The Rover ( 2014 ) Movie Review by FallsDownz
3 ก.ค. 57 00:48 น. /
ดู 809 ครั้ง /
0 ความเห็น /
0 ชอบจัง
/
แชร์
The Rover ( 2014 ) Movie Review [ บทวิจารณ์ภาพยนตร์โดย FallsDownz ]
สามารถติดตามบทวิจารณ์เก่าๆ และติดตามบทวิจารณ์ชิ้นใหม่ๆได้ที่นี้ครับผม
http://fallsdownz.blogspot.com/
และฝากกดไลค์เพจของผมด้วยนะครับ https://www.facebook.com/fallsdownzcritic/
- อีกหนึ่งความพยายามของภาพยนตร์แนวดิสโทเปีย -
The Rover เป็นภาพยนตร์จากประเทศออสเตรเลีย ที่ว่าด้วยเรื่องของโลก 10 ปีถัดมา หลังจากเศรษฐกิจของโลกได้ล้มสลาย อีริคได้ตามไล่ล่าบุคคลผู้ซึ่งได้ขโมยรถยนตร์ของเขาไป ระหว่างนั้นเองเขาได้พบกับเรย์ผู้ซึ่งมีความเกี่ยวข้องกับกลุ่มโจรที่ขโมยรถของเขาไป ทั้งคู่จึงต้องมาร่วมเดินทางที่แสนอันตรายนี้ด้วยกัน โดยที่หารู้ไม่ว่า มีบางอย่างที่กำลังจะเปลี่ยนแปลงไปตลอดกาล ......
สิ่งที่ดูเหมือนจะเป็นที่น่าสนใจมากที่สุดสำหรับภาพยนตร์เรื่องนี้ ก็คงจะหนีไม่พ้นนักแสดงอย่าง โรเบิร์ต แพททินสัน เป็นแน่แท้ ซึ่งดูเหมือนว่า ในตอนนี้เขามักจะหางานที่ท้าทายในด้านของการแสดงอยู่ตลอดเวลา (เสมือนเป็นการกลบคำสบประมาทที่ว่า นักแสดงในภาพยนตร์เรื่อง Twilight แสดงไม่เป็นซักคน)
ไม่ว่าจะเป็นการปะทะกับดารารุ่นใหญ่อย่าง คริสตอฟ วอลซ์ ในภาพยนตร์เรื่อง Water for Elephants หรือ ภาพยนตร์ดราม่า ทริลเลอร์ Cosmopolis และในคราวนี้ เขาก็ได้เผชิญกับความท้าทายครั้งใหม่อีกครั้งหนึ่ง กับการมาปะทะกับอีกหนึ่งดารามากประสบการณ์อย่าง กาย เพียร์ซ ซึ่งบางท่านอาจจะจำเขาได้จากบทบาทล่าสุดอย่างในภาพยนตร์ชื่อดังของมาร์เวลอย่าง Iron Man 3 นั้นเอง
จุดที่น่าจดจำ และโดดเด่นมากที่สุดของภาพยนตร์เรื่องนี้ก็คงจะหนีไม่พ้น ความตึงเครียด ซีเรียส และจริงจังของมัน ที่ถาโถมเข้าใส่ผู้ชมอย่างไม่หยุดไม่หย่อน และแทบไม่ให้พักหายใจตั้งแต่ต้นจนจบภาพยนตร์ ซึ่งเป็นผลมาจากการกำกับที่ยอดเยี่ยมของ เดวิด มิชอด ซึ่งถึงแม้จะเป็นสไตล์การกำกับที่ค่อนข้างช้าเอามากอยู่เหมือนกัน แต่มันกลับเข้ากับตัวบทของภาพยนตร์ได้อย่างยอดเยี่ยม และส่งเสริมทำให้ภาพยนตร์ก้าวไปสู่อีกขั้นหนึ่งของการสร้างความตึงเครียดในภาพยนตร์เลยทีเดียว ซึ่งในความคิดของผู้เขียนนั้น ในบางครั้งรู้สึกว่าความตึงเครียดของภาพยนตร์เรื่องนี้มันมากเสียยิ่งกว่าภาพยนตร์ปีที่แล้วอย่าง Prisoners ด้วยซ้ำไป
ซึ่งสาเหตุที่เป็นเช่นนั้น ส่วนหนึ่งก็เป็นผลมาจากตัวเพลงประกอบ ที่ก็เป็นอีกหนึ่งเครื่องมือหลักที่ทำหน้าที่ได้อย่างยอดเยี่ยมในภาพยนตร์เรื่องนี้ หลายๆฉากที่มีการใส่เพลงประกอบเข้ามาสร้างอารมณ์ความตึงเครียดและบีบหัวใจผู้ชมได้อย่างทันทีทันใด ถึงแม้ว่าบางครั้งผู้เขียนจะรู้สึกว่ามันอาจจะชักจูงผู้ชมมากจนเกินไปก็ตาม แต่ก็ยังไม่ถึงกับขนาดที่ว่าใช้มากจนเกินไปซะทีเดียว
ยังมีอีกสิ่งหนึ่งในภาพยนตร์เรื่องนี้ ที่น่าจดจำไม่แพ้กัน สิ่งนั้นก็คือตัวนักแสดงนำทั้งสองคนนั้นเอง
กาย เพีร์ซ ที่นำแสดงได้อย่างยอดเยี่ยม ถ่ายทอดอารมณ์และสร้างมิติ เหตุผลให้กับตัวละครได้อย่างน่าประทับใจ ถึงแม้ว่าตัวละครของเขาจะมีบทพูดที่จำกัดมากๆก็ตาม แต่คนที่น่าจดจำที่สุดก็คงจะต้องยกให้กับพี่โรเบิร์ต แพททินสันนี้แหละ ซึ่งใน The Rover เขานำแสดงผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม และน่าจดจำมากเลยทีเดียว ทั้งๆที่ตัวละครที่เขารับบทแสดงอยู่นั้นจัดได้ว่าค่อนข้างยากอยู่พอสมควร แต่เขาก็สามารถที่จะถ่ายทอดอารมณ์และทัศนะคติของตัวละครที่เปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลาของภาพยนตร์ได้อย่างน่าทึ่ง และน่าเชื่อถือเสียจริงๆ
ถึงแม้ว่าตัวภาพยนตร์จะมีการกำกับที่ยอดเยี่ยม และนักแสดงที่น่าทึ่งก็ตาม แต่ดูเหมือนว่าตัวภาพยนตร์ก็ประสบปัญหาใหญ่มากๆอยู่ประการหนึ่งเหมือนกัน
ซึ่งประการนั้นก็คงจะหนีไม่พ้น ความซ้ำซากจำเจของมันเอง ถึงแม้ว่าตัวภาพยนตร์จะถ่ายทอดออกมาได้ดีเยี่ยมเท่าไรก็ตาม แต่ตัวบทภาพยนตร์และสิ่งที่มันพูดถึงแทบจะทุกอย่างนั้น ถูกกล่าวถึงและใช้มาก่อนหน้านี้แล้ว มันจึงทำให้ในหลายๆด้านของภาพยนตร์เรื่องนี้ ไม่มีอะไรใหม่ ซ้ำยังเดาง่าย และตัวภาพยนตร์เองก็ใช่ว่าจะยกระดับประเด็นต่างๆที่เคยกล่าวมาแล้ว ให้ก้าวลึกลงไปอีกซะที่เดียว เช่น โลกที่เสื่อมทราม ศีลธรรมของมนุษย์ที่ถูกตั้งคำถาม , การค้าประเวณี , เงินที่กลายเป็นแค่กระดาษ หรือ มนุษย์ที่เห็นแก่ตัว สิ่งที่ดูเหมือนจะเป็นสิ่งที่ใหม่ของมันจริงๆก็คงจะมีแต่เพียงประเด็นของความเป็นพี่น้องและสายเลือดเท่านั้นเอง ซึ่งในจุดนี้เองมันก็ยังปูและถ่ายทอดได้อย่างไม่เต็มที่ เพราะตัวภาพยนตร์ดันไปเพ่งเล็งในการเล่าเรื่องยิบๆย่อยๆที่ซ้ำซากจำเจมากจนเกินไป
และเมื่อบทภาพยนตร์ซ้ำซากจำเจ แน่นอนว่ามันก็ต้องตามมาด้วยสูตรตัวละครเดิมๆที่เดาง่าย และถูกใช้มาแล้วไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง ซ้ำหนักเข้าไปอีกก็คือตัวละครประกอบต่างๆในภาพยนตร์ที่ให้เวลาน้อยมาก จนแทบจะไม่มีความหมายและไม่มีส่วนอะไรกับภาพยนตร์เลย ซึ่งมันไปส่งผลกระทบต่อประเด็นที่ตัวภาพยนตร์พูดถึง ทำให้มันน่าจดจำน้อยลงอย่างเห็นได้ชัด
เป็นผลทำให้ The Rover กลายเป็นภาพยนตร์ที่มีทีมงานคุณภาพแต่กลับไม่สามารถที่จะให้อะไรที่สดใหม่กับผู้ชมได้เลย ซึ่งสิ่งที่ทำให้มันยิ่งน่าเสียดายเข้าไปอีกก็คือ ตัวภาพยนตร์เอง มีตัวละครและนักแสดงที่ยอดเยี่ยม น่าสนใจรวมถึงน่าติดตาม มากเสียยิ่งกว่าประเด็นยิบย่อยๆที่พูดถึงความล้มเหลวของสังคมมนุษย์เสียอีก ถ้าหากผู้กำกับเดวิด มิชอด เล็งในจุดของตัวละครต่างๆไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาพิ้นหลังของตัวละครหลัก และให้เวลาตัวละครประกอบต่างๆมากกว่านี้ มันอาจจะทำให้ภาพยนตร์เรื่องนี้น่าจดจำกว่าที่เป็นอยู่แน่แท้
ในท้ายที่สุดแล้วภาพยนตร์เรื่อง The Rover เป็นอีกหนึ่งภาพยนตร์ที่ล้มเหลวอย่างไม่เป็นท่าในด้านการให้อะไรที่สดใหม่กับผู้ชม รวมไปถึงบทภาพยนตร์ที่ไม่ได้โดดเด่นซักเท่าไรนัก แต่ในอีกด้านหนึ่ง มันก็มีการกำกับที่ยอดเยี่ยมของเดวิด มิชอด และสองนักแสดงนำที่น่าทึ่ง น่าจดจำ และสร้างคุณค่าให้กับตัวภาพยนตร์อย่างมหาศาล เป็นผลทำให้ภาพยนตร์เรื่องนี้ ยังคงน่าลองที่จะเข้าไปพิสูจน์ด้วยตัวคุณเองไม่น้อยเลยทีเดียว
Final Score : [ B + ]
http://fallsdownz.blogspot.com/
และฝากกดไลค์เพจของผมด้วยนะครับ https://www.facebook.com/fallsdownzcritic/
- อีกหนึ่งความพยายามของภาพยนตร์แนวดิสโทเปีย -
The Rover เป็นภาพยนตร์จากประเทศออสเตรเลีย ที่ว่าด้วยเรื่องของโลก 10 ปีถัดมา หลังจากเศรษฐกิจของโลกได้ล้มสลาย อีริคได้ตามไล่ล่าบุคคลผู้ซึ่งได้ขโมยรถยนตร์ของเขาไป ระหว่างนั้นเองเขาได้พบกับเรย์ผู้ซึ่งมีความเกี่ยวข้องกับกลุ่มโจรที่ขโมยรถของเขาไป ทั้งคู่จึงต้องมาร่วมเดินทางที่แสนอันตรายนี้ด้วยกัน โดยที่หารู้ไม่ว่า มีบางอย่างที่กำลังจะเปลี่ยนแปลงไปตลอดกาล ......
สิ่งที่ดูเหมือนจะเป็นที่น่าสนใจมากที่สุดสำหรับภาพยนตร์เรื่องนี้ ก็คงจะหนีไม่พ้นนักแสดงอย่าง โรเบิร์ต แพททินสัน เป็นแน่แท้ ซึ่งดูเหมือนว่า ในตอนนี้เขามักจะหางานที่ท้าทายในด้านของการแสดงอยู่ตลอดเวลา (เสมือนเป็นการกลบคำสบประมาทที่ว่า นักแสดงในภาพยนตร์เรื่อง Twilight แสดงไม่เป็นซักคน)
ไม่ว่าจะเป็นการปะทะกับดารารุ่นใหญ่อย่าง คริสตอฟ วอลซ์ ในภาพยนตร์เรื่อง Water for Elephants หรือ ภาพยนตร์ดราม่า ทริลเลอร์ Cosmopolis และในคราวนี้ เขาก็ได้เผชิญกับความท้าทายครั้งใหม่อีกครั้งหนึ่ง กับการมาปะทะกับอีกหนึ่งดารามากประสบการณ์อย่าง กาย เพียร์ซ ซึ่งบางท่านอาจจะจำเขาได้จากบทบาทล่าสุดอย่างในภาพยนตร์ชื่อดังของมาร์เวลอย่าง Iron Man 3 นั้นเอง
จุดที่น่าจดจำ และโดดเด่นมากที่สุดของภาพยนตร์เรื่องนี้ก็คงจะหนีไม่พ้น ความตึงเครียด ซีเรียส และจริงจังของมัน ที่ถาโถมเข้าใส่ผู้ชมอย่างไม่หยุดไม่หย่อน และแทบไม่ให้พักหายใจตั้งแต่ต้นจนจบภาพยนตร์ ซึ่งเป็นผลมาจากการกำกับที่ยอดเยี่ยมของ เดวิด มิชอด ซึ่งถึงแม้จะเป็นสไตล์การกำกับที่ค่อนข้างช้าเอามากอยู่เหมือนกัน แต่มันกลับเข้ากับตัวบทของภาพยนตร์ได้อย่างยอดเยี่ยม และส่งเสริมทำให้ภาพยนตร์ก้าวไปสู่อีกขั้นหนึ่งของการสร้างความตึงเครียดในภาพยนตร์เลยทีเดียว ซึ่งในความคิดของผู้เขียนนั้น ในบางครั้งรู้สึกว่าความตึงเครียดของภาพยนตร์เรื่องนี้มันมากเสียยิ่งกว่าภาพยนตร์ปีที่แล้วอย่าง Prisoners ด้วยซ้ำไป
ซึ่งสาเหตุที่เป็นเช่นนั้น ส่วนหนึ่งก็เป็นผลมาจากตัวเพลงประกอบ ที่ก็เป็นอีกหนึ่งเครื่องมือหลักที่ทำหน้าที่ได้อย่างยอดเยี่ยมในภาพยนตร์เรื่องนี้ หลายๆฉากที่มีการใส่เพลงประกอบเข้ามาสร้างอารมณ์ความตึงเครียดและบีบหัวใจผู้ชมได้อย่างทันทีทันใด ถึงแม้ว่าบางครั้งผู้เขียนจะรู้สึกว่ามันอาจจะชักจูงผู้ชมมากจนเกินไปก็ตาม แต่ก็ยังไม่ถึงกับขนาดที่ว่าใช้มากจนเกินไปซะทีเดียว
ยังมีอีกสิ่งหนึ่งในภาพยนตร์เรื่องนี้ ที่น่าจดจำไม่แพ้กัน สิ่งนั้นก็คือตัวนักแสดงนำทั้งสองคนนั้นเอง
กาย เพีร์ซ ที่นำแสดงได้อย่างยอดเยี่ยม ถ่ายทอดอารมณ์และสร้างมิติ เหตุผลให้กับตัวละครได้อย่างน่าประทับใจ ถึงแม้ว่าตัวละครของเขาจะมีบทพูดที่จำกัดมากๆก็ตาม แต่คนที่น่าจดจำที่สุดก็คงจะต้องยกให้กับพี่โรเบิร์ต แพททินสันนี้แหละ ซึ่งใน The Rover เขานำแสดงผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม และน่าจดจำมากเลยทีเดียว ทั้งๆที่ตัวละครที่เขารับบทแสดงอยู่นั้นจัดได้ว่าค่อนข้างยากอยู่พอสมควร แต่เขาก็สามารถที่จะถ่ายทอดอารมณ์และทัศนะคติของตัวละครที่เปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลาของภาพยนตร์ได้อย่างน่าทึ่ง และน่าเชื่อถือเสียจริงๆ
ถึงแม้ว่าตัวภาพยนตร์จะมีการกำกับที่ยอดเยี่ยม และนักแสดงที่น่าทึ่งก็ตาม แต่ดูเหมือนว่าตัวภาพยนตร์ก็ประสบปัญหาใหญ่มากๆอยู่ประการหนึ่งเหมือนกัน
ซึ่งประการนั้นก็คงจะหนีไม่พ้น ความซ้ำซากจำเจของมันเอง ถึงแม้ว่าตัวภาพยนตร์จะถ่ายทอดออกมาได้ดีเยี่ยมเท่าไรก็ตาม แต่ตัวบทภาพยนตร์และสิ่งที่มันพูดถึงแทบจะทุกอย่างนั้น ถูกกล่าวถึงและใช้มาก่อนหน้านี้แล้ว มันจึงทำให้ในหลายๆด้านของภาพยนตร์เรื่องนี้ ไม่มีอะไรใหม่ ซ้ำยังเดาง่าย และตัวภาพยนตร์เองก็ใช่ว่าจะยกระดับประเด็นต่างๆที่เคยกล่าวมาแล้ว ให้ก้าวลึกลงไปอีกซะที่เดียว เช่น โลกที่เสื่อมทราม ศีลธรรมของมนุษย์ที่ถูกตั้งคำถาม , การค้าประเวณี , เงินที่กลายเป็นแค่กระดาษ หรือ มนุษย์ที่เห็นแก่ตัว สิ่งที่ดูเหมือนจะเป็นสิ่งที่ใหม่ของมันจริงๆก็คงจะมีแต่เพียงประเด็นของความเป็นพี่น้องและสายเลือดเท่านั้นเอง ซึ่งในจุดนี้เองมันก็ยังปูและถ่ายทอดได้อย่างไม่เต็มที่ เพราะตัวภาพยนตร์ดันไปเพ่งเล็งในการเล่าเรื่องยิบๆย่อยๆที่ซ้ำซากจำเจมากจนเกินไป
และเมื่อบทภาพยนตร์ซ้ำซากจำเจ แน่นอนว่ามันก็ต้องตามมาด้วยสูตรตัวละครเดิมๆที่เดาง่าย และถูกใช้มาแล้วไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง ซ้ำหนักเข้าไปอีกก็คือตัวละครประกอบต่างๆในภาพยนตร์ที่ให้เวลาน้อยมาก จนแทบจะไม่มีความหมายและไม่มีส่วนอะไรกับภาพยนตร์เลย ซึ่งมันไปส่งผลกระทบต่อประเด็นที่ตัวภาพยนตร์พูดถึง ทำให้มันน่าจดจำน้อยลงอย่างเห็นได้ชัด
เป็นผลทำให้ The Rover กลายเป็นภาพยนตร์ที่มีทีมงานคุณภาพแต่กลับไม่สามารถที่จะให้อะไรที่สดใหม่กับผู้ชมได้เลย ซึ่งสิ่งที่ทำให้มันยิ่งน่าเสียดายเข้าไปอีกก็คือ ตัวภาพยนตร์เอง มีตัวละครและนักแสดงที่ยอดเยี่ยม น่าสนใจรวมถึงน่าติดตาม มากเสียยิ่งกว่าประเด็นยิบย่อยๆที่พูดถึงความล้มเหลวของสังคมมนุษย์เสียอีก ถ้าหากผู้กำกับเดวิด มิชอด เล็งในจุดของตัวละครต่างๆไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาพิ้นหลังของตัวละครหลัก และให้เวลาตัวละครประกอบต่างๆมากกว่านี้ มันอาจจะทำให้ภาพยนตร์เรื่องนี้น่าจดจำกว่าที่เป็นอยู่แน่แท้
ในท้ายที่สุดแล้วภาพยนตร์เรื่อง The Rover เป็นอีกหนึ่งภาพยนตร์ที่ล้มเหลวอย่างไม่เป็นท่าในด้านการให้อะไรที่สดใหม่กับผู้ชม รวมไปถึงบทภาพยนตร์ที่ไม่ได้โดดเด่นซักเท่าไรนัก แต่ในอีกด้านหนึ่ง มันก็มีการกำกับที่ยอดเยี่ยมของเดวิด มิชอด และสองนักแสดงนำที่น่าทึ่ง น่าจดจำ และสร้างคุณค่าให้กับตัวภาพยนตร์อย่างมหาศาล เป็นผลทำให้ภาพยนตร์เรื่องนี้ ยังคงน่าลองที่จะเข้าไปพิสูจน์ด้วยตัวคุณเองไม่น้อยเลยทีเดียว
Final Score : [ B + ]
เลขไอพี : ไม่แสดง
อ่านต่อ คุณอาจจะสนใจเนื้อหาเหล่านี้ (ความคิดเห็นกระทู้ อยู่ด้านล่าง)
ความคิดเห็น
ยังไม่มีความคิดเห็น
จะต้องเป็นสมาชิกจึงจะแสดงความคิดเห็นได้
เป็นสมาชิกอยู่แล้ว ลงชื่อเข้าใช้ระบบ
ยังไม่ได้เป็นสมาชิก สมัครสมาชิกใหม่
หรือจะลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google หรือ Facebook ก็ได้
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Facebook
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google
เป็นสมาชิกอยู่แล้ว ลงชื่อเข้าใช้ระบบ
ยังไม่ได้เป็นสมาชิก สมัครสมาชิกใหม่
หรือจะลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google หรือ Facebook ก็ได้
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Facebook
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google