Bob Dylan ชนะรางวัลโนเบลสาขาวรรณกรรม

คนตั้งแต่ยุคคุณพ่อคุณแม่ (หรือสำหรับบางคนอาจจะเป็นยุคคุณตาคุณยาย) มาจนถึงคนยุคเจนเอ็กซ์เจนวายจะต้องเคยได้ยินชื่อ Bob Dylan นักร้อง นักแต่งเพลงชาวอเมริกันมาบ้าง อาจจะลึกจะจะบางตามแต่คน เพราะศิลปินชาวอเมริกันผู้นี้มีผลงานในเส้นทางดนตรีมาเนิ่นนาน นับตั้งแต่ออกอัลบั้ม Bob Dylan ซึ่งเป็นชื่อผลงานเต็มชุดชุดแรกเมื่อปี 1962 และในปัจจุบัน แม้ดีแลนจะค่อนข้างเก็บเนื้อเก็บตัวให้ห่างไกลจากโลกแห่งแสงสีและชื่อเสียง แต่ศิลปินวัย 75 ปีก็ยังคงมีงานในเส้นทางดนตรีอย่างต่อเนื่องไม่หยุดหย่อน ร่วมกับศิลปินยุค 60 คนอื่นๆ ทั้ง Rolling Stones / The Who / Paul McCartney / Neil Young


ชื่อของดีแลนได้ปรากฎบนหน้าหนังสือพิมพ์และสื่อออนไลน์แบบอึกทึกครีกโครมอีกครั้ง เมื่อมีการประกาศว่า รางวัลโนเบลสาขาวรรณกรรมประจำปี 2016 นี้ถูกมอบให้ศิลปินรุ่นเก๋า เล่นเอาใครหลายคนถึงกับเลิกคิ้วสงสัยกันไปเป็นทิวแถว ว่าอะไรที่ทำให้นักร้องข้ามสาขามารับรางวัลสายวรรณกรรมได้ เรื่องนี้ Sara Danius เลขาธิการสมาคมได้ออกมาอธิบายว่า แม้ดีแลนจะสร้างชื่อจากการทำงานสายดนตรี แต่เนื้อหาในเพลง คำที่เขาใช้ เรื่องราวที่เขาร้อง นับได้ว่าสวยงามเปรียบได้ดั่งบทกวี จึงไม่ควรจำกัดความสามารถนี้ของเขาไว้แค่วงการดนตรีเท่านั้น เพราะดีแลนได้นำความสุนทรีย์สู่เรื่องราวโศกนาฎกรรมผ่านภาษาที่เขาใช้ในเพลง ดังนั้นจึงได้มอบรางวัลโนเบลสาขาวรรณกรรมของปีนี้ให้แก่ บ็อบ ดีแลน สำหรับการนำการแสดงออกแบบบทกวีสู่เพลงอเมริกันดั้งเดิม


https://www.youtube.com/watch?v=vWwgrjjIMXA

จากการที่ดีแลนได้รับรางวัลสาขาวรรณกรรม แซงหน้านักเขียนอาชีพหลายคน (Ngugi wa Thiong’o / Don DeLillo / Haruki Murakami) ก็มีหลายฝ่ายแสดงความเห็นด้วย เพราะดีแลนได้ปราณีตสร้างสรรค์บทเพลงออกมาได้อย่างสวยงามจริงๆ แม้ว่าเรื่องที่กำลังร้องถึงจะเป็นเรื่องเศร้า เรื่องจริงจัง และลึกซึ้งเพียงใดก็ตาม แต่ก็มีคนที่ออกมาแสดงความไม่เห็นด้วย แม้ว่าตนจะเป็นแฟนเพลงของดีแลน แต่ก็มองว่าการที่ปีนี้โนเบลมอบรางวัลนี้ให้ดีแลน ก็เหมือนปีที่มอบโนเบลสาขาสันติภาพให้โอบามาเพียงเพราะว่าประธานาธิบดีสหรัฐไม่ประกาศสงครามแบบที่บุชทำ ส่วนตัวดีแลนเองก็ยังไม่ได้ออกมาพูดถึงการได้รับมอบรางวัลครั้งนี้ สำหรับนักเขียนคนอื่นที่เคยได้รับรางวัลโนเบลสาขาวรรณกรรม ที่คนไทยสามารถหาอ่านงานได้ง่ายหน่อยก็อย่างเช่น Hermann Hesse / Ernest Hemingway / John Steinbeck