เต็งหนึ่ง คณิศ เปิดใจ I' am gay. ยอมรับในสิ่งที่ตัวเองเป็น มีความสุขกับชีวิตและทำให้คนรอบข้างมีความสุขก็พอแล้ว

22 ต.ค. 61 16:30 น. / ดู 550 ครั้ง / 1 ความเห็น / 0 ชอบจัง / แชร์

ณ ขณะนี้ กำลังเรียนภาษาอยู่ที่ปักกิ่ง ประเทศจีน อยู่เลย สำหรับ "เต็งหนึ่ง คณิศ ปิยะปภากรกูล"
ซึ่งช่วงปลายปี 2561 นี้ เจ้าตัวก็บอกว่าจะกลับประเทศไทยแล้ว ซึ่งระหว่างที่กำลังเรียนอยู่ที่นั่น
เต็งหนึ่งก็ได้ทำคลิปวิดีโอขึ้นมา ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะเป็นคลิปเกี่ยวกับการทำอาหาร ขนม เบเกอรี่ต่างๆ


และล่าสุดก็ได้มีการทำคลิปพูดคุยกับผู้ชมขึ้นมา ในหัวข้อ "When I talk with my mom about GAY topic"
เปิดใจอย่างเป็นทางการถึงเรื่องการยอมรับในตัวตนของตัวเอง เต็งหนึ่งกล่าวว่า

"สำหรับ VLOG แรกนี้นะครับ ที่จะมาคุยกันนะฮะ ก็ได้รับคำปรึกษาจากทุกคนในทวิตเตอร์
ก็ขอบคุณนะครับ ขอบคุณพีช (พิชญา ชัยชนะ) ด้วยนะครับ พีช สตีเฟ่น โอปป้า นะครับ
ก็แนะนำบอกว่าพี่อยากทำอะไรก็ทำเลย อยากพูดอะไรก็คือเราก็เป็นตัวของตัวเองนั่นแหละ แล้วก็สื่อสารนะครับ"





ข้อความจาก Twitter ของ เต็งหนึ่ง





"ซึ่งผมรู้สึกว่าถ้าจะเป็นคลิปแรกก็อยากจะพูดเรื่องนี้เลยแหละ เพราะว่าเราถูกวิพากษ์วิจารณ์เรื่องนี้มาเป็นสิบๆ ปีแล้วนะครับ
ก็ถ้าเป็นเรื่องนี้นะครับ ถ้าหลายคนที่สงสัยมาตลอดว่ายังไงอะไรอย่างนี้นะครับ
ก็บอกได้นะครับว่า I'm gay. ก็ผมเป็นเกย์นะครับ แต่ว่าสิ่งหนึ่งที่ผมอยากจะบอกนะครับ ก็คือ
ก่อนหน้าที่จะพูดเมื่อกี้ก็คือคำว่าผมเป็นเกย์นะครับ กับการที่หลังจากนี้ไปที่ทุกคนได้ดูวิดีโอคลิปนี้นะครับ
ก็อยากจะบอกว่าผมจะยังเหมือนเดิมนะครับ คืออยากจะให้ดูว่าการใช้ชีวิตผมก็ยังเหมือนเดิม
ผมยังมีความสุขกับสิ่งที่ผมทำเหมือนเดิมอะไรแบบนี้นะครับ"




"ผมรู้สึกว่าคนหลายๆ คน ยังคิดว่าคำนี้มันจะทำให้คนเราเปลี่ยนระครับ แต่ผมรู้สึกว่าจริงๆ แล้ว
มันไม่เคยเปลี่ยนครับ เพราะว่าเรารู้ตัวเองดีมาตลอดว่าตัวเราคือใคร เราชอบอะไร
เรามีความสุขกับอะไร ทำไมเราจะไม่รู้ตัวเองถูกไหมครับ ดังนั้นหลังจากที่เราพูดไปแล้ว
มันก็เหมือนเดิมฮะ ชีวิตเราก็ยังต้องเดินหน้าต่อไป ชีวิตเราก็ยังใช้ชีวิตเหมือนเดิมได้"




เต็งหนึ่ง เล่าวินาทีที่บอกกับคุณแม่ครั้งแรกเกี่ยวกับเรื่องของตัวเอง
"วินาทีที่บอกกับคุณแม่ครั้งแรก แม่ครับผมเป็นเกย์นะอะไรอย่างนี้ จริงๆ แล้วไม่ได้มีโมเมนต์อะไรที่มันยิ่งใหญ่
ไม่เหมือนคนอื่นที่แบบอาจจะโทรไปบอก หรือว่าอัดวิดีโอตอนที่บอกคุณแม่อะไรอย่างนี้นะครับ
สำหรับผมนะครับก็เป็นวันธรรมดาเลยครับ จริงๆ ก็ไม่ธรรมดาเท่าไร เพราะเป็นวันที่เราอกหัก
จริงๆ แล้วผมมีแฟนเป็นผู้ชายนะครับ แล้วเราก็เริ่มคบกัน เขาก็เข้ามาอยู่ในครอบครัว
เสมือนเป็นลูกชายคนหนึ่งของคุณแม่นะฮะ ซึ่งคุณแม่ผมค่อนข้างจะเป็นคนหัวสมัยใหม่นะครับ
อาจจะเป็นเพราะว่าเราผ่านเรื่องร้ายๆ กันมาในชีวิตค่อนข้างจะเยอะ ดังนั้นพอเมื่อ ณ วันหนึ่ง
ที่เราจะสบายมากขึ้น หาเงินได้ง่ายขึ้นหรือว่าผมโตมากขึ้น คุณแม่ก็เป็นเหมือนเพื่อนผมได้เลยครับ"




"คือตอนนั้นผมกับแฟนก็ไปไหนมาไหนกัน ไปไหนก็ตามคุณแม่ก็จะไปด้วย จนวันหนึ่งที่เรามีปัญหากัน
แล้วเราก็เลิกกันไป คุณแม่ก็คงสังเกตเห็นฮะ ซึ่งในช่วงนั้นผมก็ค่อนข้างจะเศร้ามากพอสมควร
จนมีวันหนึ่งที่มันไม่ไหวแล้วครับ มันเหมือนเป็นวันที่จุดแตกหักแล้วว่าเราเลิกกับแฟนแล้ว
แล้วก็กลับบ้านไป เราก็เจว่าคุณแม่นั่งดูทีวีอยู่ เราก็เหมือนพยายามที่จะยิ้ม พยายามที่จะหัวเราะ
ให้มันรู้สึกว่ามันดีที่สุดเท่าที่เราจะทำได้ ณ ตอนนั้นฮะ แม่ก็หันมาถามกินข้าวหรือยังอะไรปกติอย่างนี้ครับ"



"เท่านั้นแหละครับ ผมก็ร้องไห้หนักมาก คุณแม่ก็เลยถามว่าเป็นอะไร ผมก็บอกว่าผมมีเรื่องที่เสียใจมา
เขาก็ถามว่าเรื่องลูกชายแม่อีกคนเหรอ เราก็บอกว่าก็ใช่ คุณแม่ก็พยายามจะถาม ผมก็ร้องไห้ขึ้นเรื่อยๆ
ก็เลยถามแม่กลับไปว่าแม่รู้ใช่ไหมว่าผมเป็นแฟนกัน แม่ก็บอกว่าแม่ก็รู้ รู้มาตลอดแหละ
คำหนึ่งที่แม่พูดกับผมก็คือ แม่เลี้ยงของแม่มานะ ทำไมแม่จะไม่รู้ว่าลูกแม่เป็นอะไร
แต่ว่าแม่เห็นว่าลูกแม่มีความสุข ณ วันนี้ ลูกแม่มีความรับผิดชอบในชีวิตแล้ว
แม่ก็บอกว่าครอบครัวเราผ่านเรื่องร้ายๆ กันมาเยอะ ดังนั้นเรื่องนี้มันก็เป็นเหมือนบทพิสูจน์แหละว่า
มันไม่มีเรื่องไหนแล้วที่จะทำอะไรพวกเราได้อะไรอย่างนี้ มันไม่มีเรื่องไหนแล้วที่จะทำร้ายความรัก
ที่แม่มีให้กับลูกได้ แม่ก็พูดประมาณนี้ ผมก็ร้องไห้เหมือนเดิมครับ"



"ในตอนนั้นถามว่าเสียใจว่าเลิกกับแฟนไหมก็เสียใจ แต่ว่ามันก็ผสมกันไปครับ
น้ำตามันก็เป็นน้ำตาของความดีใจด้วยว่าเราได้คัมเอ้าต์กับคุณแม่แล้วนะ เราได้บอกคุณแม่แล้ว
ว่ารสนิยมทางเพศเราชอบผู้ชาย ก็เป็นโมเมนต์ที่ผมก็เสียใจตอนนั้น แต่ก็ดีใจไปด้วยอะไรอย่างนี้ครับ
หลายปีแล้วครับ ประมาณ 6 ปีที่แล้วครับ ซึ่งผมก็อยากจะบอกกับหลายๆ คนนะครับว่า
สำหรับเรื่องของการเปิดเผยตัวตน ผมรู้สึกว่าในชีวิตคนเราครับ คนเราสามารถแตกต่าง
คนเราสามารถที่จะมีความหลากหลายในความรู้สึกตัวเองได้ ผมก็เคยมีแฟนเป็นผู้หญิงครับ
แล้วก็ทุกอย่างเกิดขึ้นจากความรักไหม ผมบอกได้เลยว่ามันเกิดขึ้นจากความรักแน่นอน"



"คนเราเติบโตขึ้นมา เราสามารถที่จะเปลี่ยนความคิดอะไรได้อีกเยอะมากเลยครับ
ซึ่ง ณ โมเมนต์นั้น ผมยืนยันว่านั่นคือความรัก ผมรู้สึกว่าชีวิตผมมันง่ายกว่านั้น
มันไม่ได้มีอะไรซับซ้อนอย่างที่คนอื่นเขาวิพากษ์วิจารณ์เรา เราสามารถเข้าใจอะไรได้ง่ายกว่านั้น
เราไม่ได้มีลับลมคมในอะไรเยอะ เรารู้สึกว่าชีวิตมันก็แค่นี้ เรามีความสุข และเราไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อน
เราทำสังคมรอบตัวเราให้มีความสุขเท่านั้นเอง เราคิดแค่นี้นะครับ"



"ผมคงไม่ได้อยากจะบอกให้ทุกคนไป Come out กับที่บ้าน หรือว่าสาธารณะแบบนี้นะครับ
แต่ว่าผมก็คาดหวังว่าอย่างน้อยๆ การที่ออกมาพูดแบบนี้จะทำให้ทุกคนมีกำลังใจในการใช้ชีวิตมากขึ้น
ผมอาจจะเฮฮาปาร์ตี้ในบางอารมณ์ที่ผมอยู่กับเพื่อน หรือว่าผมอาจจะนิ่งๆ
หรือผมอาจจะพูดด้วยคำพูดหวานๆ หรืออะไรแบบนี้ ผมอยากจะบอกว่า
มันไม่ได้เกิดจากเอฟเฟกต์ของการที่ผมออกมาพูดว่าผมเป็นเกย์นะครับ ผมอยากจะบอกว่า
มันก็คือผมนี่แหละครับ คนเรามีทุกอารมณ์นะครับ บางอารมณ์ผมคุยกับน้องผู้หญิง
ผมก็รู้สึกว่าเราจะไปพูดโผงผางทำไม แล้วก็ถ้าผมคุยกับเพื่อนผู้ชาย ผมก็คือผู้ชายคนหนึ่งฮะ
ผมก็ยังมีความสุขกับการเป็นผู้ชาย ผมยังอยากหล่อเหมือนเดิมนะครับ
ผมไม่ได้อยากจะสวยหรือว่าอะไรแบบนี้นะฮะ"




Credits
Instagram: teng1
YouTube: KRIST QIAO

#เต็งหนึ่งคณิศ
แก้ไขล่าสุด 22 ต.ค. 61 16:54 | เลขไอพี : ไม่แสดง | ตั้งกระทู้โดย Windows 7

อ่านต่อ คุณอาจจะสนใจเนื้อหาเหล่านี้ (ความคิดเห็นกระทู้ อยู่ด้านล่าง)

ความคิดเห็น

#1 | awkward55555 | 22 ต.ค. 61 17:06 น.

เต็งหนึ่งสุดยอดมาก เปิดเผยตัวตนแล้วไม่ต้องไปสนคำคนนะ ถ้าเลือกได้ทุกคนก็ไม่อยากปกปิดบังตัวตนไว้หรอก

ไอพี: ไม่แสดง | โดย Windows 7

แสดงความคิดเห็น

จะต้องเป็นสมาชิกจึงจะแสดงความคิดเห็นได้
เป็นสมาชิกอยู่แล้ว ลงชื่อเข้าใช้ระบบ
ยังไม่ได้เป็นสมาชิก สมัครสมาชิกใหม่
หรือจะลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google หรือ Facebook ก็ได้
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Facebook
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google