เจเอเอส แอสเซ็ท (มหาชน)” สยายปีก บุกศูนย์การค้าชุมชน ทุ่ม 500 ล้านบาท เปิด “The Jas รามอินทรา” เสริมความแกร่งธุรกิจ

29 พ.ย. 58 20:44 น. / ดู 891 ครั้ง / 1 ความเห็น / 0 ชอบจัง / แชร์
เจเอเอส แอสเซ็ท (มหาชน)” สยายปีก บุกศูนย์การค้าชุมชน ทุ่ม 500 ล้านบาท เปิด “The Jas รามอินทรา” เสริมความแกร่งธุรกิจ 
บริษัท เจเอเอส แอสเซ็ท จำกัด (มหาชน) ผู้ดำเนินธุรกิจการบริหารพื้นที่เช่าภายในศูนย์การค้า และธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์มากว่า 15 ปี  รุกคืบด้วยการเปิดศูนย์การค้าชุมชน สาขาที่ 2  “The Jas รามอินทรา  บนเนื้อที่กว่า 9 ไร่  มีพื้นที่ขายกว่า 12,000 ตร.ม. ริมถนนรามอินทรา-ลาดปลาเค้า เจาะกลุ่มครอบครัว และคนรุ่นใหม่ที่นิยมช็อปสะดวก ใกล้บ้าน โดยรวบรวมร้านค้าแบรนด์ดังไว้มากมาย ทั้งร้านอาหาร ซุปเปอร์มาร์เก็ต ฟิตเนส พร้อมที่จอดรถสะดวกสบายกว่า 350 คัน ด้วยเงินลงทุนกว่า 500 ล้านบาท พร้อมโชว์เจ๋งขายพื้นที่เรียบเกิน 95 เปอร์เซ็นต์ คาดมีผู้ใช้บริการอย่างต่ำ 3,000 คนในวันปกติ และศุกร์-อาทิตย์ 5000 คน  (20 พ.ย. 58 ณ The Jas รามอินทรา )

คุณนงลักษณ์  ลักษณะโภคิน  ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจเอเอส แอสเซ็ท จำกัด (มหาชน)  เผยว่า “จากความสำเร็จในการขยายธุรกิจด้านการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ในรูปแบบศูนย์การค้าชุมชน สาขาแรกที่ The Jas วังหิน  ที่ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี ทางบริษัทฯ จึงได้เปิดตัวศูนย์การค้าชุมชน The Jas สาขาที่ 2 คือ The Jas รามอินทรา เพื่อเป็นเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจ จากประสบการณ์การบริการพื้นที่มากว่า 15 ปี อีกทั้งปัจจุบันได้เป็นบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เชื่อมั่นได้ว่าบริษัทจะขยายธุรกิจให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง และมั่นคง”
ปัจจุบันธุรกิจของบริษัทแบ่งออกเป็น 3 รูปแบบหลัก คือ 1) การบริหารพื้นที่เช่าภายในศูนย์การค้าในส่วนโทรศัพท์เคลื่อนที่และสินค้าเทคโนโลยี ภายใต้ชื่อ    “IT Junction”  2) การพัฒนาและบริหารพื้นที่ในรูปแบบตลาดชุมชน ภายใต้ชื่อ “J Market” และ 3) การพัฒนาและบริหารพื้นที่ในรูปแบบศูนย์การค้าชุมชน ภายใต้ชื่อ “The Jas”  สำหรับการพัฒนาและบริหารพื้นที่ในรูปแบบศูนย์การค้าชุมชน ภายใต้ชื่อ “The Jas”  ในปี 2557 บริษัทเริ่มดำเนินการพัฒนาและบริหารพื้นที่ในรูปแบบศูนย์การค้าชุมชนแห่งแรก ในโครงการ “The Jas    วังหิน” ซึ่งตั้งอยู่บน ถ.ลาดพร้าว-วังหิน เขตลาดพร้าว กรุงเทพฯ  โดยมีขนาดพื้นที่โครงการทั้งหมด 5 ไร่    2 งาน 20 ตารางวา และมีพื้นที่ให้เช่าทั้งหมด ประมาณ 5,750 ตร.ม. (หากไม่รวมพื้นที่ลานโปรโมชั่นและพื้นที่ในลักษณะoutdoor จะเหลือพื้นที่เช่า 4,970 ตร.ม.)  โดยมีผู้เช่าหลัก ได้แก่ Tops Market, Starbucks, Zen, MK Restaurant ซึ่งโครงการดังกล่าวบริษัทเป็นเจ้าของที่ดินสำหรับพัฒนาศูนย์การค้าชุมชนเอง และเปิดให้บริการตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2557  จนล่าสุดบริษัทฯ ได้ขยายการลงทุน สาขาที่ 2  The Jas รามอินทรา ซึ่งตั้งอยู่ที่ ถ.ลาดปลาเค้า เขตบางเขน กรุงเทพฯ 
สำหรับเป้าหมาย ปัจจุบันบริษัทมีพื้นที่เช่ารวมทั้งสิ้นมากกว่า 20,000 ตร.ม. มีสาขารวมทั้ง        3 ธุรกิจอยู่ที่ 49 สาขา โดยบริษัทมีเป้าหมายในการขยายจำนวนพื้นที่เช่าทั้ง 3 รูปแบบ (IT Junction,        J Market และ The Jas)  ให้มากกว่า 100 สาขา ภายใน 5 ปี (ภายในปี 2562) โดยมีวิสัยทัศน์ “มุ่งสู่การเป็นผู้นำด้านการบริหารจัดการพื้นที่เช่าภายในศูนย์การค้า และเป็นนักพัฒนาธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อชุมชนที่น่าอยู่ยิ่งขึ้น”
ด้านรายละเอียด จุดเด่น The Jas รามอินทรา  ตั้งอยู่บริเวณ รามอินทรา กม.2  ลาดปลาเค้า บนที่ดินกว่า 9 ไร่ ใช้พื้นที่ก่อสร้างรวม 28,000 ตารางเมตร พื้นที่ขายกว่า 12,000 ตารางเมตร และที่จอดรถกว่า 350 คัน  (ใหญ่กว่าสาขาวังหินประมาณ 1 เท่าตัว) รองรับกำลังซื้อคนในโซนนี้และผู้สัญจรผ่านไปมา โดยกลุ่มเป้าหมายหลัก อยู่ในระดับกลาง-บน เพราะมีทั้งบ้านเดี่ยวราคาตั้งแต่ยูนิตละกว่า 10 ล้านบาท รวมถึงทาวน์โฮม, คอนโดมิเนียมเกิดใหม่มากมายเกินกว่าสิบโครงการฯ  ปัจจุบันมีผู้จองพื้นที่แล้วกว่า 95% และมั่นใจว่าจะปิดการขายเต็มพื้นที่ทั้งโครงการ 100% ภายในสิ้นปี 2558
The Jas รามอินทรา  เป็นศูนย์การค้าแบบเปิด มีที่จอดรถสะดวกสบายกว่า 350 คัน มีร้านค้า    แบรนด์ดัง ที่สามารถตอบสนองไลฟ์สไตล์กลุ่มเป้าหมายอย่างครบถ้วน โดยมีทั้งร้านอาหาร ,    ซุปเปอร์มาร์เก็ต , ฟิตเนส , โซนบิวตี้ , โซนเอ็ดดูเคชั่น และบริการด้านต่างๆ  อาทิ Starbucks , Maxvalue , Swensens ,ธนาคารกรุงเทพ, Wine connection, MoMo Paradise , Santafe , Mk , Yayoi , Domino Pizza  , Chairman by Chafman , ไก่ย่างพระราม 9 เป็นต้น
ผู้พัฒนาโครงการ บริษัท เจเอเอส แอสเซ็ท จำกัด (มหาชน) เริ่มดำเนินธุรกิจตั้งแต่ปี 2543 จากการเป็นหน่วยงานหนึ่งใน บริษัท เจ มาร์ท จำกัด (มหาชน)  ซึ่งในขณะนั้นเจมาร์ทได้ขยายธุรกิจบริหารพื้นที่เช่าภายในศูนย์การค้าโดยเริ่มเช่าพื้นที่ในส่วนโทรศัพท์เคลื่อนที่และสินค้าเทคโนโลยีในศูนย์การค้าบิ๊กซี  จังหวัดนครปฐม เป็นแห่งแรก ภายใต้ชื่อ  “IT Junction” ต่อมาธุรกิจบริหารพื้นที่เช่าดังกล่าวได้ขยายตัวและเติบโตจนเป็นธุรกิจหลักของบริษัท ต่อมาในปี 2555 และปี 2557 บริษัทได้ขยายธุรกิจไปสู่การพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ในรูปแบบตลาดชุมชนและศูนย์การค้าชุมชน ตามลำดับ
ภายในงานแถลงข่าว คุณนงลักษณ์  ลักษณะโภคิน  ยังได้ปิดตัวทีมบริหาร คุณสุปรีชา อังธีระนุวงศ์ CFO, คุณเอกชัย สุขุมวิทยา CMO  บริษัท เจเอเอส แอสเซ็ท จำกัด (มหาชน) อธิบายเพิ่มเติมถึง แนวทางการทำงานของบริษัทฯ  ยึดหลัก  “มือใหม่ต้องกล้าใช้เท้า” ซึ่งธุรกิจบริษัทฯ มีความน่าสนใจ ดังนี้
- เราวางตัวเองเป็น “ศูนย์การค้าชุมชน” ก่อนจะเปิดให้บริการ ศึกษา ทำโฟกัสกรุ๊ป หลังเปิดก็สร้างกิจกรรมให้คนในชุมชนมีส่วนร่วม ตลาดต้องการอะไรเพิ่มเราเอามาเติม ในตลาดนี้เราเป็นผู้เล่นใหม่ คิดว่าต้องกล้าใช้เท้า เดินสำรวจ ทำแบบสอบถาม ทำโฟกัสกรุ๊ป กว่าสามเดือน เพื่อให้ซัคเซสในทุกจุด
- ไม่ได้โฟกัสเฉพาะในพื้นที่กรุงเทพฯ ขอเป็นพื้นที่ชุมชนหนาแน่น  เพราะจากประสบการณ์บริหารพื้นที่ สองสิ่งที่ทำให้ศูนย์การค้าแบบเปิดประสบความสำเร็จ  คือ ร้านค้าเยอะ เดินทางสะดวก  ลูกค้าเดินทางไม่เกิน 15 นาที (รัศมี 3-5 กิโลเมตร)
- The Jas วังหิน พื้นที่ 5 ไร่ เต็มต่อเนื่อง ทั้งร้านค้าและคนช็อปปิ้ง เรานำประสบการณ์และดีมานด์ตรงนั้น มาพัฒนา The Jas ลาดปลาเค้า ด้วยเนื้อที่กว่า 9 ไร่ มีโซนต่างๆ ครบครัน แบงค์กิ้ง,บิวตี้, เอ็ดยูเคชั่น, เซอร์วิส ฯลฯ รวมถึง ร้านกลางคืน สีสันไนท์ไลฟ์ ซึ่งเป็นที่ต้องการมากสำหรับคนยุคใหม่
- ก่อนหน้านี้ ดำเนินธุรกิจในนามเจมาร์ท  บริหารพื้นที่เช่าให้ผู้ค้ารายย่อยเปิดร้านจำหน่ายโทรศัพท์มือถือ ขยายในบิ๊กซี ปัจจุบันมีกว่าร้อยสาขา มากที่สุดในเมืองไทย ผู้เล่นรายอื่นมีไม่เกิน 6 สาขา
- รายได้ โตจากปีก่อน ไม่น้อยกว่า 20 เปอร์เซ็นต์ ปีที่แล้ว 400 ล้านบาท ครึ่งปีแรกตามเป้า 250 ล้านบาท
- ปัจจุบัน รายได้หลัก เนื่องจากเราทำธุรกิจบริหารพื้นที่เช่าให้ขายโทรศัพท์มือถือมาก่อน ดังนั้น ไอทีจังก์ชั่น  85 เปอร์เซ็นต์  เดอะแจส  11 เปอร์เซ็นต์  และเจมาร์เก็ต 4 เปอร์เซ็นต์ ตั้งเป้าว่าอีก 4 ปีข้างหน้าจัดเปลี่ยนไป ) เป็น  60 /20/ 20 ทั้งนี้ไม่ได้หมายความว่าจะหยุดเติบโตในธุรกิจ แต่คาดว่าตัววอลุ่มจะน้อยกว่า และตั้งเป้าเปิด เดอะแจส ให้ได้อย่างต่ำปีละ 1 สาขา
- ธุรกิจเรามี 3 ประเภท  แต่ละประเภทเรามีคู่แข่ง  ไอทีจังก์ชัน เรามีสาขาเยอะที่สุด เป็นผู้นำ (ผู้เล่นอื่นไม่เกิน 6 ที่) ด้านตลาดกลางคืน และศูนย์การค้าชุมชน เราเป็นน้องใหม่  จึงตองศึกษาดีๆ ก้าวช้าๆ ให้ซัคเซสในแต่ละจุด ทั้งนี้ถ้ารวมแล้วทั้งสามบิสสิเนส  ถือว่าเราเป็นบริษัทฯ ที่ไม่มีคู่แข่ง ไม่มีใครทำทั้งสามโมเดล
- เราทำธุรกิจมีวิชั่น คือ  เพื่อชุมชนที่น่าอยู่ยิ่งขึ้น นอกจากเป็นศูนย์การค้าชุมชนแล้ ว ยังพยายามสร้าง  จุดเรียนรู้ของเด็กและเยาวชน  เปิดโอกาสให้ชุมชนมีส่วนร่วมมากที่สุด เช่น การจัดกิจกรรมประกวดความสามารถต่างๆ , สอนอาหาร นอกจากนี้ยังเชิญหน่วยงานต่างๆ ที่อยู่ในชุมชนเข้ามาเป็นพาร์ทเนอร์ในการทำกิจกรรมร่วมกัน อาทิ กิจกรรมเฉลิมพระเกียรติ 1-5 ธ.ค.


.... กระทู้นี้ย้ายมาจากห้องเบ็ดเตล็ด ...
เลขไอพี : ไม่แสดง | ตั้งกระทู้โดย Windows 10

อ่านต่อ คุณอาจจะสนใจเนื้อหาเหล่านี้ (ความคิดเห็นกระทู้ อยู่ด้านล่าง)

ความคิดเห็น

ยังไม่มีความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็น

จะต้องเป็นสมาชิกจึงจะแสดงความคิดเห็นได้
เป็นสมาชิกอยู่แล้ว ลงชื่อเข้าใช้ระบบ
ยังไม่ได้เป็นสมาชิก สมัครสมาชิกใหม่
หรือจะลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google หรือ Facebook ก็ได้
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Facebook
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google