เอิร์น กล่าวคำขอโทษ หลังมีประเด็นนำลูกนั่งตักขับรถ

กลายเป็นประเด็นร้อนเพียงชั่วข้ามคืน เมื่อ "เอิร์น - จิรวรรณ เตชะหรูวิจิตร" ลงคลิปวิดีโอในอินสตาแกรม ในขณะที่ "ดราฟ - ดวงฤทธิ์ เบ็ญจาธิกุล ชัยรุ่งเรือง" สามีกำลังขับรถโดยมี ลูกชาย วัย 2 ขวบ "ดี - ดวงดิช ชัยรุ่งเรือง" นั่งอยู่บนตัก ซึ่งผู้คนต่างเข้าไปแสดงความเห็นเตือนว่าอันตรายทั้งกับเด็กและผู้ใช้ถนน หลังจากเกิดเรื่องนี้ สาวเอิร์นได้ออกมาพูดถึงเหตุการณ์ดังกล่าว พร้อมยกมือไหว้ขอโทษและขอบคุณความเป็นห่วง วอนสังคมช่วยฟังคำชี้แจง

เกิดกระแสในโซเชียลจากการลงคลิปลูกขับรถ
"อย่างที่ชี้แจงไปในโซเชียลในเรื่องของการขับรถก็เป็นการขับรถเล่นปกติ ซึ่งตรงนี้พี่ขอโทษถ้าคลิปที่ออกไปแล้วหลายๆ ท่านอาจจะดูว่ามันไม่เหมาะสม ดูแล้วว่ามันมีอันตรายที่จะเกิดอันตรายทั้งกับตัวน้องเองและสังคม คำเตือนตอนแรกๆ ที่มาจะมาในลักษณะนี้ว่าระวังอันตรายนะคะ ดูขับรถเร็วจัง ซึ่งตรงนี้พี่ก็น้อมรับ แล้วก็ออกมาขอบคุณในช่วงแรกเลยที่ขอบคุณในไอจีของคลิปนั้นเลย ขอบคุณสำหรับความเป็นห่วง แต่ทีนี้เราก็อยากจะให้ทราบว่า ด้วยความเป็นแม่จะทำทุกอย่างที่เกี่ยวกับลูกเราคิดเยอะอยู่แล้ว แต่ว่าในภาพที่มันออกไป มันอาจจะดูไม่สมควรที่จะทำ ซึ่งตรงนี้ก็ต้องขอโทษทุกคนจริงๆ ถ้าทำให้ใครดูแล้วรู้สึกไม่ดี ทำไมทำแบบนี้ ต้องขอโทษจริงๆ แล้วก็อย่างที่พาน้องออกไป" ชี้แจงถึงเรื่องที่เกิดขึ้น
"ประเด็นแรกที่อยากจะพูดก็คือในเรื่องของความเร็ว ในคลิปหลายคนอาจจะดูว่าขับรถเร็ว ซึ่งพี่เองก็ยอมรับและก็ตกใจเองเหมือนกัน เปิดกลับเข้าไปดูในคลิป ก็มีคอมเมนต์มาแต่ว่ายังไม่ได้แรงมาก ไม่เยอะมาก แต่ว่าก็ได้ทราบว่ามีกระทู้สาธารณะที่เริ่มออกไปแล้ว ทีแรกก็แค่ตกใจแล้วก็เปิดเข้าไปดูในคลิป แล้วรู้สึกว่าคำเตือนที่หลายๆ คนพูดดูเร็วจังเลย ระวังอันตรายนะคะมันจริง ดูในคลิปแล้วรู้สึกว่ามันเร็วจริงๆ มันดูว่าขับรถซิ่งเลยล่ะ เร็วมากเกินการควบคุมถ้าเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉินขึ้นมา อันนี้เราเข้าใจ แต่พอเรื่องราวมันเริ่มไปเยอะพี่ก็รู้สึกว่ามันเริ่มคิดเยอะ แล้วก็เริ่มมีความเครียดเข้ามา"

วันนั้นใครเป็นคนขับรถ
"คุณพ่อขับค่ะ (สามีของเอิร์น) สังเกตดีๆ จะเห็นเลย คือต้องออกตัวก่อนว่าพี่ไม่ขับรถมาตั้งแต่มีลูกคนแรก อันนี้สามารถถามคนรอบข้างเอิร์นได้ เวลาไปไหนมาไหนก็จะมีคนขับรถตลอดเนื่องจากว่าพี่นอนกับลูกตลอด แล้วการนอนของเด็กไม่ได้นอนตลอด นอนแล้วก็ตื่น พี่ก็เลยคิดว่ามันจะทำให้ศักยภาพในการขับรถมันไม่เต็มร้อยในการที่จะขับออกไปบนถนน"

เอิร์นเป็นคนถ่ายคลิป
"ใช่ค่ะ นั่งอยู่ข้างๆ กัน"

คาดเข็มขัดนิรภัยอย่างไร
"ตัวน้องจะรัดติดไว้กับคุณพ่ออยู่ ถ้าสังเกตดีๆ จะเห็นมือคุณพ่อที่จับน้องอยู่ เข็มขัดจะอยู่ใต้นั้นนิดหนึ่ง"

ก็คือคาดเข็มขัดแน่นอน
"ใช่ค่ะ แล้วคุณพ่อก็จับไว้อีกทีหนึ่ง"

ความเร็วที่ขับตอนนั้น
"จริงๆ แล้วการขับรถแล่นแล้วถ่ายภาพมันดูเร็วจริงๆ แต่ความเร็วจริงๆ อัตราประมาณ 50 ถึง 60 ค่ะ"

ช่วงเวลาไหน
"สายๆ ค่ะ ประมาณ 11 โมงกว่า"

คนใช้ถนนเยอะไหม 
"ไม่มีค่ะ เพราะว่าเป็นวันธรรมดา วันที่พี่ลงคลิปเป็นวันจันทร์ จะคนเยอะๆ จริงๆ ในซอยประมาณเที่ยงกว่าเหมือนกับว่าออกมาทานข้าว แล้วก็เยอะอีกทีก็จะเป็นช่วงเย็นหลังเลิกเรียน"

กระแสที่เกิดขึ้น แรงสุดที่เราเห็นนี่มันขนาดไหน
"ตรงนี้ไม่ขอพูดดีกว่า พี่อ่านบ้างนะคะ แต่ไม่ได้อ่านทั้งหมด หลายๆ คนก็เตือนว่าอย่าไปอ่าน คือเราเลี้ยงลูกด้วยก็กลัวเราเครียด"

ถึงกับร้องไห้เลยไหม
"ไม่ได้ร้องนะแต่ว่าคิด ก็คิดตามในมุมมองของคนที่คอมเมนต์ว่ามันก็เป็นจริงที่เขาสามารถจะคิดได้"

หลังจากนี้จะไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้อีกหรือเปล่า
"แน่นอน ก็เป็นสิ่งที่สอนตัวเองด้วยว่าจะทำอะไรก็ต้องคิดแล้วคิดอีก คิดเยอะ แน่นอนว่าก็คงไม่ให้เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นอีก"

สามีว่าอย่างไรบ้าง หลังจากที่มีข่าวออกมา
"สามีให้กำลังใจค่ะ เราเป็นพ่อเป็นแม่ สิ่งที่เราทำเราก็คิดว่ามันปลอดภัยที่สุดสำหรับลูก หนึ่งคือเรื่องความเร็ว เราก็ให้อยู่ในระดับที่ปลอดภัยสามารถควบคุมรถได้ถ้าเกิดเหตุฉุกเฉิน ในเรื่องราวอื่นๆ เราก็เต็มที่ในเรื่องความปลอดภัยของลูกอยู่แล้ว สามีก็เตือนในเรื่องของการกระทำอย่างนี้ด้วย เรื่องของโซเชียลด้วย"

ฝากอะไรถึงคนที่ติดตามเรื่องนี้อยู่
"สิ่งแรกเลยก็ต้องขอโทษทุกๆ คนที่เห็นว่าการกระทำนี้ไม่เหมาะสม เอิร์นน้อมรับทุกอย่างในเรื่องของว่าความประมาทอาจจะทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ทุกวินาที แต่ก็อยากให้รับฟังข้อเท็จจริงในบางส่วนที่บางคนอาจจะไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ ไม่ทราบก็เลยจินตนาการไปในอีกทางหนึ่ง อยากจะให้รับฟังในเหตุผลตรงนี้ด้วย แล้วก็อยากจะขอบคุณทุกคนที่ส่งกำลังใจมาให้ทั้งเรื่องห่วงใยในเรื่องระวังความเร็ว เขาเตือนมาเรารู้สึกดี เขาห่วงลูกเราทั้งๆ ที่ไม่เคยรู้จักกัน แต่ว่าเขาเห็นคลิปแล้วเขาก็เป็นห่วงลูก อันนี้คือขอบคุณจริงๆ ที่เป็นห่วงน้อง แล้วก็ขอบคุณกำลังใจที่ส่งมาให้หลังจากที่เกิดเรื่องราว ที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งคือขอบคุณสื่อด้วยให้ความสนใจตรงนี้แล้วก็นำข้อเท็จจริงๆไปเสนอ ขอบคุณสื่อทุกที่ที่เป็นกลางและให้โอกาสเอิร์นด้วยค่ะ"


#เอิร์นจิรวรรณ