วิจารณ์ Blue is the Warmest Color หนังเลสเบี้ยนอันแสนเร่าร้อน
31 ธ.ค. 56 23:25 น. /
ดู 3,824 ครั้ง /
2 ความเห็น /
1 ชอบจัง
/
แชร์
Blue is the Warmest Color
By Bigtum
: ความรักสีครามของเด็กสาวผู้แปลกเเยก
เรื่องของการพลัดพรากจากลาใครๆก็รู้ว่ามันเป็นเรื่องปกติ คำว่า "รักเเทั" ก็คือเวลาที่เราศรัทธาเชื่อมั่นว่าจะซื่อสัตย์อยู่เคียงคู่ต่อกันตลอดไป แต่ใครจะรู้ เมื่อยามที่รสขมมาเยือนนั้น คำว่า "ศรัทธา" ก็ล้มครืนพังทลายลงมาง่ายๆกลายเป็นความปวดร้าวที่เจ็บเกินกว่าจะบรรยายได้เหมือนกัน ซึ่งก็เหมือนกับคู่ของ 'อเดล' และ 'เอมม่า' ในหนังหญิงรักหญิงเรื่องนี้
มีสัญลักษณ์อย่างหนึ่งที่ปรากฎให้เห็นอยู่ตลอดนั่นคือ "สีฟ้า" ซึ่งเป็นสีเเทนความรู้สึกที่ผู้กำกับ 'อับเดลลาทิฟ เคชิช' คงตั้งใจอยากสื่อออกมา ทั้งรูปแบบสิ่งของ แจ็คเก็ต กระเป๋า ปากกา ผ้าพันคอ กระทั่งสีผม สีฟ้าที่เปรียบดั่งสีแห่งกามารมณ์ สีแห่งความหวัง ความสุข สีแห่งท้องฟ้าอะไรก็แล้วแต่ที่จะตีความกันนั้น จะว่าไปมันก็คือสีโปรดของผู้เขียนเช่นเดียวกัน ซึ่งก็ยังดีที่เป็นสีฟ้าไม่ใช่สีม่วง เพราะหากชอบสีม่วง คนใกล้ตัวผู้เขียนก็คงจะล้อว่าเป็นชาวสีม่วงแน่นอน
หนังเรื่องนี้ดัดแปลงมาจากหนังสือการ์ตูนฝรั่งเศสเรื่อง Le Blue est une couleur chaude ของ ชูลี มาโรห์ และนิยายเรื่อง La Vie de Marianne ของ ปีแยร์ เดอ มารีโว ซึ่งได้วางพลอตให้นางเอกในเรื่องคลั่งไคล้นิยายเล่มนี้ด้วย หนังเล่าเรื่องของ อเดล (อเดล เอ็กซาโคปูโลส) เด็กสาวชนชั้นล่างย่านแรงงานในลีล เธอเป็นคนง่ายๆ ไม่ค่อยเเต่งหน้า ไม่พิถีพิถันเรื่องการแต่งตัว ชอบรวบผมมัดขึ้นแบบเซอร์ๆ ถ้าเป็นคนอื่นอาจดูกระเซอะกระเซิงเป็นยายเพิ้งไปเลย แต่ด้วยความที่มีหน้าตาดีเป็นทุนเดิม นั่นจึงทำให้เป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งของเธอไปโดยปริยาย เธอชอบอ่านนิยาย (เล่มนั้นแหละ) และชอบเรียนหนังสือ แต่ไม่ได้สนใจเรื่องความรักมากนัก จนกระทั่งมีเพื่อนในกลุ่มบอกว่ามีหนุ่มมาแอบมองเธอ
ซึ่งเธอก็ไม่ปฎิเสธในการสานความสัมพันธ์กับหนุ่มคนนั้นยามเมื่อเข้ามาสนิทสนมด้วย หนุ่มคนนั้นชื่อ 'โธมัส' หลังจากที่คุยถูกคอก็นัดเดทไปดูหนังกัน และจบลงที่เตียงด้วย Sex อันเร่าร้อนของโธมัสเพียงฝ่ายเดียว? โธมัสถือเป็นแฟนหนุ่มคนเเรกของอเดล แต่แปลกที่เธอกลับไม่รู้สึกถึงรสรักที่เพิ่งบรรเลงกันไป แต่ดันไปนึกถึงผู้หญิงผมสีฟ้าที่เคยเดินสวนผ่านกันแว๊บๆบนถนน กระทั่งเก็บไปฝันหวานถึงขั้นทำร้ายตัวเองด้วยนิ้ว
เพียงไม่นานอเดลเเละโธมัสก็เลิกกัน ทั้งคู่ต่างก็เสียใจ จนวันหนึ่งเธอถูกเพื่อนสาวจูบ เมื่อเธอติดใจจะเริ่มริลองก็ดันถูกปฎิเสธเอาดื้อๆ เด็กสาวผู้อยู่ในภวังค์อันสับสนถูกเพื่อนเกย์พาไปเปิดหูเปิดตาในคลับเกย์ เธอไม่ปิดกั้นในการรู้จักกับโลกใบใหม่ ทว่านี่ก็ยังไม่ใช่ที่ใช่ทางที่เด็กสาวควรจะอยู่ จนต้องเดินย่างออกจากคลับมา เดินไปเรื่อยๆเหมือนลูกเเมวที่พลัดหลง ซึ่งก็เหมาะเจาะเหลือเกินเดินไปบรรจบที่บาร์เลสเบี้ยนแห่งหนึ่ง เธอตกเป็นเป้าสายตาทันทีที่ก้าวเท้าเข้าไป ขณะที่เหยื่อตัวน้อยกำลังจะถูกตระครุบ ผู้หญิงผมสีฟ้าที่เล็งไว้ก็ปรากฎกายออกมาช่วยเธอไว้ได้ทัน
ผู้หญิงผมสีฟ้าคนนั้นเป็นทอมชื่อ เอมม่า (เลอา เซย์ดูซ์) คนเดียวกับที่เคยเดินสวนกันบนถนน เอมม่าเป็นนักศึกษาปี 4 ที่เรียนศิลปะ มาจากครอบครัวชนชั้นกลาง เป็นศิลปินที่ชอบวาดรูป เก่งในเรื่องปรัชญา เธอสอนให้อเดลได้รู้จักกับโลกของเธอ หลังจากที่ได้สานสัมพันธ์กันทั้งทางร่างกายและจิตใจ เอมม่าพาอเดลไปพบกับพ่อเเม่ของเธอ ร่วมโต๊ะนั่งทานอาหารที่หรูหรา พาไปรู้จักกับเพื่อนไฮโซที่พูดแต่เรื่องของศิลปินเอก โลกใบใหม่ของเด็กสาวเหมือนจะดำเนินไปด้วยความสุข แต่ดันกลายเป็นความทุกข์ เมื่อรู้สึกเหมือนเป็นเพียง "วัตถุ" ชิ้นหนึ่งของเอมม่า เฉกเช่นนางแบบนู้ดที่ศิลปินไม่ต้องการ
ความเป็นธรรมชาติของอเดลที่เคยเป็นเสน่ห์ให้เอมม่าสร้างสรรค์ผลงานศิลปะนั้น มีเหตุให้ต้องหยุดลง แม้จะยอมทิ้งชีวิตเสรีภาพในอุดมคติที่ฝันไว้ทิ้งไปเพื่อความรัก แต่กระนั้นเด็กสาวก็ไม่พ้นที่จะต้องพบกับความปวดร้าวหัวใจ ความสัมพันธ์เริ่มซับซ้อนเมื่อมีตัวแปรเข้ามา อเดลใช้ร่างกายแบบฟรี Sex ไม่แคร์ที่จะมีความสัมพันธ์กับคนอื่น ทั้งที่หัวใจเธอยังคงเรียกร้องหาแต่เอมม่า มีการโต้เถียงทะเลาะกันอย่างรุนแรงจนถึงขั้นลงไม้ลงมือ สีฟ้าที่เคยสว่างไสวกำลังจะกลายเป็นสีที่ซีดลงเรื่อยๆ เอมม่ากำลังจะตีจาก เพื่อเริ่มฉิ่งฉับความสัมพันธ์กับคนใหม่ ไม่ต้องบอกก็พอจะเดากันได้นะว่าหนังจะจบลงยังไง เพราะมันมีบอกในแฮนด์บิลอยู่แล้ว
สิ่งที่เคยเป็นข่าวให้ผู้คนกล่าวถึงหนังเรื่องนี้ กับการแสดงที่ค่อนข้างสมจริงในฉากบนเตียงนั้นก็แรงอย่างเค้าว่าจริงๆ ผู้หญิงกับผู้หญิงเค้าทำกันยังไง หนังประเคนจัดให้แบบไม่บันยะบันยั้งสมแล้วกับเรท NC-17 บ้านเราต้องอายุ 20 ปีขึ้นไปถึงจะดูได้ มีการตรวจบัตรจำกัดอายุเหมือนกัน ฉาก Sex ระหว่างอเดลกับเอมม่าที่ปรากฎบนจอรวมๆเเล้วราวเกือบ 10 นาทีนั้น เบื้องหลังมันถูกถ่ายทำนานถึง 10 วัน! นี่ถือเป็นความละเอียดของผู้กำกับชาวตูนิเซียคนนี้หรือความโหดก็ไม่รู้นะ เพราะเคยมีข่าวว่านักเเสดงในเรื่องออกมาแฉตอนให้สัมภาษณ์ว่าถูกผู้กำกับคนนี้บังคับทารุณให้เล่นฉากเเรงๆเหล่านั้น เพราะผู้กำกับเป็นพวกนิยมบ้าความสมจริงแบบสุดๆ
แฉยันกระทั่งฉากเล็กๆอย่างตอนอเดลพบเอมม่าครั้งแรกก็ถ่ายกันอยู่ 100 เทค (ป๊าด!) กว่าผู้กำกับรายนี้จะพอใจ แต่ถึงจะเกิดข่าวฉาวทั้งในจอและนอกจอ ทีมนักเเสดงและผู้กำกับตอนนี้ก็คงยิ้มกันไม่หุบ กับความสำเร็จในการคว้ารางวัลปาล์มทองคำมาครองในเทศกาลหนังเมืองคานส์ปีล่าสุด พร้อมกับเข้าชิงลูกโลกทองคำหนังต่างประเทศยอดเยี่ยม และรายได้เปิดตัวในอเมริกาแบบงดงามสวยหรู สำหรับความเห็นของผู้เขียน ที่เคยผ่านตาหนังอินดี้ฝรั่งเศสมาแล้วหลายเรื่อง ซึ่งก็ยอมรับว่าหนังของประเทศนี้เค้าค่อนข่างล่อแหลมอยู่แล้วในฉากอย่างว่า บางเรื่องจัดหนักกว่านี้ก็เคยมี ก็รู้สึกเฉยๆกับเรื่องนี้นะ ไม่ค่อยเเปลกใจอะไร
ทว่าสิ่งที่เป็นสากลที่เหล่าปัจเจกชนแสวงหาต่อชีวิตก็คือมุมมองด้านความรักต่างหาก ต้องมองกันตรงนี้ด้วย สุดท้ายแล้วที่ไม่ว่าต่อให้เป็นเพศไหน ต่างก็ต้องการจะมีชีวิตอันเป็นอิสระด้วยกันทั้งนั้น เพราะงั้นเมื่อต่างคนต่างมาพบเจอกัน ถูกชะตากัน ไม่ได้หมายความว่าจะคิดเห็นเหมือนกันไปซะทุกเรื่อง เมื่อตกลงจะใช้ชีวิตร่วมกันแล้วก็ต้องยอมลดความเป็นปัจเจกชนส่วนตัวกันคนละครึ่งทาง ต้องคุยกัน สร้างความเข้าใจ อย่าใช้อารมณ์ตัดสินปัญหา หาทางปรับจูนกันให้ได้ เพื่อจะได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของกันละกันเเบบยั่งยืน เชื่อว่าความรักของอเดลในหนังเรื่องนี้คือตัวอย่างที่หลายคนคงไม่อยากให้เจอกับตัวเองหรอกนะ
ระดับคะเเนน "B"
ติดตามอ่านรีวิวหนังเรื่องอื่นๆได้อีกเพียบที่ https://www.facebook.com/pages/The-.........101573433344532
By Bigtum
: ความรักสีครามของเด็กสาวผู้แปลกเเยก
มีสัญลักษณ์อย่างหนึ่งที่ปรากฎให้เห็นอยู่ตลอดนั่นคือ "สีฟ้า" ซึ่งเป็นสีเเทนความรู้สึกที่ผู้กำกับ 'อับเดลลาทิฟ เคชิช' คงตั้งใจอยากสื่อออกมา ทั้งรูปแบบสิ่งของ แจ็คเก็ต กระเป๋า ปากกา ผ้าพันคอ กระทั่งสีผม สีฟ้าที่เปรียบดั่งสีแห่งกามารมณ์ สีแห่งความหวัง ความสุข สีแห่งท้องฟ้าอะไรก็แล้วแต่ที่จะตีความกันนั้น จะว่าไปมันก็คือสีโปรดของผู้เขียนเช่นเดียวกัน ซึ่งก็ยังดีที่เป็นสีฟ้าไม่ใช่สีม่วง เพราะหากชอบสีม่วง คนใกล้ตัวผู้เขียนก็คงจะล้อว่าเป็นชาวสีม่วงแน่นอน
หนังเรื่องนี้ดัดแปลงมาจากหนังสือการ์ตูนฝรั่งเศสเรื่อง Le Blue est une couleur chaude ของ ชูลี มาโรห์ และนิยายเรื่อง La Vie de Marianne ของ ปีแยร์ เดอ มารีโว ซึ่งได้วางพลอตให้นางเอกในเรื่องคลั่งไคล้นิยายเล่มนี้ด้วย หนังเล่าเรื่องของ อเดล (อเดล เอ็กซาโคปูโลส) เด็กสาวชนชั้นล่างย่านแรงงานในลีล เธอเป็นคนง่ายๆ ไม่ค่อยเเต่งหน้า ไม่พิถีพิถันเรื่องการแต่งตัว ชอบรวบผมมัดขึ้นแบบเซอร์ๆ ถ้าเป็นคนอื่นอาจดูกระเซอะกระเซิงเป็นยายเพิ้งไปเลย แต่ด้วยความที่มีหน้าตาดีเป็นทุนเดิม นั่นจึงทำให้เป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งของเธอไปโดยปริยาย เธอชอบอ่านนิยาย (เล่มนั้นแหละ) และชอบเรียนหนังสือ แต่ไม่ได้สนใจเรื่องความรักมากนัก จนกระทั่งมีเพื่อนในกลุ่มบอกว่ามีหนุ่มมาแอบมองเธอ
ซึ่งเธอก็ไม่ปฎิเสธในการสานความสัมพันธ์กับหนุ่มคนนั้นยามเมื่อเข้ามาสนิทสนมด้วย หนุ่มคนนั้นชื่อ 'โธมัส' หลังจากที่คุยถูกคอก็นัดเดทไปดูหนังกัน และจบลงที่เตียงด้วย Sex อันเร่าร้อนของโธมัสเพียงฝ่ายเดียว? โธมัสถือเป็นแฟนหนุ่มคนเเรกของอเดล แต่แปลกที่เธอกลับไม่รู้สึกถึงรสรักที่เพิ่งบรรเลงกันไป แต่ดันไปนึกถึงผู้หญิงผมสีฟ้าที่เคยเดินสวนผ่านกันแว๊บๆบนถนน กระทั่งเก็บไปฝันหวานถึงขั้นทำร้ายตัวเองด้วยนิ้ว
เพียงไม่นานอเดลเเละโธมัสก็เลิกกัน ทั้งคู่ต่างก็เสียใจ จนวันหนึ่งเธอถูกเพื่อนสาวจูบ เมื่อเธอติดใจจะเริ่มริลองก็ดันถูกปฎิเสธเอาดื้อๆ เด็กสาวผู้อยู่ในภวังค์อันสับสนถูกเพื่อนเกย์พาไปเปิดหูเปิดตาในคลับเกย์ เธอไม่ปิดกั้นในการรู้จักกับโลกใบใหม่ ทว่านี่ก็ยังไม่ใช่ที่ใช่ทางที่เด็กสาวควรจะอยู่ จนต้องเดินย่างออกจากคลับมา เดินไปเรื่อยๆเหมือนลูกเเมวที่พลัดหลง ซึ่งก็เหมาะเจาะเหลือเกินเดินไปบรรจบที่บาร์เลสเบี้ยนแห่งหนึ่ง เธอตกเป็นเป้าสายตาทันทีที่ก้าวเท้าเข้าไป ขณะที่เหยื่อตัวน้อยกำลังจะถูกตระครุบ ผู้หญิงผมสีฟ้าที่เล็งไว้ก็ปรากฎกายออกมาช่วยเธอไว้ได้ทัน
ผู้หญิงผมสีฟ้าคนนั้นเป็นทอมชื่อ เอมม่า (เลอา เซย์ดูซ์) คนเดียวกับที่เคยเดินสวนกันบนถนน เอมม่าเป็นนักศึกษาปี 4 ที่เรียนศิลปะ มาจากครอบครัวชนชั้นกลาง เป็นศิลปินที่ชอบวาดรูป เก่งในเรื่องปรัชญา เธอสอนให้อเดลได้รู้จักกับโลกของเธอ หลังจากที่ได้สานสัมพันธ์กันทั้งทางร่างกายและจิตใจ เอมม่าพาอเดลไปพบกับพ่อเเม่ของเธอ ร่วมโต๊ะนั่งทานอาหารที่หรูหรา พาไปรู้จักกับเพื่อนไฮโซที่พูดแต่เรื่องของศิลปินเอก โลกใบใหม่ของเด็กสาวเหมือนจะดำเนินไปด้วยความสุข แต่ดันกลายเป็นความทุกข์ เมื่อรู้สึกเหมือนเป็นเพียง "วัตถุ" ชิ้นหนึ่งของเอมม่า เฉกเช่นนางแบบนู้ดที่ศิลปินไม่ต้องการ
ความเป็นธรรมชาติของอเดลที่เคยเป็นเสน่ห์ให้เอมม่าสร้างสรรค์ผลงานศิลปะนั้น มีเหตุให้ต้องหยุดลง แม้จะยอมทิ้งชีวิตเสรีภาพในอุดมคติที่ฝันไว้ทิ้งไปเพื่อความรัก แต่กระนั้นเด็กสาวก็ไม่พ้นที่จะต้องพบกับความปวดร้าวหัวใจ ความสัมพันธ์เริ่มซับซ้อนเมื่อมีตัวแปรเข้ามา อเดลใช้ร่างกายแบบฟรี Sex ไม่แคร์ที่จะมีความสัมพันธ์กับคนอื่น ทั้งที่หัวใจเธอยังคงเรียกร้องหาแต่เอมม่า มีการโต้เถียงทะเลาะกันอย่างรุนแรงจนถึงขั้นลงไม้ลงมือ สีฟ้าที่เคยสว่างไสวกำลังจะกลายเป็นสีที่ซีดลงเรื่อยๆ เอมม่ากำลังจะตีจาก เพื่อเริ่มฉิ่งฉับความสัมพันธ์กับคนใหม่ ไม่ต้องบอกก็พอจะเดากันได้นะว่าหนังจะจบลงยังไง เพราะมันมีบอกในแฮนด์บิลอยู่แล้ว
สิ่งที่เคยเป็นข่าวให้ผู้คนกล่าวถึงหนังเรื่องนี้ กับการแสดงที่ค่อนข้างสมจริงในฉากบนเตียงนั้นก็แรงอย่างเค้าว่าจริงๆ ผู้หญิงกับผู้หญิงเค้าทำกันยังไง หนังประเคนจัดให้แบบไม่บันยะบันยั้งสมแล้วกับเรท NC-17 บ้านเราต้องอายุ 20 ปีขึ้นไปถึงจะดูได้ มีการตรวจบัตรจำกัดอายุเหมือนกัน ฉาก Sex ระหว่างอเดลกับเอมม่าที่ปรากฎบนจอรวมๆเเล้วราวเกือบ 10 นาทีนั้น เบื้องหลังมันถูกถ่ายทำนานถึง 10 วัน! นี่ถือเป็นความละเอียดของผู้กำกับชาวตูนิเซียคนนี้หรือความโหดก็ไม่รู้นะ เพราะเคยมีข่าวว่านักเเสดงในเรื่องออกมาแฉตอนให้สัมภาษณ์ว่าถูกผู้กำกับคนนี้บังคับทารุณให้เล่นฉากเเรงๆเหล่านั้น เพราะผู้กำกับเป็นพวกนิยมบ้าความสมจริงแบบสุดๆ
แฉยันกระทั่งฉากเล็กๆอย่างตอนอเดลพบเอมม่าครั้งแรกก็ถ่ายกันอยู่ 100 เทค (ป๊าด!) กว่าผู้กำกับรายนี้จะพอใจ แต่ถึงจะเกิดข่าวฉาวทั้งในจอและนอกจอ ทีมนักเเสดงและผู้กำกับตอนนี้ก็คงยิ้มกันไม่หุบ กับความสำเร็จในการคว้ารางวัลปาล์มทองคำมาครองในเทศกาลหนังเมืองคานส์ปีล่าสุด พร้อมกับเข้าชิงลูกโลกทองคำหนังต่างประเทศยอดเยี่ยม และรายได้เปิดตัวในอเมริกาแบบงดงามสวยหรู สำหรับความเห็นของผู้เขียน ที่เคยผ่านตาหนังอินดี้ฝรั่งเศสมาแล้วหลายเรื่อง ซึ่งก็ยอมรับว่าหนังของประเทศนี้เค้าค่อนข่างล่อแหลมอยู่แล้วในฉากอย่างว่า บางเรื่องจัดหนักกว่านี้ก็เคยมี ก็รู้สึกเฉยๆกับเรื่องนี้นะ ไม่ค่อยเเปลกใจอะไร
ทว่าสิ่งที่เป็นสากลที่เหล่าปัจเจกชนแสวงหาต่อชีวิตก็คือมุมมองด้านความรักต่างหาก ต้องมองกันตรงนี้ด้วย สุดท้ายแล้วที่ไม่ว่าต่อให้เป็นเพศไหน ต่างก็ต้องการจะมีชีวิตอันเป็นอิสระด้วยกันทั้งนั้น เพราะงั้นเมื่อต่างคนต่างมาพบเจอกัน ถูกชะตากัน ไม่ได้หมายความว่าจะคิดเห็นเหมือนกันไปซะทุกเรื่อง เมื่อตกลงจะใช้ชีวิตร่วมกันแล้วก็ต้องยอมลดความเป็นปัจเจกชนส่วนตัวกันคนละครึ่งทาง ต้องคุยกัน สร้างความเข้าใจ อย่าใช้อารมณ์ตัดสินปัญหา หาทางปรับจูนกันให้ได้ เพื่อจะได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของกันละกันเเบบยั่งยืน เชื่อว่าความรักของอเดลในหนังเรื่องนี้คือตัวอย่างที่หลายคนคงไม่อยากให้เจอกับตัวเองหรอกนะ
ระดับคะเเนน "B"
ติดตามอ่านรีวิวหนังเรื่องอื่นๆได้อีกเพียบที่ https://www.facebook.com/pages/The-.........101573433344532
แก้ไขล่าสุด 12 ม.ค. 57 14:27 |
เลขไอพี : ไม่แสดง
อ่านต่อ คุณอาจจะสนใจเนื้อหาเหล่านี้ (ความคิดเห็นกระทู้ อยู่ด้านล่าง)
ความคิดเห็น
จะต้องเป็นสมาชิกจึงจะแสดงความคิดเห็นได้
เป็นสมาชิกอยู่แล้ว ลงชื่อเข้าใช้ระบบ
ยังไม่ได้เป็นสมาชิก สมัครสมาชิกใหม่
หรือจะลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google หรือ Facebook ก็ได้
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Facebook
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google
เป็นสมาชิกอยู่แล้ว ลงชื่อเข้าใช้ระบบ
ยังไม่ได้เป็นสมาชิก สมัครสมาชิกใหม่
หรือจะลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google หรือ Facebook ก็ได้
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Facebook
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google