ริท มอง โอ๊ค-ก้อง เป็นแบบอย่าง ทำสองบทบาทควบคู่กัน

"ริท - เรืองฤทธิ์ ศิริพานิช" อีกหนึ่งศิลปินที่เลือกทำงานในวงการบันเทิงควบคู่กับการเรียน โดยเจ้าตัวเล่าถึงบทบาทหน้าที่การเป็นนักศึกษาแพทย์ในตอนนี้ว่า "ตอนนี้ก็อยู่ปี 5 ครับ เพิ่งขึ้นปี 5 ได้ประมาณเดือนหนึ่ง ก็หนักขึ้นนะฮะ การเรียนก็หนักขึ้น ความรับผิดชอบเยอะขึ้น เพราะว่าพอเป็นปี 5 ก็จะมีน้องปี 4 ที่จะมาเดินตามเรา มาให้เราสอน ให้เราอะไรอย่างนี้ฮะ ก็จะเหนื่อยขึ้นนิดหนึ่งครับ" เรียกว่าเวลาว่างที่จะมารับงานในวงการบันเทิงก็น้อยลงไปอีก "น้อยลงครับ น้อยลง แต่ก็ชินแล้ว เพราะว่าตารางเรียนมันก็น่าจะพอๆ กันกับตอนอยู่ปี 4 ไงฮะ ก็เริ่มรู้แล้วว่าเราจะทำยังไงถึงจะทำงานได้ กระทบไหม ก็กระทบอยู่นะฮะ เพราะว่าริทจะทำงานแบบเต็มที่ไม่ได้ ต้องทำงานเฉพาะเสาร์อาทิตย์ หรือว่าอะไรที่มันไม่โดนกับเรื่องตารางเรียนจริงๆ ก็ทำให้หลายๆ งานที่เราจะได้ทำก็อาจจะไม่ได้ทำครับ" ถามว่าเสียดายงานที่ติดต่อเข้ามาแต่ต้องปฏิเสธไปบ้างไหม หนุ่มคนนี้บอกว่า "ไม่เสียดายครับ เพราะที่ทำอยู่ทุกวันนี้ ก็คิดว่าดีแล้วครับ เราสามารถเรียนไปด้วย แล้วก็ทำงานได้ระดับหนึ่ง อาจจะไม่เยอะฟู่ฟ่าเหมือนคนอื่นแบบงานแน่นมือ แต่ก็ไม่เป็นไร เพราะเราต้องรู้ว่าหน้าที่หลักของเราจริงๆ คืออะไรครับ หลายๆ คนก็เสียดายแทน ทำไมไม่ทำงาน แต่ว่าส่วนใหญ่เท่าที่ริทเจอคนใกล้ตัว เขาก็เหมือนชื่นชมว่าดีแล้วที่เลือกเรียนหมอต่อนะ เพราะการเป็นหมอก็สามารถช่วยคนได้อีกหลายอย่าง แล้วการที่เราจะทำงานในวงการบันเทิงก็ยังทำได้ แต่ว่าอาจจะต้องเรียนจบก่อน หรืออะไรอย่างนี้ ค่อยทำเต็มที่ละกัน"

ซึ่ง ริท ก็ไม่กล้าคาดเดาว่าในอนาคตถ้าเรียนจบแล้ว ชีวิตจะเลือกทางเดินไหน "คือริทยังไม่กล้ามองไว้ เพราะริทไม่รู้ว่าข้างหน้าจะเรียนหนักแค่ไหน หรือว่าริทจะต้องไปต่อเฉพาะทางเลยไหม หรือว่าริทจะต้องใช้ทุนยังไง ตอนนี้ริทยังไม่รู้ เพราะริทยังไม่ได้คุยกับทางผู้ใหญ่ ทางอาจารย์ ก็เลยรอลุ้นว่าเดี๋ยวให้มันถึงใกล้ๆ เวลาก่อนแล้วกัน แล้วค่อยคิด ตอนนี้คือทำไปตามเท่าที่เราทำได้ก่อนครับ จริงๆ ริทอยากทำสองอย่าง อยากเป็นหมอด้วย แล้วก็อยากทำวงการบันเทิงด้วย คือริทก็มีตัวอย่างให้เห็น อย่าง พี่หมอโอ๊ค (สมิทธิ์ อารยะสกุล) พี่หมอก้อง (สรวิชญ์ สุบุญ) ที่เขาสามารถทำสองอย่างควบคู่กันไป ถ้าเกิดริทเรียนจบมา ริทก็ไม่รู้ริทจะทำได้แบบพี่เขาไหม แต่ริทก็พยายามทำให้ได้ครับ"

งานนี้ว่าที่คุณหมอได้แง้มถึงเรื่องการศึกษาต่อด้านเฉพาะทางมาว่า "จริงๆ มันมีทางเลือกให้ไม่เยอะ เพราะถ้าเรายังอยากจะทำงานวงการอีก จะไปเลือกเรียนสาขาที่ใช้เวลาค่อนข้างเยอะไม่ได้ อย่างที่ริทอยากเป็นจริงๆ คืออายุรแพทย์ แต่อายุรแพทย์เขาเรียกว่าเป็นแบบมหาโหด การที่จะสอบเข้าคือสอบเข้ายากมาก การเรียนก็ยากมาก เพราะว่าเนื้อหาของอายุรแพทย์แทบจะทุกอย่างของการเป็นหมอฮะ แทบจะคลุมทั้งหมด ซึ่งการจะเป็นตรงนั้นต้องใช้เวลาทุ่มเทเยอะ แล้วถ้าเกิดเรายังอยากจะทำงานวงการอีก แล้วเป็นอายุรแพทย์ร่วมก็อาจจะยากนิดหนึ่ง ริทก็เลยว่าถ้าเราจะทำงานวงการต่อ อาจจะเป็นอะไรที่สามารถทำควบคู่ไปได้ แบบพี่หมอโอ๊ค เป็นสกินอะไรอย่างนี้ก็ว่าไป หรือว่าพี่หมอก้อง ซึ่งริทไม่รู้ว่าพี่หมอก้องต่อเฉพาะทางด้านไหน อาจจะเป็นอายุรกรรมทั่วไปอย่างนี้ก็ได้ครับ"