าตื่นมาพรุ่งนี้จะพบเจอ 'พี่จียง' คนที่เขารักมากที่สุดนอนกอดเขาอยู่ดั่งเช่นทุกเช้า ..
---------
สี่เดือนผ่านไป
ร่างเล็กตื่นมาบนเตียงใหญ่ที่ปกติต้องมีอีกคนที่จะกอดเขาอยู่ทุกเช้า สี่เดือนที่ผ่านมาเขาต้องทนอยู่คนเดียว หลังจากวันนั้น เขาก็ไม่พบเจอจียงอีกเลย โทรหาก็ไม่มีการตอบรับ ไปหาที่ห้องก็ไม่มีใครอยู่ จนตอนนี้เขาเริ่มท้อแท้แล้ว
หรือว่าเขาจะโดนทิ้งแล้วจริงๆ ?
ใบหน้าเล็กส่ายหน้าไปมาเพื่อสลัดทุกอย่างออกไปจากหัว วันนี้เขามีแต่งานๆๆๆๆ ที่ต้องทุ่มเท ไหนจะงานเลี้ยงลูกค้าคืนนี้อีก
คิดพลางดึงร่างกายตัวเองเข้าห้องน้ำเพื่อทำธุระให้เสร็จก่อนจะไปดำเนินกิจวัตรประจำวัน ...
ในงานเลี้ยงลูกค้า ณ ผับใจกลางเมือง
ร่างเล็กในชุดสูทดูสุภาพกำลังนั่งคุยกับลูกค้าอย่างออกรสชาติ ก่อนที่สายตาคมจะเหลือบไปเห็น เขาคนนั้น ..
"พี่ยองเบ .."
พูดออกมาด้วยเสียงแผ่วเบาจนแทบจะโดนเสียงเพลงภายในร้านกลบไป เขาจำได้ทันทีว่าคนๆนี้เป็นเพื่อนสนิทกับคนรักของเขา ถ้าเข้าไปถามอาจจะได้ข่าวอะไรบ้าง
.. ซึงริขอตัวจากลูกค้าอย่างสุภาพก่อนจะก้าวเท้ายาวๆไปหาเป้าหมาย ก่อนจะหยุดอยู่ตรงหน้าของชายผู้หนึ่งที่ดูไม่สนุกกับบรรยากาศในร้านเอาเสียเลย
"พี่ครับ" เสียงใสเรียกคนรู้จักให้ผู้ที่ถูกทักทายรู้ตัว
" อะ อ้าวว ซ ซึงฮยอน มาทำอะไรที่นี่ " ยองเบพูดเสียงตะกุกตะกัก เมื่อพบผู้มาเยือนอย่างบังเอิญ
"ออกมาคุยกับผมหน่อยสิครับ ที่นี่คงเสียงดังเกินไป" ไม่ว่าเปล่าร่างเล็กที่น่าจะเหนื่อยมาทั้งวันกลับมาแรงลากชายร่างกำยำออกมาจนถึงข้างนอกร้านได้ ..
"พี่ครับ พี่เห็นพี่จีบ้างมั้ย ผมตามหามาหลายเดือนแล้ว .." ซึงริเปิดประเด็นทันที ว่าพลางมองอีกคนอย่างคาดคั้นคำตอบ
" เอ่อ ..คือ .."
"ว่าไงครับพี่ เห็นพี่จียงบ้าง ม มั้ย ฮึกก .." เสียงคนตัวเล็กเริ่มเปลี่ยนไปจากแข็งกร้าวกลายเป็นเสียงที่อ้อนวอนปนเสียงสะอื้น
เขาเพียงแค่ต้องการรู้ความเป็นไปของคนที่ได้ชื่อว่าเป็นแฟนของเขาก็เท่านั้น
"เอ่อ..ไปดูเองดีกว่าครับ มันอยู่ที่บ้านพี่น่ะ" พูดจบก็เดินนำร่างเล็กขึ้นรถเบนซ์สีดำขลับไป
เมื่อรถคันโตขับมาจอดเทียบหน้าบ้านหลังใหญ่ ซึ่งดูเหมือนจะเป็นเพียงบ้านพักตากอากาศซะมากกว่า เพราะที่นี่ห่างไกลจากตัวเมืองมาก
ชายหนุ่มผู้อ่อนใจเดินนำน้องชายที่ต้องการพบคนรักมายังห้องเล็กๆห้องหนึ่ง
ภายในห้องนั้นมีเตียงสีขาวดูสะอาดตากับคนที่เขาคุ้นเคยเป็นอย่างดีนอนอยู่บนนั้น พร้อมทั้งสายระโยงระยางเต็มไปหมด ร่างบนเตียงซีดเสียจนแทบจะไม่มีเลือดกำลังตัวสั่นเทิ้มอยู่ใต้ผ้าห่ม เมื่อเห็นเช่นนั้นซึงฮยอนแทบจะพรวดพราดเข้าไปหาบุคคลที่เขาโหยหาแทบจะทัน
เพียงแต่สะดุดชะงักกับ หญิงสาว คนที่เขาเคยเห็นในรูปที่ยืนเฝ้าอาการของคนบนเตียงอยู่
"เธอเป็นใครน่ะ .." คำถามแรกที่ออกจากปากเขาเมื่อมายืนในห้องเล็กๆห้องนี้
หญิงสาวหันมาหาผู้ถามก่อนจะเอ่ยปากตอบ
"ฉันเป็นญาติเขาค่ะ แล้วก็เป็นหมอของเขาด้วย " หญิงสาวยิ้มอย่างเหนื่อยอ่อนให้กับผู้มาเยือนก่อนจะขอตัวออกไปจากห้องให้ชายทั้งสามได้อยู่กันตามลำพัง
ซึงฮยอนเดินเข้ามานั่งลงตรงข้างกายคนรักที่หายใจรวยระรินภายใต้เครื่องช่วยหายใจ
"พี่เขาเป็นอ อะไร ครับ ฮึกก ..พี่ยองเบ "
ร่างบอบบางที่มองคนรักไม่วางตาเริ่มสะอึกสะอื้นอีกครั้งเมื่อเห็นสภาพคนรัก
"มะเร็ง ..ระยะสุดท้าย .. ตั้งแต่วันนั้นมันไม่ยอมไปหาหมออีกเลย ไม่กินยาไม่กินข้าวซดแต่เหล้า เอาแต่พร่ำพูดว่า เราไม่รักมันแล้ว เราเบื่อมันแล้ว แล้วก็บังคับให้พี่สัญญาว่าจะไม่บอกเรา " ยองเบอธิบายให้คนตัวเล็กที่สะอื้นจนตัวโยนอยู่ข้างเตียง
"วันนี้เป็นวันครบรอบสองปีใช่มั้ย มันบอกให้พี่ไปเอานี่จากคนที่ร้านนั้น " ยองเบเอ่ยก่อนจะหยิบกล่องกำมะหยี่สีแดงเข้มมายื่นให้ซึงฮยอน เขารับมันมาทั้งน้ำตา พอเปิดกล่องเล็กนั่นดู ธารน้ำตายิ่งไหลลงอาบแก้มใสไม่หยุด
"ฮึก .. ฮือออ ค คนบ้า พี่มันบ้า ฮึก ก บ้า ที่สุดเลย "
ภายในกล่องเล็กๆเป็นแหวนทองคำขาวสองวงซึ่งเป็นขนาดนิ้วของเขาและคนที่นอนอยู่เตียง ภายในสลักชื่อของเขาทั้งสองคนเอาไว้ เป็นแหวนดีไซน์เรียบๆที่มีค่ามากที่สุดในชีวิตของอีซึงฮยอนเลยก็ว่าได้
"มันคงอยู่ได้ไม่พ้นคืนนี้แล้วล่ะ .. " ยองเบเอ่ยขัดขึ้นด้วยเสียงที่แผ่วเบา ราวกับจะสื่อว่าทั้งหมดเป็นความผิดของอีซึงฮยอน ที่ทำให้เพื่อนเขาเป็นแบบนี้
" ไม่จริง .. ฮึก ไม่จริงใช่มั้ย พี่.. " เสียงเล็กชะงักลงเมื่อมือเย็นเฉียบของร่างบนเตียงเอื้อมมาจับข้อมือตัวเองไว้
" ซึงริ .. " เสียงแหบพร่าเอ่ยเรียกชื่อคนรักอย่างโหยหา
" หายโกรธ ..พี่แล้ว ช ใช่มั้ย.. " ควอนจียงเอ่ยถามคนตัวเล็กที่ร้องไห้ไม่หยุด
" ฮึกก .. คนบ้า ทำไม ต้องทำขนาดนี้ " มือเล็กยกขึ้นปาดน้ำใสบนสองแก้มออก
" ไม่โกรธ ไม่โกรธพี่เลย ฮึก .. ผมรักพี่นะครับ ผมขอโทษ พี่ !!"
ร่างเล็กร้องเสียงหลงเมื่ออยู่มือที่จับข้อมือเขาไว้ก็ร่วงหล่นอยู่บนเตียง เสียงเครื่องวัดคลื่นหัวใจก็ร้องบอกภาวะฉุกเฉิน
..อย่าพึ่งจากผมไปแบบนี้ ผมขอโทษ ผมขอโทษที่ไม่เคยรู้เลยว่าพี่ต้องรองรับอารมณ์ผมแค่ไหน ขอโทษที่โมโหใส่ ขอโทษที่ละเลย ได้โปรด .. กลับมายืนข้างๆผม กลับมากอดผม บอกรักผมทุกเช้า กลับมาคอยเป็นห่วงเวลาผมกลับดึก พระเจ้าครับ ..อย่าพรากเขาไปจากผมเลย ..
หญิงสาวคนนั้นรีบรุดเข้ามาประถมพยาบาลให้คนป่วยแทบจะทันที เธอขอให้เราทั้งคู่ออกไปรอนอกห้องก่อน
เหมือนว่าทุกอย่างจะสายไปเสียแล้ว ไม่นานหญิงสาวที่เข้าไปช่วยปั๊มหัวใจด้วยวิธีต่างๆนานาก็เดินออกมาบอกข่าวร้ายกับเขา
อีซึงฮยอนวิ่งเข้าไปในห้องทันที ก็พบกับร่างซีดเซียวที่มีใบหน้าเปื้อนยิ้มบางๆแม้จะสิ้นลมไปแล้ว เขาโผเข้ากอดร่างที่ไร้วิญญาณของคนรัก ทั้งเขย่าทั้งตะโกนใส่ราวกับมันจะทำให้คนรักฟื้นกลับคืนมา
.. บอกผมสิว่าเขายังอยู่กับผม เขายังไม่ทิ้งผมไป อยู่ให้ผมรัก อยู่ให้ผมได้ทำหน้าที่คนรักที่ดี อยู่เพื่อผม เขายังอยู่ บอกผมสิ.. พี่ครับ ผมรักพี่ ได้ยินผมมั้ย กลับมาเถอะนะครับ ให้ผมได้ดูแลพี่บ้าง ได้โปรด..
คนเรามักไม่ค่อยใส่ใจคนใกล้ตัว เขาอาจจะรักและเป็นห่วงเราแทบบ้า พอถึงเวลาที่จะเสียเขาไปตลอดกาลถึงได้นึกได้ ว่ารักเขามากขนาดไหน
the end .
แก้ไขล่าสุด 24 มิ.ย. 56 21:48 |
เลขไอพี : ไม่แสดง
อ่านต่อ คุณอาจจะสนใจเนื้อหาเหล่านี้ (ความคิดเห็นกระทู้ อยู่ด้านล่าง)
ความคิดเห็น
จะต้องเป็นสมาชิกจึงจะแสดงความคิดเห็นได้
เป็นสมาชิกอยู่แล้ว ลงชื่อเข้าใช้ระบบ
ยังไม่ได้เป็นสมาชิก สมัครสมาชิกใหม่
หรือจะลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google หรือ Facebook ก็ได้
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Facebook
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google
เป็นสมาชิกอยู่แล้ว ลงชื่อเข้าใช้ระบบ
ยังไม่ได้เป็นสมาชิก สมัครสมาชิกใหม่
หรือจะลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google หรือ Facebook ก็ได้
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Facebook
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google