` ตำนานสิ่งมีชีวิตลี้ลับทั่วโลก

13 ต.ค. 57 01:45 น. / ดู 2,450 ครั้ง / 9 ความเห็น / 1 ชอบจัง / แชร์
สวัสดีค่ะ วันนี้เราจะมานำเสนอตำนานของสิ่งมีชีวิตลี้ลับ
ที่มีอยู่บนโลกมนุษย์ของเราค่ะ มาๆ เรามาเริ่มกัน
เนสซี (Nessie) หรือ สัตว์ประหลาดล็อกเนสส์ (Loch Ness Monster)



คือสิ่งมีชีวิตลึกลับชนิดหนึ่งที่เชื่อว่าอาศัยอยู่ในทะเลสาบล็อกเนสส์ แคว้นสกอตแลนด์ เชื่อว่ามีรูปร่างคล้ายเพลสสิโอซอรัส (Plesiosaurus)
หรือ อีลาสโมซอรัส (Elasmosaurus) สัตว์เลื้อยคลานที่อาศัยในทะเลยุคเดียวกับไดโนเสาร์ มีผู้อ้างว่าเคยพบเห็นถึงปัจจุบันกว่า 4,000 ครั้ง และมีรูปถ่ายทั้งภาพนิ่งและภาพยนตร์มากมาย โดยเอกสารแรกสุดที่กล่าวถึงเนสซี คือ บันทึกของบาทหลวงเซนต์โคลัมบา เมื่อราว 1,400 ปี ที่แล้ว กล่าวถึงมังกรที่อาศัยอยู่ในทะเลสาบแห่งนี้ และท่านเองก็เคยทำพิธีขับไล่มังกรตัวนี้ด้วย ใน พ.ศ. 2476 (ค.ศ. 1933) ได้มีการตัดถนนผ่านทะเลสาบล็อกเนสส์ จึงมีผู้พบเห็นเนสซีมากขึ้น โดยมีผู้อ้างว่า ขณะเขาขับขี่มอเตอร์ไซค์นั้น เห็นเนสซีขึ้นมาบนบก ไฟจากหน้ารถที่ส่องไปถูกตัวทำให้เห็นว่าเนสซีมีรูปร่างคล้ายเพลสิโอซอรัส




และต่อมาก็ได้มีผู้ถ่ายรูปไว้ได้มากมายทั้งภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหว แต่ทั้งหมดนี้ก็เป็นเพียงเงาตะคุ่ม ๆ หรือคลื่นน้ำที่เคลื่อนไหวบนผิวน้ำเท่านั้น ต่อมา ทางมหาวิทยาลัยเบอร์มิงแฮมได้ทำการค้นคว้าเรื่องนี้อย่างจริงจัง โดยใช้เรือติดสัญญาณโซนาร์หลายลำแล่นไปบนพื้นผิวน้ำ เรียกว่า "ปฏิบัติการดีปสแกน" (Deepscan Operation) ปรากฏว่า โซนาร์ได้สะท้อนถึงเงาของวัตถุบางอย่างขนาดใหญ่ที่กำลังเคลื่อนตัวใต้น้ำ แต่บางคนคิดว่าอาจเป็นเพียงฝูงปลาธรรมดา ๆ

ทุกวันนี้ เรื่องราวของเนสซีก็ยังเป็นเรื่องลึกลับที่เป็นที่สนใจของคนทั้งโลก มีผู้ไปสำรวจและศึกษามากมาย แต่ก็ยังไม่เคยมีผู้ใดได้หลักฐานของเนสซีที่หนักแน่นสักราย อย่างไรก็ตาม ชื่อเสียงของเนสซีก็สร้างรายได้ให้แก่รัฐบาลสกอตแลนด์และชุมนุมใกล้เคียงเนื่องจากมีนักท่องเที่ยวจำนวนมาก


cr. etatae333@cmxseed

ฝากติดตามกันด้วยนะคะ 

กระทู้เก่า
` 10 สวนสนุกร้าง สยองที่สุดในโลก...
แก้ไขล่าสุด 16 ต.ค. 57 19:35 | เลขไอพี : ไม่แสดง

มุมสมาชิก กระทู้ล่าสุดโดย `zs-windmill

แสดงกระทู้ล่าสุดโดยเปิด มุมสมาชิก และเลือกแสดงกระทู้ที่ตั้ง

อ่านต่อ คุณอาจจะสนใจเนื้อหาเหล่านี้ (ความคิดเห็นกระทู้ อยู่ด้านล่าง)

ความคิดเห็น

#1 | queentr. | 13 ต.ค. 57 08:23 น.

ไอพี: ไม่แสดง

#2 | roberts. | 13 ต.ค. 57 09:50 น.

โคตรชอบไอตัวนี้เลย  ลึกลับดี.

เราว่าปัจจุบันมันน่าจะยังไม่สูญพันธ์ุเหมือนพวกไดโนเสาร์นะ

แก้ไขล่าสุด 13 ต.ค. 57 09:52 | ไอพี: ไม่แสดง

#3 | `zs-windmill | 13 ต.ค. 57 13:59 น.

มาต่อๆ กันเลย 

คองกามาโต (Kongamato)



เป็นสัตว์ประหลาดที่กล่าวกันว่ามีรูปร่างคล้ายไดโนเสาร์ชนิดที่บินได้ จำพวก เทอโรซอ (Pterosaur) หรือ เทอราโนดอน (Pteranodon) พบในหนองน้ำทวีปแอฟริกาตอนกลาง

ในปี ค.ศ. 1923 แฟรงก์ เฮช.เมลเเลนด์ (Frank H. Melland) นักเดินทางได้บันทึกไว้ในหนังสือบันทึกการเดินทางเขาชื่อ In Witchbound Africa ถึงสัตว์ประหลาดที่บินได้ที่พบในหนองน้ำว่า เป็นสัตว์ที่ดุร้าย น่ากลัว สามารถโจมตีเรือขนาดเล็กได้ มีลำตัวสีแดง ความยาวเมื่อกางปีกเต็มที่ราว 4-7 ฟุต จากภาพสเก็ตพบว่า มันมีลักษณะคล้ายเทอโรซอ

ในปี ค.ศ. 1956 วิศวกรที่ชื่อ เจ.พี.เอฟ. บราวน์ (J.P.F. Brown) ได้เห็นสิ่งมีชีวิตชนิดหนึ่ง 2 ตัว ที่บินได้ในเวลาราว 6 โมงเช้า ใกล้ทะเลสาบบังวูลู (Bangweulu) ประเทศแซมเบียในปัจจุบัน โดยเขาบอกว่ามันช้า ๆ และเงียบมาก สังเกตว่า ความยาวปีกประมาณ 3 ฟุต หรือ 1 เมตร และมีความยาวหาง 4 1/2 ฟุต หรือ 1.5 เมตร ส่วนหัวมีลักษณะแคบและคล้ายสุนัข




ต่อมาอีกหลายปี มีรายงานจากโรงพยาบาลแถบนั้นถึงการโจมตีของนกต่อมนุษย์ เมื่อได้ถามถึงลักษณะของนกที่โจมตี ผู้ได้รับบาดเจ็บได้อธิบายรูปร่างและพบว่า มีลักษณะคล้ายเทอโรซอ อีกเช่นกัน แต่รูปสเก็ตไม่อาจจะนำออกสู่สาธารณะได้

มีการสันนิษฐานว่า สัตว์ประหลาดบินได้ที่เรียกว่า คองกามาโต นี้ อาจจะเป็นนกหาปลาขนาดใหญ่จำพวกนกกระทุงที่เรียกว่า Saddle-billed Stork (Ephippiorhynchus senegalensis) หรือ Shoebill (Balaeniceps rex) ซึ่งเป็นนกขนาดใหญ่ที่มีกรามแข็งแรง และเป็นนกที่หายากมากชนิดหนึ่งของแอฟริกา





คราเคน (Kraken)



เป็นสัตว์ยักษ์ในตำนานที่ชาวทะเลเหนือหวาดกลัว มักเล่าว่าคล้ายหมึกกระดองขนาดยักษ์ โผล่ขึ้นจากน้ำพรวดเดียวก็สูงกว่าเสากระโดงเรือ ชอบโจมตีเรือเดินสมุทรอย่างกระทันหัน โอบหนวดของมันรัดลำเรือเอาไว้ หนวดที่เหลือมันจะรัดลูกเรือจนกระดูกแหลกเหลว บ้างก็รัดเข้ามาป้อนเข้าปากอันน่ากลัว

คราเคนถูกเล่าขานมานานเท่าใดไม่ปรากฏ แต่บันทึกที่เป็นหลักฐานครั้งแรก มาจากนอร์เวย์ เป็นเรื่องราวที่อ้างถึงสิ่งมีชีวิตขนาดเท่าเกาะ ในหนังสือชื่อ "The Natural History of Norway" ที่เขียนโดยบิชอปแห่งเบอร์เก้น Erik Ludvigsen Pontoppidan ท่านได้บรรยายเกี่ยวกับคราเคนเอาไว้ว่า มันเปรียบเสมือนเกาะลอยน้ำขนาดย่อม ลำตัวยาวถึงครึ่งไมล์




เรื่องราวในช่วงถัดมาเกี่ยวกับคราเคนก็ค่อยๆ ลดขนาดของมันลงเรื่อยๆ ไม่มหึมาโอฬาร แต่ก็ยังมีขนาดยักษ์
นักชีววิทยาเชื่อว่า ที่แท้เป็นหมึกมหึมาชนิดหนึ่ง อยู่ในทะเลลึก และเมื่อตายจะเป็นซากลอยเกยหาด จนชาวประมงพบเห็นและจินตนาการเพิ่มเติมเกินจริง หมึกมหึมามีขนาดใหญ่จริง แต่ไม่เท่าเรื่องเล่าในตำนาน มีซากตัวอย่างที่ยาวเท่าเรือเร็ว และมีหลักฐานจากซาก วาฬสเปิร์ม ว่าวาฬพยายามกินหมึกชนิดนี้ และต่อสู้กัน

ใน พ.ศ. 1930 มีรายงานการโจมตีเรือของหมึกดังกล่าว นักชีววิทยาและผู้ชำนาญการคาดว่า หมึกมหึมา (Giant Squid) โจมตีเพราะเรือมีลักษณะคล้ายปลาวาฬศัตรูของหมึกจนเข้าใจผิด และจากรายงานของผู้ประสบเหตุอ้างว่า หมึกดังกล่าวมีขนาดมหึมา โดยเฉลี่ยประมาณ 100 ฟุต น้ำหนักประมาณ 2-3 ตัน ส่วนมากเกิดกับเรือเดินทะเลที่ข้ามมหาสมุทรแอตแลนติกเท่านั้น

ไอพี: ไม่แสดง

#5 | __meownd | 13 ต.ค. 57 22:20 น.

เราชอบมากเลยเนสซีอ่ะ เราคิดว่ามันอาจจะยังมีอยู่จริงนะ ไม่รู้สิ่

ไอพี: ไม่แสดง

#6 | `Tay-`13``Swifties' | 15 ต.ค. 57 12:14 น.

ช่วยดันค่ะ กระทู้สาระ
https://38.media.tumblr.com/792b564.........kbud8o1_400.gif

แก้ไขล่าสุด 15 ต.ค. 57 12:19 | ไอพี: ไม่แสดง

#7 | queentr. | 15 ต.ค. 57 13:08 น.

เอาอีกค่ะ อัพอีกค่ะ นะคะ

ไอพี: ไม่แสดง

#8 | `zs-windmill | 15 ต.ค. 57 18:21 น.

กล็อบสเตอร์ (globster) หรือบล็อบ



เป็นซากอินทรีย์วัตถุซึ่งถูกซัดขึ้นมาตามชายฝั่งของมหาสมุทรหรือแหล่งน้ำอื่น ลักษณะของกล็อบสเตอร์ก็คือต้องเป็นซากที่ยากจะระบุประเภทได้ว่าเป็นของสัตว์ชนิดใด  คำนี้ถูกใช้เป็นครั้งแรกโดยอีวาน ที. แซนเดอสัน ในปีพ.ศ. 2505 เพื่อใช้เรียกซากลึกลับที่เกยฝั่งทะเลด้านตะวันตกของรัฐแทสเมเนียในปีพ.ศ. 2503 ซึ่งซากนี้ "ไม่มีดวงตา ไม่มีส่วนหัว และไม่มีโครงกระดูก"

ลักษณะของกล็อบสเตอร์มักจะผิดจากลักษณะที่คนทั่วไปคุ้นเคยมากและมักทำให้เป็นข้อถกเถียงแม้ว่านักวิทยาศาสตร์จะสามารถระบุประเภทได้แล้ว กล็อบสเตอร์บางซากจะมีครีบ หนวดระยาง หรือกระดูกที่ทำให้สามารถคาดเดาประเภทได้ แต่บางครั้งก็ไม่มีลักษณะซึ่งสามารถระบุได้เลย กล็อบสเตอร์มักถูกเชื่อมโยงเข้ากับสัตว์ประหลาดในมหาสมุทรจึงเป็นสิ่งที่ผู้ศึกษาสัตว์ลึกลับสนใจกันมาก



กล็อบสเตอร์จำนวนมากได้รับการระบุว่าเป็นซากของหมึกยักษ์ แต่ส่วนใหญ่แล้วต่อมาก็ได้รับการพิสูจน์ว่าเป็นซากของวาฬหรือปลาฉลามขนาดใหญ่ และบางครั้งก็เป็นชั้นไขมันที่หลุดออกจากซากของวาฬที่กำลังเน่า บางซากก็ได้รับการระบุว่าเป็นซากของเพลสซิโอซอร์ที่ต่อมาก็กลับเป็นซากของปลาฉลามบาสกิง แต่ก็มีกล็อบสเตอร์ที่ไม่สามารถระบุประเภทได้ต่อมาถึงปัจจุบันอยู่ด้วย ซึ่งกล็อบสเตอร์บางซากก็ได้เน่าเปื่อย จนไม่อาจพิสูจน์หรือใช้เป็นหลักฐานในการพบสัตว์สายพันธุ์ใหม่ได้



โมเคเล เอ็มเบ็มบี (Mokele mbembe)




ชื่อเรียกของสัตว์ลึกลับขนาดใหญ่ที่พบในหนองน้ำหรือทะเลสาบของทวีปแอฟริกาตอนกลาง ในประเทศสาธารณรัฐคองโก, สาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก, แคเมอรูนและแซมเบีย ที่ ๆ มีแม่น้ำคองโกไหลผ่าน มีรูปร่างคล้ายไดโนเสาร์จำพวกซอโรพอด เช่น บราคิโอซอรัส (Brachiosaurus) หรือ บรอนโตซอรัส (Brontosaurus) โดยชื่อนี้เป็นภาษาลิงกาลามีความหมายว่า ผู้เดียวที่หยุดการไหลของแม่น้ำได้ (one who stops the flow of rivers)

โมเคเล เอ็มเบ็มบี เป็นสัตว์ที่อยู่ในตำนานเล่าขานของชนเผ่าพื้นเมือง เช่น ปิ๊กมี่ ว่าเป็นสัตว์ดุร้าย มักทำร้ายคนหรือสัตว์ที่เข้าใกล้ตัว โดยจะฆ่าให้ถึงตายแต่จะไม่กิน มีรายการการพบเห็นอย่างเป็นทางการครั้งแรกใน ค.ศ. 1766 โดยบาทหลวงที่เข้าไปแผ่ศาสนาในแคเมอรูนชื่อ Lievain Proyart จากนั้นก็มีรายงานการพบเห็นอีกครั้งต่อมาในปี ค.ศ. 1909 โดยนายPaul Gratz ได้บันทึกว่าเขาพบ โมเคลเล เอ็มเบ็มบี ในขณะที่มันว่ายน้ำอยู่ในบึงอย่างสบายอารมณ์ ใกล้กับทะเลสาบ Bangweulu ของประเทศแซมเบีย และเรียกชื่อมันว่า เอ็นซังกา (Nsanga)




จากนั้นก็มีการอ้างว่าพบเห็นอีกหลายครั้ง โดยนักสำรวจหรือนักผจญภัยชาวตะวันตกในอีกหลายปีต่อมา จนกระทั่งในยุค'90 มีปฏิบัติการตามล่าอย่างจริงจังถึง 2 ครั้งใหญ่ รวมทั้งมีการบันทึกภาพได้ด้วยในระยะไกล โดยนักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่น ใน ค.ศ. 1988 และพบสิ่งที่คล้ายรอยเท้า แต่ก็ยังไม่มีใครพบหลักฐานหรือสิ่งที่ยืนยันได้จะ ๆ จริง ๆ แต่พอสรุปรูปร่างและขนาดของโมเคลเล เอ็มเบ็มบี ได้ว่า มีความยาวลำตัว 5-10 เมตร คอยาว 1.6-3.3 เมตร หางยาว 1.6-3.3 เมตร มีผิวสีน้ำตาลแดง ไม่มีเกล็ด กินพืช 2 ชนิดเป็นอาหาร การพบเห็นครั้งสุดท้ายเกิดขึ้นเมื่อเดือนเมษายน ค.ศ. 2000 ในประเทศแคเมอรูน โดยเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่าแคเมอรูน 2 คน กระนั้นชนชาวพื้นเมืองก็กล่าวว่า ในอดีตเคยมีผู้ได้ทานเนื้อมันด้วยแต่ก็นานมาแล้ว จนบุคคลนั้นได้เสียชีวิตไปแล้ว ในความคิดของชาวพื้นเมืองคาดว่า โมเคลเล เอ็มเบ็นบีอาจสูญพันธุ์ไปแล้วก็เป็นได้

เราว่าตัวสุดท้ายเหมือนไดโนเสาร์มากเลย

ไอพี: ไม่แสดง

#9 | .`mqxpenguin- | 18 ต.ค. 57 12:45 น.

อัพ อัพ อัพ อัพ อัพ อัพ อัพ 

ไอพี: ไม่แสดง

แสดงความคิดเห็น

จะต้องเป็นสมาชิกจึงจะแสดงความคิดเห็นได้
เป็นสมาชิกอยู่แล้ว ลงชื่อเข้าใช้ระบบ
ยังไม่ได้เป็นสมาชิก สมัครสมาชิกใหม่
หรือจะลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google หรือ Facebook ก็ได้
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Facebook
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google