จุ๊บแจง หมดความอดทน หย่าขาดสามีนอกใจคบสาวประเภทสอง

2 ส.ค. 61 17:55 น. / ดู 1,398 ครั้ง / 2 ความเห็น / 0 ชอบจัง / แชร์
หลังจากมีกระแสเกี่ยวกับนักแสดงหญิงที่หย่าขาดสามีหลังแต่งงานกันมากว่า 21 ปี เหตุเพราะฝ่ายชายคบกับสาวประเภทสอง งานนี้ทำเอาหลายคนตามหากันยกใหญ่ว่านักแสดงคนนี้เป็นใครกันแน่ และหลายคนก็พุ่งประเด็นไปที่นักแสดงรุ่นใหญ่ "จุ๊บแจง - วิมลพันธ์ ชาลีจังหาญ" หรือ จวง จากละคร "บุพเพสันนิวาส" เพราะคำใบ้หลายอย่างตรงกับตัวเธอมาก ล่าสุดเจ้าตัวออกมาเปิดใจผ่านทางรายการ "คุยแซ่บ Show" พร้อมกับยอมรับว่าเป็นดาราหญิงคนที่สามีแอบนอกใจไปคบสาวประเภทสองจริงๆ
เรื่องราวที่เป็นประเด็นร้อนคือ จุ๊บแจง หรือเปล่า
"ใช่ค่ะ เขาก็หาอยู่ว่าใครกันนะที่ต้องหย่าขาดกับสามีทั้งที่คบกันมา 21 ปี จริงๆ ไม่อยากบอกใคร เพราะเราเป็นผู้หญิง เหมือนหม้ายขันหมาก เหมือนจะแต่งงานแล้ว ที่สำคัญผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายรับรู้แล้ว เราก็รู้สึกว่าสิ่งที่มันเกิดขึ้นมันจะหมุนกลับยังไง"

ตอนนี้หย่าขาดแล้วใช่หรือไม่
"หย่าแล้ว เมื่อวันที่ 30 พฤษภาคมที่ผ่านมา จริงๆ ก่อนหน้านั้นคนที่แบบว่า 20 ปีที่คบกันไม่ใช่ว่าไม่เคยนอกใจ ครั้งแรกเราให้อภัย คือเขาโวยวายขอออกไปอยู่ข้างนอก ซึ่งเรารักเขามาก ทำใจไม่ได้ ลงไปกราบเท้าเขาเลยแล้วกอดเขา บอกว่าจะลืมทุกอย่าง แล้วกลับมาเป็นครอบครัวได้ไหม ชีวิตจริงของเราก็คือฉันที่ต้องประคองครอบครัว ซึ่งพ่อเราเสียไปตั้งแต่มัธยมก็เลยคิดว่าการที่มีแฟนเขาเป็นฮีโร่ของเรา พอถึงวันหนึ่งครอบครัวเราแตกแยก เขาไปมีคนอื่นเรากลับอ้อนวอน พอครั้งที่สองก็เป็นอีก"

ระยะเวลาห่างกันนานไหม
"ก็เฉลี่ยแล้วประมาณ 5-6 ปีครั้ง"

การให้อภัยแล้วกลับมาใช้ชีวิตด้วยกันระหว่างทางนั้นมีความสุขไหม
"ไม่มี ระแวง ระวังมากขึ้น แล้วอะไรที่คิดว่าเราบกพร่อง เราต้องอัปตัวเองขึ้นมา ดูแลเขามากขึ้น ตอนเกิดครั้งแรก ครั้งสองเรารู้สึกว่ามันจะมีครั้งที่สามอีกไหม ระวังตลอด แต่มันก็มีครั้งสามมา"

จับได้แต่ละครั้งเป็นอย่างไร
"คนเรามันรักมันทำอะไรได้ทุกอย่างอยู่แล้ว แต่พอครั้งที่สามมันไม่ไหวจริงๆ มันเป็นอะไรที่แบบผู้หญิงคนหนึ่งรับไม่ได้หรอก ก็อย่างที่ทุกคนสงสัยทำไมครั้งที่สามเราถึงไม่ยอม จะยอมได้ยังไง เพราะว่าครั้งนี้กลายเป็นสาวประเภทสอง เราตกใจ คือเรารับไม่ได้ มันเกิดอะไรขึ้น ตัวเราบกพร่องในหน้าที่ของความเป็นภรรยาหรือเปล่า สิ่งแรกของผู้หญิงต้องคิดอยู่แล้ว คือแรกๆ เขาไม่ได้บอกเรา และเราก็ไม่ได้จับได้ เขาปกติ เพราะน้องคนนี้เป็นเด็กฝึกงาน แล้วเขามีการหยอกล้อพูดคุย คนในช่อง ทีมงานก็รู้หมด แต่เขาไม่ได้บอกเรา เราไปแค่ทำรายการเดียว ทำเสร็จก็กลับก็ไม่ได้คิดอะไร เขาสานสัมพันธ์กันถึงไหนเราก็ไม่รู้ เหตุเกิดคือวันที่ 4 เขาบอกว่าเขาต้องไปดูโลเคชันที่เขาใหญ่ เราก็ถามเขาทำไมต้องไปให้ทีมงานไปก็ได้ เขาก็ขึ้นเสียงฉันจะไปไหนไม่ได้เลยเหรอ ซึ่งวันนั้นเป็นวันที่เราไปรับรางวัลจากละคร บุพเพสันนิวาส คนเต็มเลย แล้วเขาก็ออกไปตั้งแต่ตีห้าครึ่ง เขาก็ไลน์มาบอกว่าถึงรถแล้วเดี๋ยวถึงที่แล้วจะโทรมาบอก แต่เขาก็หายไปเลย เราเลยโทรไปแต่เขาปิดเครื่องตั้งแต่บ่ายสามถึงเที่ยงคืน"

วันนั้นมีความผิดปกติอย่างไรบ้าง
"ผิดสังเกตค่ะ แต่เราคิดไปถึงเรื่องอุบัติเหตุ หรือว่าโทรศัพท์หายหรือเปล่า เราก็เลยบอกแม่ว่าคนหายจะ 24 ชั่วโมงแล้ว ไปแจ้งความไหม แล้วหลังจากเตรียมตัวไปแจ้งความโทรศัพท์ก็เด้งว่าสามารถติดต่อเบอร์นี้ได้แล้ว เราก็โทรไป เขาตัดสายทิ้ง แม่โทรไปตัดสายทิ้ง แล้วไลน์กลับมาบอกว่า ไม่กลับบ้าน 2-3 วันนะ เพราะเขาเครียดเรื่องงาน ขอเคลียร์ตัวเอง ไม่ต้องตามหา นั่นคือเมสเสจเดียวที่เขาให้เรา หลังจากนั้นพี่เหมือนไม่ได้คำตอบอะไร หลังจากนั้นพี่หยิบโทรศัพท์มาดูทุกสิบนาทีว่าเขาอ่านไลน์หรือยัง โทรหาเขา เขาไม่รับ คือคนรอมันทุกข์ทรมานใจ แต่คนไปเขาแฮปปี้ เราก็ไม่รู้เขาไปไหน เราร้องไห้จนไม่มีน้ำตา กินข้าวไม่ได้ แม่ต้องเอาน้ำแดง เอานมมาให้กิน แล้วน้องชายบอกว่านี่โน้ตบุ๊กของอดีตแฟนหรือเปล่า เราบอกใช่ แล้วเปิดดูปรากฏว่าเขาลบตั๋วที่ไปเที่ยวฮ่องกง เราก็ไปกู้ขึ้นมาแล้วมันเป็นวันเดียวกันกับที่เขาหายตัวไป แล้วพักโรงแรมที่เราเคยไปพักด้วยกัน แล้วที่ร้ายที่สุดคือ เขาเอารูปเขาที่คบกับน้องคนนี้ไปแปะไว้ในไฟล์งานต่างๆ มีทั้งรูปกินข้าว เดินเล่น ไปทำกิจกรรมต่างๆ เราเห็นแล้วมือสั่น ร้องไห้ล้มไปเลย"

คนนี้คือคนที่ทำงานกับเขาด้วยใช่ไหม
"เป็นน้องมาฝึกงาน เขาบอกว่ามีน้องมาฝึกงานวันที่ 9 มกราคม ซึ่งพี่กลับมาจากเที่ยวญี่ปุ่นกับเขาวันที่ 7 มกราคม ซึ่งพี่รู้ว่าเขาคบกันเมื่อไรคือเขาเขียนไดอารีถึงกันวันที่ 9 มกราคม เจอกันครั้งแรกชวนมาทำรายการก็เฉยๆ พอวันที่ 11 คิดถึงจนทนไม่ไหว ส่งสติกเกอร์สวัสดีวันพระไปให้ คือเขาไม่เคยมีโมเมนต์แบบนี้กับเรา แล้วคนเป็นแฟนไปอ่านเมสเสจแบบนี้แล้วจะรู้สึกยังไง คือเราจับได้ เรารู้ไฟลต์บิน เราสามารถตามไปที่สนามบินได้ พี่ให้เกียรติเขาเราก็ไม่ไป แล้ววันอาทิตย์เขาก็ไม่ได้กลับบ้าน พอวันจันทร์เขาก็ไปทำงานปกติ ซึ่งเราเป็นพิธีกรอยู่ที่ช่องนั้นเราสามารถไปได้แต่เราไม่ไป เราให้เกียรติเขา เราไม่อยากทำลายเขา เราไม่คิดเลยว่าเขาจะทำเราได้ขนาดนี้ พอเขากลับมาแม่ก็บอกว่าหายไปไหนนี่จุ๊บเข้าโรงพยาบาล เขาก็กินข้าวปกติแล้วก็ขึ้นห้อง"

เหตุการณ์วันที่แตกหักเป็นอย่างไร
"เขาแค่พูดว่าเธอรู้แล้วเหรอว่าฉันไปฮ่องกง เราก็บอกว่าใช่รู้ เราก็ร้องไห้ไปและพูดไปด้วย ที่ผ่านมาเธอหลอกฉันมาตลอดใช่ไหม เขาก็บอกว่าเขาขอโทษ เขาไม่รู้จริงๆ รู้แต่ว่าเขาชอบเด็กคนนี้มาก"

ความรู้สึกเป็นอย่างไรบ้าง
"เอาง่ายๆ เวลาขับรถกลับบ้านเราร้องไห้ทุกครั้ง เวลาพักกองเราก็อยู่ในรถแล้วก็ร้องไห้จนเหมือนคนคิดวนในอ่าง พี่นั่งร้องไห้กับคนที่บ้าน น้องชายมากอดพี่บอกว่า พี่จุ๊บฟังนะ เขาบอกว่า เขาไม่ได้รักพี่แล้ว ครั้งแรกที่เขานอกใจพี่ แล้วพี่ให้โอกาสเขา แล้วเขามีครั้งที่สองก็แสดงว่าเขาหมดรักพี่ไปตั้งแต่ครั้งแรกแล้วพี่เข้าใจไหม พอครั้งที่สองพี่ก็ให้โอกาสเขาอีก พี่ดูแลเขาดีขึ้นไปอีก แต่พอครั้งที่สามเขาเปลี่ยนไปแล้ว พี่เข้าใจไหม"

เป็นคนขอหย่าเองใช่หรือไม่
"ใช่ วันที่หย่า เขาก็จะไม่หย่า เขาบอกว่าเขาขอออกไปอยู่ข้างนอกเดือนสองเดือน เพื่อพิสูจน์อะไรบางอย่าง วันหนึ่งฉันอาจจะมาคุกเข่าขออยู่กับเธอก็ได้ เราก็เลยบอกว่าถ้าไม่หย่าเราจะฟ้องเขาและน้องคนนั้นด้วย"

จริงหรือเปล่าที่อดีตสามีเอากระเป๋าไปขาย
"เราก็ถามหลังเกิดเหตุการณ์ที่เขาหนีไปเที่ยวฮ่องกงว่ากระเป๋าหลุยส์ใบนี้มันหายไปไหนทำไมไม่อยู่ที่บ้าน เขาก็บอกว่าอยู่ออฟฟิศ เราก็ถามเขาว่าพี่เอากระเป๋าจุ๊บไปขายใช่ไหม พี่เอาเงินจองตั๋ว จองที่พักใช่ไหม เขาก็พูดติดตลกว่ากระเป๋าหลุยส์เวลาขายราคามันตกนะ เขาพูดแบบไม่มีอะไรเกิดขึ้น เราก็เลยบอกว่า เฮ้ย ทำไมพี่ทำแบบนี้"

นาทีนั้นที่ได้ยินคำพูดแบบนี้รู้สึกอย่างไร
"มันเจ็บจนแบบไม่รู้จะเจ็บยังไง เราเสียใจนะ คือเราใช้เงินกระเป๋าเดียวกัน เวลาไปกินข้าว เที่ยวต่างประเทศ คือเราจะเป็นคนซัปพอร์ต เพราะเราหาเงินได้มากกว่า แต่เราเสียใจเพราะเงินเดือนเขาไม่เคยมาเลี้ยงข้าวเรา แต่เอาไปเลี้ยงน้องคนนั้น เอาไปซื้อของ พาไปนู่นนี่นั่น เราเลยรู้สึกว่ามันไม่แฟร์สำหรับเราเลย ก็เลยถามเขาว่าเธอทำแบบนี้มันทำร้ายจิตใจเรามากๆ แล้วปรากฏว่าเราเคยซื้อนาฬิกาโรเล็กซ์ให้เขาเป็นของขวัญวันเกิด ความที่เขาเอากระเป๋าไปขาย เราก็กลัวว่าเขาจะเอานาฬิกาไปขายด้วย เราก็เลยเอานาฬิกาโรเล็กซ์ของปลอมไปเปลี่ยนแล้วเอาของจริงไปเก็บไว้กับแม่ แล้ววันหนึ่งเขาก็มาบอกว่าเธอมาเปลี่ยนนาฬิกาโรเล็กซ์ฉันทำไม ฉันนี่โง่จริงๆ อยู่กับเธอมาไม่มีอะไรเลย เขาพูดแบบนี้แล้วทุบนาฬิกาโรเล็กซ์ปลอมแล้วส่งรูปมาให้เรา"

เขาเอาของไปขายเป็นมูลค่าเท่าไร
"จริงๆ นาฬิกาโรเล็กซ์เขายังไม่ได้ไปขายเพราะพี่เปลี่ยนก่อน แต่พี่ว่าน่าจะได้ประมาณหลักหมื่นอยู่แล้ว แต่ก็มีอยู่กรณีหนึ่งที่ไปดูเงินในบัญชี แล้วเงินหายไปแล้วมันไม่มีข้อความอะไรเลย เราก็ไปเช็กที่ธนาคาร เขาก็บอกว่าโอนตอนตี 2-3 เข้าบัญชีนี้ ก็คือบัญชีของแฟน เราก็ถามว่ายังไง ถ้าไม่ไปแบงค์จะรู้ไหมว่าโอนเงินไป เขาบอกว่าเขาต้องใช้เงิน แล้วตื่นแต่เช้า แล้วเราก็ถามว่าทำไมพี่ลบข้อความ เขาก็บอกว่ากลัวรกเครื่องจุ๊บ"

ถ้าอดีตสามีมาขอคืนดี จะคืนดีไหม
"คงไม่แล้ว เพราะว่าช่วงระยะเวลาก่อนที่เขาทำหรือหลังทำไปแล้ว และเขาเยียวยาจิตใจเรา อาจไม่แน่คือจะลืมทุกอย่าง แต่เขายืนยันจะออกไปใช้ชีวิตที่เหลือ เราก็เคารพในการตัดสินใจของเขา เพราะฉะนั้นเขาก็ต้องเคารพในการตัดสินใจของเรา"

ทุกวันนี้พร้อมจะอโหสิให้เขาทั้งสองคนไหม
"ทุกวันนี้ทำบุญเยอะมากตั้งแต่จับได้ ก็ 20 ปี ชาติที่แล้วเราอาจจะทำเวรทำกรรมกับเขาไว้เยอะ ก็พยายามทำบุญเยอะๆ ให้เขามีชีวิตที่ดีกับชีวิตคู่ใหม่ที่เขาเลือก ตัวเราเองก็ขอให้มีสิ่งดีๆ เข้ามาในชีวิต"
แก้ไขล่าสุด 2 ส.ค. 61 17:58 | เลขไอพี : ไม่แสดง | ตั้งกระทู้โดย Windows 10

อ่านต่อ คุณอาจจะสนใจเนื้อหาเหล่านี้ (ความคิดเห็นกระทู้ อยู่ด้านล่าง)

ความคิดเห็น

#1 | sz415429 | 3 ส.ค. 61 22:24 น.

ไอพี: ไม่แสดง | โดย Windows 10

#2 | sunday7 | 7 ส.ค. 61 10:50 น.

ไอพี: ไม่แสดง | โดย Windows 8.1

แสดงความคิดเห็น

จะต้องเป็นสมาชิกจึงจะแสดงความคิดเห็นได้
เป็นสมาชิกอยู่แล้ว ลงชื่อเข้าใช้ระบบ
ยังไม่ได้เป็นสมาชิก สมัครสมาชิกใหม่
หรือจะลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google หรือ Facebook ก็ได้
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Facebook
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google