เล่า , , ชีวิตของเด็กผู้หญิงในช่วงหนึ่งที่กำลังอยากรู้อยากลอง
เรื่องนี้อาจจะแรงไปหน่อย ถ้าใครอ่านแล้วไม่ชอบก็เลิกอ่านได้เลยนะคะ
เราไม่ได้จะมาประจานเรื่องของตัวเอง แต่เราอยากมาเตือนสติ หรือเป็นอุทาหรณ์ให้ใครหลายๆคน
ถ้าใครกำลังทำแบบเราอยู่ ก็อยากจะให้ลองคิดใหม่ คิดดีๆ แล้วรีบเปลี่ยนตัวเองซะ ก่อนที่จะได้ขึ้นชื่อว่า 'ลูกอกตัญญู'
แม้มันจะผ่านมานานหลายปีแล้ว แต่เราก็ยังจำได้ขึ้นใจไม่มีวันลืม
ในช่วงที่เรากำลังอยู่ ม.2 (กำลังอยากรู้อยากลอง) สมัยนั้นเป็นสมัยที่ Hi5 และ QQ กำลังฮิต (นานมาก!!)
เราเล่นทั้งสองอย่าง
จนวันนึง เราเล่น QQ อยู่
แล้วก็มีผู้ชายคนนึงทักเรามา...
อ่านต่อ คุณอาจจะสนใจเนื้อหาเหล่านี้ (ความคิดเห็นกระทู้ อยู่ด้านล่าง)
ความคิดเห็น
คลิกที่นี่เพื่อดูความคิดเห็นทั้งหมด
การที่เราหนีมาอยู่กับพี่เอ
ถ้าถามว่ามีความสุขมั้ย ก็มีนะ เพราะเราได้อยู่กับคนที่เรารัก
แต่มันสุขไม่สุดอ่ะ
มันยังกังวล ยังเป็นห่วง นึกถึงพ่อแม่ ว่าตอนนี้กำลังทำอะไรอยู่ พวกเขาจะเป็นห่วงเรามั้ย ออกตามหาเรารึเปล่า แล้วป้า น้า พี่สาวอีก
คือมันห่วงมากๆ ถึงเราจะหัวเราะ ยิ้ม แต่ลึกๆแล้วมันก็แอบเศร้าบ้าง ตอนนี้พ่อแม่จะเป็นยังไง คนอื่นๆจะเป็นยังไงบ้าง มีแต่คำถามพวกนี้ลอยอยู่เต็มหัวไปหมด
จนวันที่สามตั้งแต่ที่เราหนีออกมา พี่เอไปเรียน เราอยู่ห้องคนเดียวแล้วรู้สึกเบื่อๆ ดูทีวีจนไม่มีอะไรจะดู เราออกมาที่ร้านเน็ต มาเล่นเน็ตแก้เซ็ง
เราเข้า Hi5 เช็คดูโน่นนี่นั่น (เราไม่มี Hi5 ของครอบครัวเลยซักคน) แล้วเราก็เจอเพื่อนสนิทเรา (ที่อยู่ซอยเดียวกันอ่ะ) มาเม้นต์หลายเม้นต์มาก ประมาณว่า เราอยู่ไหน ตอนนี้ครอบครัวตามหาเรากันใหญ่ ทุกคนเป็นห่วงเรามากๆ แล้วให้เราโทรไปหามันด้วย มันสัญญาว่ามันจะไม่บอกใครถ้าเราโทรไป
ด้วยความที่เราอยากรู้ว่าพ่อแม่เราเป็นไงบ้าง เราเลยโทรไปหาเพื่อน เราเชื่อใจว่าเพื่อนคนนี้จะไม่บอกใคร เพราะเราสองคนเป็นเพื่อนกันมานานแล้ว
พอเราโทรหาเพื่อน เพื่อนก็ยิงคำถามใส่เราใหญ่ ว่าเราอยู่ไหน เกิดอะไรขึ้น ทำไมเราถึงหนีออกจากบ้าน เราก็อธิบายให้มันฟังนะ มันก็ตกใจเหมือนกัน และพยายามพูดให้เรากลับไป แต่เราก็ไม่ฟังมัน เราเลยเปลี่ยนเรื่องถามถึงพ่อแม่เราว่าเป็นไงบ้าง เพื่อนเราบอกว่า ครอบครัวเราตามหาเรากันใหญ่ น้ามาถามเพื่อนเราว่าติดต่อเราได้มั้ย แล้วก็ขอร้องให้ช่วยตามหา
แล้วก็คุยต่ออีกนิดหน่อย ก่อนวางสายเราก็กำชับเพื่อนว่าห้ามบอกใครเด็ดขาดว่าเราโทรไป และบอกว่าไม่ต้องห่วงเรา
พอเราวางสายจากเพื่อน เราก็เปิดดูข้อความในโทสับ มีทั้ง พ่อ แม่ น้า และพี่สาวที่ขึ้นว่าไม่ได้รับสาย และมีอีกหลายข้อความที่ถามว่า เราอยู่ไหน เราทำแบบนี้ทำไม บลาๆ เราเปิดอ่านทุกข้อความ แต่มีอยู่ข้อความนึงจากพี่สาวเรา เพิ่งส่งมาไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้านี้เองว่า พ่อถูกรถชน ตอนนี้นอนอยู่โรงบาล
เราตกใจมากๆ ตกใจแบบ มากๆอ่ะ มันอธิบายเป็นคำพูดไม่ถูก เราไม่รู้จะทำยังไงดี จะโทรหาพี่สาวก็กลัวว่าจะโดนด่า และก็กลัวว่าคนอื่นๆจะรู้ว่าเราอยู่ไหน แต่ตอนนั้นเราเป็นห่วงพ่อมากจริงๆอ่ะ เราเลยมานั่งคิดว่าจะทำยังไงดีว.ะ
สุดท้ายแล้วเราเลยให้เพื่อนโทรไปหาพี่สาว ให้ถามว่าพ่อเราเป็นยังไง
เพื่อนเราก็โทรไปถามให้นะ เพื่อนบอกว่าพ่อขับรถตามหาเรา แล้วไม่ทันระวัง เลยขับไปชนกับรถบรรทุก โชคดีที่ไม่ถึงกับชีวิต แต่ขาหักและร่างกายบอบช้ำ
รู้สึกโล่งที่ไม่ถึงกับเสียชีวิต แต่แม่.งโค.ตรเสียใจอ่ะ เพราะเราเลยนะ พ่อถึงเป็นแบบนี้ ระหว่างที่เราโทรคุยกับเพื่อนอยู่ พี่สาวเราก็โทรซ้อนเข้ามา เราไม่กล้ารับอ่ะ ปล่อยไว้อย่างนั้น พี่สาวเราโทรเข้ามาหลายสายมาก พอเห็นเราไม่รับก็เลยส่งข้อความมาแทนว่า ให้เรารับโทสับ พี่สัญญาว่าจะไม่บอกใคร
เราเลยยอมรับโทสับ พี่สาวไม่ถามเราเลยว่าเราอยู่ไหน (คงรู้ว่าเราไม่บอกแน่ๆ) แต่ถามว่าเราปลอดภัยดีมั้ย สบายดีรึเปล่า และไม่ด่าเราเลย แค่ว่าเรานิดหน่อย พี่สาวเราบอกว่าให้กลับบ้าน พ่อแม่ไม่ว่าอะไรเราแล้ว แต่ขอให้เรากลับไป เพราะพวกท่านเป็นห่วงเรามากๆ และพี่สาวเราก็พยายามพูดอีกหลายครั้ง ขอร้องให้เรากลับไป อย่างน้อยไปเยี่ยมพ่อหน่อยก็ดี
(คงเพราะพี่สาวยังวัยรุ่นอยู่มั้ง เลยทำให้เข้าใจความรู้สึกเรา)
เราคิดอยู่นานว่าจะเอายังไง ใจนึงก็เป็นห่วงพ่อเอามากๆ อีกใจก็กลัวว่าถ้ากลับไป เราจะโดนด่า
สักพักพี่สาวเราก็โทรมาอีกรอบ บอกว่าพ่อกับแม่อยากเจอเรา แล้วสัญญาว่าจะไม่มีใครด่าว่าเราเลย
(ตอนนั้นคือกลัวเรื่องเดียวคือเรื่องโดนด่าเนี่ยแหละ ยิ่งพ่อแม่ด่าด้วย ความตายยังน่ากลัวน้อยกว่าอ่ะ)
พี่สาวเรายืนยันหลายรอบมากว่าจะไม่มีใครว่าเรา ขอแค่ให้เรากลับไป เราก็ใจอ่อน เพราะที่จริงแล้วเราก็กังวลเรื่องนี้มาโดยตลอด
พอพี่เอกลับมาจากโรงเรียน เราก็บอกพี่เอ แล้วเล่าเรื่องให้ฟัง เราบอกว่าเราจะกลับเอง พี่เอไม่ต้องไปส่ง เพราะวันพรุ่งนี้พี่เอต้องไปเรียน
แต่พี่เอก็ไม่ยอม จะไปกับเราด้วย คือกลัวว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นกับเรา
ตอนนั้นเรารู้สึกว่าตัวเองเป็นคนที่แย่มาก ทำให้พ่อเข้าโรงบาล ทำให้พี่เอขาดเรียน ทำให้ครอบครัวเป็นห่วง คือแย่จนที่เรายังรู้สึกเกลียดตัวเองเลยอ่ะ
วันต่อมาเราก็นั่งรถกลับกรุงเทพพร้อมพี่เอ พี่สาวมารอรับเราที่หมอชิตเลย
แล้วพี่สาวเราก็พาไปที่โรงบาล ก่อนที่เราจะเข้าไปในห้องที่พ่อนอน พี่สาวขอเข้าไปคุยกับแม่ก่อน แล้วให้เรารออยู่นอกห้อง สักพักแม่ก็วิ่งออกมาจากห้อง พอเห็นเรายืนอยู่ แม่ก็วิ่งเข้ามากอดเรา และร้องไห้หนักมาก
แม่พูดกับเราว่าขอโทษๆ ขอโทษที่ว่าเรา ขอโทษที่ไล่เราออกจากบ้าน
เราถึงกับอึ้งไปเลยหลังจากที่ได้ยินคำขอโทษจากแม่ ทั้งที่เราเป็นคนผิด ทั้งที่เราเป็นลูกไม่ดี เราทำให้แม่เสียใจ แต่คนที่ขอโทษกลับเป็นแม่
แม่มองหน้าเราทั้งน้ำตา ดูร่างกายเราว่าเราเป็นอะไรบ้าง เราสบายดีมั้ย
พอเห็นท่าทางของแม่เราถึงกับน้ำตาไหล ปล่อยโฮออกมาเลย และคราวนี้ก็เป็นเราที่เป็นฝ่ายขอโทษ ขอโทษทุกๆสิ่งทุกๆอย่าง
แม่บอกว่าไม่เป็นไร แล้วก็พาเราเข้าไปหาพ่อ ห้องที่พ่อนอนเป็นห้องรวมห้องใหญ่
ครั้งแรกที่เราเห็นสภาพของพ่อ น้ำตาเราก็ยิ่งไหลออกมา
ขาเข้าเฝือก ตามตัวมีผ้าพันแผล มันเป็นภาพที่สะเทือนใจสำหรับเรามาก
เพราะเราอ่ะ พ่อถึงเป็นแบบนี้ เพราะเราคนเดียว
พอพ่อเห็นเรา แทนที่พ่อจะว่าเรา แต่พ่อกลับยิ้มออกมา แล้วพูดกับเราว่า กลับมาแล้วหรอ
คำพูดคำแรกที่ได้เจอกันของพ่อทำให้เรารู้สึกจุก จุกมาก แบบ... ทั้งที่เราเลวขนาดนี้ ทั้งที่ทำให้พ่อเป็นแบบนี้ แต่พ่อไม่ว่าเราเลยซักคำ มันยิ่งทำให้เรารู้สึกว่าตัวเองเป็นลูกที่เลวมาก
เรารีบเข้าไปใกล้ๆพ่อเลย แล้วก็บอกว่าขอโทษ เราพูดวนซ้ำไปซ้ำมาว่าขอโทษๆ ขอโทษเป็นสิบๆรอบ
พ่อไม่ได้ว่าอะไรเราเลยซักคำเดียว
หลังจากนั้น แม่ก็ให้เราออกไปคุยกับแม่ที่นอกห้องเรื่องพี่เอ เพราะถ้าคุยในห้องจะรบกวนคนป่วยคนอื่น
พี่เอและพี่สาวก็มากับเราด้วย
แม่บอกว่า แม่จะไม่ให้เราคบกับพี่เอ เพราะแม่รับไม่ได้ที่พี่เอทำให้เราเป็นคนแบบนี้
เราเถียงแม่ทันทีว่า ไม่ใช่เพราะพี่เอ แต่เราตั้งใจทำแบบนี้เอง แล้วเราก็จะคบกับพี่เอต่อด้วย
แต่แม่ก็ไม่ยอม เพราะแม่ไม่ชอบพี่เอมากๆ (ง่ายๆคือเกลียด) แม่บอกว่า ที่เราทำไปทั้งหมด ถึงอายุเราจะแค่นี้ แต่ถ้าทำเรื่องขนาดนี้ได้แสดงว่าเราโตพอ และคงคิดเองได้แล้ว แม่ให้เราเลือกว่าเราจะอยู่กับใคร ถ้าจะอยู่กับพี่เอ
แม่จะไม่ให้ป้าส่งเราเรียน (คือให้เรียนด้วยตัวเองอ่ะ แล้วที่สำคัญ เรื่องเราที่เราอยู่เป็นโรงเรียนเอกชนนะ) แต่ถ้าอยู่กับพ่อแม่ ก็ต้องเลิกติดต่อกับพี่เอเด็ดขาด
เราเงียบ หันไปมองหน้าพี่เอ หัวสมองก็คิดว่าจะทำยังไงดี ถ้าเราอยู่กับพี่เอ พี่เอก็ต้องลำบากแน่ๆ เผลอๆอาจจะไม่ได้เรียนทั้งคู่ พี่เอก็จะไม่มีอนาคตเลยนะ แล้วถ้าเราอยู่กับพ่อแม่ เราก็จะไม่ได้เจอกับพี่เออีกเลย...
คือเราอ่านแล้วร้องไห้
คือเข้าใจเลยว่าทำให้คนในครอบครัวเจ็บปวดรุ้สึกยังไง
คืออ่านแล้วยิ่งปล่อยโฮ ตอนที่แม่เข้ามาขอโทษ
ช่วงชีวิตของจขกท.ตอนนั้นต้องเจ็บจนอยากจะตายแน่เลย #สู้ๆ
สุดยอด
เท่าที่อ่าน ถึงพี่เอจะไม่ใช่คนดี แต่ก็ไม่ถึงกับเลวสุดๆแฮะ
อยากรู้ว่ามันจะจบยังไง
เราไม่ได้ตอบแม่ เพราะเลือกไม่ได้ เราคิดไม่ออกเลย ไม่รู้จะเลือกทางไหนดี
พี่สาวที่ยืนอยู่ข้างๆ พอเห็นเรานิ่งเงียบเลยหันไปพูดกับแม่ พยายามพูดช่วยเราว่า ให้แม่ยอมให้เราคบกับพี่เอ แล้วเราจะไม่ทำแบบนี้อีก
แต่แม่ก็ไม่ฟังพี่สาว
ตลอดเวลาตั้งแต่เรามาหาแม่ แม่แทบไม่มองพี่เอเลย ขนาดพี่เอไหว้ แม่ยังไม่รับไหว้อ่ะ คงจะเกลียดพี่เอเอามากๆ อาจจะเข้าขั้นกระดูกดำ
แม่ก็พูดโน่นพูดนี่ว่ามีแค่สองทางที่ให้เราเลือก นอกนั้นแม่ไม่ยอมเด็ดขาด
ในเมื่อมีแค่สองทาง เราเลยขอเวลาคิดหน่อย สักวันสองวันได้มั้ย แม่ก็ตกลง
แล้วพี่สาวก็ถามเราว่า คืนนี้เราจะนอนไหน แม่ก็สวนตอบแทน ให้เรานอนที่นี่ แต่ให้พี่เอกลับไปก่อน เราเลยขอไปส่งพี่เอที่หมอชิต (อยากหาเวลาปรึกษากัน)
แม่ก็ยอมนะ (แต่ทำสีหน้าไม่พอใจมากๆ) แต่ก็ไม่ได้ให้เราไปกับพี่เอแค่สองคน ให้พี่สาวเราตามไปส่งด้วย
ที่เราคิดไว้ว่าจะปรึกษาพี่เอตอนอยู่กันแค่สองคน ก็เลยไม่ได้คุยไรกันเลย พอส่งพี่เอถึงหมอชิต ก่อนที่เราจะกลับ พี่เอก็บอกว่าเดี๋ยวคอยโทรคุยกัน เราก็โอเค
หลังจากนั้นเรากับพี่สาวมาขึ้นแท็คซี่ ตอนอยู่บนแท็คซี่ พี่สาวก็หันมาถามเราว่าเราคิดออกหรือยัง เราก็ตอบว่ายัง มันไม่รู้จะเลือกทางไหนจริงๆ ถ้าเป็นไปไห้ก็อยากจะอยู่กับพ่อแม่ด้วยแล้วก็คบพี่เอด้วย
พี่สาวเลยพูดว่า เราคงต้องเลือก เพราะก็รู้กันอยู่ว่าแม่เป็นคนที่เอาแต่ใจมาก (คงรู้แล้วนะคะว่าเราได้นิสัยนี้มาจากใคร ) พี่สาวพูดต่อว่า ให้เราคิดดีๆ คิดให้รอบคอบ ไม่ว่าจะเลือกทางไหนก็ให้เลือกอย่างมีสติ และให้คิดถึงผลที่ตามมา
ตอนแรกเราจะไปนอนที่โรงบาล แต่แม่บอกว่าให้ไปนอนที่คอนโดน้า เพราะแม่โทรบอกน้าให้แล้ว เราก็แบบไม่อยากไปอ่ะ กลัวน้าด่า
แล้วก็โดนจริงๆ แต่ก็ไม่ด่าหรอก แค่บ่นโน่นบ่นนี่บ่นนั้น เราก็พยายามเป็นคนไร้หู ไม่ได้ยินเสียงอะไรทั้งนั้นนอกจากเสียงทีวี
ช่วงหัวค่ำน้าออกไปทางข้าวกับเพื่อน เราเลยมีโอกาสได้คุยกับพี่เอแบบจริงๆจังๆซักที
พวกเราปรึกษากันอยู่พักใหญ่ แล้วก็ได้ข้อสรุปว่า เราจะเลือกอยู่กับพ่อแม่ เพราะเราคงไม่มีปัญญาหาเงินมาส่งตัวเองเรียนและก็ไม่อยากทำให้พี่เอเดือดร้อนด้วย แต่เราก็ยังจะคบกับพี่เอต่อ แม้ว่าอาจจะไม่ได้เจอกันเลย อาจจะคุยกันน้อยลง แต่ถ้าเวลาผ่านไปนานแล้วๆ ถ้าพ่อแม่เห็นว่าพวกเรายังคบกันอยู่ทั้งที่เราทำตัวดีๆ ไม่ทำตัวเลวๆแบบที่ผ่านมา พ่อแม่และคนอื่นๆอาจจะให้เรายอมคบด้วยก็ได้
พออีกวัน เราบอกกับแม่ว่า เราจะเลือกจะอยู่กับพ่อแม่ แม่ดีใจมากๆ (แต่เราไม่ได้พูดนะว่าเราจะเลิกคบกับพี่เออ่ะ เพราะฉะนั้นเราไม่ได้โกหกนะ 55555)
หลังจากที่พ่อออกจากโรงบาล พ่อกับแม่ก็กลับต่างจังหวัด เรายังคงอยู่กับน้าที่คอนโดเหมือนเดิม
ป้าเป็นคนเดียวที่ไม่รู้เรื่องของเราเลย เพราะป้าไม่ได้กลับมาบ้านและไม่ได้ติดต่อกับใครสักคน (อยู่แต่กับแฟนอ่ะ)
แล้วก็ไม่มีใครบอกเรื่องนี้กับป้าด้วย เพราะถ้าป้ารู้ เราว่าเราตายซะเลยดีกว่า คือป้าไม่ได้ดุหรอกนะ น้าดุกว่าอีก แต่ว่าป้าเป็นคนที่เลี้ยงเรามาตั้งแต่เด็กๆ ทำให้ป้าเปรียบเสมือนเป็นแม่คนที่สองของเรา เลยยังไม่มีใครบอกเรื่องนี้ให้ป้ารู้ (แต่ว่าต่อมาอีกสองปี น้าก็เป็นคนบอกเรื่องนี้กับป้า ซึ่งวันนั้นเราโดนสวดจนหูชา คาดว่าถ้าป้ารู้ตั้งแต่วันเกิดเรื่องจริงๆ เราอาจจะโดนป้าตบจนหน้าหลุดจากคอเลยก็เป็นได้...)
หลังจากที่เรากลับมาอยู่กับครอบครัว เราก็ทำตัวดีขึ้น ปรับปรุงตัวเอง ไม่เอาอารมณ์เป็นที่ตั้ง ทำทุกอย่างอย่างมีสติ ชีวิตเราดีขึ้นเยอะ จนตอนนี้เรามีอนาคตที่ดี ได้เรียนอยู่ในมหาลัยชื่อดัง
แต่ว่า...
ระหว่างที่เรากลับมาอยู่กับน้าได้ประมาณสองสามเดือน เราก็ได้เลิกกับพี่เอ
...แม้ว่าเราจะกลับมาอยู่กับครอบครัวเหมือนเดิม แต่ก็ใช่ว่าความรู้สึกของทุกคนจะเหมือนเดิมนะ ทุกคนไว้ใจเราน้อยลง เชื่อใจเราน้อยลง โดยเฉพาะน้า น้าแทบไม่ให้เราไปเที่ยวไหนเลย (ที่จริงเราก็ไม่กล้าขอไปเที่ยวด้วยแหละ เพราะรู้อยู่แล้วว่ายังไงน้าก็คงไม่ให้เราไป)
และเพราะว่าน้าไม่ปล่อยให้เราอยู่นอกสายตา ทำให้เราไม่เจอกับพี่เอเลย ขนาดคุยโทสับก็แทบไม่ได้คุย (เพราะน้าก็รู้ถึงข้อตกลงที่ให้ไว้กับแม่ว่าถ้าเราเลือกอยู่กับแม่แล้ว เราจะเลิกคบกับพี่เอ)
และการที่เราไม่มีเวลาให้พี่เอเป็นเดือนๆ ทำให้เราสองคนเริ่มห่างกัน ห่างกันเรื่อยๆ
จนระยะมันไกล ไกลจนมองไม่เห็นกันและกัน
ทุกคนอาจจะสงสัยว่า ทำไมถึงเป็นแบบนี้ ทั้งที่เรากับพี่เอรักกันมาก ผ่านอุปสรรคกันมาก็มาก แค่ไม่คุยกัน ไม่เจอกันหลายเดือน ทำไมต้องเลิกกันด้วย
คนที่คุยกันทุกวัน เจอกันทุกเดือน แล้วอยู่ๆกลับไม่คุยกันเลย ไม่เจอกันเลย มันก็ทำให้อะไรหลายๆอย่างเปลี่ยนไป รวมทั้งความรู้สึกด้วย
อีกอย่าง เวลาที่เราทะเลาะกัน ปกติแล้วจะง้อ จะเคลียเดี๋ยวนั้น แต่พอไม่ค่อยได้คุยกัน กว่าจะเคลียกันได้ กว่าจะเข้าใจกันได้ ก็ต้องปล่อยผ่านมาหลายวัน
คือทุกอย่างมันเปลี่ยนไปหมด... จนเราคิดว่ามันควรพอแล้วล่ะ
ถ้าถามว่าเสียใจมั้ย เสียใจสิ เสียใจมาก แต่เราก็ต้องยอมรับความจริงนะ เพราะเราก็ไม่อยากให้พี่เอรอ
รอเวลาจากเรา
รอโทสับจากเรา
รอให้เราว่าง
รอให้พ่อแม่ ครอบครัวเรายอมรับ
ข้อสุดท้ายมันต้องใช้เวลาอ่ะ แล้วมันนานกว่าที่เราคิด
เราเลยคิดว่าอยากให้พี่เอเจอคนที่ดีกว่า คนที่มีเวลาให้ คนที่สามารถเจอกันได้โดยไม่ต้องหลบๆซ่อนๆ คนที่ดีกว่าเรา
ทุกวันนี้แม้เรื่องนี้จะผ่านมาหลายปีแล้วก็ตาม แต่เราก็ไม่เคยลืมเรื่องราว และคนที่เรารัก ทุกอย่างยังอยู่ในความทรงจำของเราตลอด
แม้ว่าตั้งแต่วันนั้นเราจะไม่ได้เจอกันเลย แต่อยากให้รู้ไว้ว่า ถึงคำว่า 'รัก' จะไม่เหมือนเดิม แต่สิ่งที่เหมือนเดิมอยู่คือความคิดถึง...
แอนคิดถึงพี่เอนะ
ยังมีอีกหลายปัญญาของอีกหลายคนที่ใหญ่กว่า หนักกว่าของเราเยอะ ก็อยากจะให้ทุกคนที่กำลังมีปัญหา ผ่านมันไปได้ ค่อยๆคิด ค่อยๆแก้ ทุกปัญหามีทางออกเสมอ ขอแค่เรามีสติ
ส่วนคนกำลังจะทำอะไรไม่ดีลงไป ขอให้คิดก่อน คิดดีๆซะก่อน อย่ามองแต่ข้างหน้า หันกลับหลังบ้าง สนใจคนที่อยู่ด้านหลังบ้าง สิ่งที่เรากำลังจะทำ จะส่งผลถึงคนข้างหลังมั้ย จะส่งผลถึงคนที่เรารักมั้ย คิดให้ถี่ถ้วน
อย่าทำร้ายคนที่เรารักเพียงเพราะเราขาดสติ เพราะคนที่เสียใจที่สุดก็คือตัวเราเอง
เวลามันย้อนไม่ได้หรอกนะคะ
และสุดท้ายนี้
ขอบคุณทุกๆคนมากๆ ที่เข้ามาอ่านของเรา ที่ชอบเรื่องของเรา
ขอบคุณที่เข้ามาเม้นต์ให้ตลอด และขอโทษสำหรับคนที่รอเราทั้งวัน กดรีเฟรซบ่อยๆ ขอโทษจริงๆน้า (ด่าว่าเราเลยก็ได้ ยอมรับผิดแต่โดยดีค่ะ )
และขอบคุณทุกๆกำลังใจที่ส่งให้ เราได้รับมันเต็มที่เลยล่ะ
หวังว่าเรื่องราวของเราจะช่วยเป็นอุทาหรณ์ให้ใครหลายๆคนได้นะคะ
ขอบคุณจริงๆค่ะ
คิดถูกแล้วล่ะคะ ครอบครัวคือสิ่งที่ดีที่สุด
บางทีถ้าพี่เอเป็นคู่แท้จริง อนาคตข้างหน้าก็มีวันที่ต้องมาเจอกันอีกอยู่ดี
ขอให้เจอแต่ความรักที่สวยงาม ทางครอบครัวยอมรับนะคะ
โอ๊ยย ขอเม้นท์หลังจากอ่านทั้งหมดเลยทีเดียวนะคะ
คืออ่านไปจะร้องไห้ไป เราเข้าใจจขกท.นะ วัยรุ่นก็งี้แหละค่ะ ทำอะไรไปด้วยความคึกคะนอง (แต่เรายังวัยรุ่นอยู่เลย -*-) เราว่า จขกท.ทำถูกต้องแล้วล่ะค่ะ เลือกครอบครัวก่อนเป็นอันดับแรก ถ้าเป็นเราก็คงทำแบบนั้นเหมือนกัน เป็นกำลังใจให้นะคะ สู้ๆค่ะ ขอให้พบความรักดีๆในภายภาคหน้านะคะ
เป็นกระทู้ที่เราติดตามสุดๆอีกกระทู้หนึ่งเลยก็ว่าได้ เรารู้สึกว่าทู้นี้ให้อะไรเราหลายๆอย่างขอบคุณ จขกท. ที่มาแบ่งปันประสบการณ์ให้ฟังนะคะ
ขอบคุณนะ พี่จขกท (เราว่าพี่แก่กว่าเราแน่นอนค่ะ )
เราเป็นคนหนึ่งที่ ขี้กลัว และไม่กล้าทำอะไรนอกลู่นอกทาง 17 แล้ว ยังไม่เคยมีแฟน
ขับรถไม่เป้น ไม่เคยเที่ยว ไปไหนกับพ่อแม่ มาโดยตลอด เป็นลูกคนเดียว
ไม่เคยทำพ่อแม่เสียใจสักครั้งในชีวิต ....
เราไม่เคยเข้าใจความรู้สึก มุมมอง ความคิด ของคนอื่นๆที่คึกคะนองในวัยนี้
ไม่เข้าใจคนที่ทำอะไรผิดๆ ว่าทำไมต้องทำ ทำไมไม่คิด
แต่วันนี้เราเข้าใจแล้ว เราเข้าใจว่าความรู้สึกมันเป็นยังไง
ที่จริงแล้ว ไม่มีใครทำโดยไม่เสียใจ เพียงแต่ขาดสติ เอารมณ์เป็นที่ตั้งมากกว่าสติ
ต่อไปนี้เราจะไม่ใช้มุมมองแย่ๆในการมองคนที่ทำอะไรผิดพลาด
เรารู้แล้วว่า คนที่ทำแบบนี้ ก็เสียใจ
ติดตามมาแต่แรก เจ้าของกระทู้สุดยอดจริงๆ พ่อ กับ แม่ ป้า น้า พี่สาว ของเจ้ากระทู้นั้นโชคดีมากๆที่ยังมี จขกท คอยเคียงข้างพวกเขาจนถึงทุกวันนี้
เป็นสมาชิกอยู่แล้ว ลงชื่อเข้าใช้ระบบ
ยังไม่ได้เป็นสมาชิก สมัครสมาชิกใหม่
หรือจะลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google หรือ Facebook ก็ได้
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Facebook
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google