The World's End : ภารกิจดวดเบียร์ฮา ฝ่าเอเลี่ยน (วิจารณ์)

7 ธ.ค. 56 21:25 น. / ดู 1,344 ครั้ง / 1 ความเห็น / 0 ชอบจัง / แชร์
The World's End – ภารกิจดวดเบียร์ฮา ฝ่าเอเลี่ยน

จากนี้ไปเราคงต้องจับตากับ ผู้กำกับที่มีลายเซ็นต์ชัดเจนสุดแสนจะอังกฤษอย่าง Edgar Wright ที่กำลังเตรียมงานสร้างฮีโร่ใหม่อย่าง Ant-Man เพื่อเตรียมลงโรงฉายในปี 2015 นี้ ทำให้แฟนๆงานเฮียแก จับตารอคอยว่า Edgar Wright จะจัดหนักจัดเต็มแค่ไหนในการส่งผลงานที่มีลายเซ็นต์ของแกสู่ตลาดหนังทั่วโลก

หากถามว่าแกเป็นใครมาจากไหน ถึงได้มาทำหนังซูปเปอร์ฮีโร่จักรวาล Marvel นั้น ก็คงหนีไม่พ้นงานที่เราคุ้นชื่อแกมากสุดจากการล้อเลียนหนังซอมบี้ Dawn of the Dead เป็น Shaun of the Dead และการล้อเลียนหนังสืบสวน-คู่หูตำรวจอย่าง Hot Fuzz ได้ออกมาอย่างแสบสันต์, มันส์และครบรส จนถึงชนิดที่ว่าได้รับคำชมสุดกู่ ถึงขนาดที่เจ้าของผลงาน Dawn of the Dead ออกมาชมเลยว่า หนังทำหน้าที่เดียวกับหนังต้นฉบับเพียงแต่ในรูปแบบที่เข้าถึงได้ง่ายกว่าและสนุกกว่า ถึงแม้ว่าผลงานของ Wright จะไม่ค่อยทำรายได้มากนักแต่ก็สร้างกระแสให้กับนักดูหนังและนักวิจารณ์จนเป็นที่จดจำได้ ถึงการตัดต่อที่ฉับไวของตัวหนัง บทที่ไม่ซับซ้อนแต่ละเอียด การปูมุขที่ฉลาดและสามารถกลับมาใช้ต่อได้ภายหลัง จนมาถึงการสรุปไตรภาคคอเน็ตโต้ต่อจาก Shaun of the Dead และ Hot Fuzz อย่าง The World's End จนได้

The World's End เล่าเรื่องของก๊วนเพื่อนรัก 5 คนที่นำโดยหัวโจก Gary King (Simon Pegg) พยายามสานต่อภารกิจสมัยวัยรุ่นกับภารกิจท้าเมา 5 เกลอ12 ผับ 60 เหยือก ที่เมืองบ้านเกิด Newton Haven ตั้งแต่ผับ First Post ก่อนไปบรรจบที่ The World's End ด้วยเพื่อนๆอีก 4 คน Andy (Nick Frost) อดีตมือขวาของ King แต่ไม่ถูกกันเพราะเรื่องในอดีต, Steven อดีตมือเบสหล่อสุดในกลุ่ม, O-Man บ้าโทรศัพท์แต่มีน้องสาวสวยอย่าง Sam ที่ทั้ง King และ Steven ต่างหมายปองและ Peter รวยและเฉิ่มสุดในกลุ่ม กับภารกิจสานต่อความพยายามเมื่อครั้งยังหนุ่ม แต่ระหว่างทางพวกเขาก็ไม่คิดไม่ฝันว่าเมือง Newton Haven จะเปลี่ยนไปจนอาจจะไปสู่จุดจบของโลก!

หนังมีเส้นเรื่องที่พิศดารมากกับการกินเหล้า 12 ร้านรวดแต่ก็เล่าออกมาได้มีสไตล์คงลายเส้นเดิมๆไว้ อีกทั้งยังมีมุขฮาจากทั้ง 5 ตัวละครที่ค่อยยิงมุขสวนกันตลอดทั้งเรื่องที่ดูฉลาดและมีชั้นเชิงมาก แม้ว่าจะเป็นมุขเฉพาะกลุ่มแต่ถ้าเข้าใจก็จะก๊ากมากเลยทีเดียว กระนั้นหนังยังพอมีเนื้อเรื่องให้จับต้องได้ถึงรายละเอียดของแต่ละตัวละครที่พอจะฮาก็ฮา พอจะดราม่าก็เข้าใจถึงตัวละครตัวนั้นเลยจริงๆ รวมถึง Gary King ที่เปรียบเสมือนแกนกลางของหนังเรื่องนี้ก็ทำหน้าที่เป็นตัวนำได้ดี แต่ก็ยังคงแบ่งบทบาทให้อีก 4 ตัวละครแบบไม่มีใครยอมใคร! นอกจากนั้นหนังยังมีฉากไฝว้บ้านๆระหว่างคนกับหุ่นยนต์ ซึ่งดูธรรมดามากๆ แต่ก็มันส์แบบปฏิเสธไม่ได้จริงๆ!

ส่วนที่ดีที่สุดของหนังในเรื่องนี้ คือ เคมีระหว่างตัวละครที่กินกันไม่ลงและไม่มีใครเกินหน้าเกินตาแถมยังมีบทบาทรองรับทุกคน อีกทั้งหนังยังมาพร้อมกับมุขที่ชาญฉลาดและมีชั้นเชิงมาก ถึงแม้บางครั้งจะเป็นมุขคำแต่ก็ยังเก็บเอามาใช้ในภายหลัง ส่วนถัดมาคือ เนื้อเรื่องที่มีเหตุผลทางด้านตัวละครใช้ได้และมีประเด็นในแต่ละตัวละครให้เล่นมาก และนำเอามาใช้ได้ดี ส่วนต่อมาคือ แอ็คชั่นในหนังที่มันส์เอาเรื่องด้วยมุมกล้องฉวัดเฉวียนและออกแบบมาใช้ได้ แม้จะน้อยจาก Hot Fuzz แต่ก็มันส์เอาเรื่อง

Gary King คือศูนย์กลางของเรื่องนี้ หนังให้ Gary King เป็นคนที่ทำอะไรก็ได้ตามใจแบบเดียวกับที่ตัวเขาชอบทำสมัยวัยรุ่นแต่ King นั้นเป็นผู้ใหญ่ที่ยังรักที่จะทำอะไรตามใจชอบ หนังให้ King อยู่ในสภาพไม่มีความรับผิดชอบทำอะไรตามใจและยังคงหลงรักทุกอย่างแบบที่ตัวเองเป็นในวัยรุ่น ทั้งรถเก่า เพลงเก่า ชุดเก่าและนิสัยเก่าที่ตัวเองยังไม่พัฒนาและสลัดมันไม่ออก มองดูแล้ว King นั้นก็เหมือนเป็นพวกไม่รับผิดชอบและทำอะไรตามใจ และมันเป็นเช่นนั้นจริงๆ หนังให้ King เป็นคนติดเหล้าจนบทสรุปหนังบอกว่า ทั้งหมดที่ King ทำกับการดวดเบียร์รวด 12 ผับ นั้นคือ ชีวิตเขาและชีวิตเขามีแค่นั้น นอกจากนั้นหนังยังแถมประเด็นเล็กๆอย่างการวิจารณ์สังคมมนุษย์ในปัจจุบันอย่างเจ็บแสบอีกว่า มนุษย์มันป่าเถื่อน, ไร้ความรับผิดชอบและด้อยพัฒนา Gary King จึงเป็นเหมือนภาพสะท้อนของมนุษย์บนโลกทั้งหมด ที่ไม่สนเหียกอะไร และตอบปฏิเสธไปกับการพัฒนาตัวเองไปในทางที่ดีขึ้น ตอนจบของหนังจึงเป็นเหมือนบทสรุปที่ "น่าจะ" ทำให้คนบางคนหรืออีกหลายคนคิดว่า ควรจะตอบอย่างไร

สรุปแล้ว The World's End หนังไซไฟ-คอเมดี้ที่มาพร้อมกับตัวละครที่เราคุ้นเคยและเสน่ห์จากสองเรื่องก่อนหน้าที่เราจำได้จากไตรภาค อีกทั้งยังมีเนื้อเรื่องที่จับต้องได้ของตัวละคร, มุขที่ชาญฉลาด (แม้จะเฉพาะกลุ่ม) แต่ก็ดูสนุก ถึงแม้จะไม่ฟินเท่า 2 เรื่องที่แล้ว แต่ก็สนุกและบันเทิงมากพอสมควร

4/5

สามารถอ่านบทวิจารณ์ภาพยนตร์อื่นๆ ได้ที่นี้นะครับ กด
เลขไอพี : ไม่แสดง

อ่านต่อ คุณอาจจะสนใจเนื้อหาเหล่านี้ (ความคิดเห็นกระทู้ อยู่ด้านล่าง)

ความคิดเห็น

#1 | am_pooh | 9 ธ.ค. 56 09:16 น.

ส่วนตัวนะ

จากที่อ่านมามันลึกซึ้งมากครับ แต่ผมไม่ได้มองลึกขนาดนั้น กะเอาบันเทิง 555
เห็นว่าหนังให้เฉพาะความบันเทิง(คือดูแบบไม่คิดจริงๆ) และตัวละครก็ไม่มีความเปลี่ยนแปลง คิดไม่ได้ ไม่รู้จักโต(ก็อย่างที่ จขกท บอกว่าต้องการจะสื่อแบบนั้น ปฏิเสธการพัฒนาตัวเอง และให้ความรู้สึกอยู่แต่กับช่วงวัยรุ่นที่มีความสุข, - -")

แต่ตอนจบของเรื่องแบบ เกินความคาดหมาย 555+ คิดได้ไงอะ หักมุมมาก คือมันกลายเป็นเรื่องใหญ่โตอะ

ผมให้ 3/5
อันนี้ความเห็นส่วนตัวนะ ..ไม่รู้เทียบได้รึเปล่าแต่ผมว่า Hot Fuzz ดูจะดีกว่าอะ
มาแนวเดียวกันนะ ที่เมืองถูกครอบงำ หรืออะไรเงี่ย

ผมดูเอาบันเทิงนะครับ (จบออกมะละเครียดเลย 555) ยังงงๆ จบแล้วหรอ แต่สนุก อันนี้จริง

ไอพี: ไม่แสดง

แสดงความคิดเห็น

จะต้องเป็นสมาชิกจึงจะแสดงความคิดเห็นได้
เป็นสมาชิกอยู่แล้ว ลงชื่อเข้าใช้ระบบ
ยังไม่ได้เป็นสมาชิก สมัครสมาชิกใหม่
หรือจะลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google หรือ Facebook ก็ได้
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Facebook
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google