รวมภาพ ดอกดาวเรืองและดอกไม้ต่างๆ ที่พสกนิกรร่วมกันปลูกและจัดทำเพื่อถวายความอาลัยในหลวงรัชกาลที่ 9
25 ต.ค. 60 11:15 น. /
ดู 930 ครั้ง /
0 ความเห็น /
0 ชอบจัง
/
แชร์
หลังจากมีการเชิญชวนให้คนไทยทั้งประเทศร่วมกันปลูกดอกดาวเรืองซึ่งเป็นดอกไม้ประจำรัชกาลที่ 9 ให้สะพรั่งทั้งแผ่นดิน เพื่อเป็นการน้อมถวายความอาลัย พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ในช่วงพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ และในขณะนี้เราจะได้เห็นจากหลายๆ สถานที่ไม่ว่าจะ เป็นบ้านเรือน ห้างร้าน สถานที่ราชการ ต่างก็มีดอกดาวเรืองปลูกอยู่ทุกหนแห่ง นอกจากนี้ภาครัฐและเอกชนร่วมมือกัน ปลูกทุ่งดอกดาวเรืองในจังหวัดต่างๆ รวมถึงงาน ดอกไม้เพื่อพ่อ ที่เปลี่ยนถนนจักรเพชร ปากคลองตลาด เป็นซุ้มดอกไม้ ซึ่งในวันนี้เราจะรวบรวบภาพสถานที่ดังกล่าวมาฝากเพื่อนๆ กัน
โครงการหยาดเหงื่อพระราชา
ที่จัดขึ้นบนพื้นที่กว่า 30 ไร่ ใจกลางกรุงเทพฯ บริเวณถนนรัชดาซอย 8
จุดประสงค์เพื่อหวังว่าพระองค์ท่านจะได้ทรงทอดพระเนตรสวนสวยแห่งความจงรักภักดีนี้จากบนสรวงสวรรค์ เพื่อเป็นการน้อมเสด็จส่งสู่สรวงแทบบาทบงส์องค์ภูมินทร์
ทุ่งดาวเรือง รวมใจภักดิ์
บริเวณเชิงเขาทอง หมู่ 5 ตำบลแก่งเสี้ยน อำเภอเมือง
จังหวัดกาญจนบุรี ที่ปลูกมากกว่า 450,000 ต้น
ดอกดาวเรืองปลูกเรียงเป็นเลข ๙ ล้อมรอบด้วยกอหญ้าแฝก
ที่ศูนย์วิจัยการอนุรักษ์ดินและน้ำปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา
ดอกดาวเรืองหน้าพระเมรุมาศจำลอง จังหวัดยะลา
ดอกดาวเรืองหน้าพระเมรุมาศจำลอง จังหวัดลำปาง
การประดับดอกดาวเรืองบริเวณรอบพระพระเมรุมาศ
ในงานพระราชพิธี ที่จัดโดยสวนนงนุช
มาที่ซุ้ม ดอกไม้เพื่อพ่อ
ที่เหล่าบรรดาพ่อค้าแม่ค้าและจิตอาสา นำดอกไม้จำนวนหลายล้านดอก มาเนรมิตรถนนจักรเพชร ปากคลองตลาด ระยะทาง 400 เมตร ให้เป็นซุ้มดอกไม้ ด้วยกัน 6 ซุ้ม โดยได้รับความร่วมมือในการออกแบบจาก Niralai by Rainforest ประกอบไปด้วย
ซุ้มที่ 1 "คนไทย" (Thais)
อุโมงค์ดอกไม้ที่จัดทำเสมือนผืนผ้าปลิวไสวความยาว 89 เมตร ตามพระชนมพรรษาของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ประดับด้วยดอกไม้สีขาวในส่วนปลายของผืนผ้า แล้วค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีของธงชาติไทย โดยประชาชนจะร่วมกันจุดเทียนเดินผ่านซุ้มผ้าที่ปลิวผืนนี้เพื่อสื่อความหมายถึงพายุลมแรง ที่ไม่ว่าลมพายุหรืออุปสรรคจะรุนแรงแค่ไหน ก็ไม่สามารถดับแสงเทียนแห่งศรัทธาของคนไทยลงไปได้ เพราะมีพระองค์ท่านเป็นศูนย์รวมจิตใจของคนไทยทั้งชาติ ประเทศไทยจึงดำรงอยู่ พ้นจากอุปสรรคใดใดมาได้เสมอมาด้วยความสามัคคีตามคำสอนของพระองค์ท่าน
ซุ้มที่ 2 "สายฝน" (The Rain)
ซุ้มดอกไม้ที่มีแรงบันดาลใจจากภาพดอกบัวในมือของยายตุ้ม จันทนิตย์ ที่เฝ้าอดทนรอรับเสด็จในหลวงรัชกาลที่ 9 จนดอกบัวสายในมือเหี่ยวเฉา เมื่อครั้นที่เสด็จพระราชดำเนินเยี่ยมพสกนิกร จ.นครพนม ในปี พ.ศ.2498 คุณยายไปเฝ้ารอรับเสด็จพร้อมดอกบัวสายสีชมพู ตั้งแต่เช้าจนบ่าย แสงแดดแผดเผาจนดอกบัวสายในมือเหี่ยวโรย แต่หัวใจความจงรักภักดีของหญิงชรากลับไม่เป็นเช่นนั้น เพราะเมื่อพระองค์ท่านเสด็จมาถึง ทรงโน้มพระองค์ลงมาจนพระพักตร์ เกือบชิดกับศีรษะของคุณยาย ทรงแย้มพระสรวลอย่างอ่อนโยน พระหัตถ์แตะมือกร้านคล้ำของคุณยายอย่างนุ่มนวลโดยไม่ถือพระองค์ ดอกบัวที่เหี่ยวเฉาในสายตาคนทั่วไปกลับเป็นดอกบัวที่งดงามในสายตาพระองค์ท่าน ทรงสอนให้เรามองความดีความงามของสรรพสิ่งจากเนื้อใน ไม่ใช่มองเพียงเปลือกนอก ไม่มีใครรู้ว่าทรงกระซิบคำใดกับคุณยาย แต่แน่นอนว่า คุณยายจะไม่มีวันลืม เช่นเดียวกับที่ในหลวงไม่ทรงลืมราษฎรทุกคนของพระองค์โดยไม่เลือกมองเปลือกนอกว่าจะยากดีมีจนชนชั้นใด โดยซุ้มนี้ได้ใช้ดอกบัวจัดเรียงลดหลั่นดุจสายน้ำ และสายฝนโปรยปรายลงมา เปรียบเสมือนน้ำพระทัยของพระองค์ที่เป็นดั่งสายทำให้ดอกบัวที่เหี่ยวเฉากลับกลายเป็นดอกบัวที่บานสะพรั่งในหัวใจคนไทยทั้งประเทศให้ได้ชุ่มฉ่ำตลอดมา
ซุ้มที่ 3 "รอยเท้าพ่อ" (The Imprint)
ซุ้มดอกไม้ที่จัดทำขึ้นเป็นรูปทรงทิวเขาทางภาคเหนือ ประดับด้วยดอกเบญจมาศ ดอกมัม (คริสแซนติมัม) และดอกไม้เมืองหนาวนานาชนิดซึ่งปัจจุบันเป็นดอกไม้เศรษฐกิจของไทย เพื่อสื่อความหมายถึงพระราชกรณียกิจของในหลวงรัชกาลที่ 9 ในการพลิกฟื้นผืนป่าเสื่อมโทรม เปลี่ยนพื้นดินภาคเหนือจากไร่ฝิ่นมาสู่สวนดอกไม้และพืชเมืองหนาว สร้างอาชีพและรายได้ให้กับเกษตรกรชาวเขาได้อยู่ดีกินดี มีความอุดมสมบูรณ์เกิดขึ้นในทั่วทุกผืนป่าของแผ่นดินไทย โดยออกแบบให้บรรยากาศภายในซุ้มค่อยๆเปลี่ยนจากผืนดินที่แห้งแล้งแตกระแหงค่อยๆเปลี่ยนกลายเป็นความสดชื่นของมวลดอกไม้เมืองหนาว เต็มไปด้วยความสุข เพราะรอยพระบาทที่เสด็จไปนั้นได้พลิกฟื้นชีวิตของพสกนิกรให้มีที่ทำกิน มีอาชีพ และมีความสุขทั่วทุกที่บนผืนแผ่นดินไทย
ซุ้มที่ 4 "บ้าน" (Home)
แรงบันดาลใจจากดอกดารารัตน์ (ดอกแดฟโฟดิล) เนื่องจากเป็นดอกไม้ที่ทรงโปรดและทรงมอบให้กับสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถในรัชกาลที่ 9 เมื่อครั้งที่ยังมิได้ราชาภิเษกสมรส ทรงประทับอยู่ที่ปารีส ประเทศฝรั่งเศส ขณะที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ทรงศึกษาและประทับอยู่ที่ สวิสเซอร์แลนด์ หากพอมีเวลาว่างครั้งใด พระองค์ท่านมักจะขับรถยนต์ด้วยพระองค์เอง ข้ามพรมแดนมาเยี่ยมเยียนพระราชินีอยู่เสมอ ทุกครั้งที่เสด็จมา จะมีดอกไม้มาให้เป็นประจำ คือดอกแดฟโฟดิล ซึ่งตามความหมายสากลดอกแดฟโฟดิลนิยมใช้มอบให้แก่คนที่รัก เพื่อบอกว่า ไม่เคยต้องการสิ่งใดตอบแทน ซุ้มดอกไม้จึงออกแบบโดยนำดอกรักมาจัดทำเป็นพวงดอกไม้ขึ้นเป็นรูปทรงของดอกดารารัตน์จำนวน 77 ดอกในภาพแทนแผนที่ประเทศไทย เพื่อสื่อความหมายดุจดั่งความรักของพระองค์ที่มีให้กับคนไทย ทั้ง 77 จังหวัดทั่วประเทศไทยซึ่งเปรียบเสมือน บ้าน ของพระองค์ท่านและคนไทยทุกคน โดยมิได้เคยมีพระประสงค์สิ่งใดตอบแทนเสมอมา
ซุ้มที่ 5 "๙" (King Rama IX)
ซุ้มดอกไม้ที่จัดทำขึ้นด้วยดอกดาวเรืองสีเหลือง ซึ่งเป็นสีประจำรัชกาล รวมทั้งยังเป็นดอกไม้ประจำรัชกาลที่ ๙ ตามความเชื่อของคนไทยดอกดาวเรืองเป็นดอกไม้มงคลที่เชื่อกันว่าจะนำความเจริญรุ่งเรืองมาให้ โดยนำมาเรียงร้อยเป็นม่านระย้าที่จัดชั้นลดหลั่นงดงาม และเมื่อผู้ชมมองจากมุมหน้าตรงของซุ้มประตู จะเห็นเป็นรูปทรงของเลข ๙ ซึ่งเป็นเลขไทยและมีใช้ที่ประเทศไทยเพียงที่เดียวในโลก อันสื่อความหมายของความเป็นไทย อีกทั้งคนไทยยังมีความเชื่อเกี่ยวกับเลข ๙ ว่าหมายถึงความก้าวหน้า เมื่อรวมกับสีเหลืองทองของดอกดาวเรืองนั้นจึงเปรียบเสมือนความรุ่งเรืองของประเทศไทยตลอดรัชสมัยรัชกาลที่ ๙ ของพระองค์
ซุ้มที่ 6 "มณฑารพ" (Montarop)
ซุ้มดอกไม้ที่จัดทำขึ้นเป็นรูปทรงประตูสวรรค์ โดยมีดอกมณฑารพ ดอกไม้ทิพย์ที่ไม่มีในโลกมนุษย์ แต่จะพบได้เฉพาะในสวรรค์ชั้นดาวดึงส์เท่านั้นบานสะพรั่งมากมายอยู่รายรอบ มีความเชื่อว่าครั้งใดมีเหตุการณ์สำคัญมากถึงขั้นที่ทำให้สะเทือนถึงแดนสวรรค์ ดอกมณฑารพก็จะโปรยปรายผ่านแดนทิพย์สู่โลกมนุษย์ ด้านข้างประตูสวรรค์รายล้อมด้วยเทือกเขาดอกไม้สีขาวบริสุทธิ์และช้างเผือกอันเป็นเครื่องเชิดชูเกียรติประดับบารมีของพระมหากษัตริย์เท่านั้น เพื่อสื่อความหมายถึงพระบารมีอันล้นฟ้า และเป็นการส่งเสด็จสู่สวรรคาลัย อันพสกนิกรชาวไทยจะน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณตราบนิจนิรันดร์
โครงการหยาดเหงื่อพระราชา
ที่จัดขึ้นบนพื้นที่กว่า 30 ไร่ ใจกลางกรุงเทพฯ บริเวณถนนรัชดาซอย 8
จุดประสงค์เพื่อหวังว่าพระองค์ท่านจะได้ทรงทอดพระเนตรสวนสวยแห่งความจงรักภักดีนี้จากบนสรวงสวรรค์ เพื่อเป็นการน้อมเสด็จส่งสู่สรวงแทบบาทบงส์องค์ภูมินทร์
ทุ่งดาวเรือง รวมใจภักดิ์
บริเวณเชิงเขาทอง หมู่ 5 ตำบลแก่งเสี้ยน อำเภอเมือง
จังหวัดกาญจนบุรี ที่ปลูกมากกว่า 450,000 ต้น
ดอกดาวเรืองปลูกเรียงเป็นเลข ๙ ล้อมรอบด้วยกอหญ้าแฝก
ที่ศูนย์วิจัยการอนุรักษ์ดินและน้ำปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา
ดอกดาวเรืองหน้าพระเมรุมาศจำลอง จังหวัดยะลา
ดอกดาวเรืองหน้าพระเมรุมาศจำลอง จังหวัดลำปาง
การประดับดอกดาวเรืองบริเวณรอบพระพระเมรุมาศ
ในงานพระราชพิธี ที่จัดโดยสวนนงนุช
มาที่ซุ้ม ดอกไม้เพื่อพ่อ
ที่เหล่าบรรดาพ่อค้าแม่ค้าและจิตอาสา นำดอกไม้จำนวนหลายล้านดอก มาเนรมิตรถนนจักรเพชร ปากคลองตลาด ระยะทาง 400 เมตร ให้เป็นซุ้มดอกไม้ ด้วยกัน 6 ซุ้ม โดยได้รับความร่วมมือในการออกแบบจาก Niralai by Rainforest ประกอบไปด้วย
ซุ้มที่ 1 "คนไทย" (Thais)
อุโมงค์ดอกไม้ที่จัดทำเสมือนผืนผ้าปลิวไสวความยาว 89 เมตร ตามพระชนมพรรษาของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ประดับด้วยดอกไม้สีขาวในส่วนปลายของผืนผ้า แล้วค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีของธงชาติไทย โดยประชาชนจะร่วมกันจุดเทียนเดินผ่านซุ้มผ้าที่ปลิวผืนนี้เพื่อสื่อความหมายถึงพายุลมแรง ที่ไม่ว่าลมพายุหรืออุปสรรคจะรุนแรงแค่ไหน ก็ไม่สามารถดับแสงเทียนแห่งศรัทธาของคนไทยลงไปได้ เพราะมีพระองค์ท่านเป็นศูนย์รวมจิตใจของคนไทยทั้งชาติ ประเทศไทยจึงดำรงอยู่ พ้นจากอุปสรรคใดใดมาได้เสมอมาด้วยความสามัคคีตามคำสอนของพระองค์ท่าน
ซุ้มที่ 2 "สายฝน" (The Rain)
ซุ้มดอกไม้ที่มีแรงบันดาลใจจากภาพดอกบัวในมือของยายตุ้ม จันทนิตย์ ที่เฝ้าอดทนรอรับเสด็จในหลวงรัชกาลที่ 9 จนดอกบัวสายในมือเหี่ยวเฉา เมื่อครั้นที่เสด็จพระราชดำเนินเยี่ยมพสกนิกร จ.นครพนม ในปี พ.ศ.2498 คุณยายไปเฝ้ารอรับเสด็จพร้อมดอกบัวสายสีชมพู ตั้งแต่เช้าจนบ่าย แสงแดดแผดเผาจนดอกบัวสายในมือเหี่ยวโรย แต่หัวใจความจงรักภักดีของหญิงชรากลับไม่เป็นเช่นนั้น เพราะเมื่อพระองค์ท่านเสด็จมาถึง ทรงโน้มพระองค์ลงมาจนพระพักตร์ เกือบชิดกับศีรษะของคุณยาย ทรงแย้มพระสรวลอย่างอ่อนโยน พระหัตถ์แตะมือกร้านคล้ำของคุณยายอย่างนุ่มนวลโดยไม่ถือพระองค์ ดอกบัวที่เหี่ยวเฉาในสายตาคนทั่วไปกลับเป็นดอกบัวที่งดงามในสายตาพระองค์ท่าน ทรงสอนให้เรามองความดีความงามของสรรพสิ่งจากเนื้อใน ไม่ใช่มองเพียงเปลือกนอก ไม่มีใครรู้ว่าทรงกระซิบคำใดกับคุณยาย แต่แน่นอนว่า คุณยายจะไม่มีวันลืม เช่นเดียวกับที่ในหลวงไม่ทรงลืมราษฎรทุกคนของพระองค์โดยไม่เลือกมองเปลือกนอกว่าจะยากดีมีจนชนชั้นใด โดยซุ้มนี้ได้ใช้ดอกบัวจัดเรียงลดหลั่นดุจสายน้ำ และสายฝนโปรยปรายลงมา เปรียบเสมือนน้ำพระทัยของพระองค์ที่เป็นดั่งสายทำให้ดอกบัวที่เหี่ยวเฉากลับกลายเป็นดอกบัวที่บานสะพรั่งในหัวใจคนไทยทั้งประเทศให้ได้ชุ่มฉ่ำตลอดมา
ซุ้มที่ 3 "รอยเท้าพ่อ" (The Imprint)
ซุ้มดอกไม้ที่จัดทำขึ้นเป็นรูปทรงทิวเขาทางภาคเหนือ ประดับด้วยดอกเบญจมาศ ดอกมัม (คริสแซนติมัม) และดอกไม้เมืองหนาวนานาชนิดซึ่งปัจจุบันเป็นดอกไม้เศรษฐกิจของไทย เพื่อสื่อความหมายถึงพระราชกรณียกิจของในหลวงรัชกาลที่ 9 ในการพลิกฟื้นผืนป่าเสื่อมโทรม เปลี่ยนพื้นดินภาคเหนือจากไร่ฝิ่นมาสู่สวนดอกไม้และพืชเมืองหนาว สร้างอาชีพและรายได้ให้กับเกษตรกรชาวเขาได้อยู่ดีกินดี มีความอุดมสมบูรณ์เกิดขึ้นในทั่วทุกผืนป่าของแผ่นดินไทย โดยออกแบบให้บรรยากาศภายในซุ้มค่อยๆเปลี่ยนจากผืนดินที่แห้งแล้งแตกระแหงค่อยๆเปลี่ยนกลายเป็นความสดชื่นของมวลดอกไม้เมืองหนาว เต็มไปด้วยความสุข เพราะรอยพระบาทที่เสด็จไปนั้นได้พลิกฟื้นชีวิตของพสกนิกรให้มีที่ทำกิน มีอาชีพ และมีความสุขทั่วทุกที่บนผืนแผ่นดินไทย
ซุ้มที่ 4 "บ้าน" (Home)
แรงบันดาลใจจากดอกดารารัตน์ (ดอกแดฟโฟดิล) เนื่องจากเป็นดอกไม้ที่ทรงโปรดและทรงมอบให้กับสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถในรัชกาลที่ 9 เมื่อครั้งที่ยังมิได้ราชาภิเษกสมรส ทรงประทับอยู่ที่ปารีส ประเทศฝรั่งเศส ขณะที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ทรงศึกษาและประทับอยู่ที่ สวิสเซอร์แลนด์ หากพอมีเวลาว่างครั้งใด พระองค์ท่านมักจะขับรถยนต์ด้วยพระองค์เอง ข้ามพรมแดนมาเยี่ยมเยียนพระราชินีอยู่เสมอ ทุกครั้งที่เสด็จมา จะมีดอกไม้มาให้เป็นประจำ คือดอกแดฟโฟดิล ซึ่งตามความหมายสากลดอกแดฟโฟดิลนิยมใช้มอบให้แก่คนที่รัก เพื่อบอกว่า ไม่เคยต้องการสิ่งใดตอบแทน ซุ้มดอกไม้จึงออกแบบโดยนำดอกรักมาจัดทำเป็นพวงดอกไม้ขึ้นเป็นรูปทรงของดอกดารารัตน์จำนวน 77 ดอกในภาพแทนแผนที่ประเทศไทย เพื่อสื่อความหมายดุจดั่งความรักของพระองค์ที่มีให้กับคนไทย ทั้ง 77 จังหวัดทั่วประเทศไทยซึ่งเปรียบเสมือน บ้าน ของพระองค์ท่านและคนไทยทุกคน โดยมิได้เคยมีพระประสงค์สิ่งใดตอบแทนเสมอมา
ซุ้มที่ 5 "๙" (King Rama IX)
ซุ้มดอกไม้ที่จัดทำขึ้นด้วยดอกดาวเรืองสีเหลือง ซึ่งเป็นสีประจำรัชกาล รวมทั้งยังเป็นดอกไม้ประจำรัชกาลที่ ๙ ตามความเชื่อของคนไทยดอกดาวเรืองเป็นดอกไม้มงคลที่เชื่อกันว่าจะนำความเจริญรุ่งเรืองมาให้ โดยนำมาเรียงร้อยเป็นม่านระย้าที่จัดชั้นลดหลั่นงดงาม และเมื่อผู้ชมมองจากมุมหน้าตรงของซุ้มประตู จะเห็นเป็นรูปทรงของเลข ๙ ซึ่งเป็นเลขไทยและมีใช้ที่ประเทศไทยเพียงที่เดียวในโลก อันสื่อความหมายของความเป็นไทย อีกทั้งคนไทยยังมีความเชื่อเกี่ยวกับเลข ๙ ว่าหมายถึงความก้าวหน้า เมื่อรวมกับสีเหลืองทองของดอกดาวเรืองนั้นจึงเปรียบเสมือนความรุ่งเรืองของประเทศไทยตลอดรัชสมัยรัชกาลที่ ๙ ของพระองค์
ซุ้มที่ 6 "มณฑารพ" (Montarop)
ซุ้มดอกไม้ที่จัดทำขึ้นเป็นรูปทรงประตูสวรรค์ โดยมีดอกมณฑารพ ดอกไม้ทิพย์ที่ไม่มีในโลกมนุษย์ แต่จะพบได้เฉพาะในสวรรค์ชั้นดาวดึงส์เท่านั้นบานสะพรั่งมากมายอยู่รายรอบ มีความเชื่อว่าครั้งใดมีเหตุการณ์สำคัญมากถึงขั้นที่ทำให้สะเทือนถึงแดนสวรรค์ ดอกมณฑารพก็จะโปรยปรายผ่านแดนทิพย์สู่โลกมนุษย์ ด้านข้างประตูสวรรค์รายล้อมด้วยเทือกเขาดอกไม้สีขาวบริสุทธิ์และช้างเผือกอันเป็นเครื่องเชิดชูเกียรติประดับบารมีของพระมหากษัตริย์เท่านั้น เพื่อสื่อความหมายถึงพระบารมีอันล้นฟ้า และเป็นการส่งเสด็จสู่สวรรคาลัย อันพสกนิกรชาวไทยจะน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณตราบนิจนิรันดร์
ขอบคุณข้อมูล
JS100
Thairath
Kapook
แก้ไขล่าสุด 25 ต.ค. 60 13:07 |
เลขไอพี : ไม่แสดง
| ตั้งกระทู้โดย Windows 7
อ่านต่อ คุณอาจจะสนใจเนื้อหาเหล่านี้ (ความคิดเห็นกระทู้ อยู่ด้านล่าง)
ความคิดเห็น
ยังไม่มีความคิดเห็น
จะต้องเป็นสมาชิกจึงจะแสดงความคิดเห็นได้
เป็นสมาชิกอยู่แล้ว ลงชื่อเข้าใช้ระบบ
ยังไม่ได้เป็นสมาชิก สมัครสมาชิกใหม่
หรือจะลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google หรือ Facebook ก็ได้
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Facebook
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google
เป็นสมาชิกอยู่แล้ว ลงชื่อเข้าใช้ระบบ
ยังไม่ได้เป็นสมาชิก สมัครสมาชิกใหม่
หรือจะลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google หรือ Facebook ก็ได้
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Facebook
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google