กระดาษจากพืชในท้องถิ่น
24 ส.ค. 57 21:23 น. /
ดู 2,263 ครั้ง /
0 ความเห็น /
0 ชอบจัง
/
แชร์
อุปกรณ์และวิธีดำเนินการ
อุปกรณ์
1.กะละมังเปล่า 9 ใบ (กะละมังสำหรับแช่ 4 ใบ และกะละมังสำหรับสำหรับผสม 4 ใบ)
2.กระดาษหนังสือพิมพ์และกระดาษที่ไม่ได้ใช้แล้ว
3.กาบกล้วย 1 กิโลกรัม
4.ใบเตย 1 กิโลกรัม
5.ก้านบัว 1 กิโลกรัม
6.น้ำเปล่าสะอาด
7.เครื่องปั่น
8.ตระแกรงไนลอนสำหรับตาก 4 อัน
9.มีด
10.เขียง
วิธีดำเนินการ
1.นำน้ำเปล่าสะอาดใส่กะละมังทั้งหมด 4 ใบ
2. กะละมังที่ 1นำกระดาษที่ไม่ใช้แล้วหรือหนังสือพิมพ์ ลงไปแช่พักไว้1 วัน หลังจากนั้นนำมาฉีกเป็นชิ้นเล็กๆแล้วพักไว้
3. นำกาบกล้วย 2 กิโลกรัม มาสับเป็นชิ้นเล็กๆ แล้วนำไปแช่ในน้ำกะละมังที่2 แล้วพักไว้
4.นำก้านบัวมาดึงเยื้อด้านนอกออกให้เหลือแต่ก้านบัวข้างใน จากนั้นนำมาหั่นเป็นชิ้นๆ แล้วนำไปแช่น้ำในกะละมังที่ 3 พักทิ้งไว้
5. นำใบเตยหั่นเป็นชิ้นๆแล้วนำไปแช่น้ำกะละมังที่ 4 พักทิ้งไว้
6. นำกระดาษที่ฉีกเป็นชิ้นเล็กๆไว้แล้วในกะละมังที่ 1 มาปั่นในเครื่องปั่น ผสมน้ำเล็กน้อยเพื่อให้ปั่นได้สะดวก ทำให้หมดทั้งกะละมังจากนั้นพักทิ้งไว้
7. ทำตามขั้นตอนที่ 6 แต่เปลี่ยนเป็นกาบกล้วย ก้านบัว และใบเตย
8.เมื่อส่วนผสมทั้งหมดได้ปั่นเรียบร้อยแล้ว ให้นำน้ำเปล่าใส่กะละมังสำหรับผสมทั้ง4 ใบ ใบที่1 ให้ใส่ กระดาษที่ปั่นแล้ว + กาบกล้วยที่ปั่นแล้วลงไป ใช้มือตีส่วนผสมให้เข้ากันและไม่เกาะตัวเป็นก้อน นำตะแกรงมาร่อนให้เนื้อเยื่อกระจายตัวเต็มแผ่นตะแกรงให้ทำทั้งหมด1 ตะแกรง จากนั้นนำไปตากแดด 1 วัน หรือจนกว่า จะแห้งสนิท
9.กะละมังผสมใบที่ 2 หลังจากใส่น้ำแล้วให้ใส่กระดาษที่ปั่นแล้ว+ ก้านบัว ที่ปั่นแล้วลงไปใช้มือตีส่วนผสมให้เข้ากันและไม่เกาะตัวเป็นก้อนนำตะแกรงมาร่อนให้เนื้อเยื่อกระจายตัวเต็มแผ่น (พยายามไม่ให้หนาหรือบางจนเกินไป)ให้ทำทั้งหมด1 ตะแกรง จากนั้นนำไปตากแดด 1 วันหรือจนกว่าจะแห้งสนิท
10. กะละมังผสมใบที่ 3 หลังจากใส่น้ำแล้วให้ใส่กระดาษที่ปั่นแล้ว + ใบเตยที่ปั่นแล้วลงไปใช้มือตีส่วนผสมให้เข้ากันและไม่เกาะตัวเป็นก้อนนำตะแกรงมาร่อนให้เนื้อเยื่อกระจายตัวเต็มแผ่น (พยายามไม่ให้หนาหรือบางจนเกินไป)ให้ทำทั้งหมด1 ตะแกรง จากนั้นนำไปตากแดด 1 วันหรือจนกว่าจะแห้งสนิท
11. กะละมังผสมใบที่ 4หลังจากใส่น้ำแล้วให้ใส่กระดาษที่ปั่นแล้วแล้วลงไปใช้มือตีส่วนผสมให้เข้ากันและไม่เกาะตัวเป็นก้อนนำตะแกรงมาร่อนให้เนื้อเยื่อกระจายตัวเต็มแผ่น (พยายามไม่ให้หนาหรือบางจนเกินไป)ให้ทำทั้งหมด1 ตะแกรง จากนั้นนำไปตากแดด 1 วันหรือจนกว่าจะแห้งสนิท
12.เมื่อกระดาษที่เรานำไปตากทั้งสี่4 ตะแกรงแห้งแล้วจากนั้นให้เราลอกกระดาษออกจากตะแกรง พยายามอย่าให้กระดาษฉีกขาด
13. นำกระดาษที่ได้มาทำการทดสอบคุณสมบัติกับกระดาษสาโดยนำกระดาษผสมกาบกล้วย 1 แผ่น กระดาษผสมใบเตย 1 แผ่น กระดาษผสมก้านบัว 1 แผ่น และกระดาษที่ไม่ผสมอะไรเลย 1 แผ่นมาทดสอบ จากนั้นสังเกตและบันทึกผลการทดลอง
ผลการทดลองและวิจารณ์ผล
ตารางที่ 1 การเปรียบเทียบกระดาษที่ได้จากการทดลองด้วยกันเอง
พืชที่ใช้ คุณสมบัติ
ลักษณะพื้นผิว
ความหนาของกระดาษ
การฉีกขาด
การดูดซับน้ำ
กาบกล้วย สัมผัสแล้วรู้สึกหยาบ ผิวจะขรุขระน้อยกว่าใบเตย
บางกว่าใบเตย
ฉีกขาดได้ง่าย ซึมซับน้ำได้
เร็วและเนื้อกระดาษไม่หลุดรุ่ยออกมา
ใยบัว
ผิวเรียบที่สุด มีความบางกว่ากาบกล้วยและใบเตย ฉีกง่ายที่สุด ซึมซับน้ำได้เร็วแต่ไม่มีการยุ่ยและหลุดออกมาของเยื้อกระดาษ
ใบเตย เมื่อสัมผัสแล้วมีหยาบมากที่สุดลักษณะผิวขรุขระ เนื้อเยื้อปรากฏเด่นชัดที่สุด
มีความหนามากที่สุด
เมื่อนำมาฉีกจะฉีกได้แต่จะเห็นเนื้อเยื้อเด่นชัด
ดูดซับน้ำได้เร็วสุดแต่มีอกาสการหลุดของเนื้อเยื้อ
ดอกขจรจบ ผิวค่อนข่างขรุขระ มีความหนาน้อย ค่อนข้างบาง ฉีกขาดได้ง่าย น้ำซึมเร็วมากและไม่มีการหลุดลุ่ยของเยื้อกระดาษ
อุปกรณ์
1.กะละมังเปล่า 9 ใบ (กะละมังสำหรับแช่ 4 ใบ และกะละมังสำหรับสำหรับผสม 4 ใบ)
2.กระดาษหนังสือพิมพ์และกระดาษที่ไม่ได้ใช้แล้ว
3.กาบกล้วย 1 กิโลกรัม
4.ใบเตย 1 กิโลกรัม
5.ก้านบัว 1 กิโลกรัม
6.น้ำเปล่าสะอาด
7.เครื่องปั่น
8.ตระแกรงไนลอนสำหรับตาก 4 อัน
9.มีด
10.เขียง
1.นำน้ำเปล่าสะอาดใส่กะละมังทั้งหมด 4 ใบ
2. กะละมังที่ 1นำกระดาษที่ไม่ใช้แล้วหรือหนังสือพิมพ์ ลงไปแช่พักไว้1 วัน หลังจากนั้นนำมาฉีกเป็นชิ้นเล็กๆแล้วพักไว้
3. นำกาบกล้วย 2 กิโลกรัม มาสับเป็นชิ้นเล็กๆ แล้วนำไปแช่ในน้ำกะละมังที่2 แล้วพักไว้
4.นำก้านบัวมาดึงเยื้อด้านนอกออกให้เหลือแต่ก้านบัวข้างใน จากนั้นนำมาหั่นเป็นชิ้นๆ แล้วนำไปแช่น้ำในกะละมังที่ 3 พักทิ้งไว้
5. นำใบเตยหั่นเป็นชิ้นๆแล้วนำไปแช่น้ำกะละมังที่ 4 พักทิ้งไว้
6. นำกระดาษที่ฉีกเป็นชิ้นเล็กๆไว้แล้วในกะละมังที่ 1 มาปั่นในเครื่องปั่น ผสมน้ำเล็กน้อยเพื่อให้ปั่นได้สะดวก ทำให้หมดทั้งกะละมังจากนั้นพักทิ้งไว้
7. ทำตามขั้นตอนที่ 6 แต่เปลี่ยนเป็นกาบกล้วย ก้านบัว และใบเตย
8.เมื่อส่วนผสมทั้งหมดได้ปั่นเรียบร้อยแล้ว ให้นำน้ำเปล่าใส่กะละมังสำหรับผสมทั้ง4 ใบ ใบที่1 ให้ใส่ กระดาษที่ปั่นแล้ว + กาบกล้วยที่ปั่นแล้วลงไป ใช้มือตีส่วนผสมให้เข้ากันและไม่เกาะตัวเป็นก้อน นำตะแกรงมาร่อนให้เนื้อเยื่อกระจายตัวเต็มแผ่นตะแกรงให้ทำทั้งหมด1 ตะแกรง จากนั้นนำไปตากแดด 1 วัน หรือจนกว่า จะแห้งสนิท
9.กะละมังผสมใบที่ 2 หลังจากใส่น้ำแล้วให้ใส่กระดาษที่ปั่นแล้ว+ ก้านบัว ที่ปั่นแล้วลงไปใช้มือตีส่วนผสมให้เข้ากันและไม่เกาะตัวเป็นก้อนนำตะแกรงมาร่อนให้เนื้อเยื่อกระจายตัวเต็มแผ่น (พยายามไม่ให้หนาหรือบางจนเกินไป)ให้ทำทั้งหมด1 ตะแกรง จากนั้นนำไปตากแดด 1 วันหรือจนกว่าจะแห้งสนิท
10. กะละมังผสมใบที่ 3 หลังจากใส่น้ำแล้วให้ใส่กระดาษที่ปั่นแล้ว + ใบเตยที่ปั่นแล้วลงไปใช้มือตีส่วนผสมให้เข้ากันและไม่เกาะตัวเป็นก้อนนำตะแกรงมาร่อนให้เนื้อเยื่อกระจายตัวเต็มแผ่น (พยายามไม่ให้หนาหรือบางจนเกินไป)ให้ทำทั้งหมด1 ตะแกรง จากนั้นนำไปตากแดด 1 วันหรือจนกว่าจะแห้งสนิท
11. กะละมังผสมใบที่ 4หลังจากใส่น้ำแล้วให้ใส่กระดาษที่ปั่นแล้วแล้วลงไปใช้มือตีส่วนผสมให้เข้ากันและไม่เกาะตัวเป็นก้อนนำตะแกรงมาร่อนให้เนื้อเยื่อกระจายตัวเต็มแผ่น (พยายามไม่ให้หนาหรือบางจนเกินไป)ให้ทำทั้งหมด1 ตะแกรง จากนั้นนำไปตากแดด 1 วันหรือจนกว่าจะแห้งสนิท
12.เมื่อกระดาษที่เรานำไปตากทั้งสี่4 ตะแกรงแห้งแล้วจากนั้นให้เราลอกกระดาษออกจากตะแกรง พยายามอย่าให้กระดาษฉีกขาด
13. นำกระดาษที่ได้มาทำการทดสอบคุณสมบัติกับกระดาษสาโดยนำกระดาษผสมกาบกล้วย 1 แผ่น กระดาษผสมใบเตย 1 แผ่น กระดาษผสมก้านบัว 1 แผ่น และกระดาษที่ไม่ผสมอะไรเลย 1 แผ่นมาทดสอบ จากนั้นสังเกตและบันทึกผลการทดลอง
ผลการทดลองและวิจารณ์ผล
ตารางที่ 1 การเปรียบเทียบกระดาษที่ได้จากการทดลองด้วยกันเอง
พืชที่ใช้ คุณสมบัติ
ลักษณะพื้นผิว
ความหนาของกระดาษ
การฉีกขาด
การดูดซับน้ำ
กาบกล้วย สัมผัสแล้วรู้สึกหยาบ ผิวจะขรุขระน้อยกว่าใบเตย
บางกว่าใบเตย
ฉีกขาดได้ง่าย ซึมซับน้ำได้
เร็วและเนื้อกระดาษไม่หลุดรุ่ยออกมา
ใยบัว
ผิวเรียบที่สุด มีความบางกว่ากาบกล้วยและใบเตย ฉีกง่ายที่สุด ซึมซับน้ำได้เร็วแต่ไม่มีการยุ่ยและหลุดออกมาของเยื้อกระดาษ
ใบเตย เมื่อสัมผัสแล้วมีหยาบมากที่สุดลักษณะผิวขรุขระ เนื้อเยื้อปรากฏเด่นชัดที่สุด
มีความหนามากที่สุด
เมื่อนำมาฉีกจะฉีกได้แต่จะเห็นเนื้อเยื้อเด่นชัด
ดูดซับน้ำได้เร็วสุดแต่มีอกาสการหลุดของเนื้อเยื้อ
ดอกขจรจบ ผิวค่อนข่างขรุขระ มีความหนาน้อย ค่อนข้างบาง ฉีกขาดได้ง่าย น้ำซึมเร็วมากและไม่มีการหลุดลุ่ยของเยื้อกระดาษ
แก้ไขล่าสุด 24 ส.ค. 57 21:24 |
เลขไอพี : ไม่แสดง
อ่านต่อ คุณอาจจะสนใจเนื้อหาเหล่านี้ (ความคิดเห็นกระทู้ อยู่ด้านล่าง)
ความคิดเห็น
ยังไม่มีความคิดเห็น
จะต้องเป็นสมาชิกจึงจะแสดงความคิดเห็นได้
เป็นสมาชิกอยู่แล้ว ลงชื่อเข้าใช้ระบบ
ยังไม่ได้เป็นสมาชิก สมัครสมาชิกใหม่
หรือจะลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google หรือ Facebook ก็ได้
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Facebook
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google
เป็นสมาชิกอยู่แล้ว ลงชื่อเข้าใช้ระบบ
ยังไม่ได้เป็นสมาชิก สมัครสมาชิกใหม่
หรือจะลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google หรือ Facebook ก็ได้
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Facebook
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google