แบกเป้เที่ยว พม่า บันทึกความทรงจำโดย Samsung NX3000

28 ส.ค. 57 19:21 น. / ดู 2,550 ครั้ง / 2 ความเห็น / 1 ชอบจัง / แชร์
แบกเป้พาแม่เที่ยวทริปนี้ ไปด้วยกันทั้งหมด 5 วัน 4 คืน
อุปกรณ์บันทึกความทรงจำในครั้งนี้ ต้องขอบคุณ กล้องดิจิตอลเปลี่ยนเลนส์ได้ Samsung NX3000 ที่สนับสนุนอุปกรณ์
ทำให้เราถ่ายภาพได้ง่ายๆ ได้ภาพคมชัด แถมบางภาพแอบสวยระดับโปร เพราะมีโหมดช่วยในการถ่ายภาพถึง 16 โหมด
เหมาะสำหรับผู้หญิงอย่างเราที่แต่งภาพไม่เป็นอย่างยิ่ง (ย่อภาพได้ ใส่ลายน้ำเป็น ก็บุญล่ะ แต่ครั้งนี้ก็ไม่ได้ใส่ลายน้ำนะ ฮ่าๆๆ  ) 


สำหรับเมืองมัณฑะเลย์ พอผ่าน ตม. รับกระเป๋า ผ่านศุลกากร ออกมาแล้ว จะมีเคาเตอร์รับแลกเงินเรียงรายอยู่ด้านหน้าเลย เราเลือกที่จะแลกเงินที่นี่ หลายคนคงเคยได้ยินกิตติศัพท์เรื่องความยุ่งยากในการเตรียมแบงค์ดอลล่าร์ไปแลกเงินที่พม่ากันมาบ้างแล้ว แบงค์ดอลล่าร์ที่เตรียมไปต้องใหม่กริบ ห้ามพับ ห้ามยับ ห้ามมีรอยขีด สีหมึก สีปากกาแต้มเด็ดขาด เขาไม่รับเลยจ้า 

(ภาพขบวนแห่ประเพณีงานบุญของชาวพม่า ซึ่งผู้ร่วมขบวนแห่ จะร้อง เล่น เต้นรำไปเรื่อยๆ โดยไม่ได้หยุดนิ่ง การถ่ายภาพแนวนี้จำเป็นต้องใช้ความเร็วของชัตเตอร์เข้าช่วย  ซึ่งกล้อง ดิจิตอลเปลี่ยนเลนส์ได้ Samsung NX3000 ช่วยสร้างความง่ายในการถ่ายภาพ โดยที่เราไม่ต้องไปยุ่งยากกับการปรับความเร็วชัตเตอร์ด้วยตัวเองอีกต่อไป โดยการใช้ Smart Mode แบบ Action Freeze ช่วยเก็บภาพความประทับใจ หยุดทุกความเคลื่อนไหว ให้เราได้ภาพที่คมชัด ไม่สั่นไหวหรือเบลอเป็นวิญญาณ ฮ่าๆๆ)



(ภาพหอนาฬิกา Purcell ที่เมือง Pyin Oo Lwin ด้วย Smart Mode แบบ Light Trace ของกล้องดิจิตอลเปลี่ยนเลนส์ได้Samsung NX3000 ช่วยเพิ่มความสนุกให้กับการถ่ายภาพของเราได้มากยิ่งขึ้น ด้วยการเล่นกับแสงของไฟรถยนต์ที่วิ่งผ่านไปมา แถว หอนาฬิกา Purcell เท่านี้เราก็ได้ภาพแสงไฟแบบยาวๆ เป็นเส้นสาย ถ่ายเองได้ง่ายๆ ไม่ต้องง้อกล้องโปร)



ถ้าไม่รีบไปไหนไปรถฟรีดีกว่า เขามีรถฟรีไว้บริการจอดรอยู่ด้านหน้าสนามบินเลย (ประหยัดตังค์ค่า Taxi เข้าเมืองตั้งหลายดอลล่าร์) ที่นั่งจับจองได้ตามสบาย เพียงแต่เตรียมตั๋วหรือบอร์ดดิ้งพาสตอนขามาไว้ พอรถออกจะมีเจ้าหน้าที่มาตรวจหมายเลข Booking บนตั๋ว แล้วก็ถามว่า “มาจากประเทศไหน” เพื่อลงข้อมูลไว้

(ภาพ Selfie บนรถสองแถวของแม่เค้าเอง ฮ่าๆๆ  ด้วยคุณสมบัติเด่นอย่างหนึ่งที่น่าสนใจมากๆของ กล้องดิจิตอลเปลี่ยนเลนส์ได้ Samsung NX3000 ที่พลิกหน้าจอขึ้นได้แบบ 180 องศา 180 Flip Display ช่วยให้เรามีมุมมองในการถ่ายภาพได้สะดวกมากยิ่งขึ้น เหมาะกับการถ่ายภาพสุดฮิตของยุคนี้อย่าง Selfie ที่สุด ข้อดีของการ Selfie ผ่านกล้องดิจิตอลเปลี่ยนเลนส์ได้ Samsung NX3000 คือ ได้มุมมองภาพกว้างกว่า selfie ผ่านมือถือมากๆ  ได้ภาพที่คมชัดสุดๆ แถมถ่ายออกมาแล้วช่วยปรับให้หน้าดูเนียนโดยไม่ต้องพึ่ง app camera 360 อีกตั้งหาก  อิอิอิ นอกจากนี้ถ้า smart phone เราของ มี NFC ก็เป็นเรื่องง่ายๆที่จะ แชร์ภาพจากล้องสู่ smart phone เพียงแตะ tag NFC ให้ใกล้กัน เท่านี้ เราก็จะได้ภาพที่คมชัดถูกใจ พร้อมแชร์สู่ Social Network ของเราได้อย่างเต็มที่)



แต่ไม่จบแค่นั้นหรอกนะ เพราะพอเขาตรวจผู้โดยสารครบหมดแล้ว ก็จะเริ่มเปิดการขายทันทีบนรถนั้นล่ะ ไล่ถามผู้โดยสารรายคนเลย
“คุณพักที่ไหน” พอบอกชื่อโรงแรมไป เขาก็จะกลายร่างเป็นนักคำนวณให้เราทันที่ “ที่พักคุณไกลจากจุดจอดรถมากเลยนะ
ใช้เวลาเดิน 15-20 นาที” “คุณสนใจ Moto Taxi ไปส่งที่โรงแรมไหม” (นึกในใจ อุ้ย ศัพท์เรียก มอเตอร์ไซด์รับจ้างนิ ไฮโซเน้อ อิอิ)
ถ้าเรามีท่าทีสนใจ เขาก็จะเสนอราคามา แต่ถ้าเราปฏิเสธหรือบอกว่าขอคิดดูก่อน เขาก็จะถามเราต่อว่า “ช่วยบ่ายคุณมีแพลนจะไปที่ไหน” เริ่มขายทัวร์ต่อ “Sightseeing ไหม” พาไปไหนบ้าง อธิบายมายืดยาว บลาๆๆ เท่าที่แอบฟัง ส่วนใหญ่ก็ปฏิเสธกันนะ เจ้าหน้าที่เขาก็โอเค ปฏิเสธแล้วก็ไม่ตื้อต่อ (ถ้าเราไม่ทำท่าว่าสนใจหรือไปต่อรองราคาเขา) ไม่ชักสีหน้า หรือแสดงท่าทีไม่พอใจอะไร

(ภาพดอกบัวบูชาพระ ที่วัดกุโธดอว์ กล้องดิจิตอลเปลี่ยนเลนส์ได้ Samsung NX3000 ช่วยให้การถ่ายภาพเป็นเรื่องง่ายได้ ได้ภาพสีสวย คมชัด)



สำหรับที่พักคืนแรก เราจองผ่าน booking.com เราเลือกพักที่ 79Living Hotel (หาข้อมูลใน pantip แบบคราวๆก่อนไปนิล่ะ พี่ๆที่มารีวิวไว้เขียนว่า อยู่บนถนนเส้นเดียวกับจุดจอรถบัส แต่พี่เขาก็เหมา Taxi ให้ไปส่งที่โรงแรมอยู่ดี) แต่เหตุผลหลักที่เราเลือกที่นี่ เพราะอ่านในข้อมูลตอนจองระบุว่าโรงแรมอยู่ใกล้สถานีรถไฟ เลยตัดสินใจเลือกเลย แล้วก็อยู่ใกล้จริงๆด้วย
พอลงจากรถบัสได้ จูงมือแม่บอกเดิน บอกว่าเดินเลยเน้อ ไม่ต้องไปรถรับจ้างหรอก ทั้ง Taxi ทั้งมอเตอร์ไซด์มารุมล้อมถามอะไรเราเยอะแยะ เราก็ได้แต่บอก No Thank you อย่างเดียว พาแม่เดินโลด เดินไปโรงแรมไม่ยากเลยจริงๆ จุดจอดรถบัสอยู่บนถนนที่ 79 เส้นเดียวกับโรงแรมอยู่แล้ว เอาเป็นว่าคุณเดินไปทิศตรงข้ามกับพระราชวังมัณฑะเลย์ล่ะกัน เดินไปตรงๆตามถนนสายที่ 79 เรื่อยๆ เดินไปไม่เกิน 10 นาที ก็ถึงโรงแรมแล้ว (คิดดูล่ะกัน ว่าเรามาถึงโรงแรม เช็คอินจนจะเสร็จแล้ว
พึ่งเห็นฝรั่งที่นั่งบัสฟรีมาพร้อมกับเรา เดินลงมาจาก Taxi ถือกระดาษมาเช็คอินเหมือนกัน สงสัยเสียเวลาต่อรองราคา Taxi อยู่ อิอิอิ) ค่าโรงแรมจ่ายตอนเช็คอินเลย ห้องแอร์ 2 เตียง ราคา 34 USD (อย่าลืม แบงค์ต้องใหม่) รวมอาหารเช้า
(แนวกำแพงพระราชวังมัณฑะเลย์ ด้วยความละเอียดสูงถึง 20.3 ล้านพิกเซล ของกล้องดิจิตอลเปลี่ยนเลนส์ได้ Samsung NX 3000 ทำให้เราได้ภาพที่คมชัด เห็นถึงลายละเอียดของพื้นน้ำและเมฆ)



(ภายในตัวอาคารของพระราชวังมัณฑะเลย์ ที่จริงในนี้แสงค่อนข้างน้อยมาก แต่โหมดAuto ที่ใช้งานสุดแสนจะใช้งานง่ายของกล้องดิจิตอลเปลี่ยนเลนส์ได้ Samsung NX3000 ก็ช่วยให้เราได้ภาพที่คมชัด สว่างสดใส)



(ถ่ายจากจุดชมวิวบนยอดหอคอย ในพระราชวังมัณฑะเลย์ เราชอบเลนส์ของกล้องดิจิตอลเปลี่ยนเลนส์ได้ Samsung NX3000 ตรงที่ให้สีสันสดใส ฟ้าเป็นฟ้า ต้นไม้เป็นต้นไม้ เขียวถูกใจดี ไม่ต้องพึ่งฟิลเตอร์เลย)



(มุมนี้ถ้าถ่ายแบบปกติค่อนข้างจะย้อนแสง เราเลยลองใช้ Smart Mode แบบ sunset ของกล้องดิจิตอลเปลี่ยนเลนส์ได้ Samsung NX3000 แค่นี้เราก็ได้ภาพอีกอารมณ์หนึ่งทันที ง่ายๆจบในกล้อง เหมาะกับพวกที่ใช้โปรแกรมแต่งภาพในคอมพ์ไม่เป็น อย่างแรงนิ)
เลขไอพี : ไม่แสดง

อ่านต่อ คุณอาจจะสนใจเนื้อหาเหล่านี้ (ความคิดเห็นกระทู้ อยู่ด้านล่าง)

ความคิดเห็น

#1 | keefundong | 28 ส.ค. 57 19:26 น.



(ภายในพระราชวังมัณฑะเลย์)



(เลนส์ติดกล้อง ขนาด 16-50 mm ของกล้องดิจิตอลเปลี่ยนเลนส์ได้ Samsung NX3000 ช่วยให้เราสามารถเก็บภาพมุมกว้างจากที่สูงของพระราชวังมัณฑะเลย์ได้ง่ายๆ)



(เจดีย์วัดกุโธดอว์ เลนส์ 16-55 mm ของกล้องดิจิตอลเปลี่ยนเลนส์ได้ Samsung NX3000 ช่วยให้เก็บภาพได้ครบองค์เจดีย์ แถมได้ฟ้าสวยๆเป็นของแถมอีกตั้งหาก)



(มุมมองจากมัณฑะเลย์ฮิลล์ ด้วย Smart Mode แบบ sunset ของกล้องดิจิตอลเปลี่ยนเลนส์ได้ Samsung NX3000)



บนมัณฑะเลย์ฮิลล์ ไม่เก็บค่าเยี่ยมชม แต่ต้องเสียค่ากล้องถ่ายรูป 1000 K ต่อกล้อง 1 ตัว จ่ายเงินแล้วเราจะได้ตั๋วผูกหนังยางมาคล้องไว้กับกล้อง (ถ้าไม่ได้ อย่าลืมทวงนะ เพราะจะมีคนคอยเดินตรวจ) เดินๆนั่งๆ ชมวิวอยู่บนมัณฑะเลย์ฮิลล์จนสิ้นแสง

(มัณฑะเลย์ฮิลล์ แสงไฟแฉกแบบง่ายๆ ไม่ได้พึ่งอุปกรณ์เยอะ ด้วยความเล็กกะทัดรัดของกล้องดิจิตอลเปลี่ยนเลนส์ได้ Samsung NX3000 เราสามารถวางกล้องบนราวระเบียง แทนขาตั้งกล้องได้เลย ตั้งค่ารูรับแสง ซัก f/14 เท่านี้ ก็ได้ไฟแฉกเหมือนกัน)



(เจดีย์สีทองกับแสงแบบทไวไลท์ บนยอดมัณฑะเลย์ฮิลล์ เก็บภาพความประทับใจง่ายๆด้วย กล้องดิจิตอลเปลี่ยนเลนส์ได้ Samsung NX3000)



ถามว่าวิธีไป Pyin Oo Lwin มีวิธีอื่นอีกไหม ก็มีนะ โดยส่วนใหญ่ เห็นจะเหมา Taxi จากสนามบินมัณฑะเลย์ไปเลยก็มี หรือหา Share Taxi โดยให้โรงแรมช่วยติดต่อให้ ได้ข่าวว่าค่าโดยสารก็หลายสิบ USD  อีกวิธี คือ นั่งรถสองแถว (อันนี้มี 2 แถวจริงๆ อิอิอิ) แต่เราก็ไม่รู้หรอกนะว่า ถ้าขึ้นจาก Mandalay ไป Pyin Oo Lwin จุดเริ่มต้นขึ้นรถจะขึ้นได้ที่ตรงไหน แต่ถ้าไปรอขึ้นรถในแนวถนน 35th St. (A Street) น่าจะโบกขึ้นได้อยู่ เพราะรถสองแถวจะขับผ่านถนนเส้นนี้ โบกแล้วถามเลย Maymyo? (เมย์เมียว) เขาเข้าใจอยู่แล้ว ว่าคุณถามถึง Pyin Oo Lwin

(ดอกไม้ที่เมือง Pyin Oo Lwin กดภาพสวยง่ายๆ แถมได้โบเก้ ด้วยกล้องดิจิตอลเปลี่ยนเลนส์ได้ Samsung NX3000 กล้องมือถือถ่ายไม่ได้โบเก้แบบนี้นะเออ)



(ดอกไม้ที่เมือง Pyin Oo Lwin  กล้องดิจิตอลเปลี่ยนเลนส์ได้ Samsung NX3000 ช่วยให้การถ่ายภาพเป็นเรื่องง่ายๆ ด้วยระบบโฟกัสแบบอัจฉริยะ ช่วยให้ได้ภาพดอกบัวที่โดดเด่น ชัดเจน ออกมาจากฉากหลัง)



สิ่งที่จุดประกายทำให้เราอยากนั่งรถไฟไป Pyin Oo Lwin มาก ขนาดที่แม้จะต้องตื่นเช้าก็ยอม เริ่มต้นมาจากกระทู้ท่องเที่ยวพม่าของ ป้าฟู มีคอมเม้นต์ของคุณ unimox ที่เขียนอธิบายถึง ความพิเศษของเส้นทางรถไฟ ในระยะทางระหว่างเมือง Mandalay ไปยัง Pyin Oo Lwin ว่า ตรงบริเวณนี้มีการสร้างทางรถไฟขึ้นภูเขาแบบ Zig-Zag ซึ่งเป็นเทคนิคการสร้างทางรถไฟขึ้นพื้นที่สูง มีใช้กันอยู่ในทางรถไฟไม่กี่ประเทศในโลก และไม่กี่จุดในโลก

(ช่วงที่รถไฟ กำลังใช้รางแบบ Zig-Zag รถไฟกำลังวิ่งถอยหลัง)



อ่านได้เท่านั้นล่ะ ตาเกิดประกายฟรุ๊งฟริ๊งทันที ฉันจะไปๆ ฉันจะนั่งรถไฟสายนี้ให้ได้ ต้องเข้าใจหน่อยนะคะ นานๆจะมีโอกาสได้สัมผัสประสบการณ์ที่มีไม่กี่แห่งในโลก ก็ต้องรีบคว้าไว้ก่อน แม้ว่ารถไฟพม่าจะเก่าแก่ไม่แพ้รถไฟไทย รางรถไฟได้รับการดูแลแค่ไหนก็ไม่รู้ แต่งานนี้ยอม จัดไป พาแม่ไปด้วย 555+

(วิวข้างทางรถไฟ ถ้าคนชอบสีเขียวแบบเรา ต้องชอบมากแน่ๆ)



จริงๆทางรถไฟสายนี้ มีไฮไลท์หลักที่โด่งดังมากกว่า ราง Zig-Zag คือ สะพานรถไฟที่สร้างข้ามเหว อายุร้อยกว่าปี ชื่อสะพาน Gok Teik แอบเสียดายและเสียใจมากๆที่ไม่ได้ไป เวลาไม่เอื้ออำนวยจริงๆ แต่สัญญากับตัวเองไว้ว่า ฉันต้องไปนั่งรถไฟข้ามสะพานนี้ให้ได้

(ขวามือของภาพ เป็นอุโมงทางรถไฟ ที่พึ่งลอดผ่านมา เป็นไง สูงดีไหม อิอิ)



(มุมสูง ของเมือง Pyin Oo Lwin จะเห็นอาคารบ้านเรือนเยอะอยู่เหมือนกัน แต่ก็แซมไปด้วยสีเขียวของต้นไม้ตลอดๆ)



(รถม้า สัญลักษณ์อย่างหนึ่งของเมือง PyinOoLwinเลือกใช้ Smart Mode แบบ Action Freeze ของกล้องดิจิตอลเปลี่ยนเลนส์ได้ Samsung NX3000 ทำให้รถม้าที่กำลังเคลื่อนที่ หยุดนิ่งในภาพ อย่างคมชัด ไม่เบลอ หรือสั่นไหว)



(วัดในเมือง Pyin Oo Lwin เลนส์ติดกล้อง ขนาด 16-50 mm ของกล้องดิจิตอลเปลี่ยนเลนส์ได้ Samsung NX3000 ช่วยให้เราสามารถเก็บภาพวัดนี้ได้ครบถ้วน ตลอดฐานจรดปลายเจดีย์ )



(ตลาดเช้า เมือง Pyin Oo Lwin กับภาพแนววิถีชีวิต แม่ค้าใส่เสื้อสีสด นั่งยิ้มให้กับลูกค้า เพราะความเล็กกะทัดรัด สะดวกและคล่องตัว ของกล้องดิจิตอลเปลี่ยนเลนส์ได้ Samsung NX3000 ทำให้เราได้ภาพวิถีชีวิตผู้คนในท้องตลาดมาได้อย่างไม่ยาก ซึ่งถ้าใช้กล้องตัวใหญ่ ยกกล้องขึ้นมา ก็คงหันหน้าหนีกันหมดแล้ว ฮ่าๆๆ นอกจากนี้ กล้องดิจิตอลเปลี่ยนเลนส์ได้ Samsung NX3000 ยัง ช่วยเก็บสีสันแห่งความสดใสของทั้งคนและดอกไม้มาได้เป็นอย่างดี)



เดาได้ไม่ยากว่ารถสองแถววิ่งเข้าเขตเมืองมัณฑะเลย์แล้ว แต่ที่ยากคือ เราไม่รู้ว่าตอนนี้รถวิ่งอยู่ส่วนไหนของเมือง เพราะไม่คุ้นเส้นทางเลย และที่ยากกว่านั้นคือ เราจะบอกกระเป๋ารถถูกไหมว่าเราจะลงที่ไหน 555+ รถสองแถววิ่งเข้าเมืองในถนนเส้น 35th St” (A Street) แนะนำว่าให้คอยมองเลขถนนที่ตัดกับถนนเส้นที่เราวิ่งอยู่เอาไว้ ตาไวนิดนึง  คนในรถเริ่มลงกันบ้างแล้ว เราหยิบโทรศัพท์มาเปิดดูรูปแผนที่ที่ save เก็บไว้ มีผู้ชายคนหนึ่งนั่งถัดจากแม่เรา ดูท่าพยายามจะช่วย เราเลยบอกเขาว่า เราอยากลงใกล้ๆสถานีรถไฟ แต่ดูเหมือนเขาจะไม่เข้าใจเขาถามเราว่า Bus station เหรอ เราบอกไม่ใช่ พร้อมเปิดรูปรถไฟให้เขาดู กว่าจะเข้าใจกัน รถก็วิ่งข้ามสะพานข้ามทางรถไฟมาพอดี กระเป๋ารถรีบบอกให้คนขับจอด พร้อมชี้ไม้ชี้มือประกอบให้เราดูว่า เราต้องเดินย้อนไปทางไหน ขอบคุณน้ำใจจากเพื่อนร่วมเดินทางที่พยายาม จะช่วยเหลือกัน แม้จะคุยกันไม่เข้าใจด้วยภาษาพูด แต่ภาษากาย ภาษาท่าทาง ก็เป็นส่วนช่วยมากๆในการสื่อสาร ขอบคุณสุดยอดพี่กระเป๋ารถนะคะ
พอลงจากรถได้ ก็ไม่รู้พวก Moto Taxi เขามีอยู่ทุกหัวมุมถนนเลยหรือไรไม่รู้ สามารถเข้ามารุมเราได้ทันทีที่ลงจากรถ เราก็ได้แต่ No Thank you ไปก่อน ฉันยังมึน ฉันยังไม่รู้ว่าอยู่ส่วนไหนของมัณฑะเลย์ เลยแบกเป้พาแม่ลากกระเป๋าเดินให้พ้นรัศมีบรรดาพี่วินมาซักหน่อย ขอตั้งหลักก่อน เริ่มมองหาป้ายถนน ซึ่งจะอยู่ตามจุดตัดระหว่างถนน ลองสังเกตมองดีๆ ไม่รู้ว่าโชคเข้าข้างหรือทำบุญมาเยอะ อิอิอิ รถจอดให้เราลงที่ ถนน 35th St. ตัดกับถนน 80th St. พอดี โรงแรมที่เราจองไว้ระบุว่า ตั้งอยู่บนถนนสาย 80th ตัดกับระหว่าง 29th & 30th St. เท่ากับว่า เราต้องเดินไปตามถนน 80th St. ไปเรื่อยๆ ให้ผ่านจุดตัดถนนอีก 5 สาย คือ ตัดกับสาย 34th , 33th , 32th , 31th , 30th


(ภายในวัดชเวนันดอว์  ด้วย Smart Mode แบบ Sunset ของกล้องดิจิตตอลเปลี่ยนเลนส์ได้ Samsung NX3000 ช่วยขับให้สีทองของภายด้านในตัววัดชเวนันดอว์ ดูเป็นสีทองจริงๆ ซึ่งถ้าใช้กล้องมือถือ หรือกล้องทั่วไปถ่ายออกมา ภาพที่ได้จะออกโทนสี เหลืองๆขาวๆ  ดูซีดจางไปเลย )



ตอนนั้นมั่นใจว่า เจอแน่โรงแรม ไม่หลงแน่นอน แต่ก็ไม่รู้ว่าจะไกลแค่ไหนหรอกนะ แดดก็เปรี้ยงๆเลย ถามแม่ว่าไหวไหม
เดินไปตามทางนี้เรื่อยๆนิล่ะ แม่ว่าโอเคก็จัดไป เดินโลด เดินราวๆ 15 นาทีก็ถึงโรงแรม เราจองไว้ที่ Taw Win Myanmar Hotel 2 คืน ผ่าน booking.com ที่จริงโรงแรมนี้ไม่ไกลจากโรงแรมคืนแรกที่พักเลย ห่างกันแค่เดิน 3 นาทีก็ถึง ที่จองไว้เป็นห้องแอร์แบบ 2 เตียง รวมอาหารเช้า 2 คืน ราคา 70 USD เหตุผลหลักที่เลือกโรงแรมนี้ เพราะตอนจองเจอว่า มีจักรยานให้ยืมฟรี! จัดไปเลย
สรุปว่าดีกว่าโรงแรมแรกทุกอย่าง อาหารเป็นบุฟเฟ่ต์ด้วย มีให้เลือกหลายอย่างเหมือนกัน (แนวอาหารพม่า ปนจีน)
แต่พนักงานโรงแรมแรกจะพูดภาษาอังกฤษได้ดีกว่า


(วัดชเวนันดอว์ กับงานโชว์ลายไม้แกะสลักอันวิจิตรบรรจงของช่างพม่าในสมัยโบราณ)



(วัดชเวนันดอว์ กับงานแกะสลักลายไม้ กล้องดิจิตอลเปลี่ยนเลนส์ได้ Samsung NX3000 ช่วยให้เราถ่ายภาพได้ง่ายๆ ได้ภาพสวยระดับโปร ด้วยระบบโฟกัสอัจฉริยะของกล้อง ทำให้เราได้ภาพแบบหน้าชัด หลังเบลอ มาแบบนี้)



ที่เล่าไปว่าช่วงวันแรก เราพลาดวัดชเวนันดอว์ กับ วัดอาตุมาชิ งั้นก็อย่าให้พลาดอีก แก้มือกันวันนี้เลยดีกว่า ลงไปถามข้างล่างว่า คุณมีจักรยานฟรีให้ยืมใช่ไหม เอามาโลด 2 คันเลย พาแม่ถีบจักรยานท่องเมืองตัวเมืองมัณฑะเลย์เนี่ยล่ะ

(วัดชเวนันดอว์ กับงานแกะสลักไม้ของช่างพม่าโบราณที่ยังคงหลงเหลือถึงปัจจุบัน ถ่ายด้วย Smart Mode แบบ Sunset ของกล้องดิจิตอลเปลี่ยนเลนส์ได้ Samsung NX3000)



(วัดอาตุมาชิ ถ่ายด้วยด้วย Smart Mode แบบ Sunset ของกล้องดิจิตอลเปลี่ยนเลนส์ได้ Samsung NX3000)

แก้ไขล่าสุด 28 ส.ค. 57 19:36 | ไอพี: ไม่แสดง

#2 | keefundong | 28 ส.ค. 57 19:44 น.

เสร็จจากวัดชเวนันดอว์ ก็ชวนแม่ถีบจักรยานไปเรื่อยๆ ไปแถวๆทางขึ้นมัณฑะเลย์ฮิลล์ แวะซื้อน้ำดื่มกัน เย็นแล้วก็กะว่าเดี๋ยวจะปั่นกลับกันล่ะ พอมาถึงถนนสายหลักที่ล้อมรอบพระราชวังทั้ง 4 ด้าน เลยตัดสินใจปั่นไปอีกด้าน (ไม่ย้อนกลับทางเดิม) กะว่าปั่นชมวิว ชมบรรยากาศบ้านเมืองให้ครบทั้ง 4 ด้านเลย ปั่นไปก็เริ่มหิวนะ แล้วสายตาก็ไปสะดุดเข้ากับ ตุ๊กตาเป็ด เฮ้ยๆๆๆ นี่มันร้าน Golden duck ยอดนิยมนิ เบรคจักรยานเอี๊ยดเลยทีเดียว แม่เบรคตามอย่าง งงๆ (คงคิดว่า ลูกมันพามาแบคแพค กินข้าวข้างทาง ปั่นจักรยาน แล้วมันจอดหน้าร้านแบบนี้ทำไม)  หันไปบอกแม่ว่า “กินข้าวร้านนี้กัน หนูเคยอ่านมา เขาว่าเป็ดอร่อย”



2 คนแม่ลูก จูงจักรยานเข้าไปตรงที่จอดรถจักรยานยนต์ ที่อยู่ด้านข้างของร้าน พนักงานตรงที่จอดรถทำหน้างงๆ เราเลยถามไปว่า “ตรงนี้ใช่ที่จอดรถของร้าน Golden duck ไหม” คือกะว่าให้พนักงานเขารู้นั้นล่ะ ว่าเราจะมาเป็นลูกค้านะ ถึงจะถีบจักรยานมาก็เถอะ 555+ 
มื้อนี้สั่ง เป็ดย่างจานเล็ก เนื้อปูผัดไข่ ข้าวเปล่า 2 ถ้วย (เขามาเป็นถ้วยไม่ใส่จาน) น้ำดื่ม แล้วพอเรียกคิดเงินทางร้านจะยกขนมหวาน เป็นวุ้นสีเขียว-ขาว ชมพู-ขาว ตัดเป็นแท่งสี่เหลี่ยมเล็กๆ มาเป็นของแถม ค่าเสียหายทั้งหมด 12200k เป็ดย่างหนังกรอบ



เช้าวันนี้มีแพลนว่าจะไปเมืองมิงกุน สะกาย แล้วก็สะพานไม้อูเบียน ซึ่งตั้งอยู่ในเขตเมืองอมรปุระ  เราไม่ได้ติดต่อ Taxi ไว้ก่อนล่วงหน้า แล้วก็ไม่ได้แจ้งให้โรงแรมช่วยหา กะว่าไปหาเอาเอง เราจำได้ว่าที่เคยอ่านในรีวิว ส่วนใหญ่จะไป มิงกุน ทางเรือ โดยเรือจะออกประมาณ 9 โมงเช้า ค่าเรือไปกลับคนละ 5000 k

(สะพานข้ามไปยังเมืองสะกาย)



(วัดบนสะกายฮิลล์  ถ่ายด้วย Smart Mode แบบ Sunset ของกล้องดิจิตอลเปลี่ยนเลนส์ได้ Samsung NX3000  ช่วยขับสีทองของจีวรพระพุทธรูปให้ดูเด่นยิ่งขึ้นได้)



วิวเมื่อมองจาก สะกายฮิลล์ ไปช่วงหน้าฝน จะเจอเขียวๆสดชื่นๆแบบนี้  เลนส์และความละเอียดของกล้องดิจิตอลเปลี่ยนเลนส์ ได้ Samsung NX3000  ช่วยบันทึกภาพความทรงจำเขียวๆสวยๆนี้ได้อย่างคมชัด



(พระพุทธรูปเมืองสะกาย ที่ผนังวิหาร มีรายนามผู้บริจาคชาวไทยด้วยล่ะ)



(ถ่ายภาพพาโนรามา ได้ง่ายๆจบในกล้อง ด้วยโหมดพาโนรามา ของกล้องดิจิตอลเปลี่ยนเลนส์ได้ Samsung NX3000 เราถ่ายจากด้านบนของเจดีย์มิงกุน)



(ระฆังยักษ์มิงกุน พระเจ้าปดุง ได้สร้างไว้เพื่อให้คู่กับมหาเจดีย์มิงกุน  เท่าที่เคยอ่านมีเรื่องเล่าว่า พระเจ้าปดุงทรงไม่ต้องการให้มีใครสร้างระฆังเลียนแบบ จึงรับสั่งให้ประหารชีวิตนายช่างทันทีที่สร้างเสร็จ ปัจจุบันถือเป็นระฆังยักษ์ที่มีขนาดเล็กกว่าระฆังแห่งพระราชวังเครมลินใน กรุงมอสโกเพียงใบเดียว แต่ระฆังเครมลินแตกร้าวไปแล้ว ความกว้างใหญ่ของระฆังใบนี้ สามารถให้เด็กตัวเล็กๆไปยืนรวมกันอยู่ใต้ระฆังได้ถึง 100 คนเลยทีเดียว)



(เจดีย์ชินพิวมิน เมืองมิงกุน อ่านในหนังสือมาได้ชื่อว่าเป็นเจดีย์ที่สวยสง่ามากแห่งหนึ่ง สร้างขึ้นในปี พ.ศ.2359 โดยพระเจ้าบากะยีดอว์ พระราชนัดดาในพระเจ้าปดุง เพื่อเป็นอนุสรณ์แห่งความรักที่พระองค์มีต่อพระมหาเทวีชินพิวมิน ซึ่งถึงแก่พิราลัยก่อนเวลาอันควร จึงได้รับสมญานามว่า “ทัชมาฮาลแห่งลุ่มอิรวดี”)



ระหว่างทางจากมิงกุนย้อนกลับไปทางเมืองสะกาย เป็นโชคดีของเราอีกแล้ว ที่ได้เจอขบวนแห่แบบชาวพม่า คนขับถามเราว่า คุณอยากแวะลงไปดูไปถ่ายรูปไหม ของแบบนี้จะพลาดได้ไง จริงไหม จอดเลยค่ะพี่ ดูแล้วเหมือนจะพิธีการงานบุญที่แห่ไปวัด มีทั้งแห่โคเทียมเกวียน มีทั้งขบวนแห่ม้า

(เราเลือกใช้ Smart Mode แบบ Action Freeze ของกล้องดิจิตอลเปลี่ยนเลนส์ได้ Samsung NX3000 ช่วยหยุดความเคลื่อนไหวของวัวเทียมเกวียนให้ ในขบวนแห่ ให้คมชัด ไม่สั่นไหวหรือเบลอ)



แต่ที่เรียกรอยยิ้มความสนุกสนานให้กับชาวบ้านได้มากที่สุด ดูเหมือนจะเป็น ช้างเต้นระบำ ในนั้นจะมีอยู่ 2 คนสวมเข้าไปในชุดช้าง เต้นรำประกอบจังหวะดนตรีที่สนุกสนาน เด็กๆที่ร่วมขบวนแห่ส่วนมาก ที่เราเห็นกลับเป็นเด็กผู้ชาย ผู้ร่วมขบวนทุกคนต่างแต่งตัวสีสันสดใส แต่งหน้าทาปากกันทุกคน ตื่นตาดีเหมือนกัน คนขับรถบอกเราว่า มันเป็นงานพิธีที่จัดขึ้นเพียงปีละ 1 ครั้งเท่านั้น “คุณช่างโชคดีจริงๆ”



สะพานไม้อูเบียน สะพานไม้สักที่ยาวที่สุดในโลก ในวันที่เราไป ลมแรงมากกกกกกก แรงขนาดที่ไม่กล้าเดินริมสะพาน เพราะกลัวจะลมพัดปลิวตกลงไป (กล้าพูดเนอะ 555+)

(ถ่ายด้วยโหมด Auto ของกล้องดิจิตตอลเปลี่ยนเลนส์ได้ Samsung NX3000 ช่วยให้การถ่ายภาพเป็นเรื่องง่ายๆ ได้ภาพคมชัด สวยงามระดับโปร)



(โชคดีวันที่เราไปนักท่องเที่ยวน้อย เลยได้ภาพในมุมมองแบบโล่งๆ ซึ่งกล้องดิจิตอลเปลี่ยนเลนส์ได้ Samsung NX3000 ก็ทำหน้าที่ได้อย่างดีเยี่ยม ในการเก็บภาพความประทับใจไว้อย่างคมชัดทุกรายละเอียด)



อีกภารกิจ 1 ที่ตั้งใจมาดู คือ เจ้าจุก เจ้าแกละ ภาพวัดบนฝาผนังของวัดพม่าที่อยู่อีกฝากหนึ่งของสะพานไม้อูเบียนภาพวาดนี้ทำให้เกิดข้อสันนิษฐานมากมายตามมา ว่าเหตุใด ภาพวาดในวัดของพม่าจึงมี เจ้าจุก เจ้าแกละ เพราะพม่าไม่มีประเพณีไว้จุก ไว้แกละ เพื่อโกนผมไฟแบบของไทย



เกือบหกโมงเย็นแล้ว ตอนที่ไปชมภาพเจ้าจุก เจ้าแกละ เราเดินย้อนกลับมาที่สะพานเหมือนเดิม พระอาทิตย์ยังคงหลบอยู่หลังก้อนเมฆ

(ถ่ายด้วย Smart Mode แบบ Sunset ของกล้องดิจิตอลเปลี่ยนเลนส์ได้ Samsung NX3000)



(ที่เราเลือกใช้ Smart Mode แบบ Sunset ของกล้องดิจิตอลเปลี่ยนเลนส์ได้ Samsung NX3000 เพราะช่วยให้เราได้พระอาทิตย์ตกในภาพเลย ฮ่าๆๆ ซึ่งในสถานการณ์จริงตอนนั้นสภาพอากาศแบบฟ้าครึ้ม เมฆมาก พระอาทิตย์หายไปไหนก็ไม่รู้ นี่สิตัวช่วยของคนแต่งรูปไม่เป็นโดยแท้ อิอิอิ) ตอนค่ำ เราแจ้งโรงแรมว่า พรุ่งนี้เราอยากจะไป วัดพระมหามัยมุนี ตอนเช้าเพื่อร่วมพิธีล้างหน้าพระ



(Smart Mode แบบ Action Freeze ของกล้องดิจิตอลเปลี่ยนเลนส์ได้ Samsung NX3000 ช่วยหยุดความเคลื่อนไหวของน้องเป็ด ที่ว่ายน้าอยู่ในทะเลสาบ ให้เราได้ภาพที่คมชัด ไม่ไหวเบลอ)



ทุกเช้ามืดที่วัดแห่งนี้ จะมีพิธีล้างพระพักตร์พระมหามัยมุนี โดยหลวงพ่อเจ้าอาวาส ตามความเชื่อที่ว่า พระพุทธรูปองค์นี้พระพุทธเจ้าได้ประทานลมหายใจมาให้ เลยต้องมีพิธีล้างพระพักตร์ทุกเช้า พิธีกรรมยาวนานตั้งแต่เริ่มต้นจนจบสิ้นทุกกระบวนการยาวนานเป็นชั่วโมง เราไปทันตอนที่หลวงพ่อเจ้าอาวาสใช้อะไรไม่รู้แปรงตรงพระโอษฐ์ (เดาว่า คงทำเหมือนเป็นการแปรงฟันมั้ง) แล้วก็ใช้น้ำแป้ง

(คิดว่าคงเป็น ทานาคา แต่ดูออกสีขาวๆนวลๆ) รูปทั่วพระพักตร์ วนล้างไปมา แล้วเช็ดออกด้วยผ้าที่ชาวบ้านฝากขึ้นไปด้วยความศรัทธา จากนั้นก็แปะทองใกล้ๆบริเวณรอบพระเศียร แล้วใช้พัดทองพัดบริเวณพระพักตร์ของพระพุทธรูป แล้วก็ใช้พัดที่ดูเหมือนตาลปัด แบบบ้านเรา พัดอีกที ดูเหมือนหลวงพ่อเจ้าอาวาสท่านจะบริกรรมคาถา สวดมนต์ไปตลอดช่วงพิธีกรรมด้วย แต่ละขั้นตอนของการทำ ดูก็รู้ว่าหลวงพ่อเจ้าอาวาสทำอย่างตั้งใจ บรรจง พิถีพิถันมาก คงด้วยพลังแห่งศรัทธาและความเลื่อมใส ต่อพระมหามัยมุนี ซึ่งถือเป็น 1 ใน 5 สิ่งศักดิ์สิทธิ์สำคัญสูงสุดของพม่า นั้นเอง



และแล้วก็สำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี กับภารกิจ แบกเป้พาแม่เที่ยว Mandalay-Sagaing-Mingun-Pyin Oo Lwin
โดยใช้กล้องดิจิตอลเปลี่ยนเลนส์ได้ Samsung NX3000 เป็นอุปกรณ์ที่ช่วยเก็บความทรงจำของเราสองคนแม่ลูกในครั้งนี้
ความประทับในตัวกล้องดิจิตอลเปลี่ยนเลนส์ได้ Samsung NX3000 ที่ได้พกพาตลอดทริป 5 วัน 4 คืน ในพม่า เราขอแบ่งออกเป็น 2 ส่วนหลักๆ คือ
ส่วนแรก ลักษณะภายนอกของกล้อง
-ตัวที่เราใช้เป็นสีขาว ดีไซน์สวย ดูเรียบหรู ทันสมัยดี แต่ก็ต้องดูแลดีๆหน่อย เดี๋ยวสีขาวสวยๆ จะกลายเป็นสีอื่นเอา อิอิอิ
-ขนาดของกล้องที่กะทัดรัด กำลังเหมาะมือ พกพาง่าย ซึ่งเหมาะกับเราที่เป็นผู้หญิงแบกเป้มากๆ เพราะเราไม่อยากขนอะไรที่มันใหญ่ๆ เยอะๆไป มันหนัก เดินมากๆแล้วพาลจะอยากโยนทิ้ง ฮ่าๆ
-น้ำหนักเบา อันนี้ประทับใจ เพราะเราใส่สายสะพายกล้อง แล้วก็ห้อยคอบ้าง สะพายข้างบ้าง ขี่จักรยานเที่ยวทั้งวัน ก็ไม่รู้สึกเมื่อยคอ หรือปวดไหล่แต่อย่างใด อีกอย่างก็ทำให้สะดวกเวลายกขึ้นถ่ายภาพที่เราต้องการได้ทันที
- ความสะดวกในการชาร์ตแบตเตอร์รี่กล้อง พอดีวันที่ 4 เราออกจากที่พักแต่เช้า เที่ยวทั้งหมด ถ่ายภาพตลอดเป็นร้อยๆภาพ อัดวีดีโออีก พอซักช่วงบ่ายสามแบตขึ้นเตือนว่าใกล้จะหมด ตอนแรกเราก็ใจเสียว่า เฮ้ย แล้วจะชาร์ตที่ไหน สายชาร์ตก็ไม่ได้เอามา เริ่มทำใจว่า อาจต้องถ่ายภาพอย่างประหยัด เพราะเดี๋ยวจะไม่มีถ่ายภาพสะพานอูเบียน ระหว่างนั่งรถก็รื้อกระเป๋า พอดีติด power bank มาด้วย เลยเอามาลองดู ปรากฎว่า เย้ๆๆ ชาร์ตได้ เอา power bank พร้อมสาย เสียบเข้าช่องชาร์ตแบตกล้องได้เลย งานนี้เลยได้เก็บภาพทุกความประทับใจอย่างไม่ขาดตอน

ส่วนที่สอง คุณสมบัติภายในกล้อง
-Effective Pixel ที่มากถึง 20.3MP ทำให้เราได้ภาพถ่ายที่สวยงาม คมชัด สีสันสดใส เอาไปอัดขยายไซส์ใหญ่ๆได้สบายเลย
-Smart Mode ของกล้องดิจิตอลเปลี่ยนเลนส์ได้ Samsung NX3000 ที่มีมากถึง 16 โหมด อย่างที่เราใช้ถ่ายมา คือ Action Freeze หยุดภาพเคลื่อนไหวได้ดั่งใจอย่างคมชัด Light Trace ถ่ายไฟให้เป็นเส้นสายยาวๆ หรือจะเป็น Sunset ที่ช่วยสร้างอารมณ์ให้ภาพถ่ายของเราในอีกมุมหนึ่ง ซึ่ง Smart Mode นี้เองทำให้การถ่ายภาพเป็นเรื่องง่ายๆ เพราะไม่ต้องมึนงงกับการตั้งค่าโน้นนี่นั้นในกล้องให้ยุ่งยาก ช่วยให้การถ่ายภาพสนุกขึ้นเยอะมากๆ แถมได้ภาพสวยระดับโปรอีกตั้งหาก
-ลูกเล่นในลักษณะพิเศษฟิลเตอร์อัจฉริยะ ที่ช่วยปรับแต่งภาพถ่ายของเราให้เสร็จตั้งแต่ในกล้องแบบง่ายๆ เช่น ลูกเล่นแบบ Fish eye ที่จะทำให้ภาพเราดูนูนๆ มองดูเป็นมุมกว้าง หรือลูกเล่นแบบถ่ายขอบภาพเบลอ ที่จะช่วยแต่งภาพของเราให้ออกมาเป็นแนวกล้องโลโมเลย เราชอบลูกเล่นในลักษณะพิเศษฟิลเตอร์อัจฉริยะนี้มาก เพราะเราแต่งภาพโดยใช้โปรแกรมในคอมพ์ไม่เป็น และคิดว่าถ้าเพื่อนๆผู้หญิงถ้าได้ลองแล้ว คงชอบลูกเล่นตัวนี้มากๆเช่นกัน
-180 Flip Display จอพลิกได้แบบ 180 องศา ที่ชอบก็ตรงได้ selfie กับแม่นิล่ะ บางทีจะไปวานใครถ่ายให้ ก็ไม่ค่อยสะดวก ก็จัด selfie ไปซะเลย หรือไม่ก็หาจุดตั้งกล้องแล้วถ่ายรูปคู่โดยการตั้งเวลาถ่ายภาพ เท่านี้เราก็จะได้เห็นด้วยว่า เราอยู่ตรงส่วนไหนของภาพ ถูกใจอันนี้สุดๆ
แชร์ง่ายๆจากกล้องด้วย NFC แค่แตะ ก็ได้ภาพสวยๆเข้าสู่ smart phone พร้อมอัพขึ้น FB แล้ว



สำหรับค่าใช้จ่าย เราจดไว้ตลอดการเดินทาง สรุปออกมา คือ
ค่าใช้จ่ายตลอดทั้งทริป 5 วัน 4 คืน ในพม่า ทั้งค่ากิน ค่าเที่ยว ค่าที่พัก ค่าซื้อของฝาก
สำหรับเรา 2 คนแม่ลูก หมดไป 310 USD (1 USD = 32.55 บาท ณ วันเดินทาง) ก็เท่ากับ 10,090 บาท
พอรวมกับค่าตั๋วเครื่องบินไปกลับ 2 คน อีก 4,260 บาท รวมเป็น 14,350 บาท (ตกคนละ 7,175 บาท)
ที่เราพยายามบอกรายละเอียดเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายต่างๆไว้ ก็เผื่อเพื่อนๆจะเป็นแนวทาง ในการคำนวนค่าใช้จ่ายจัดเตรียมทริปกันนะคะ

ขอบคุณที่ติดตามอ่านมาจนถึงจุดนี้นะคะ ขอบคุณค่ะ

ไอพี: ไม่แสดง

แสดงความคิดเห็น

จะต้องเป็นสมาชิกจึงจะแสดงความคิดเห็นได้
เป็นสมาชิกอยู่แล้ว ลงชื่อเข้าใช้ระบบ
ยังไม่ได้เป็นสมาชิก สมัครสมาชิกใหม่
หรือจะลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google หรือ Facebook ก็ได้
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Facebook
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google