Run All Night ( 2015 ) บทวิจารณ์ภาพยนตร์ โดย FallsDownz
15 มี.ค. 58 01:21 น. /
ดู 829 ครั้ง /
0 ความเห็น /
0 ชอบจัง
/
แชร์
Run All Night ( 2015 ) บทวิจารณ์ภาพยนตร์โดย FallsDownz
"พ่อจ๋าช่วยหนูด้วย"
ไม่น่าเชื่อเลยว่า สองเดือนที่แล้วนี้เอง ที่เราเพิ่งจะได้เห็น เลียม นีสัน กลับมาเปิดโหมดพระเจ้าไล่กระทืบชาวบ้านในภาพยนตร์ภาคต่อ Taken 3 อยู่หมาดๆ
รอยเลือดยังไม่ทันจาง เขาก็กลับมาแสดงในภาพยนตร์แอ็คชั่นอย่าง Run All Night ต่อเสียแล้ว เรียกได้ว่าเขาเป็นอีกหนึ่งนักแสดงชายสูงวัยที่ค่อนข้างได้รับความนิยมในตลาดฮอลลีวูดตอนนี้เลยทีเดียว
โดยในภาพยนตร์เรื่องนี้ ลุงเลียมก็ได้กลับมาร่วมงานกับผู้กำกับ โจเม่ โคเลต-เซอร่า อีกครั้งหนึ่ง หลังจากที่เคยร่วมงานกันมาแล้วถึงสามเรื่องตั้งแต่ Unknown ( 2011 ) , Non-Stop ( 2014 ) และล่าสุด Run All Night ในปีนี้
ซึ่งจริงๆแล้ว ตัวผู้กำกับโจเม่ โคเลต-เซอร่า ก็เป็นผู้กำกับภาพยนตร์แอ็คชั่นที่มีฝีมือคนหนึ่งเลยทีเดียว โดยเฉพาะการให้ความสำคัญในการสอดแทรกข้อคิดต่างๆเอาไว้ในฉากแอ็คชั่นอันสนุกตื่นเต้น เช่นการเสียดสีระบบป้องกันประเทศที่มีช่องโหว่ของสหรัฐอเมริกา ในภาพยนตร์ Non-Stop ( 2014 )
ซึ่งแนวทางการกำกับนี้ ดูเหมือนจะเป็นที่หายากขึ้นทุกทีในภาพยนตร์ประเภทนี้ที่สมัยนี้แทบจะหาเนื้อดีจริงๆได้ยาก
Run All Night ( 2015 , โจเม่ โคเลต-เซอร่า ) ว่าด้วยเรื่องราวของ จิมมี่ ( เลียม นีสัน ) นักฆ่ามือฉกาจที่ดันไปฆ่าลูกชายของผู้มีอิทธิพล ( เอ็ด แฮร์รีส ) เข้าให้ การแก้แค้นจึงบังเกิดขึ้น จิมมี่จึงต้องทำทุกวิถีทางในการเอาชีวิตรอดทั้งตัวเขาและลูกชายของเขา ภายในคืนที่แสนโหดนี้ไปให้ได้ !!
สารภาพเลยว่าตอนชมภาพยนตร์เรื่องนี้ ไม่รู้ว่าจะคาดหวังอะไรจากมันดี อาจจะเป็นเพราะว่าเนื่องจากผลงานล่าสุดของลุงเลียมใน Taken 3 เข้าขั้นเลวร้ายจนแทบจะไม่อยากนึก และรวมถึงตัวอย่างภาพยนตร์ที่ดูค่อนข้างจะธรรมดาอีกด้วย
แต่เมื่อได้ชมภาพยนตร์เรื่องนี้จบ ผู้เขียนก็เหมือนจะเริ่มกลับมามีความหวังในตัวภาพยนตร์ของลุงเลียม นีสันอีกครั้ง เพราะ Run All Night เป็นภาพยนตร์ที่น่าประทับใจไม่ใช่น้อยเลยทีเดียว
โดยเฉพาะในด้านการสร้างตัวละครต่างๆ ที่ผู้เขียนบท แบรด อิงเกิลสบี สร้างสรรค์ออกมาได้อย่างยอดเยี่ยมมากๆ เพราะตัวละครทั้งหลายในภาพยนตร์ มีมิติเสมือนมนุษย์จริงๆ ไม่ว่าจะเป็นทัศนะคติ บุคลิก ประสบการณ์ และเหตุผลในการมีตัวตน
ตัวละครเหล่านี้เป็นฟันเฟืองสำคัญที่ทำให้ภาพยนตร์สามารถที่จะเดินไปข้างหน้าได้อย่างไม่ติดขัด
แต่ตัวละครที่ดูจะโดดเด่นเหนือคนอื่นๆ ก็คงจะหนีไม่พ้นตัวละครของสองนักแสดง เลียม นีสัน กับ เอ็ด แฮร์ริส ที่มีสถานะของความเป็นพ่อในภาพยนตร์เหมือนๆกัน แต่กลับต้องมาปะทะกัน และตัวภาพยนตร์ก็นำจุดเด่นนี้มาใช้ได้อย่างยอดเยี่ยม จนทำให้ความสัมพันธ์ของสองตัวละครนี้มันกลายเป็นอะไรที่ช่างน่าติดตามเหลือเกิน ซึ่งส่วนหนึ่งก็ต้องขอชมการแสดงของทั้งคู่ที่ค่อนข้างจะดีทีเดียว
กระทั่งการเล่าเรื่องของผู้กำกับ โจเม่ โคเลต-เซอร่า ก็ตื่นเต้นน่าติดตามอยู่ตลอดเวลา และการให้ความสำคัญต่อเรื่องราวในภาพยนตร์ของเขา ตั้งแต่การเล่าถึงจุดเหมือน จุดแตกต่าง และความสัมพันธ์ของตัวละคร ซึ่งสุดท้ายนำมาสู่ปมขัดแย้งใหญ่ของเรื่อง ก็ทำให้ตัวภาพยนตร์รู้สึกว่ามีอะไรให้คิดตลอดเวลา รวมถึงบทสรุปของเรื่อง ที่นำมาสู่ข้อคิดของภาพยนตร์ซึ่งมีน้ำหนักเหตุผลอันน่าเชื่อถือ ถ้าหากจะมีข้อติถึงการกำกับของเขาซักข้อ ก็คงจะเป็นเรื่องการใช้ข้อแม้ "เอาชีวิตรอดภายในคืนเดียว"ในภาพยนตร์ให้เป็นประโยชน์กว่านี้ เพราะในภาพยนตร์เรื่องนี้ ยังไม่รู้สึกถึงความจำเป็นที่เพียงพอในการนำเงื่อนไขหรือข้อแม้ชุดนี้ออกมาใช้เลย นอกจากมันดูน่าตื่นเต้นดี
สุดท้ายแล้ว Run All Night ก็ไม่ได้เป็นแค่เพียงภาพยนตร์แอ็คชั่นสนุก ตื่นเต้นธรรมดา แต่เป็นภาพยนตร์แอ็คชั่นเนื้อดีอีกด้วย ซึ่งก็ต้องขอชมผู้กำกับ และผู้เขียนบทภาพยนตร์ที่สามารถถ่ายทอดชุดความคิดนี้ออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม
ซึ่งตัวละครต่างๆในภาพยนตร์ก็ทำหน้าที่เป็นฟันเฟืองตัวสำคัญ จนนำมาสู่ชุดความคิดที่พูดถึง ความรักของผู้เป็นพ่อที่มีต่อลูก ไม่ว่าลูกของพวกเขาจะชั่วช้าเลวทราม หรือโกรธเกลียดตนเองเท่าไร คนเป็นพ่อก็พร้อมที่จะให้อภัยและพร้อมที่จะช่วยเหลือลูกของตนเสมอ ถึงแม้ว่านั่นอาจจะต้องแลกมาด้วยชีวิตของพวกเขาก็ตาม..
Final Score : [ B + ]
ถ้าหากท่านชอบบทวิจารณ์ก็อย่าลืมเข้าไปกดไลค์แฟนเพจและอย่าลืมบอกเพื่อนๆต่อไปด้วยนะคร้าบ
https://www.facebook.com/fallsdownzcritic/
http://fallsdownz.blogspot.com/
ไม่น่าเชื่อเลยว่า สองเดือนที่แล้วนี้เอง ที่เราเพิ่งจะได้เห็น เลียม นีสัน กลับมาเปิดโหมดพระเจ้าไล่กระทืบชาวบ้านในภาพยนตร์ภาคต่อ Taken 3 อยู่หมาดๆ
รอยเลือดยังไม่ทันจาง เขาก็กลับมาแสดงในภาพยนตร์แอ็คชั่นอย่าง Run All Night ต่อเสียแล้ว เรียกได้ว่าเขาเป็นอีกหนึ่งนักแสดงชายสูงวัยที่ค่อนข้างได้รับความนิยมในตลาดฮอลลีวูดตอนนี้เลยทีเดียว
โดยในภาพยนตร์เรื่องนี้ ลุงเลียมก็ได้กลับมาร่วมงานกับผู้กำกับ โจเม่ โคเลต-เซอร่า อีกครั้งหนึ่ง หลังจากที่เคยร่วมงานกันมาแล้วถึงสามเรื่องตั้งแต่ Unknown ( 2011 ) , Non-Stop ( 2014 ) และล่าสุด Run All Night ในปีนี้
ซึ่งจริงๆแล้ว ตัวผู้กำกับโจเม่ โคเลต-เซอร่า ก็เป็นผู้กำกับภาพยนตร์แอ็คชั่นที่มีฝีมือคนหนึ่งเลยทีเดียว โดยเฉพาะการให้ความสำคัญในการสอดแทรกข้อคิดต่างๆเอาไว้ในฉากแอ็คชั่นอันสนุกตื่นเต้น เช่นการเสียดสีระบบป้องกันประเทศที่มีช่องโหว่ของสหรัฐอเมริกา ในภาพยนตร์ Non-Stop ( 2014 )
ซึ่งแนวทางการกำกับนี้ ดูเหมือนจะเป็นที่หายากขึ้นทุกทีในภาพยนตร์ประเภทนี้ที่สมัยนี้แทบจะหาเนื้อดีจริงๆได้ยาก
Run All Night ( 2015 , โจเม่ โคเลต-เซอร่า ) ว่าด้วยเรื่องราวของ จิมมี่ ( เลียม นีสัน ) นักฆ่ามือฉกาจที่ดันไปฆ่าลูกชายของผู้มีอิทธิพล ( เอ็ด แฮร์รีส ) เข้าให้ การแก้แค้นจึงบังเกิดขึ้น จิมมี่จึงต้องทำทุกวิถีทางในการเอาชีวิตรอดทั้งตัวเขาและลูกชายของเขา ภายในคืนที่แสนโหดนี้ไปให้ได้ !!
สารภาพเลยว่าตอนชมภาพยนตร์เรื่องนี้ ไม่รู้ว่าจะคาดหวังอะไรจากมันดี อาจจะเป็นเพราะว่าเนื่องจากผลงานล่าสุดของลุงเลียมใน Taken 3 เข้าขั้นเลวร้ายจนแทบจะไม่อยากนึก และรวมถึงตัวอย่างภาพยนตร์ที่ดูค่อนข้างจะธรรมดาอีกด้วย
แต่เมื่อได้ชมภาพยนตร์เรื่องนี้จบ ผู้เขียนก็เหมือนจะเริ่มกลับมามีความหวังในตัวภาพยนตร์ของลุงเลียม นีสันอีกครั้ง เพราะ Run All Night เป็นภาพยนตร์ที่น่าประทับใจไม่ใช่น้อยเลยทีเดียว
โดยเฉพาะในด้านการสร้างตัวละครต่างๆ ที่ผู้เขียนบท แบรด อิงเกิลสบี สร้างสรรค์ออกมาได้อย่างยอดเยี่ยมมากๆ เพราะตัวละครทั้งหลายในภาพยนตร์ มีมิติเสมือนมนุษย์จริงๆ ไม่ว่าจะเป็นทัศนะคติ บุคลิก ประสบการณ์ และเหตุผลในการมีตัวตน
ตัวละครเหล่านี้เป็นฟันเฟืองสำคัญที่ทำให้ภาพยนตร์สามารถที่จะเดินไปข้างหน้าได้อย่างไม่ติดขัด
แต่ตัวละครที่ดูจะโดดเด่นเหนือคนอื่นๆ ก็คงจะหนีไม่พ้นตัวละครของสองนักแสดง เลียม นีสัน กับ เอ็ด แฮร์ริส ที่มีสถานะของความเป็นพ่อในภาพยนตร์เหมือนๆกัน แต่กลับต้องมาปะทะกัน และตัวภาพยนตร์ก็นำจุดเด่นนี้มาใช้ได้อย่างยอดเยี่ยม จนทำให้ความสัมพันธ์ของสองตัวละครนี้มันกลายเป็นอะไรที่ช่างน่าติดตามเหลือเกิน ซึ่งส่วนหนึ่งก็ต้องขอชมการแสดงของทั้งคู่ที่ค่อนข้างจะดีทีเดียว
กระทั่งการเล่าเรื่องของผู้กำกับ โจเม่ โคเลต-เซอร่า ก็ตื่นเต้นน่าติดตามอยู่ตลอดเวลา และการให้ความสำคัญต่อเรื่องราวในภาพยนตร์ของเขา ตั้งแต่การเล่าถึงจุดเหมือน จุดแตกต่าง และความสัมพันธ์ของตัวละคร ซึ่งสุดท้ายนำมาสู่ปมขัดแย้งใหญ่ของเรื่อง ก็ทำให้ตัวภาพยนตร์รู้สึกว่ามีอะไรให้คิดตลอดเวลา รวมถึงบทสรุปของเรื่อง ที่นำมาสู่ข้อคิดของภาพยนตร์ซึ่งมีน้ำหนักเหตุผลอันน่าเชื่อถือ ถ้าหากจะมีข้อติถึงการกำกับของเขาซักข้อ ก็คงจะเป็นเรื่องการใช้ข้อแม้ "เอาชีวิตรอดภายในคืนเดียว"ในภาพยนตร์ให้เป็นประโยชน์กว่านี้ เพราะในภาพยนตร์เรื่องนี้ ยังไม่รู้สึกถึงความจำเป็นที่เพียงพอในการนำเงื่อนไขหรือข้อแม้ชุดนี้ออกมาใช้เลย นอกจากมันดูน่าตื่นเต้นดี
สุดท้ายแล้ว Run All Night ก็ไม่ได้เป็นแค่เพียงภาพยนตร์แอ็คชั่นสนุก ตื่นเต้นธรรมดา แต่เป็นภาพยนตร์แอ็คชั่นเนื้อดีอีกด้วย ซึ่งก็ต้องขอชมผู้กำกับ และผู้เขียนบทภาพยนตร์ที่สามารถถ่ายทอดชุดความคิดนี้ออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม
ซึ่งตัวละครต่างๆในภาพยนตร์ก็ทำหน้าที่เป็นฟันเฟืองตัวสำคัญ จนนำมาสู่ชุดความคิดที่พูดถึง ความรักของผู้เป็นพ่อที่มีต่อลูก ไม่ว่าลูกของพวกเขาจะชั่วช้าเลวทราม หรือโกรธเกลียดตนเองเท่าไร คนเป็นพ่อก็พร้อมที่จะให้อภัยและพร้อมที่จะช่วยเหลือลูกของตนเสมอ ถึงแม้ว่านั่นอาจจะต้องแลกมาด้วยชีวิตของพวกเขาก็ตาม..
Final Score : [ B + ]
ถ้าหากท่านชอบบทวิจารณ์ก็อย่าลืมเข้าไปกดไลค์แฟนเพจและอย่าลืมบอกเพื่อนๆต่อไปด้วยนะคร้าบ
https://www.facebook.com/fallsdownzcritic/
http://fallsdownz.blogspot.com/
เลขไอพี : ไม่แสดง
อ่านต่อ คุณอาจจะสนใจเนื้อหาเหล่านี้ (ความคิดเห็นกระทู้ อยู่ด้านล่าง)
ความคิดเห็น
ยังไม่มีความคิดเห็น
จะต้องเป็นสมาชิกจึงจะแสดงความคิดเห็นได้
เป็นสมาชิกอยู่แล้ว ลงชื่อเข้าใช้ระบบ
ยังไม่ได้เป็นสมาชิก สมัครสมาชิกใหม่
หรือจะลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google หรือ Facebook ก็ได้
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Facebook
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google
เป็นสมาชิกอยู่แล้ว ลงชื่อเข้าใช้ระบบ
ยังไม่ได้เป็นสมาชิก สมัครสมาชิกใหม่
หรือจะลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google หรือ Facebook ก็ได้
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Facebook
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google