ความแตกต่างของรถที่ใช้พลังงานทดแทนอย่างรถยนต์ไฮบริดกับรถยนต์ไฟฟ้า

21 ก.พ. 62 15:30 น. / ดู 1,063 ครั้ง / 1 ความเห็น / 0 ชอบจัง / แชร์

                  ในปัจจุบันพลังงานทางเลือกเข้ามามีบทบาทในตลาดรถยนต์มากขึ้น อย่างที่ทุกคนคงจะรู้จักกันดีกับ รถยนต์ไฮบริด ซึ่งได้การตอบรับที่ดีจากผู้บริโภคในช่วงที่ผ่านมา แต่อยากจะบอกว่าไม่ใช่แค่ รถยนต์ไฮบริด อย่างเดียว ยังมีรถยนต์อีกหลายประเภทที่ใช้พลังงานไฟฟ้าเป็นตัวขับเคลื่อนทั้ง “ปลั๊ก-อิน ไฮบริด” (Plug-in Hybrid) รวมถึงรถพลังงานไฟฟ้าแบบเต็มรูปแบบ แล้วรถยนต์ไฮบริดกับรถยนต์ไฟฟ้านี้มันแตกต่างกันอย่างไร ตามเรามาดูกันเลย
            ความแตกต่างของรถยนต์ไฮบริดกับรถยนต์ไฟฟ้า
รถยนต์ไฮบริด
เริ่มกันที่รถยนต์ไฮบริด (Hybrid) ซึ่งคนไทยรู้จักมากที่สุด เพราะเข้ามามีบทบาทในบ้านเราร่วม ๆ 10 ปี โดยรถไฮบริดรุ่นแรกที่ทำตลาดในเมืองไทย คือ โตโยต้า พริอุส เจนเนอเรชั่นที่ 3 เปิดตัวครั้งแรกในประเทศไทย ปี 2010 ซึ่งคำว่า “ไฮบริด” แปลว่า “ลูกผสม” ฉะนั้น รถยนต์ไฮบริดก็คือ รถที่เป็นลูกผสมระหว่างพลังงานจากน้ำมันเชื้อเพลิงกับพลังงานไฟฟ้าจากมอเตอร์ไฟฟ้านั่นเอง  หลักการของรถยนต์ไฮบริด คือ การเก็บพลังงานไฟฟ้าไว้ที่แบตเตอรี่ซึ่งถูกผลิตขึ้นมาเฉพาะสำหรับรถประเภทนี้ และจะทำงานในช่วงที่เครื่องยนต์ใช้ความเร็วในรอบต่ำหรือจอดรถติดไฟแดง รวมถึงช่วงออกตัว ในช่วงความเร็วไม่มาก และจากนั้นเมื่อความเร็วสูงขึ้นระบบจะตัดการทำงานไปที่ระบบจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงที่ทำงานกับเครื่องยนต์ปกติ อย่างไรก็ดีในรถไฮบริดยุคใหม่มีการพัฒนาให้มอเตอร์ไฟฟ้าเข้ามามีบทบาทมากขึ้นโดยเฉพาะการช่วยเพิ่มอัตราเร่งในรอบความเร็วสูง ฉะนั้นจะสังเกตได้ว่า รถประเภทนี้ ในช่วงที่จอดติดไฟแดงหรือขับหาที่จอดรถในที่จอดรถตามห้างสรรพสินค้า เราจะไม่ได้ยินเสียงเครื่องยนต์ของรถประเภทนี้ทำงานเลย เนื่องจากในช่วงดังกล่าวเป็นการทำงานของระบบมอเตอร์ไฟฟ้า จึงทำให้เป็นรถที่ประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงแต่จะมีราคาสูงกว่ารถรุ่นเดียวกันสเปกเดียวกัน

รถพลังงานไฟฟ้า (EV)

รถที่ใช้พลังงานไฟฟ้าเป็นตัวขับเคลื่อนแบบ 100 เปอร์เซ็นต์ หรือที่เรียกกันว่า EV (Electric Vehicle) ซึ่งแปลตรงตัวว่า “ยานพาหนะไฟฟ้า” นั่นเอง ซึ่งเป็นเป้าหมายสูงสุดในการพัฒนารถพลังงานไฟฟ้า เพื่อนำไปสู่การใช้งานในอนาคต แม้ว่าปัจจุบันจะยังเป็นช่วงเริ่มต้นก็ตาม  โดยหลักการทำงานของรถพลังงานไฟฟ้า (EV) คือการใช้พลังงานไฟฟ้าเข้าไปปั่นมอเมอร์เตอร์แล้วส่งกำลังไปยังล้อรถทั้ง 4 ล้อในการขับเคลื่อนโดยที่ไม่ต้องใช้กลไกการทำงานของเครื่องยนต์เข้ามาเกี่ยวข้อง ซึ่งเป้าหมายสูงสุดคือการลดมลพิษทางอากาศ และคาดว่าจะเป็นที่นิยมและเข้ามาแทนที่รถใช้น้ำมันอย่างเร็วที่สุดในปี 2025 หรือในอีก 7 ปีข้างหน้า

        แหละข้อดีอีกอย่างหนึ่งที่สำคัญต่อโลกเลยของรถยนต์ไฮบริดและรถยนต์ไฟฟ้าคือสามารถลดมลพิษทางอากาศได้เยอะมาก ซึ่งปริมาณไอเสียที่ลดลงดังกล่าว เปรียบเทียบได้กับการปลูกต้นไม้กว่า 100 ต้นต่อปีเลยทีเดียวแถมการทำงานของเครื่องยนต์ยังมีเสียงที่เบาไม่รบกวนผู้อื่นอีกด้วย

#รถยนต์ไฮบริด
แก้ไขล่าสุด 21 ก.พ. 62 15:30 | เลขไอพี : ไม่แสดง | ตั้งกระทู้โดย Windows 10

อ่านต่อ คุณอาจจะสนใจเนื้อหาเหล่านี้ (ความคิดเห็นกระทู้ อยู่ด้านล่าง)

ความคิดเห็น

#1 | sz409858 | 21 ก.พ. 62 15:52 น.

ไอพี: ไม่แสดง | โดย Windows 7

แสดงความคิดเห็น

จะต้องเป็นสมาชิกจึงจะแสดงความคิดเห็นได้
เป็นสมาชิกอยู่แล้ว ลงชื่อเข้าใช้ระบบ
ยังไม่ได้เป็นสมาชิก สมัครสมาชิกใหม่
หรือจะลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google หรือ Facebook ก็ได้
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Facebook
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google