เฟ้น ไม่ท้อขอทำหน้าที่นักร้องวง พอส อย่างเต็มที่

ด้วยรูปลักษณ์และน้ำเสียงที่ละม้ายคล้ายต้นฉบับอย่าง "โจ้ - อัมรินทร์ เหลืองบริบูรณ์" นักร้องนำวง "พอส" (Pause) จนหลายๆ คนฮือฮากันยกใหญ่กับ "เฟ้น - ประภาพ ตันเจริญ" นักร้องอีกหนึ่งคนของวงที่มารับหน้าที่เติมเต็มให้ พอส สามารถกลับมาได้อีกครั้ง ในเพลงล่าสุด "แค่ได้เป็นคนสุดท้ายที่เธอคิดถึง" พร้อมกับสมาชิกของวงประกอบด้วย "นอ - นรเทพ มาแสง" "เอ - พลกฤษณ์ วิริยานุภาพ" และ "บอส - นิรุจ เดชบุญ" ภายใต้กระแสฮือฮาที่แลกมาด้วยความกดดัน แต่ เฟ้น ขอน้อมรับและทำหน้าที่กับสิ่งที่เขาเรียกว่าความภูมิใจในมุมความคิดต่าง เฟ้น เปิดใจว่า "ตอนแรกผมก็รู้สึกกดดันมากๆ ครับ ที่ผมได้มีโอกาสได้มาทำหน้าที่อยู่ตรงนี้ ยิ่งมีการเปรียบเทียบหรืออะไรหลายอย่างอีกด้วย แต่ผมก็ได้เปลี่ยนความกดดันตรงนั้นให้เป็นแรงผลักดัน เพื่อผมจะได้ทำหน้าที่นักร้องนำอีกคนของวงพอสอย่างเต็มที่ครับ และในความเหมือนที่ทุกคนมองว่าผมเหมือนพี่โจ้ ผมรู้สึกเป็นเกียรติและรู้สึกขอบคุณมากๆ ครับ แต่ทุกคนย่อมเป็นตัวของตัวเอง พี่โจ้คือนักร้องที่ผมชอบมาก เรียกว่าเป็นไอดอลสำหรับผมเลยก็ว่าได้ ส่วนเสียงของผมที่หลายคนพูดว่าเสียงของผมเหมือนพี่โจ้มาก ดัดเสียงหรือร้องเลียนแบบหรือเปล่า ผมขอบคุณอีกครั้งที่ทุกคนได้ยินเสียงของผมแล้วทำให้รู้สึกนึกถึงพี่โจ้ครับ อาจจะมีความคล้ายบ้างเพราะบางสิ่งบางอย่างที่พี่โจ้ได้ถ่ายทอดไว้  ผมชอบผมจึงอยากถ่ายทอดต่อไปอีก"

ในขณะที่ นอ หัวหน้าวงและโปรดิวเซอร์ ได้พูดถึงนักร้องอีกคนหนึ่งของ พอส กับกระแสที่เกินคาดนี้ไว้ว่า "ผมบอกให้เขามองในแง่บวก เพราะโลกเราทุกวันนี้มันไม่เหมือนเมื่อก่อน ในสมัยผมไม่ใช่ว่าทุกคนมีสิทธิ์ออกเสียง เรื่องออกความคิดเห็นมันไม่ใช่เรื่องที่เราจะได้ยิน เพราะมันยังไม่มีอินเตอร์เน็ตแต่สมัยนี้มันมีอินเตอร์เน็ตใครอยากพูดอะไรก็ได้ และคนที่พูดออกมาแล้ว จะรับผิดชอบคำพูดตัวเองมันก็น้อยลง เพราะมันก็พ่นความเห็นกันหมดทุกอย่าง ความเห็นบางคนก็มาจากเด็ก ซึ่งเราก็นำไปทำอะไรต่อไม่ได้ อย่างบางความเห็นก็มาจากคนที่อยู่วงนอก ไม่ได้รู้จริงๆ ว่าข้างในมันเป็นอย่างไร มันก็ไม่มีประโยชน์เช่นกัน คำชมที่โอเวอร์มากๆ ก็ไม่มีประโยชน์เหมือนกัน ตอนนี้เราอยู่กับปัจจุบัน ผมพูดกับเขาว่า ความเหมือนในแง่ดีคือสามารถสวมรอยได้ไม่ยาก แง่เสียคือเขาจะเสียความเป็นตัวของตัวเองหรือเปล่า มันไม่มีต้นไม้ที่โตภายใต้ร่มเงาเดียวกันได้ ถ้าเขาไม่สามารถหลุดจากร่มเงาของคุณโจ้ได้ก็ไม่มีใครจำเขาเหมือนกัน"

นักดนตรีคนเก่งกล่าวต่อ "มันเป็นโจทย์ของเขาที่เขาต้องคิดว่าพอสในยุคของเฟ้นจะเป็นแบบไหน มันไม่ใช่ในยุคของโจ้ เขาจะโตภายใต้ร่มเงาของโจ้ไม่ได้ เขาต้องมีวิธีของเขา เขาต้องมีแฟนเพลงของเขา เขาต้องมีตัวตนและรอยเท้าของเขาที่ไม่ได้ซ้ำกับแบบของโจ้ ซึ่งผมมองว่าเป็นเรื่องยาก เพราะเขามาอยู่วงพอส และโจ้ก็ทำได้ทุกอย่างไว้อย่างสุดยอดทำได้ซักเซสส์ ทีนี้เป็นเรื่องของเฟ้นแล้วล่ะ ผมมีสิทธ์แค่คอยให้กำลังใจและช่วยเหลือ ทีนี้มันเป็นเรื่องของเฟ้นที่จะต้องโตในแบบของตัวเอง ไม่ใช่ร่มเงาของโจ้ ผมว่าเขาก็คงต้องพยายามต่อไป เพราะคำว่าเหมือนก็มีทั้งแง่ดีและแง่ไม่ดี ถ้าแง่ดีคือมันก็สวมต่อได้เลย แต่แง่ไม่ดีคือจะไม่มีใครเห็นเขา ทุกคนจะมองเขาแล้วเห็นโจ้"

#pause