ช็อกโกแลตซีสต์ โรคที่ผู้หญิงต้องรู้จัก ปวดประจำเดือนบ่อย ๆ อย่าชะล่าใจ
4 ก.พ. 64 10:11 น. /
ดู 5,351 ครั้ง /
1 ความเห็น /
0 ชอบจัง
/
แชร์
hashtag:
#ซีสต์รังไข่
ผู้หญิงหลาย ๆ คนคงรู้จัก ซีสต์เป็นอย่างดี เนื่องจากเป็นอีกความผิดปกติที่พบได้บ่อยในเพศหญิง ซีสต์ หรือ ถุงน้ำมีหลายประเภท มีทั้งชนิดที่เป็นอันตราย และไม่เป็นอันตราย บางชนิดสามารถปล่อยเอาไว้ได้ และจะฝ่อหายไปเอง แต่บางชนิดก็มีโอกาสพัฒนาไปเป็นก้อนมะเร็งได้ ซีสต์สามารถเกิดได้ทั่วบริเวณของร่างกาย แต่จะเกิดได้มากที่สุดที่บริเวณรังไข่ของผู้หญิง ซึ่งส่วนมากจะทำให้เกิดอันตราย และอาการเจ็บปวดมากมายตามมา ดังนั้นผู้หญิงทุกคนจึงควรรู้จักโรคช็อกโกแลตซีสต์
ถ้าพูดถึงโรค "ช็อกโกแลตซีสต์" (Chocolate Cyst) เชื่อว่าผู้หญิงหลายคนคงคุ้นกับชื่อนี้ แต่มีใครทราบหรือไม่ว่า ความจริงแล้วโรคนี้มีชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า "โรคเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่" ซึ่งเป็นโรคที่พบได้บ่อยในผู้หญิงที่อยู่ในวัยเจริญพันธุ์ คือ อยู่ในช่วงอายุ 30-50 ปี โดยเฉพาะผู้ที่มีประวัติบุคคลในครอบครัวเป็นโรคนี้มาก่อน จะมีโอกาสเป็นโรคนี้มากขึ้น
สัญญาณเตือนที่เริ่มบ่งบอกว่าคุณอาจมีภาวะเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่คือการมีอาการปวดท้องประจำเดือนที่ผิดปกติไปจากเดิม แล้วอาการปวดท้องประจำเดือนแบบไหน ที่อาจจะเป็นสัญญานเตือนของภาวะเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ ไปหาคำตอบพร้อม ๆ กันค่ะ
โรคช็อกโกแลตซีสต์เกิดจากอะไร?
โดยปกติ ภายในโพรงมดลูกจะมีเยื่อบุโพรงมดลูกซึ่งจะหนาตัว มีเลือดคั่ง จากนั้นก็จะสลายตัวออกมาเป็นประจำเดือนเป็นวงจรแบบนี้ทุกเดือน แต่ในบางราย เยื่อบุโพรงมดลูกอาจไปเจริญเติบโตนอกโพรงมดลูก เช่น ที่บริเวณรังไข่ ท่อนำไข่ กระเพาะปัสสาวะและลำไส้ จึงทำให้เกิดการระคายเคืองต่อเนื้อเยื่อโดยรอบจนเกิดเป็นฟังผืดอยู่ภายในช่องท้อง ทำให้เกิดอาการปวดประจำเดือน หรือปวดท้องเรื้อรัง หากเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่อยู่บริเวณรังไข่ก็จะกลายเป็นถุงน้ำ หรือซีสต์ มีขนาดเท่าไข่ไก่ หรือผลส้ม มีเลือดคั่งอยู่ข้างใน ลักษณะเป็นของเหลวสีคล้ายกับช็อกโกแลต จึงเรียกว่า 'ถุงน้ำช็อกโกแลต' หรือ 'ช็อกโกแลตซีสต์' นั่นเอง
โรคช็อกโกแลตซีสต์นี้มีอาการอย่างไร?
ในบางราย อาจโชคดีตรวจพบโรคช็อกโกแลตซีสต์จากการตรวจสุขภาพประจำปี โดยยังไม่มีอาการเจ็บป่วยแสดง แต่ผู้ป่วยส่วนมากมักมีอาการ
อาจมีอาการปวดประจำเดือน ซึ่งจะปวดรุนแรงในช่วงวันท้าย ๆ ของการมีประจำเดือน
อาจมีอาการปวดประจำเดือนครั้งแรกเมื่ออายุมากกว่า 25 ปี
ประจำเดือนมามากกว่าปกติ หากเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดปกติแทรกเข้าไปยังกล้ามเนื้อมดลูก
ปวดท้องน้อยหลังมีเพศสัมพันธ์
คลำพบก้อนบริเวณท้องน้อย ซึ่งเกิดจากขนาดของถุงน้ำที่รังไข่โตขึ้น
ปวดขณะเบ่งถ่ายอุจจาระ หรือปัสสาวะ
ในกรณีที่ถุงน้ำช็อกโกแลตแตก จะมีอาการปวดท้องอย่างรุนแรงเฉียบพลัน
ร้อยละ 60-70 ของผู้ที่มีประวัติว่ายังไม่เคยมีบุตรมาก่อน ซึ่งเป็นสาเหตุให้มีบุตรยาก
จะทราบได้อย่างไรว่าเป็นโรคช็อกโกแลตซีสต์นี้หรือไม่?
หากมีอาการข้างต้นหรือสงสัยว่าตนเองเป็นโรคช็อกโกแลกซีสต์ ควรเข้ารับการซักประวัติและตรวจวินิจฉัยโดยสูติ-นรีแพทย์ ด้วยวิธีการตรวจร่างกายร่วมกับการตรวจภายใน หรือการอัลตราซาวด์อุ้งเชิงกราน เพื่อตรวจหาความผิดปกติภายในมดลูก เพื่อวางแผนการรักษาที่เหมาะสม
ช็อกโกแลตซีสต์ จำเป็นต้องรักษาหรือไม่ และรักษาอย่างไร?
ในรายที่ไม่มีอาการ หรือมีอาการไม่รุนแรงมากและขนาดเล็ก แพทย์อาจให้สังเกตอาการร่วมกับการใช้ยากลุ่มฮอร์โมนในการรักษาและตรวจติดตามอาการเป็นระยะ แต่ในกรณีที่ให้ยาแล้วยังไม่ได้ผลหรือก้อนมีขนาดใหญ่ แพทย์อาจพิจารณาใช้วิธีการผ่าตัดผ่านกล้อง ซึ่งวิธีนี้แผลผ่าตัดจะมีขนาดเล็ก เจ็บน้อย ฟื้นตัวเร็ว ลดภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ หลังผ่าตัด และยังให้ผลการรักษาได้ดีเทียบเท่ากับการรักษาแบบมาตรฐานอีกด้วย
ผู้หญิงที่มีอาการที่กล่าวมาข้างต้น ควรหมั่นสังเกตความผิดปกติของร่างกายตัวเองตัวเองอยู่เสมอ หากรู้ตัวว่ามีโอกาสสูงที่จะเป็น ช็อกโกแลตซีสต์ควรรีบไปพบสูตินรีแพทย์ เพื่อตรวจอาการตั้งแต่เนิ่น ๆ ก่อนที่โรคจะลุกลามกว่าเดิม สำหรับคนที่อยู่ในกลุ่มที่มีอัตราเสี่ยงสูงเช่นครอบครัวมีประวัติเป็นโรคนี้แพทย์อาจพิจารณาให้กินยาคุมกำเนิดตั้งแต่วัยเริ่มมีประจำเดือน และหยุดยาเมื่อมีบุตร เพื่อป้องกันโรคดังกล่าว และอาจแนะนำให้แต่งงาน เพื่อให้ตั้งครรภ์เร็ว ๆ แม้โรคนี้อาจไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด แต่การป้องกันไว้ก่อนก็ดีกว่าปล่อยให้เป็นแล้วต้องรักษาทีหลัง
ขอบคุณข้อมูลจาก : https://www.nakornthon.com/Article/.........ซีสต์
#ซีสต์รังไข่ ,ช็อกโกแลตซีสต์ , ปวดท้องประจำเดือน
ถ้าพูดถึงโรค "ช็อกโกแลตซีสต์" (Chocolate Cyst) เชื่อว่าผู้หญิงหลายคนคงคุ้นกับชื่อนี้ แต่มีใครทราบหรือไม่ว่า ความจริงแล้วโรคนี้มีชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า "โรคเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่" ซึ่งเป็นโรคที่พบได้บ่อยในผู้หญิงที่อยู่ในวัยเจริญพันธุ์ คือ อยู่ในช่วงอายุ 30-50 ปี โดยเฉพาะผู้ที่มีประวัติบุคคลในครอบครัวเป็นโรคนี้มาก่อน จะมีโอกาสเป็นโรคนี้มากขึ้น
สัญญาณเตือนที่เริ่มบ่งบอกว่าคุณอาจมีภาวะเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่คือการมีอาการปวดท้องประจำเดือนที่ผิดปกติไปจากเดิม แล้วอาการปวดท้องประจำเดือนแบบไหน ที่อาจจะเป็นสัญญานเตือนของภาวะเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ ไปหาคำตอบพร้อม ๆ กันค่ะ
โรคช็อกโกแลตซีสต์เกิดจากอะไร?
โดยปกติ ภายในโพรงมดลูกจะมีเยื่อบุโพรงมดลูกซึ่งจะหนาตัว มีเลือดคั่ง จากนั้นก็จะสลายตัวออกมาเป็นประจำเดือนเป็นวงจรแบบนี้ทุกเดือน แต่ในบางราย เยื่อบุโพรงมดลูกอาจไปเจริญเติบโตนอกโพรงมดลูก เช่น ที่บริเวณรังไข่ ท่อนำไข่ กระเพาะปัสสาวะและลำไส้ จึงทำให้เกิดการระคายเคืองต่อเนื้อเยื่อโดยรอบจนเกิดเป็นฟังผืดอยู่ภายในช่องท้อง ทำให้เกิดอาการปวดประจำเดือน หรือปวดท้องเรื้อรัง หากเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่อยู่บริเวณรังไข่ก็จะกลายเป็นถุงน้ำ หรือซีสต์ มีขนาดเท่าไข่ไก่ หรือผลส้ม มีเลือดคั่งอยู่ข้างใน ลักษณะเป็นของเหลวสีคล้ายกับช็อกโกแลต จึงเรียกว่า 'ถุงน้ำช็อกโกแลต' หรือ 'ช็อกโกแลตซีสต์' นั่นเอง
โรคช็อกโกแลตซีสต์นี้มีอาการอย่างไร?
ในบางราย อาจโชคดีตรวจพบโรคช็อกโกแลตซีสต์จากการตรวจสุขภาพประจำปี โดยยังไม่มีอาการเจ็บป่วยแสดง แต่ผู้ป่วยส่วนมากมักมีอาการ
อาจมีอาการปวดประจำเดือน ซึ่งจะปวดรุนแรงในช่วงวันท้าย ๆ ของการมีประจำเดือน
อาจมีอาการปวดประจำเดือนครั้งแรกเมื่ออายุมากกว่า 25 ปี
ประจำเดือนมามากกว่าปกติ หากเยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดปกติแทรกเข้าไปยังกล้ามเนื้อมดลูก
ปวดท้องน้อยหลังมีเพศสัมพันธ์
คลำพบก้อนบริเวณท้องน้อย ซึ่งเกิดจากขนาดของถุงน้ำที่รังไข่โตขึ้น
ปวดขณะเบ่งถ่ายอุจจาระ หรือปัสสาวะ
ในกรณีที่ถุงน้ำช็อกโกแลตแตก จะมีอาการปวดท้องอย่างรุนแรงเฉียบพลัน
ร้อยละ 60-70 ของผู้ที่มีประวัติว่ายังไม่เคยมีบุตรมาก่อน ซึ่งเป็นสาเหตุให้มีบุตรยาก
จะทราบได้อย่างไรว่าเป็นโรคช็อกโกแลตซีสต์นี้หรือไม่?
หากมีอาการข้างต้นหรือสงสัยว่าตนเองเป็นโรคช็อกโกแลกซีสต์ ควรเข้ารับการซักประวัติและตรวจวินิจฉัยโดยสูติ-นรีแพทย์ ด้วยวิธีการตรวจร่างกายร่วมกับการตรวจภายใน หรือการอัลตราซาวด์อุ้งเชิงกราน เพื่อตรวจหาความผิดปกติภายในมดลูก เพื่อวางแผนการรักษาที่เหมาะสม
ช็อกโกแลตซีสต์ จำเป็นต้องรักษาหรือไม่ และรักษาอย่างไร?
ในรายที่ไม่มีอาการ หรือมีอาการไม่รุนแรงมากและขนาดเล็ก แพทย์อาจให้สังเกตอาการร่วมกับการใช้ยากลุ่มฮอร์โมนในการรักษาและตรวจติดตามอาการเป็นระยะ แต่ในกรณีที่ให้ยาแล้วยังไม่ได้ผลหรือก้อนมีขนาดใหญ่ แพทย์อาจพิจารณาใช้วิธีการผ่าตัดผ่านกล้อง ซึ่งวิธีนี้แผลผ่าตัดจะมีขนาดเล็ก เจ็บน้อย ฟื้นตัวเร็ว ลดภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ หลังผ่าตัด และยังให้ผลการรักษาได้ดีเทียบเท่ากับการรักษาแบบมาตรฐานอีกด้วย
ผู้หญิงที่มีอาการที่กล่าวมาข้างต้น ควรหมั่นสังเกตความผิดปกติของร่างกายตัวเองตัวเองอยู่เสมอ หากรู้ตัวว่ามีโอกาสสูงที่จะเป็น ช็อกโกแลตซีสต์ควรรีบไปพบสูตินรีแพทย์ เพื่อตรวจอาการตั้งแต่เนิ่น ๆ ก่อนที่โรคจะลุกลามกว่าเดิม สำหรับคนที่อยู่ในกลุ่มที่มีอัตราเสี่ยงสูงเช่นครอบครัวมีประวัติเป็นโรคนี้แพทย์อาจพิจารณาให้กินยาคุมกำเนิดตั้งแต่วัยเริ่มมีประจำเดือน และหยุดยาเมื่อมีบุตร เพื่อป้องกันโรคดังกล่าว และอาจแนะนำให้แต่งงาน เพื่อให้ตั้งครรภ์เร็ว ๆ แม้โรคนี้อาจไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด แต่การป้องกันไว้ก่อนก็ดีกว่าปล่อยให้เป็นแล้วต้องรักษาทีหลัง
ขอบคุณข้อมูลจาก : https://www.nakornthon.com/Article/.........ซีสต์
#ซีสต์รังไข่ ,ช็อกโกแลตซีสต์ , ปวดท้องประจำเดือน
เลขไอพี : ไม่แสดง
| ตั้งกระทู้โดย Windows 10
อ่านต่อ คุณอาจจะสนใจเนื้อหาเหล่านี้ (ความคิดเห็นกระทู้ อยู่ด้านล่าง)
ความคิดเห็น
จะต้องเป็นสมาชิกจึงจะแสดงความคิดเห็นได้
เป็นสมาชิกอยู่แล้ว ลงชื่อเข้าใช้ระบบ
ยังไม่ได้เป็นสมาชิก สมัครสมาชิกใหม่
หรือจะลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google หรือ Facebook ก็ได้
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Facebook
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google
เป็นสมาชิกอยู่แล้ว ลงชื่อเข้าใช้ระบบ
ยังไม่ได้เป็นสมาชิก สมัครสมาชิกใหม่
หรือจะลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google หรือ Facebook ก็ได้
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Facebook
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google