เว็บท่า16Laoนำที่มาของคำว่า "คว่ำบาตร" หรือ "บอยคอต" มาฝาก
5 พ.ค. 59 09:39 น. /
ดู 473 ครั้ง /
0 ความเห็น /
1 ชอบจัง
/
แชร์
สวัสดีครับวันนี้ทางเว็บท่า16Lao http://co.th.16lao.com/ ขออาสาพาเพื่อนๆไปรู้จักกับที่มาของคำว่า"คว่ำบาตร" หรือ "บอยคอต"กันครับ เผื่อใครๆหลายคนอาจจะยังไม่ทราบกัน เมื่อพูดถึงการ "คว่ำบาตร" หรือ "บอยคอต (Boycott)" นับเป็นเครื่องมือที่ทรงพลังอย่างหนึ่งของผู้บริโภคในการแสดงให้เห็นว่า การปฏิเสธสินค้าหรือบริการชนิดใดชนิดหนึ่งของผู้บริโภคแต่ละคนนั้น เมื่อรวมกันมากๆ เข้าก็สามารถส่งผลสะเทือนถึงบริษัทผู้ผลิต หรือผู้ค้าได้เลยละครับ แต่สำหรับหลายๆคนอาจจะยังไม่รู้ว่าที่ใช้กันอยู่สองคำนี้นั้นมีที่มาที่ไปอย่างไร
สำหรับคนที่ยังไม่ทราบที่มาของคำสองคำนี้ ก็ตามเว็บท่า16Laoไปทำความรู้จักกับที่มาที่ไปของคำว่า"คว่ำบาตร" หรือ "บอยคอต"กันเลยครับ คำว่า "คว่ำบาตร" นั้น มีที่มาจากการที่พระสงฆ์ลงโทษบุคคลผู้มีปรารถนาร้ายต่อพระรัตนตรัยอย่างร้ายแรง ซึ่งมีความผิดอยู่ 8ประการ คือ 1.ขวนขวายเพื่อมิใช่ลาภแก่สงฆ์ 2.ขวนขวายเพื่อมิใช่ประโยชน์แก่สงฆ์ 3.ขวนขวายเพื่อให้พระอยู่ไม่ได้ 4.ด่าว่าเปรียบเปรยภิกษุทั้งหลาย 5.ยุยงให้สงฆ์แตกกัน 6.ตำหนิติเตียนพระพุทธเจ้า 7.ตำหนิติเตียนพระธรรม 8.ตำหนิติเตียนพระสงฆ์ ซึ่งเมื่อฆารวาส ผู้ใดมีพฤติกรรมดังกล่าวมา พระสงฆ์จะประชุมกันแล้วประกาศไม่ให้ภิกษุทั้งหลายคบค้าสมาคมด้วย คือ ไม่รับบิณฑบาต ไม่รับนิมนต์ ไม่รับเครื่องใช้ อาหารหวานคาวที่บุคคลผู้นั้นนำมาถวาย แต่หากต่อมาคนผู้นั้นสำนึกรู้สึกตน กลับมาประพฤติดี คณะสงฆ์ก็จะประกาศเลิก "คว่ำบาตร" ยอมให้ภิกษุทั้งหลายคบค้าสมาคมรับบิณฑบาต รับนิมนต์ รับเครื่องถวายไทยธรรมได้ เรียกว่า "หงายบาตร" เป็นสำนวนคู่กัน ส่วนคำว่า "บอยคอต (Boycott)" ความจริงเป็นนามสกุลของกระทาชายนายหนึ่งซึ่งเป็นคนแรกที่ถูกคว่ำบาตร ไม่คบหาสมาคมด้วย ชายผู้นี้คือ กัปตันชาร์ลส์ คันนิ่งแฮม บอยคอต เหตุที่เขาเป็นคนแรกในโลกที่ถูกบอยคอต ก็เพราะเขาเป็นเจ้าของที่ดินให้เช่ารายใหญ่ในไอร์แลนด์ แต่ว่ากันว่า นายคนนี้โหดสุดๆ ไล่ผู้เช่าที่ดินทำกินออกจากที่อย่างไร้เมตตา ชาวบ้านชาวเมืองรวมทั้งลูกจ้างจึงรวมตัวกันประท้วงไม่ยอมทำงานให้ ไม่ให้ความร่วมมือใดๆ ทั้งสิ้นและไม่คบหาสมาคมกับครอบครัวนี้ เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นตั้งแต่ปี 1880 แล้ว แต่ชื่อของเขาก็ยังถูกนำมาใช้อย่างต่อเนื่องยาวนานจนกลายเป็นศัพท์เฉพาะไปแล้ว การบอยคอตถูกนำมาใช้เป็นอาวุธทั้งในทางการเมืองและในความขัดแย้งทางสีผิว ตัวอย่างการบอยคอตในอดีตที่สำคัญๆ ก็เช่น การที่คนอเมริกันยุคตั้งถิ่นฐานบอยคอตไม่ซื้อสินค้าจากอังกฤษในปี 1765 คนจีนบอยคอตไม่ซื้อสินค้าจากสหรัฐอเมริกาในปี 1905 เพราะชาวอเมริกันปฏิบัติต่อชาวจีนในอเมริกาไม่ดี หรือการที่ชาวอินเดียและลูกศิษย์ลูกหาตลอดจนผู้ติดตามคานธีไม่ซื้อสินค้าอังกฤษ เหล่านี้เป็นต้น
เป็นยังไงบ้างครับสำหรับเกร็ดความรู้ที่ทางเว็บท่า16Lao นำมาฝากเพื่อนๆในวันนี้ หวังว่าคงช่วยทำให้เพื่อนๆที่ยังไม่ทราบที่มาที่ไปของคำสองคำนี้ได้หายสงสัยกันบ้างนะครับผม
สำหรับคนที่ยังไม่ทราบที่มาของคำสองคำนี้ ก็ตามเว็บท่า16Laoไปทำความรู้จักกับที่มาที่ไปของคำว่า"คว่ำบาตร" หรือ "บอยคอต"กันเลยครับ คำว่า "คว่ำบาตร" นั้น มีที่มาจากการที่พระสงฆ์ลงโทษบุคคลผู้มีปรารถนาร้ายต่อพระรัตนตรัยอย่างร้ายแรง ซึ่งมีความผิดอยู่ 8ประการ คือ 1.ขวนขวายเพื่อมิใช่ลาภแก่สงฆ์ 2.ขวนขวายเพื่อมิใช่ประโยชน์แก่สงฆ์ 3.ขวนขวายเพื่อให้พระอยู่ไม่ได้ 4.ด่าว่าเปรียบเปรยภิกษุทั้งหลาย 5.ยุยงให้สงฆ์แตกกัน 6.ตำหนิติเตียนพระพุทธเจ้า 7.ตำหนิติเตียนพระธรรม 8.ตำหนิติเตียนพระสงฆ์ ซึ่งเมื่อฆารวาส ผู้ใดมีพฤติกรรมดังกล่าวมา พระสงฆ์จะประชุมกันแล้วประกาศไม่ให้ภิกษุทั้งหลายคบค้าสมาคมด้วย คือ ไม่รับบิณฑบาต ไม่รับนิมนต์ ไม่รับเครื่องใช้ อาหารหวานคาวที่บุคคลผู้นั้นนำมาถวาย แต่หากต่อมาคนผู้นั้นสำนึกรู้สึกตน กลับมาประพฤติดี คณะสงฆ์ก็จะประกาศเลิก "คว่ำบาตร" ยอมให้ภิกษุทั้งหลายคบค้าสมาคมรับบิณฑบาต รับนิมนต์ รับเครื่องถวายไทยธรรมได้ เรียกว่า "หงายบาตร" เป็นสำนวนคู่กัน ส่วนคำว่า "บอยคอต (Boycott)" ความจริงเป็นนามสกุลของกระทาชายนายหนึ่งซึ่งเป็นคนแรกที่ถูกคว่ำบาตร ไม่คบหาสมาคมด้วย ชายผู้นี้คือ กัปตันชาร์ลส์ คันนิ่งแฮม บอยคอต เหตุที่เขาเป็นคนแรกในโลกที่ถูกบอยคอต ก็เพราะเขาเป็นเจ้าของที่ดินให้เช่ารายใหญ่ในไอร์แลนด์ แต่ว่ากันว่า นายคนนี้โหดสุดๆ ไล่ผู้เช่าที่ดินทำกินออกจากที่อย่างไร้เมตตา ชาวบ้านชาวเมืองรวมทั้งลูกจ้างจึงรวมตัวกันประท้วงไม่ยอมทำงานให้ ไม่ให้ความร่วมมือใดๆ ทั้งสิ้นและไม่คบหาสมาคมกับครอบครัวนี้ เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นตั้งแต่ปี 1880 แล้ว แต่ชื่อของเขาก็ยังถูกนำมาใช้อย่างต่อเนื่องยาวนานจนกลายเป็นศัพท์เฉพาะไปแล้ว การบอยคอตถูกนำมาใช้เป็นอาวุธทั้งในทางการเมืองและในความขัดแย้งทางสีผิว ตัวอย่างการบอยคอตในอดีตที่สำคัญๆ ก็เช่น การที่คนอเมริกันยุคตั้งถิ่นฐานบอยคอตไม่ซื้อสินค้าจากอังกฤษในปี 1765 คนจีนบอยคอตไม่ซื้อสินค้าจากสหรัฐอเมริกาในปี 1905 เพราะชาวอเมริกันปฏิบัติต่อชาวจีนในอเมริกาไม่ดี หรือการที่ชาวอินเดียและลูกศิษย์ลูกหาตลอดจนผู้ติดตามคานธีไม่ซื้อสินค้าอังกฤษ เหล่านี้เป็นต้น
เป็นยังไงบ้างครับสำหรับเกร็ดความรู้ที่ทางเว็บท่า16Lao นำมาฝากเพื่อนๆในวันนี้ หวังว่าคงช่วยทำให้เพื่อนๆที่ยังไม่ทราบที่มาที่ไปของคำสองคำนี้ได้หายสงสัยกันบ้างนะครับผม
เลขไอพี : ไม่แสดง
| ตั้งกระทู้โดย Windows 8.1
อ่านต่อ คุณอาจจะสนใจเนื้อหาเหล่านี้ (ความคิดเห็นกระทู้ อยู่ด้านล่าง)
ความคิดเห็น
ยังไม่มีความคิดเห็น
จะต้องเป็นสมาชิกจึงจะแสดงความคิดเห็นได้
เป็นสมาชิกอยู่แล้ว ลงชื่อเข้าใช้ระบบ
ยังไม่ได้เป็นสมาชิก สมัครสมาชิกใหม่
หรือจะลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google หรือ Facebook ก็ได้
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Facebook
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google
เป็นสมาชิกอยู่แล้ว ลงชื่อเข้าใช้ระบบ
ยังไม่ได้เป็นสมาชิก สมัครสมาชิกใหม่
หรือจะลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google หรือ Facebook ก็ได้
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Facebook
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google