ใครบ้างที่ควรตรวจ HIV ?

ไวรัสเอชไอวีนั้น สามารถส่งต่อเชื้อกันด้วยช่องทางหลัก ๆ คือ ทางเลือด ทางเพศสัมพันธ์ และทางแม่ที่มีเชื้อสู่ลูกที่อยู่ในครรภ์ (พบได้น้อย) ซึ่งปัจจุบันยังไม่มีวิธีกำจัดเชื้อเอชไอวีให้หมดไปจากร่างกายได้ การรักษาจะทำได้ด้วยการทานยาต้านไวรัสเอชไอวีไปตลอดชีวิต เพื่อกดเชื้อให้ต่ำลงมาก ๆ จนแทบไม่เหลืออยู่ ไม่สร้างอันตรายให้กับร่างกาย และไม่แพร่เชื้อให้กับคนอื่น ความเสี่ยงที่ควรตรวจหาเชื้อเอชไอวี ได้แก่

- มีเพศสัมพันธ์โดยไม่ได้ป้องกันด้วยถุงยางอนามัย
- มีการใช้เข็มฉีดยาร่วมกับผู้อื่น (เสพสารเสพติด)
- ถูกล่วงละเมิดทางเพศ หรือมีเพศสัมพันธ์ขณะเมาขาดสติ
- มีเพศสัมพันธ์กับผู้ให้บริการทางเพศ
- มีอัตราการเปลี่ยนคู่นอนบ่อยครั้ง

ปัจจัยใดบ้างที่ทำให้มีโอกาสติดเชื้อ

1. ปริมาณของเชื้อ

หากมีจำนวนมากพอ ก็ทำให้มีความเสี่ยงจะรับเชื้อมากตามไปด้วย ไม่ว่าจะเป็นทางเลือดที่เข้าทางบาดแผล บริเวณอวัยวะเพศ ทวารหนัก หรือช่องปากที่มีแผลสดเปิดกว้าง ทางน้ำอสุจิ และทางน้ำหล่อลื่นต่าง ๆ

2. ช่องทางเปิดรับเชื้อ

หรือบาดแผลต่าง ๆ ที่ทำให้รับเชื้อได้ง่าย มีโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อยู่ก่อนหน้านี้ เช่น ซิฟิลิส เริม แผลริมอ่อน เป็นต้น

3. จำนวนครั้งในการสัมผัสเชื้อ

เช่น การเปลี่ยนคู่นอนบ่อย การลืมสวมถุงยางอนามัยบ่อย ๆ เกี่ยวเนื่องถึงสุขภาพของผู้รับเชื้อด้วย หากพักผ่อนน้อย ร่างกายอ่อนแอ และมีความเสี่ยงสัมผัสเชื้อ

ป้องกันโรคง่าย ๆ ด้วยถุงยางอนามัย

สวมถุงยางอนามัยทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์ ช่วยป้องกันได้ทั้งเชื้อไวรัสเอชไอวีและโรคติดต่อทางเพศอื่น ๆ เช่น ซิฟิลิส เริม หนองในแท้ หนองในเทียม ฯลฯ ได้อย่างแน่นอน! โดยถุงยางอนามัยนั้นควรจะมีคุณภาพที่ดี ไม่หมดอายุ ไม่เสื่อมสภาพ และมีขนาดที่ถูกต้องกับน้องชายของคุณเพื่อไม่ให้เกิดอุบัติเหตุถุงยางแตกหรือหลุดออกได้ในขณะที่มีเพศสัมพันธ์



ถึงแม้ว่าการตรวจ HIV จะไม่ได้รวมอยู่ในรายการตรวจสุขภาพประจำปี แต่รัฐบาลก็เล็งเห็นความสำคัญในการตรวจคัดกรองนี้ จึงมีแคมเปญตรวจฟรีให้แก่คนไทยทุกคน ได้ตรวจปีละ 2 ครั้งโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย และยังเก็บเป็นความลับอีกด้วย เพราะฉะนั้น เราจะเห็นถึงความสำคัญของการตรวจเลือดและควรหาโอกาสไปตรวจสักครั้งหนึ่งนะครับ

ขอบคุณข้อมูลดี ๆ จาก : https://www.speakoutthailand.com