'ไข้ซิกา' อีกโรคระบาดจากยุงลาย

โรคไข้ซิกา ที่ตอนนี้เป็นโรคระบาดที่มีการเฝ้าระวังมากที่สุด และหลังจากไข้ซิกาแพร่ระบาดอย่างหนักในประเทศเพื่อนบ้านของเราอย่างประเทศสิงคโปร์ไปแล้ว ตอนนี้ไข้นี้ก็กำลังเข้ามาแพร่ในกรุงเทพฯ เรียบร้อยแล้ว โดยมีผู้ป่วยเป็นไข้ซิกาในกรุงเทพฯ มากกว่า 20 คน แล้ว และหนึ่งในนั้นเป็นหญิงตั้งครรภ์ โดยพื้นที่ที่มีผู้ป่วยโรคนี้มากที่สุดคือเขตสาทร
ไข้ซิก้า เกิดจากอะไร?
ไข้ซิกา มียุงลายเป็นพาหะนำโรค ซึ่งเกิดจากการถูกยุงลายที่มีเชื้อกัด โดยไวรัสซิกาจะใช้เวลาฟักตัวประมาณ 3-12 วัน ส่วนใหญ่จะเกิดการระบาดในประเทศที่มีอากาศร้อนชื้น ยุงที่เ็นพากะเป็นยุงชนิดเดียวกับที่เป็นพากะนำโรคไข้เลือดออก โรคไข้ปวดข้อยุงลาย และไข้เหลือง



อาการของผู้ป่วย
ผู้ป่วยจะมีไข้ มีผื่นแดง ตาแดง และส่วนน้อยที่จะมีอาการอื่นๆ อย่าง อ่อนเพลีย ปวดศรีษะ ท้องร่วง ร่วมด้วย และที่น้อยกว่านั้นคือผู้ป่วยจะมีอาการกล้ามเนื้ออ่อนแรง ปกติโรคนี้จะไม่ร้ายแรง ผู้ป่วยจะหายจากโรคนี้ในระยะเวลา 2-7 วัน แต่สำหรับหญิงตั้งครรภ์แล้ว เชื้อไวรัสซิกาจะส่งผลต่อสมองของเด็กในครรภ์ ทำให้เด็กทารกที่เกิดมาจากคุณแม่ที่ติดเชื้อมีศรีษะเล็ก ซึ่งจะส่งผลต่อพัฒนาการสมองต่อไป ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะพอคุณแม่ได้รับไวรัสซิกา เจ้าไวรัสนี้จะใช้รกหรือสมองของเด็กเป็นบ้าน เพื่อเป็นฐานทัพในการแพร่เชื้อต่อไป


การรักษาโรค
แม้จะยังไม่มียาต้านไวรัสซิกา แต่ผู้ป่วยโรคไข้ซิกาส่วนใหญ่มีอาการไม่รุนแรง จึงสามารถรักษาตัวได้โดยการพักผ่อนให้เพียงพอ ดื่มน้ำมากๆ ที่เหลือก็จะเป็นการรักษาตามอาการ เช่น ใช้ยาลดไข้ หรือยาบรรเทาอาการปวด โดยให้ทานยาพาราเซตามอลห้ามรับประทานยาแอสไพริน หรือยากลุ่มลดอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ (NSAIDs) เพราะมียาบางชนิดที่เป็นอันตรายสำหรับการเป็นโรคนี้ ที่อาจทำให้เลือดออกในอวัยวะภายในได้ง่ายขึ้น หากผู้ป่วยมีอาการรุนแรง ให้ไปพบแพทย์เพื่อวินิจฉัยโรคอย่างละเอียดทันที



การป้องกัน
- ยุงเป็นปัจจัยแพร่เชื้อหลัก จึงต้องระวังตัวไม่ให้โดนยุงกัด โดยการกำจัดแหล่งลูกน้ำยุงลาย ทายากันยุง ใส่เสื้อแขนยาวขายาว ใช้ยากำจัดแมลง นอนในพื้นที่ที่มีการปิดไม่ให้ยุงหรือแมลงเข้ามาได้
- หลีกเลี่ยงการเดินทางไปในประเทศที่มีการระบาดของไข้ซิกา แต่ถ้าต้องไปจริงๆ ก็ให้ป้องกันไม่ให้ถูกยุงกัดตามข้อแรก และสำหรับหญิงตั้งครรภ์ไม่ควรไปเสี่ยงในประเทศที่มีการระบาด