การปวดท้องน้อยหรือการปวดท้องในแต่ละตำแหน่งสามารถบ่งบอกถึงการเป็นโรคต่าง ๆ ได้ยังไงบ้าง
2 มิ.ย. 63 16:47 น. /
ดู 628 ครั้ง /
0 ความเห็น /
0 ชอบจัง
/
แชร์
hashtag:
#ปวดท้องน้อย
รู้ไหมคะ ว่าตำแหน่งการปวดท้องในแต่ละจุด สามารถบ่งบอกโรคได้ ดังนั้น ต้องหมั่นสังเกตตำแหน่งที่มักปวดท้องให้ดี ๆ ว่าเกิดขึ้นที่ตำแหน่งไหนหรือตรงไหน เพราะจะช่วยให้ทราบเบื้องต้นว่า เราเสี่ยงต่อการที่จะเป็นโรคใด โดยวันนี้เราก็จะมาบอกถึงตำแหน่งการปวดท้องว่าเสี่ยงที่จะเป็นโรคใดได้บ้างเอามาฝากด้วยค่ะ พร้อมแล้วก็มาดูกันเลย
1.ปวดท้องน้อยซ้าย : ท่อไต ปีกมดลูกด้านซ้าย
ปวดเกร็ง และร้าวมาที่ต้นขา อาจเป็นนิ่วในท่อไต หรืออาการปวดมีไข้ร่วมด้วย หนาวสั่น มีตกขาว อาจเป็นปีกมดลูกอักเสบ
2.ปวดท้องน้อยขวา : ไส้ติ่ง ท่อไต ปีกมดลูกด้านขวา
หากปวดเกร็งเป็นระยะ ๆ แล้วร้าวมาที่ต้นขา หมายถึงกรวยไตมีความผิดปกติ ปวดเสียด ๆ กดแล้วเจ็บ อาจเป็นไส้ติ่งอักเสบ หรืออาการปวดมีไข้ร่วมด้วยอาจเป็นปีกมดลูกอักเสบ หรือหากคลำแล้วเจอก้อนเนื้อ เบื้องต้นอาจเป็นก้อนไส้ติ่งหรือรังไข่ผิดปกติ
3.ปวดใต้ลิ้นปี่ : กระเพาะอาหาร ตับอ่อน ตับ
มักมีอาการปวดเวลาหิวหรืออิ่ม อาจเป็นโรคกระเพาะอาหาร กระเพาะอาหารอักเสบ ปวดรุนแรง และคลื่นไส้อาเจียน อาจเป็นโรคตับอ่อนอักเสบ
4.ปวดชายโครงซ้าย : ม้าม ตับอ่อน
อาการปวดบริเวณนี้ อาจเป็นเพราะม้ามแตก กรวยไตซ้ายอักเสบ หรือนิ่วในไตซ้าย
5.ปวดชายโครงขวา : ตับ ถุงน้ำดี
หากมีอาการตัวเหลือง ตาเหลือง อาจเป็นโรคตับอักเสบ นิ่วในถุงน้ำดี
6.ปวดรอบสะดือ : ลำไส้เล็ก
ปวดแบบมีลมในท้อง เป็นอาการท้องเดิน แต่หากปวดรุนแรงทนไม่ได้ อาจเป็นอาการลำไส้อักเสบ หรือไส้ติ่งอักเสบ
7.ปวดปั้นเอวขวาและซ้าย : ท่อไต ไต ลำไส้ใหญ่ ปวดเอวด้านหลัง
รวมถึงมีอาการร่วมคือ รู้สึกแสบเวลาปัสสาวะ มีไข้ หากเคาะเบาๆ ตรงส่วนเอวด้านหลังก็ทำให้เจ็บมากได้
8.ปวดเหนือหัวหน่าว : กระเพาะปัสสาวะ มดลูก
ปวดเวลาปัสสาวะ ปัสสาวะกะปริบกะปรอย อาจเป็นกระเพาะปัสสาวะอักเสบ หรือนิ่วในกระเพาะปัสสาวะ ปวดเกร็งช่วงมีรอบเดือน ปวดเรื้อรัง หรือคลำพบก้อน ควรพบแพทย์เฉพาะทาง อาจเป็นอาการของมดลูกอักเสบ หรือเนื้องอกมดลูก
โดยอาการปวดท้องที่กล่าวมานี้ ไม่ว่าจะเป็นปวดท้องน้อย ปวดใต้ลิ้นปี่ ปวดชายโครง ปวดรอบสะดือ ปวดปั้นเอว หรือจะเป็นปวดเหนือหัวหน่าว ซึ่งอาการเหล่านี้ล้วนแต่เป็นปัจจัยเสี่ยงที่กระทบการทำงานทั้งสิ้น เมื่อมีสัญญาณเตือนอย่าปล่อยทิ้งไว้ ควรรีบมาพบแพทย์เพื่อเข้ารับการตรวจวินิจฉัย เพราะโรคในช่องท้องแต่ละโรค มีอาการแสดงถึงความผิดปกติ เช่น การปวดท้องที่คล้ายคลึงกัน จนหลายครั้งอาจได้รับการวินิจฉัยผิดพลาดหรือผู้ป่วยนิ่งนอนใจคิดว่าเป็นเพียงโรคกระเพาะ จนวินิจฉัยล่าช้าและส่งผลจนเป็นอันตรายได้ ซึ่งจริง ๆ แล้วอาการปวดท้องในแต่ละโรคนั้นไม่เหมือนกัน ต้องอาศัยการสังเกตและความชำนาญของแพทย์เฉพาะทางในการวินิจฉัย อีกทั้งการตรวจสุขภาพด้วยการเจาะเลือดเพียงอย่างเดียวอาจไม่พบความผิดปกติ การเข้ารับการตรวจภายในช่องท้องด้วยการอัลตราซาวนด์นับเป็นทางเลือกที่ดีเพื่อการวินิจฉัยให้การรักษาเป็นไปอย่างทันท่วงทีช่วยลดภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นตามมาได้นั้นเองค่ะ
#ปวดท้องน้อย
เลขไอพี : ไม่แสดง
| ตั้งกระทู้โดย Windows 10
อ่านต่อ คุณอาจจะสนใจเนื้อหาเหล่านี้ (ความคิดเห็นกระทู้ อยู่ด้านล่าง)
ความคิดเห็น
ยังไม่มีความคิดเห็น
จะต้องเป็นสมาชิกจึงจะแสดงความคิดเห็นได้
เป็นสมาชิกอยู่แล้ว ลงชื่อเข้าใช้ระบบ
ยังไม่ได้เป็นสมาชิก สมัครสมาชิกใหม่
หรือจะลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google หรือ Facebook ก็ได้
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Facebook
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google
เป็นสมาชิกอยู่แล้ว ลงชื่อเข้าใช้ระบบ
ยังไม่ได้เป็นสมาชิก สมัครสมาชิกใหม่
หรือจะลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google หรือ Facebook ก็ได้
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Facebook
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google