"เวทีประกวด" ประตูบานแรกสู่อาชีพนักร้องของ "ตูน บอดี้สแลม"
14 ก.พ. 64 12:26 น. /
ดู 17,821 ครั้ง /
2 ความเห็น /
0 ชอบจัง
/
แชร์
"เวทีประกวด" ประตูบานแรกสู่อาชีพนักร้องของ "ตูน บอดี้สแลม"
.
"สำหรับผมเวทีประกวด เป็นเสมือนประตูที่ทำให้เราได้เข้าใกล้ความฝัน" ตูน บอดี้สแลม หรือ อาทิวราห์ คงมาลัย นักร้องนำวงบอดี้สแลม ย้อนกลับไปถึงการประกวดดนตรีในวัยเด็ก ที่เป็นจุดเริ่มต้นของชีวิตเขา
.
"ผมเริ่มเล่นดนตรีตั้งแต่เด็กๆ และประกวดเวทีแรกช่วงมัธยม ซึ่งเป็นการประกวดดนตรีในโรงเรียน ตอนนั้นจำได้เลยว่า วงผมจะเล่นผิดกติกาตลอด แบบว่าเขาให้เล่น 3 เพลง เราก็จะเลือกเพลงที่ยาวๆ หน่อย เผื่อจะได้อยู่บนเวทีนานๆ (หัวเราะ) เพราะตอนนั้นไม่ได้หวังว่าจะต้องชนะหรือได้รางวัลเลยนะ คิดแต่ว่าอยากแสดงความสามารถ ที่ก็รู้ว่ามีหรือเปล่านะตอนนั้น (หัวเราะ) อยากขึ้นไปกระโดด ร้องเพลงอยู่บนเวทีนานๆ"
.
เมื่อถามว่าพี่ตูน ยังจำความรู้สึกตอนขึ้นเวทีประกวดครั้งแรกได้ไหม เขาบอกว่า
"ค่อนข้างเลือนลางนะครับ (หัวเราะ) แต่รู้ว่าสนุกมาก ด้วยความที่เป็นโรงเรียนชายล้วน (โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย) เพื่อนๆ กระโดดกันเต็มที่ เล่นผิดเล่นถูกไม่รู้ รู้แต่ว่ามันมากๆ หลังจากนั้นผมกับเพื่อนๆ ก็เริ่มประกวดเวทีนอกโรงเรียนบ้าง อย่างเวทีเยาวชนกรุงเทพฯ ซึ่งเปิดเวทีที่เปิดกว้าง รับตั้งแต่อายุ 15 25 ปี ซึ่งตอนนั้นวงเราอยู่ม.4 เองนะ ปรากฏว่าได้เข้ารอบเป็น 10 วงสุดท้ายที่อายุน้อยที่สุด และได้มีโอกาสไปเจอพี่ๆ วงอื่น ที่เก่งมากๆ ซึ่งเหมือนเป็นการเปิดโลกและเปิดประสบการณ์ของผมมากๆ และเป็นอีกหนึ่งเวทีที่จำไม่ลืมเลย และภูมิใจมากๆ ครับ"
.
"สำหรับผมตอนนั้น การประกวดให้ทั้งความสุข ความสนุก เป็นพื้นที่ที่เราได้ขึ้นไปแสดงความสามารถอย่างเต็มที่ และที่สำคัญทำให้เราได้พัฒนาตัวเองขึ้นเรื่อยๆ เพราะก่อนจะประกวดแต่ละเวทีเราต้องฝึกฝน ต้องซ้อมอย่างหนัก ท่องเนื้อเพลงทั้งภาษาไทย ภาษาอังกฤษ ซึ่งนี่คือข้อดีที่ทำให้ผมได้เรียนภาษาไปด้วยในตัว และเป็นการเก็บเล็กผสมน้อยทักษะด้านต่างๆ ที่พ่วงมาด้วย ความสุข (ยิ้ม)"
.
"หลังจากนั้นผมก็รวมวงกับเพื่อนอีกกลุ่ม ลงประกวดเวที Hotwave Music Awards ครั้งที่ 1 ในชื่อวง "ละอ่อน" ผมยังจำความรู้สึกได้ดี เป็นการประกวดที่สนุกมากๆ ตั้งแต่ตอนซ้อม ซึ่งเราซ้อมกันเยอะมากๆ เพื่อจะคัดเลือกว่าจะส่งเพลงประกวด จากนั้นก็อัดเสียงส่งเทปไป และลุ้นๆ มาก ตอนที่ฟังดีเจประกาศรายชื่อวงเข้ารอบทางวิทยุ ซึ่งพอประกาศว่าเราได้เข้ารอบ 30 วงสุดท้าย จากนั้นก็เข้ารอบ 10 วงสุดท้าย ได้ไปเล่นสดบนเวที"
.
"และนั่นเป็นเหตุการณ์ที่ผมประทับใจมากๆ เพราะช่วงนั้นเราซ้อมกันหนักมากๆ พอถึงช่วงเวลาที่ต้องเล่นสดบนเวที ทั้งความตื่นเต้น บวกกับความเกร็ง ทุกคนในวงรู้สึกว่าเล่นได้ไม่เต็มร้อยเหมือนตอนซ้อม ซึ่งพอลงจากเวที ทุกคนก็แยกไปนั่งกันคนละมุมแบบซึมๆ แต่แล้วพอพิธีกรประกาศรางวัลอันดับที่ 5 4 3 ไล่มา เราก็รู้กันแล้วแหละว่า ไม่ได้รางวัลแน่ๆ กระทั่งมาถึงรางวัลที่ 1 เขาประกาศว่า "วงละอ่อน" จากที่นั่งอยู่กันคนละมุม กระโดดตัวลอยวิ่งขึ้นไปกอดกันกลมบนเวทีเลย (หัวเราะ) เป็นความรู้สึกที่ประทับใจมากๆ"
.
"เพราะเราไม่คาดคิดว่าจะได้รางวัลนี้ การประกวดครั้งนั้นจึงถือเป็นจุดเปลี่ยนของชีวิตผมเลยนะ ทำให้ได้เข้าไปเรียนรู้การทำงานแบบมืออาชีพ การเข้าห้องอัด การแต่งเพลง เดินสายโปรโมท การเล่นคอนเสิร์ต ในนาม "บอดี้สแลม" ซึ่งเป็นประสบการณ์ที่ดีมากๆ ในชีวิต ทำให้ผมได้เริ่มต้นการเดินทางบนเส้นทางนี้ และหล่อหลอมกลายเป็นตัวผมในวันนี้ครับ" การประกวดจึงเป็นเสมือนประตูบานใหญ่ บานแรก สำหรับเขา
.
"ใช่ครับ การประกวดเป็นเสมือนประตูบานใหญ่และบันได ทำให้ได้รู้จักกับคนในวงการเพลง นักดนตรีอาชีพ ได้ฟังคอมเม้นต์ ฟังความคิดเห็นจากกรรมการว่า เราเล่นเป็นอย่างไร ร้องเพลงเป็นอย่างไร เราจะได้รู้ตัวเอง เราจะได้ไม่คิดไปเองว่าตัวเองเก่ง (หัวเราะ) และนำความคิดเห็นเหล่านั้นไปปรับปรุง พัฒนาตัวเองให้ดีขึ้น และเห็นภาพตัวเองในเส้นทางนี้ชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ ถ้าย้อนกลับไปก็ขอบคุณตัวเองนะ ที่ตอนนั้นนึกสนุก แล้วพาตัวเองไปกระโดดโลดเต้นอยู่บนเวทีประกวด (ยิ้ม)"
.
ล่าสุดทาง คิง เพาเวอร์ ไทย เพาเวอร์ ได้จัดการประกวดดนตรี The Power Band ซึ่งเป็นอีกเวทีที่ได้รับความสนใจจากนักดนตรีหลากหลายสาขา
.
"สำหรับเวที The Power Band ของคิง เพาเวอร์ ไทย เพาเวอร์ ซึ่งเป็นการประกวดวงดนตรีสากล ที่มีเครื่องเป่ามาผสมด้วย แค่คิดก็สนุกแล้วนะ ถ้าย้อนกลับไปตอนเด็กๆ แน่นอนว่าผมต้องอยากลงประกวดเวทีนี้แน่ๆ เพราะเป็นอะไรที่แปลกใหม่ สมมุติว่าบางวงอาจจะมีสมาชิกเล่นเพลงร็อคกันอยู่แล้ว ก็อาจจะไปชวนเพื่อนๆ ที่เล่นเครื่องเป่ามาสนุกด้วยกัน สร้างสรรค์เพลงใหม่ๆ คือแค่คิดก็สนุกแล้วครับ"
.
"ซึ่งการประกวดนอกจากจะเป็นประตูหรือบันได ที่จะพาเราสู่การเป็นนักดนตรีอาชีพ หรืออะไรก็ตามที่อยากเป็น อีกมุมหนึ่ง การประกวดสำหรับผม...เป็นการเรียนรู้ชีวิตด้วยนะ ได้เรียนรู้ว่า ชนะเป็นอย่างไร แพ้เป็นอย่างไร หรือถ้าแพ้แล้ว เราจะเลิกไหม หรือจะสู้ต่อ เพื่อพัฒนาตัวเองให้เก่งขึ้นเรื่อยๆ"
.
"และสิ่งสำคัญคือ ตอนประกวดทุกครั้ง สิ่งที่ทุกคนในวงรู้สึกและรับรู้เหมือนกันก็คือ ความสุข ความสนุก ความตื่นเต้น ที่มีแต่รอยยิ้ม ซึ่งเป็นสิ่งที่ผลักดันให้เราทุ่มเทซ้อมกันอย่างหนักโดยไม่มีใครบังคับ รวมถึงได้ใช้เวลาร่วมกับเพื่อน ซึ่งถือเป็นถ้วยรางวัลของชีวิตเลยนะ เป็นประสบการณ์และเชื้อเพลิงชั้นดี สำหรับอนาคต ผมเชื่อว่า วันหนึ่งประสบการณ์และสิ่งต่างๆ ที่สะสมมา...จะนำพาเราไปเจอกับสิ่งที่ไม่คาดคิด (ยิ้ม)"
.
"แต่ด้วยสถานการณ์ขณะนี้ สมาชิกวงอาจจะเจอกันไม่ได้ ก็อยากให้เน้นซ้อมในส่วนของตัวเองให้ดี มีสมาธิกับตัวเอง ซึ่งเทคโนโลยีตอนนี้ก็ช่วยเราได้เยอะมาก สิ่งสำคัญคือ ผมอยากให้ทุกคนสนุกและมีความสุขกับการเล่นดนตรีครับ"
#KingpowerThaipowerพลังคนไทย #TIWSC #MusicPower #ThePowerBand
.
"สำหรับผมเวทีประกวด เป็นเสมือนประตูที่ทำให้เราได้เข้าใกล้ความฝัน" ตูน บอดี้สแลม หรือ อาทิวราห์ คงมาลัย นักร้องนำวงบอดี้สแลม ย้อนกลับไปถึงการประกวดดนตรีในวัยเด็ก ที่เป็นจุดเริ่มต้นของชีวิตเขา
.
"ผมเริ่มเล่นดนตรีตั้งแต่เด็กๆ และประกวดเวทีแรกช่วงมัธยม ซึ่งเป็นการประกวดดนตรีในโรงเรียน ตอนนั้นจำได้เลยว่า วงผมจะเล่นผิดกติกาตลอด แบบว่าเขาให้เล่น 3 เพลง เราก็จะเลือกเพลงที่ยาวๆ หน่อย เผื่อจะได้อยู่บนเวทีนานๆ (หัวเราะ) เพราะตอนนั้นไม่ได้หวังว่าจะต้องชนะหรือได้รางวัลเลยนะ คิดแต่ว่าอยากแสดงความสามารถ ที่ก็รู้ว่ามีหรือเปล่านะตอนนั้น (หัวเราะ) อยากขึ้นไปกระโดด ร้องเพลงอยู่บนเวทีนานๆ"
.
เมื่อถามว่าพี่ตูน ยังจำความรู้สึกตอนขึ้นเวทีประกวดครั้งแรกได้ไหม เขาบอกว่า
"ค่อนข้างเลือนลางนะครับ (หัวเราะ) แต่รู้ว่าสนุกมาก ด้วยความที่เป็นโรงเรียนชายล้วน (โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย) เพื่อนๆ กระโดดกันเต็มที่ เล่นผิดเล่นถูกไม่รู้ รู้แต่ว่ามันมากๆ หลังจากนั้นผมกับเพื่อนๆ ก็เริ่มประกวดเวทีนอกโรงเรียนบ้าง อย่างเวทีเยาวชนกรุงเทพฯ ซึ่งเปิดเวทีที่เปิดกว้าง รับตั้งแต่อายุ 15 25 ปี ซึ่งตอนนั้นวงเราอยู่ม.4 เองนะ ปรากฏว่าได้เข้ารอบเป็น 10 วงสุดท้ายที่อายุน้อยที่สุด และได้มีโอกาสไปเจอพี่ๆ วงอื่น ที่เก่งมากๆ ซึ่งเหมือนเป็นการเปิดโลกและเปิดประสบการณ์ของผมมากๆ และเป็นอีกหนึ่งเวทีที่จำไม่ลืมเลย และภูมิใจมากๆ ครับ"
.
"สำหรับผมตอนนั้น การประกวดให้ทั้งความสุข ความสนุก เป็นพื้นที่ที่เราได้ขึ้นไปแสดงความสามารถอย่างเต็มที่ และที่สำคัญทำให้เราได้พัฒนาตัวเองขึ้นเรื่อยๆ เพราะก่อนจะประกวดแต่ละเวทีเราต้องฝึกฝน ต้องซ้อมอย่างหนัก ท่องเนื้อเพลงทั้งภาษาไทย ภาษาอังกฤษ ซึ่งนี่คือข้อดีที่ทำให้ผมได้เรียนภาษาไปด้วยในตัว และเป็นการเก็บเล็กผสมน้อยทักษะด้านต่างๆ ที่พ่วงมาด้วย ความสุข (ยิ้ม)"
.
"หลังจากนั้นผมก็รวมวงกับเพื่อนอีกกลุ่ม ลงประกวดเวที Hotwave Music Awards ครั้งที่ 1 ในชื่อวง "ละอ่อน" ผมยังจำความรู้สึกได้ดี เป็นการประกวดที่สนุกมากๆ ตั้งแต่ตอนซ้อม ซึ่งเราซ้อมกันเยอะมากๆ เพื่อจะคัดเลือกว่าจะส่งเพลงประกวด จากนั้นก็อัดเสียงส่งเทปไป และลุ้นๆ มาก ตอนที่ฟังดีเจประกาศรายชื่อวงเข้ารอบทางวิทยุ ซึ่งพอประกาศว่าเราได้เข้ารอบ 30 วงสุดท้าย จากนั้นก็เข้ารอบ 10 วงสุดท้าย ได้ไปเล่นสดบนเวที"
.
"และนั่นเป็นเหตุการณ์ที่ผมประทับใจมากๆ เพราะช่วงนั้นเราซ้อมกันหนักมากๆ พอถึงช่วงเวลาที่ต้องเล่นสดบนเวที ทั้งความตื่นเต้น บวกกับความเกร็ง ทุกคนในวงรู้สึกว่าเล่นได้ไม่เต็มร้อยเหมือนตอนซ้อม ซึ่งพอลงจากเวที ทุกคนก็แยกไปนั่งกันคนละมุมแบบซึมๆ แต่แล้วพอพิธีกรประกาศรางวัลอันดับที่ 5 4 3 ไล่มา เราก็รู้กันแล้วแหละว่า ไม่ได้รางวัลแน่ๆ กระทั่งมาถึงรางวัลที่ 1 เขาประกาศว่า "วงละอ่อน" จากที่นั่งอยู่กันคนละมุม กระโดดตัวลอยวิ่งขึ้นไปกอดกันกลมบนเวทีเลย (หัวเราะ) เป็นความรู้สึกที่ประทับใจมากๆ"
.
"เพราะเราไม่คาดคิดว่าจะได้รางวัลนี้ การประกวดครั้งนั้นจึงถือเป็นจุดเปลี่ยนของชีวิตผมเลยนะ ทำให้ได้เข้าไปเรียนรู้การทำงานแบบมืออาชีพ การเข้าห้องอัด การแต่งเพลง เดินสายโปรโมท การเล่นคอนเสิร์ต ในนาม "บอดี้สแลม" ซึ่งเป็นประสบการณ์ที่ดีมากๆ ในชีวิต ทำให้ผมได้เริ่มต้นการเดินทางบนเส้นทางนี้ และหล่อหลอมกลายเป็นตัวผมในวันนี้ครับ" การประกวดจึงเป็นเสมือนประตูบานใหญ่ บานแรก สำหรับเขา
.
"ใช่ครับ การประกวดเป็นเสมือนประตูบานใหญ่และบันได ทำให้ได้รู้จักกับคนในวงการเพลง นักดนตรีอาชีพ ได้ฟังคอมเม้นต์ ฟังความคิดเห็นจากกรรมการว่า เราเล่นเป็นอย่างไร ร้องเพลงเป็นอย่างไร เราจะได้รู้ตัวเอง เราจะได้ไม่คิดไปเองว่าตัวเองเก่ง (หัวเราะ) และนำความคิดเห็นเหล่านั้นไปปรับปรุง พัฒนาตัวเองให้ดีขึ้น และเห็นภาพตัวเองในเส้นทางนี้ชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ ถ้าย้อนกลับไปก็ขอบคุณตัวเองนะ ที่ตอนนั้นนึกสนุก แล้วพาตัวเองไปกระโดดโลดเต้นอยู่บนเวทีประกวด (ยิ้ม)"
.
ล่าสุดทาง คิง เพาเวอร์ ไทย เพาเวอร์ ได้จัดการประกวดดนตรี The Power Band ซึ่งเป็นอีกเวทีที่ได้รับความสนใจจากนักดนตรีหลากหลายสาขา
.
"สำหรับเวที The Power Band ของคิง เพาเวอร์ ไทย เพาเวอร์ ซึ่งเป็นการประกวดวงดนตรีสากล ที่มีเครื่องเป่ามาผสมด้วย แค่คิดก็สนุกแล้วนะ ถ้าย้อนกลับไปตอนเด็กๆ แน่นอนว่าผมต้องอยากลงประกวดเวทีนี้แน่ๆ เพราะเป็นอะไรที่แปลกใหม่ สมมุติว่าบางวงอาจจะมีสมาชิกเล่นเพลงร็อคกันอยู่แล้ว ก็อาจจะไปชวนเพื่อนๆ ที่เล่นเครื่องเป่ามาสนุกด้วยกัน สร้างสรรค์เพลงใหม่ๆ คือแค่คิดก็สนุกแล้วครับ"
.
"ซึ่งการประกวดนอกจากจะเป็นประตูหรือบันได ที่จะพาเราสู่การเป็นนักดนตรีอาชีพ หรืออะไรก็ตามที่อยากเป็น อีกมุมหนึ่ง การประกวดสำหรับผม...เป็นการเรียนรู้ชีวิตด้วยนะ ได้เรียนรู้ว่า ชนะเป็นอย่างไร แพ้เป็นอย่างไร หรือถ้าแพ้แล้ว เราจะเลิกไหม หรือจะสู้ต่อ เพื่อพัฒนาตัวเองให้เก่งขึ้นเรื่อยๆ"
.
"และสิ่งสำคัญคือ ตอนประกวดทุกครั้ง สิ่งที่ทุกคนในวงรู้สึกและรับรู้เหมือนกันก็คือ ความสุข ความสนุก ความตื่นเต้น ที่มีแต่รอยยิ้ม ซึ่งเป็นสิ่งที่ผลักดันให้เราทุ่มเทซ้อมกันอย่างหนักโดยไม่มีใครบังคับ รวมถึงได้ใช้เวลาร่วมกับเพื่อน ซึ่งถือเป็นถ้วยรางวัลของชีวิตเลยนะ เป็นประสบการณ์และเชื้อเพลิงชั้นดี สำหรับอนาคต ผมเชื่อว่า วันหนึ่งประสบการณ์และสิ่งต่างๆ ที่สะสมมา...จะนำพาเราไปเจอกับสิ่งที่ไม่คาดคิด (ยิ้ม)"
.
"แต่ด้วยสถานการณ์ขณะนี้ สมาชิกวงอาจจะเจอกันไม่ได้ ก็อยากให้เน้นซ้อมในส่วนของตัวเองให้ดี มีสมาธิกับตัวเอง ซึ่งเทคโนโลยีตอนนี้ก็ช่วยเราได้เยอะมาก สิ่งสำคัญคือ ผมอยากให้ทุกคนสนุกและมีความสุขกับการเล่นดนตรีครับ"
#KingpowerThaipowerพลังคนไทย #TIWSC #MusicPower #ThePowerBand
แก้ไขล่าสุด 14 ก.พ. 64 12:29 |
เลขไอพี : ไม่แสดง
| ตั้งกระทู้โดย Windows 10
อ่านต่อ คุณอาจจะสนใจเนื้อหาเหล่านี้ (ความคิดเห็นกระทู้ อยู่ด้านล่าง)
ความคิดเห็น
จะต้องเป็นสมาชิกจึงจะแสดงความคิดเห็นได้
เป็นสมาชิกอยู่แล้ว ลงชื่อเข้าใช้ระบบ
ยังไม่ได้เป็นสมาชิก สมัครสมาชิกใหม่
หรือจะลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google หรือ Facebook ก็ได้
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Facebook
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google
เป็นสมาชิกอยู่แล้ว ลงชื่อเข้าใช้ระบบ
ยังไม่ได้เป็นสมาชิก สมัครสมาชิกใหม่
หรือจะลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google หรือ Facebook ก็ได้
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Facebook
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google