กี่พันตะกอ ทอไหมทองที่ท่าสว่าง - บ้านท่าสว่าง จ.สุรินทร์
advertisement
12 ต.ค. 61 13:05 น. /
ดู 568 ครั้ง /
0 ความเห็น /
0 ชอบจัง
/
แชร์
เมื่อพูดถึงแบรนด์อันเลอค่าด้วยประวัติศาสตร์ ซึ่งมีการออกแบบและเป็นงานแฮนด์เมดที่มีความวิจิตรตระการตาและคู่ควรกับราคาอันสูงลิ่วที่จะยิ่งทวีคูณเมื่อเวลาผ่านไป หลายคนคงนึกถึงชุดโอต์ กูตูร์ จากห้องเสื้อฝรั่งเศส หรือกระเป๋าหนังลูกวัวในท้องจระเข้ โดยหารู้ไม่ว่า แบรนด์เนมระดับนี้ มีอยู่ที่บ้านท่าสว่าง ในจังหวัดสุรินทร์ของไทยนี่เอง
"จันทร์โสมา" คือชื่อของแบรนด์ที่ก่อตั้งโดย อาจารย์วีรธรรม ตระกูลเงินไทย ผู้ซึ่งถือกำเนิดในตระกูลช่างทอผ้าที่สืบทอดวิชาการปลูกหม่อน เลี้ยงไหม สาวไหม ย้อมสีธรรมชาติ และทอเป็นผืนผ้ามาหลายชั่วอายุคน โดยมีจุดเด่นพิเศษกว่าที่อื่น ตรง "ไหมน้อย" ที่ละเอียดนุ่มนวล สาวและทอได้ยากยิ่ง จนเริ่มจะเลือนหายไป แทบไม่มีใครทราบว่าช่างที่นี่ทอไหมน้อยได้จนกระทั่งสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9 ทรงมีพระราชปรารภว่า "สมัยก่อนผ้าไหมไทยมีความนุ่ม เนียน แน่น มาก ทำอย่างไรจึงจะได้ผ้าชนิดนั้นคืนกลับมา" เหล่าข้าราชบริพารก็ออกเสาะหา จนได้พบผ้าทอไหมน้อยที่ท่าสว่าง เมื่อทอขึ้นทูลเกล้าฯ ถวาย เป็นที่พอพระทัย จึงพระราชทานเงินส่วนพระองค์ สร้างโรงทอผ้าตามรูปแบบราชสำนักโบราณขึ้นที่บ้านท่าสว่างแห่งนี้
การทอไหมน้อยยากอย่างไร เริ่มตั้งแต่สาวไหมเส้นละเอียดมาฟอก ต้มแล้วย้อมสีธรรมชาติด้วยแม่สีหลักสามสี คือ สีแดงจากครั่ง สีเหลืองจากแก่นแกแล และสีครามจากเมล็ดคราม ซึ่งสีครามนี้ย้อมได้ยาก สมัยก่อนต้องไปย้อมที่บ้านหมอคราม และวิชาก็สูญไปหมด ต้องทดลองฟื้นฟูกันขึ้นมาใหม่ เมื่อได้เส้นไหมย้อมสีแล้ว ยังต้องทำไหมทอง ปั่นเส้นด้ายควบกับเส้นเงินแท้ เพื่อทอเป็นผ้ายกทอง
ด้วยลวดลายที่ซับซ้อน จึงต้องใช้ตะกอจำนวนมาก ตั้งแต่ร้อยถึงเป็นพัน ผ้าไหมน้อยยกทองผืนงามที่สุดใช้ถึง 1,416 ตะกอ แขวนลงมาบนกี่ทอหลังใหญ่ที่ออกแบบพิเศษ ต้องขุดหลุมบริเวณที่ตั้งกี่ลึกลงไป 2-3 เมตร เพื่อรองรับความยาวของตะกอ มีช่างทอคนหนึ่งอยู่ในหลุม คอยสอดตะกอ ใช้ช่างทอถึง 4 คนต่อหนึ่งผืน ทอได้วันละ 4-5 เซนติเมตร ใช้เวลานานกว่าจะออกมาเป็นลวดลายอย่างราชสำนักประยุกต์ มาเป็นลายเทพนม ลายหิ่งห้อยชมสวน ลายก้านขดเต้นรำ ลายครุฑยุดนาค ผสานกับลายผ้าพื้นเมืองสุรินทร์
ผลงานผ้าไหมยกทองบ้านท่าสว่าง สร้างชื่อระดับนานาชาติ เมื่อได้รับเลือกเป็นผ้าตัดเสื้อและทำผ้าคลุมไหล่ให้กับผู้นำและคู่สมรส เมื่อครั้งไทยเป็นเจ้าภาพการประชุมสุดยอดผู้นำเอเปค เมื่อปี พ.ศ. 2546 ได้รับความไว้วางใจจัดทำผ้าคลุมพระอังสาสำหรับพระราชอาคันตุกะที่เสด็จมาร่วมงานพระราชพิธีมหามงคล เนื่องในโอกาสที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงครองราชสมบัติครบ 60 ปี ตลอดจนการทอผ้าสำหรับเครื่องแต่งกายในโครงการ "โขนพระราชทาน ศาสตร์และศิลป์ของแผ่นดิน" เฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9
ด้วยชื่อเสียงและความมหัศจรรย์ของผ้ายกทองจันทร์โสมา บ้านท่าสว่าง จึงมีแขกมาเยือนมากมาย ที่นี่มีบ้านพักรับรองแบบ โฮมสเตย์ สะดวกสบายไว้สำหรับผู้ที่ต้องการใช้เวลาศึกษาใกล้ชิด และถึงจะเป็นแบรนด์เนมไฮเอนด์ ก็ไม่ต้องกลัวว่า ราคาจะสูงเกินเอื้อมจนต้องกลับบ้านมือเปล่า ผ้าไหมบ้านท่าสว่าง เนื้อละเอียดนุ่มแน่นชนิดจับต้องได้และใช้ในชีวิตประจำวันก็มีให้เลือก นอกจากนี้ยังมีชุดไทยงดงามไว้ให้เช่าสำหรับเจ้าสาวและงานพิธีสำคัญด้วย
บ้านท่าสว่าง อยู่ห่างจากตัวเมืองสุรินทร์ไปทางทิศเหนือ 10 กิโลเมตร ใช้ถนนสายเกาะลอย-เมืองลิง (ทางหลวงชนบท สร.4026) สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม
- กลุ่มทอผ้ายกทอง จันทร์โสมา บ้านท่าสว่าง โทร. 089-202-7009, 04-455-8489-90
- บริการที่พักแบบโฮมสเตย์ คุณสุทิตย์ ยิ้วว่อง โทร. 087-871-4449, คุณสุพจน์ โสฬส โทร. 087-379-6090 และคุณปราณี ติดใจดี โทร. 087-509-9507
"บ้านท่าสว่าง" จ.สุรินทร์ เป็นส่วนหนึ่งของโครงการชุมชนท่องเที่ยว OTOP นวัตวิถี ถูกขับเคลื่อนพัฒนาประเทศตามโครงการ "ไทยนิยม ยั่งยืน" จากการที่รัฐบาลปัจจุบัน มีนโยบายลดความเหลื่อมล้ำของสังคมที่มุ่งสร้างรายได้และความเจริญ ความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจ โดยให้ภาคเอกชนและภาคประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมดำเนินการร่วมกันภาครัฐ เพื่อให้บรรลุวิสัยทัศน์ มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน ซึ่งสอดคล้องกับการดำเนินงานโครงการหนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ (OTOP) และการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากให้เข้มแข็งอย่างแท้จริง เพื่อสร้างรอยยิ้ม คืนความสุข เพื่อคนไทยทุกคน และหากใครที่ชื่นชอบการท่องเที่ยว วิถีชีวิต ภูมิปัญญา และวัฒนธรรมแบบไทยๆ สามารถติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.nawatwithi.com หรือ www.facebook.com/nawatwithi
"จันทร์โสมา" คือชื่อของแบรนด์ที่ก่อตั้งโดย อาจารย์วีรธรรม ตระกูลเงินไทย ผู้ซึ่งถือกำเนิดในตระกูลช่างทอผ้าที่สืบทอดวิชาการปลูกหม่อน เลี้ยงไหม สาวไหม ย้อมสีธรรมชาติ และทอเป็นผืนผ้ามาหลายชั่วอายุคน โดยมีจุดเด่นพิเศษกว่าที่อื่น ตรง "ไหมน้อย" ที่ละเอียดนุ่มนวล สาวและทอได้ยากยิ่ง จนเริ่มจะเลือนหายไป แทบไม่มีใครทราบว่าช่างที่นี่ทอไหมน้อยได้จนกระทั่งสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9 ทรงมีพระราชปรารภว่า "สมัยก่อนผ้าไหมไทยมีความนุ่ม เนียน แน่น มาก ทำอย่างไรจึงจะได้ผ้าชนิดนั้นคืนกลับมา" เหล่าข้าราชบริพารก็ออกเสาะหา จนได้พบผ้าทอไหมน้อยที่ท่าสว่าง เมื่อทอขึ้นทูลเกล้าฯ ถวาย เป็นที่พอพระทัย จึงพระราชทานเงินส่วนพระองค์ สร้างโรงทอผ้าตามรูปแบบราชสำนักโบราณขึ้นที่บ้านท่าสว่างแห่งนี้
การทอไหมน้อยยากอย่างไร เริ่มตั้งแต่สาวไหมเส้นละเอียดมาฟอก ต้มแล้วย้อมสีธรรมชาติด้วยแม่สีหลักสามสี คือ สีแดงจากครั่ง สีเหลืองจากแก่นแกแล และสีครามจากเมล็ดคราม ซึ่งสีครามนี้ย้อมได้ยาก สมัยก่อนต้องไปย้อมที่บ้านหมอคราม และวิชาก็สูญไปหมด ต้องทดลองฟื้นฟูกันขึ้นมาใหม่ เมื่อได้เส้นไหมย้อมสีแล้ว ยังต้องทำไหมทอง ปั่นเส้นด้ายควบกับเส้นเงินแท้ เพื่อทอเป็นผ้ายกทอง
ด้วยลวดลายที่ซับซ้อน จึงต้องใช้ตะกอจำนวนมาก ตั้งแต่ร้อยถึงเป็นพัน ผ้าไหมน้อยยกทองผืนงามที่สุดใช้ถึง 1,416 ตะกอ แขวนลงมาบนกี่ทอหลังใหญ่ที่ออกแบบพิเศษ ต้องขุดหลุมบริเวณที่ตั้งกี่ลึกลงไป 2-3 เมตร เพื่อรองรับความยาวของตะกอ มีช่างทอคนหนึ่งอยู่ในหลุม คอยสอดตะกอ ใช้ช่างทอถึง 4 คนต่อหนึ่งผืน ทอได้วันละ 4-5 เซนติเมตร ใช้เวลานานกว่าจะออกมาเป็นลวดลายอย่างราชสำนักประยุกต์ มาเป็นลายเทพนม ลายหิ่งห้อยชมสวน ลายก้านขดเต้นรำ ลายครุฑยุดนาค ผสานกับลายผ้าพื้นเมืองสุรินทร์
ผลงานผ้าไหมยกทองบ้านท่าสว่าง สร้างชื่อระดับนานาชาติ เมื่อได้รับเลือกเป็นผ้าตัดเสื้อและทำผ้าคลุมไหล่ให้กับผู้นำและคู่สมรส เมื่อครั้งไทยเป็นเจ้าภาพการประชุมสุดยอดผู้นำเอเปค เมื่อปี พ.ศ. 2546 ได้รับความไว้วางใจจัดทำผ้าคลุมพระอังสาสำหรับพระราชอาคันตุกะที่เสด็จมาร่วมงานพระราชพิธีมหามงคล เนื่องในโอกาสที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงครองราชสมบัติครบ 60 ปี ตลอดจนการทอผ้าสำหรับเครื่องแต่งกายในโครงการ "โขนพระราชทาน ศาสตร์และศิลป์ของแผ่นดิน" เฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9
ด้วยชื่อเสียงและความมหัศจรรย์ของผ้ายกทองจันทร์โสมา บ้านท่าสว่าง จึงมีแขกมาเยือนมากมาย ที่นี่มีบ้านพักรับรองแบบ โฮมสเตย์ สะดวกสบายไว้สำหรับผู้ที่ต้องการใช้เวลาศึกษาใกล้ชิด และถึงจะเป็นแบรนด์เนมไฮเอนด์ ก็ไม่ต้องกลัวว่า ราคาจะสูงเกินเอื้อมจนต้องกลับบ้านมือเปล่า ผ้าไหมบ้านท่าสว่าง เนื้อละเอียดนุ่มแน่นชนิดจับต้องได้และใช้ในชีวิตประจำวันก็มีให้เลือก นอกจากนี้ยังมีชุดไทยงดงามไว้ให้เช่าสำหรับเจ้าสาวและงานพิธีสำคัญด้วย
++-++-++-++-++-++-++-++-++-++-++-++
บ้านท่าสว่าง อยู่ห่างจากตัวเมืองสุรินทร์ไปทางทิศเหนือ 10 กิโลเมตร ใช้ถนนสายเกาะลอย-เมืองลิง (ทางหลวงชนบท สร.4026) สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม
- กลุ่มทอผ้ายกทอง จันทร์โสมา บ้านท่าสว่าง โทร. 089-202-7009, 04-455-8489-90
- บริการที่พักแบบโฮมสเตย์ คุณสุทิตย์ ยิ้วว่อง โทร. 087-871-4449, คุณสุพจน์ โสฬส โทร. 087-379-6090 และคุณปราณี ติดใจดี โทร. 087-509-9507
++-++-++-++-++-++-++-++-++-++-++-++
"บ้านท่าสว่าง" จ.สุรินทร์ เป็นส่วนหนึ่งของโครงการชุมชนท่องเที่ยว OTOP นวัตวิถี ถูกขับเคลื่อนพัฒนาประเทศตามโครงการ "ไทยนิยม ยั่งยืน" จากการที่รัฐบาลปัจจุบัน มีนโยบายลดความเหลื่อมล้ำของสังคมที่มุ่งสร้างรายได้และความเจริญ ความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจ โดยให้ภาคเอกชนและภาคประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมดำเนินการร่วมกันภาครัฐ เพื่อให้บรรลุวิสัยทัศน์ มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน ซึ่งสอดคล้องกับการดำเนินงานโครงการหนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ (OTOP) และการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากให้เข้มแข็งอย่างแท้จริง เพื่อสร้างรอยยิ้ม คืนความสุข เพื่อคนไทยทุกคน และหากใครที่ชื่นชอบการท่องเที่ยว วิถีชีวิต ภูมิปัญญา และวัฒนธรรมแบบไทยๆ สามารถติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.nawatwithi.com หรือ www.facebook.com/nawatwithi
เลขไอพี : ไม่แสดง
| ตั้งกระทู้โดย Windows 10
อ่านต่อ คุณอาจจะสนใจเนื้อหาเหล่านี้ (ความคิดเห็นกระทู้ อยู่ด้านล่าง)
ความคิดเห็น
ยังไม่มีความคิดเห็น
จะต้องเป็นสมาชิกจึงจะแสดงความคิดเห็นได้
เป็นสมาชิกอยู่แล้ว ลงชื่อเข้าใช้ระบบ
ยังไม่ได้เป็นสมาชิก สมัครสมาชิกใหม่
หรือจะลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google หรือ Facebook ก็ได้
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Facebook
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google
เป็นสมาชิกอยู่แล้ว ลงชื่อเข้าใช้ระบบ
ยังไม่ได้เป็นสมาชิก สมัครสมาชิกใหม่
หรือจะลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google หรือ Facebook ก็ได้
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Facebook
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google