[Review] Banyantree Samui (Ocean View Villa)
สวัสดีค่า วันนี้เฟย์จะมารีวิวห้องพักโรงแรมบันยันทรี สมุย ที่เป็น 1 ในสถานที่ท่องเที่ยวฮอตฮิตของชาวต่างชาติ และคนไทยค่ะ เนื่องจากทริปนี้เฟย์ไปกับที่บ้านฉลองที่แม่ทำ IS สำเร็จหลังจากที่เหนื่อยหาข้อมูลอยู่หลายเดือน เลยตกลงไปพักผ่อนหย่อนใจสบายๆที่ โรงแรมบันยันทรี สมุยให้สมกับที่เหนื่อยมานาน . หลังจากที่ตกลงไปกันแล้วก็ออกเดินทางโดยสายการบิน Bangkok Airway ค่าเครื่องไปกลับกรุงเทพ-สมุย อยู่ที่ราว 12,000/ คน ถือว่าราคาแรงใช่ย่อย พอๆกับไปฮ่องกงเลย ฮือออออ พอถึงที่พักก็จะมีรถลีมูซีนของโรงแรมมารับที่สนามบิน (รายละเอียรถอยู่ด้านล่างนะคะ)
>>> ใช้เวลาเดินทางประมาณ 30 นาทีก็ถึงตัวโรงแรม (ซอยโรงแรมแคบและเล็กมาก อันนี้ตกใจนิดหน่อย)
หลังจากนั้นก็ได้ Check-in และพนักงานโรงแรมก็พานั่งรถบัคกี้(คล้ายๆรถกอล์ฟ) ขึ้นเขาไปส่งที่ Villa ของเรา
ดูจากแผนที่แล้วเฟย์พักที่ Villa 107 ค่ะ โดยจะเป็น Ocean View Villa ที่เห็นวิวมุมสูงแบบ Paronoma สวยสุดๆ แต่เนื่องจากอยากได้วิวสวยๆก็ต้องแลกมากับการเดินทางที่แสนยาวไกลและสูงชันจาก Lobby ซึ่งไกลมากกกก ระยะทางถือว่าไกลพอสมควรถ้าเดินเท้าคงเหนื่อยจนซี่โครงบานแหงๆ >.< == ซึ่งตลอดการพักที่นี่เฟย์โทรเรียกรถบัคกี้มารับตลอดเลยค่ะ ขี้เกียจเดิน 555+
Outdoor
หลังจากลงจากรถบัคกี้แล้วก็เปิดประตูเข้ามาพบกับห้องพักสุดหรูพร้อมมุมจิบกาแฟยามเช้าเก๋ๆ
เดินเข้ามาจะพบมุมนี้ ซึ่งทางโรงแรมจัดให้เป็นเตียง Day Bed กว้างขวางไว้รับลมทะเลชิวๆสบายๆยามบ่าย ใครที่กลัวความสูงไม่ต้องกลัวนะคะเพราะจะมีกระจกแข็งแรงกั้นไว้กันเราตกลงไปด้วยค่ะ
(ถ้าพาเด็กเล็กมาด้วยก็หายกังวลได้ แต่ก็ต้องคอยอยู่ใกล้ๆน้องๆกันการปีนป่ายด้วยนะคะ)
ถัดจากมุม Day Bed เดินออกมาจะสามารถลงไปในสระน้ำส่วนตัวได้ ความสูงของสระที่ลึกที่สุดแค่ 1.3 เมตรเท่านั้นเองค่ะ
ว่างๆลองมานั่งเล่นรับลมเอาขาจุ่มน้ำป๋อมแป๋มๆกับสระว่ายน้ำส่วนตัว ก็เพลินดีไม่เบาเลยนะ ส่วนใครที่ชอบนั่งเอนหลังฟูกนุ่มๆก็มีที่นั่งพักผ่อนบนฟูกข้างสระว่ายน้ำเช่นเดียวกัน
ถือเป็นมุมโปรดที่สุดของเฟย์เลยก็ว่าได้นั่งคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย พร้อมกับมองวิวแบบ Paronama ทะเลสุดลูกหูลูกตา ใครที่อยากหาที่พักผ่อนหย่อนใจแบบสบายๆ มาลองพักดูก็ไม่เสียหลายค่ะ ^_^
Indoor
หลังจากพาชมบรรยากาศนอก Villa แบบ Exclusive เรียบร้อยแล้วก็มาถึงส่วนของห้องพักกันบ้าง
โดยห้องพักจะถูกเชื่อมต่อกัน 3 ห้องติดคือห้องนั่งเล่น ห้องนอน และห้องน้ำ ซึ่งห้องนอนจะอยู่กึ่งกลางระหว่าง
ห้องน้ำและห้องนั่งเล่น ตรงปลายเตียงนอนสามารถเปิดกระจกลงเอาขาจุ่มสระว่ายน้ำหรือลงเล่นน้ำทันทีเลยได้
ห้องนอน : ในส่วนของห้องนอนจะมีเตียงนุ่มขนาดใหญ่ ตกแต่งหัวเตียงไว้อย่างสวยงาม
มุมซ้ายของห้องนอนจะเชื่อมต่อกับห้องนั่งเล่นดูทีวีเสร็จปุ๊บเข้ามานอนได้ทันทีเลย ส่วนมุมขวาจะเชื่อมต่อกับห้องน้ำขนาดใหญ่
เรียกได้ว่าเชื่อมต่อกันทุกห้องเลยทีเดียว
ข้างหัวเตียงจะมีเครื่องอโรม่าซึ่งทางโรงแรมจะมาเปลี่ยนกลิ่นสลับปรับเปลี่ยนไปแต่ละวันเช่น Lemongrass Essential Oil, Orange Essential Oil
(ดูเอาใจใส่ดีนะตรงนี้)
เข้าไปค้นในตู้จะมีรองเท้าสำหรับใส่ในห้องลายเฉพาะของบันยันทรีใส่ถุงกุ๊กกิ๊กน่ารัก มีทั้งสีขาวสำหรับเท้าไซส์เล็กและสีดำสำหรับคนเท้าไซส์ใหญ่
(ให้ยืมใส่เฉยๆถ้าชอบก็มีขายนะเออ)
Bath Room
ห้องน้ำ : ห้องน้ำกว้างมากหรูมากด้วยสีโทนดำจากหินอ่อนและสีครีมตัดกันผสมผสานการใช้หินตกแต่งได้สวยเลยค่ะ
ส่วนที่ชอบที่สุดของห้องน้ำคืออ่างอาบน้ำขนาดใหญ่ แช่น้ำไปชมวิวสวยๆแบบ Private สุดๆ ลองไปแช่แล้วฟินมากกกกกต้องอย่าลืมใส่ Bath Foam ของโรงแรมลงไปด้วย แทบจะขอลงไปนอนแช่แบบนั้นทั้งวันเลย ผ่อนคลายสุดๆ
ในส่วนของอุปกรณ์ในห้องน้ำก็มีผ้าขนหนูหลากหลายไซส์พับพร้อมใช้ และถุงผ้าใส่บรรดาแปรงสีฟัน ยาสีฟันที่คลุมผมพร้อมใช้ถ้ามานอนที่นี่ไม่ต้องเตรียมอุปกรณ์อาบน้ำมาเลย เอามาแค่เสื้อผ้าและครีมทาหน้าก็พอละ
อ่านต่อ คุณอาจจะสนใจเนื้อหาเหล่านี้ (ความคิดเห็นกระทู้ อยู่ด้านล่าง)
ความคิดเห็น
Buffet in the Morning
หลังจากที่พักผ่อนหลับเต็มตาตื่นขึ้นมา ก็โทรเรียกรถบัคกี้ให้มารับไปทาอาหารเช้าได้เลยค่ะโดยห้องอาหารเช้าจะอยู่โซนเดียวกับ Lobby และ Banyantree Gallery ซึ่งจะมีที่นั่งหลายแบบทั้งโซนรับลมข้างนอกหรือโซน indoor ก็แล้วแต่ชอบเลยค่ะ
สำหรับอาหารเช้านั้นก็จะมีหลากหลายพอสมควร ไม่ว่าจะเป็นสปาเกตตี้ ไส้กรอก ข้าวต้ม ซูชิ ขนมปังหรือแม้กระทั่งติ่มซำก็มีค่ะ
แต่รสชาติอาหารถือว่าธรรมดาสแตนดาร์ดทั่วๆไป ไม่ได้อร่อยเลิศเลออย่างที่คิด คือรสชาติโอเคแต่ก็ไม่ได้อร่อยมากมาย
ขนมเองก็มีให้เลือกหลากหลาย แต่ก็ยังมีไม่มากพออย่างทีคาดไว้ ส่วนใหญ่จะเป็นขนมฝรั่งพวกเค้ก โดนัท และขนมปังอัลมอนด์ต่างๆ
แต่ถ้าใครชอบกินน้ำผลไม้แบบคั้นสดที่นี่ก็มีให้เลือกหลากหลายไม่เบาเลยค่ะ ไม่ว่าจะเป็นน้ำแตงโม น้ำส้มคั้น น้ำสัปปะรด
น้ำฝรั่ง น้ำแครอท เสียดายถ้ามีน้ำมะพร้าวสดเป็นลูกๆก็จะเริ่ดมาก
Sand Restaurant
เสร็จจากบุฟเฟต์ช่วงเช้าแล้ว เฟย์ก็กลับไปนอนเล่นพักผ่อนรัยบลมทะเลที่ห้องเหมือนเดิมและตัดสินใจลงมาทานอาหารเย็นที่ห้องอาหาร Sand ของ Banyantree Samui ค่ะเป็นห้องอาหารสไตล์ยุโรปติดริมทะเลและหาดทรายให้บรรยากาศโรแมนติคสุดๆ
**ห้องอาหารที่นี่มี 2 ห้องคือห้องอาหาร Sand และ Saffron ซึ่งห้องอาหาร Sand จะเป็นแนวยุโรปส่วน Saffron จะเป็นแนวอาหารไทยฟิวชั่น ซึ่งพนักงานบอกว่า ต้องจองก่อนล่วงหน้าเพราะจะเต็มเร็วมากๆ**
พอเวลา 1 ทุ่มเฟย์ก็เรียกรถบัคกี้เพื่อให้มารับไปทานอาหารที่ห้องอาหาร Sand ค่ะ ขอบอกว่าบรรรยากาศดีมากๆ
อากาศเย็นสบาย ลมไม่แรงจนเกินไป แถมเพิ่มความโรแมนติคด้วยแสงเทียน (ที่ทำให้ไม่ค่อยเห็นอาหารเท่าไหร่ 555)
ช่วงแรกพนักงานจะมาเสริ์ฟ Appitizer ขนมปังอบและกุ้งกับอะไรซักอย่างแต่ก็อร่อยดี ต่อด้วยสปาเกตตี้ Linguini Tomato-Tomato Pine Nut Sauce (700 baht) สเต็กปลาหิมะ Alaskan Snowfish (950 baht), ตบท้ายด้วยของหวาน Dark Chocolate Terrine กับไอศครีมสตอเบอร์รี่เชอเบ็ต (350baht) ตอนแรกนึกว่าอาหารจะเลี่ยนๆแบบยุโรปจ๋าแต่ผิดคาดอาหารรสชาติดีมากๆ ตัวซอสสปาเกตตี้ก็จัดจ้านมีรสเผ็ดนิดๆ ส่วนซอสที่ราดสเต็กปลาหิมะก็อร่อยไม่เบา
ขนมก็รสชาติกลางๆ โดยรวมก็ถือว่าอร่อยใช้ได้ + กับบรรยากาศริมทะเล ทำให้ประทับใจห้องอาหารนี้ไปเลยค่ะ ^___^
วันรุ่งขึ้นหลังจากพักผ่อนให้หายเหนื่อยแล้วก็เตรียมตัวมา Check-out เพื่อจะกลับกรุงเทพ และก็ไม่ลืมที่จะแวะ Banyantree Gallery ที่ Lobby เพื่อซื้อพวกครีมอาบน้ำ โลชั่นทาผิวของโรงแรม ขอบอกว่าหอมมากกกกกกกกก คือดีอ่ะ หอมจริงๆ เพราะครีมอาบน้ำ ยาสระผมของ Amentities ที่บันยันทรีสมุยเตรียมไว้ให้ใช้ เป็นสูตรเฉพาะของบันยันทรีโดยเฉพาะกลิ่น Chammanard หรือกลิ่นดอกชมมนาถ กลิ่นจะเหมือนดอกมะลิ+ใบเตยอ่อนๆ กลิ่นจะหอมเย็นๆสบายๆ ส่วนตัวเฟย์ไม่ค่อยชอบกลิ่นดอกไม้ไทยๆเท่าไหร่ พอมาเจอกลิ่นนี้ โป๊ะเลย!! คือมันหอมเย็นสบายเหมือนอยู่ในทุ่งดอกไม้ เป็นกลิ่นหอมแบบธรรมชาติจริงๆ ก่อนกลับเลยสอยมาซะเกือบยกเซ็ท หมดไป 2,800 บาทซะ 555
หลังจาก Check-out แล้วทางโรงแรมก็จะเรียกรถลีมูซีนของทางโรงแรมไปส่งเราที่สนามบินสมุย ใครไม่อยากรอรถนานก็แจ้งโรงแรมก่อนนะว่าเราจะ Check-out วันไหนเวลาไหน และต้องการรถกี่โมง ทางโรงแรมก็จะได้เตรียมรถไว้ให้ แต่ถ้าใครอยากประหยัดหน่อยก็เรียกแท๊กซี่ขาจรเอาก็ได้ค่ะ (รถลีมูซีนของโรงแรมคิดค่าบริการด้วยนะ ไม่ฟรีจ้า)
พอถึงสนามบินก็จะมีพนักงานของบันยันทรีมาช่วยเข็นกระเป๋าไปเช็คอินให้เรา น่ารักมากๆค่ะ (เลยให้ทิปไปซะเลย)
Local Food
สำหรับใครที่ไม่อยากทานอาหารโรงแรม อยากสัมผัสบรรยากาศริมทะเลสบายๆ อาจจะเลือกร้านอาหารท้องถิ่นรอบๆโรงแรมได้ซึ่งก็มีให้เลือกมากมายค่ะ
** การเดินทางในเกาะสมุยเราสามารถเรียกรถแท๊กซี่เพื่อใช้เป็นพาหนะเดินทาง โดยจะให้ทางโรงแรมเรียกให้หรือจะเรียกเองก็ได้โดยค่าบริการในการเดินทาง ประมาณ 400-500 ต่อเที่ยว ถ้าไปและกลับก็ประมาณ 800-1000 บาทเลยทีเดียว
ถือว่าแพงมากๆ แต่สำหรับคนที่ไม่มีรถส่วนตัวก็คงเลี่ยงไม่ได้ค่ะ***
1. เสบียงเล เป็นอีก 1 ร้านแนะนำที่เวลาถามใครว่าร้านอาหารแถวนี้ที่ไหนอร่อยทุกคนก็มักจะบอกว่าร้านเสบียงเลค่ะ ส่วนตัวถือว่าอาหารรสชาติใช้ได้ ของถือว่าสดและอร่อยพอสมควร ที่เฟย์กินก็จะมีปูนิ่มทอดกระเทียม, กุ้งเผา, ยำเสบียงเล, แกงคั่วเห็ดหลุบ ราคาก็ถือว่าโอเคถ้าเทียบกับร้านอาหารริมทะเลตามสถานที่ท่องเที่ยวแบบนี้ ถ้าอยากกินอาหารทะเลสดๆใกล้ๆโรงแรมลองมาดูที่นี่ก็ไม่เสียหลายค่ะ
2. ครัวชาวบ้าน เป็นอีก 1 ร้านเหมือนกันที่ทุกคนแนะนำให้มากิน แต่พอได้ลองมากินแล้วแบบ
. คือ
ไม่ใช่ว่าคาดหวังเยอะนะคะ ถือว่ารสชาติต่ำกว่ามาตรฐานเลย เริ่มจากใบเหนียงผัดไช่ที่เค็มเอามากๆ เค็มเหมือนน้ำปลาหกใส่ จนต้องให้แม่ครัวทำจานใหม่มาให้ ส่วนปูนิ่มผัดผงกระหรี่ก็รสชาติธรรมดา สุดท้ายมากินทอดมันไข่เค็มนี่สะอึกเลย คือรสชาติของทอดมันกลิ่นมันตุๆแปลกๆ รสชาติมันไม่หวานเหมือนของใหม่ ซึ่งไม่รู้ว่าเป็นที่น้ำมันที่เอามาทอดมันเก่ามากแล้ว หรือตัวทอดมันมันเก่าเก็บกันแน่ สรุปนะไม่ผ่าน ไม่อร่อยอย่างแรง บางคนอาจจะว่าอร่อยดี แต่ไม่ถูกจริตเฟย์มากๆ แถมกินเสร็จมีท้องเสียด้วย ฮือออออ ไม่เอาแล้วไม่กินแล้วที่นี่ บางทีเราอาจจะโชคร้ายก็ได้ค่ะ ที่ไปโป๊ะแตกเจอแม่ครัวคนนี้พอดี น้องขอลาค่า
T^T
และแล้วก็มาถึงบทสรุปสุดท้ายสำหรับการรีวิวบันยันทรีสมุย Ocean View Villa
Cost
- ค่าที่พักคืนละประมาณ 30,000 บาท (พัก 2 คืนค่ะ) (ถ้าพัก 3 คนเพิ่มอีกคืนละ 7000 กว่าบาทค่ะ)
- ค่ารถลีมูซีนของบันยันทรีขามาจากสนามบินและขาไปสนามบินเที่ยวละ 1,450 บาท
- ค่าอาหารที่ห้องอาหาร Sand 2,780 บาท รวมค่าใช้จ่ายทั้งหมด 65,680 บาท
* ทั้งนี้ไม่รวมค่าแท๊กซี่และอาหารพื้นเมืองที่ไปทานกันค่ะ
My comment
ถือว่าเป็นที่พักที่สบายและบรรยากาศดีมากๆ ใครที่อยากพักผ่อนหนีจากโลกที่วุ่นวาย ลองมาพักดูค่ะ ในส่วนของห้องพักก็ทำออกมาได้ละเอียดละออทุกอย่างไม่ว่าจะเป็น Amentities, ห้องอาบน้ำ อ่างน้ำ และเพลงบรรเลงในห้อง ทุกอย่างมันผ่อนคลายจนไม่อยากลุกออกจากห้องไปเล่นทะเลข้างนอกเลย แต่ข้อเสียคือบุฟเฟต์อาหารเช้าที่ถือว่ารสชาติธรรมดาไปหน่อยและไม่หลากหลายเหมือนที่คาดหวังไว้ รวมถึงระยะทางที่ไกลและสูงชันระหว่างห้องพักและ Lobby โรงแรม ทำให้ต้องคอยเรียกรถบัคกี้มาคอยไปรับส่งหลายรอบ แถมทางเดินเท้าและทางเดินรถใช้ทางเดียวกันมีแค่เลนเดียว ทำให้คนเดินเท้าต้องคอยหลีกทางให้รถบัคกี้บ่อยๆ ถ้าถามว่าให้ไปอีกมั้ยคงต้องคิดก่อนเพราะในราคาเท่านี้เพิ่มเงินอีกนิดก็ได้ไปพักที่มัลดีฟส์ละค่ะ
หวังว่า Blog นี้จะเป็นประโยชน์กับทุกๆคนนะคะ ขอบคุณที่ติดตามค่ะ
FayZereta
ติดตามอ่าน blog อื่นๆได้ที่
www.fayzereta.com
www.facebook.com/fayzereta
instagram : @fayzereta
Youtube : fayzereta
เป็นสมาชิกอยู่แล้ว ลงชื่อเข้าใช้ระบบ
ยังไม่ได้เป็นสมาชิก สมัครสมาชิกใหม่
หรือจะลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google หรือ Facebook ก็ได้
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Facebook
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google