ประเทศไทย ภาวะผู้นำ และโอกาสที่สูญเสียไป

25 เม.ย. 64 21:45 น. / ดู 864 ครั้ง / 1 ความเห็น / 0 ชอบจัง / แชร์
บทความนี่เขียนได้ดีมากเลยครับ โควิดรอบนี้น่าเป็นห้วงที่สุด และรัฐบาลแก้ปัญหาไม่ได้เลย ไม่รู้จะพูดยังไง เพราะพูดไปก็ไม่ลาออก เหนื่อยกับรัฐบาลจริงๆ

ประเทศไทย ภาวะผู้นำ และโอกาสที่สูญเสียไป

ในการระบาดระลอกทองหล่อครั้งนี้ เป็นการระบาดที่มีตัวเลขสูงสุดเป็นประวัติการณ์ของการระบาดในประเทศไทย ซึ่งสะท้องให้เห็นมากมายหลากหลายมิติ แลที่แน่ๆ คือ ภาวะผู้นำของผู้บริหารประเทศ และโอกาสที่สูญเสียไปเปล่า ๆ ก่อนหน้านี้ในการเตรียมตัวรับมือการระบาด รวมถึงความหย่อนยานของระบบราชการ และผู้รักษากฎหมาย เพราะทุกครั้งที่เกิดการระบาดมักจะเกิดขึ้น จากการกระทำที่ผิดกฎหมายทั้งสิ้น เป็นการตอกย้ำให้เห็นถึงความเน่าเฟะ และปัญหาที่เรื้อรังจนคิดไม่ออกว่า ประเทศไทย สูญเสียโอกาส ไปตั้งเท่าไหร่ กับการที่ไว้ใจ ระบบของประเทศตัวเองจนถึงวันนี้ ไม่ว่าจะรัฐบาลไหนก็ตามที แต่ในหลาย ๆ รัฐบาลก็มีความสามารถในการแก้วิกฤตของประเทศดีกว่ารัฐบาลนี้แน่นอน

ในการออกทีวีพูลของผู้นำประเทศของเราในรอบสองสัปดาห์ที่ผ่านมา ไม่ได้สร้างความมั่นใจให้กับประชาชน แม้ว่าอาจจะไม่ใช่ประชาชนทั้งประเทศ แต่เป็นประชาชนชาวโซเชียล ที่เดือดดาล ที่เค้าเดือดดาล เพราะเค้าผิดหวัง ผิดหวังจากความคาดหวังในการบริหาร ที่จะเห็นประเทศสามารถเดินก้าวผ่านการระบาดของโควิดในครั้งนี้ไปได้ด้วยดี ผิดหวังจากอะไร คาดหวังอะไร

    ประการแรกเลย ในการบริหารความเสี่ยงเรื่องวัคซีนกับการระบาดระลอกใหม่ ไม่รู้ว่าอะไรดลใจ หรือย่ามใจ ที่ผู้บริหารประเทศเรา คิดว่าประเทศเรามีความเสี่ยงน้อยในการระบาดระลอกใหม่ หรือการระบาดจากคลัสเตอร์ใหม่ ๆ ทำให้การบริหารวัคซีน ดูช้ากว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ในขณะที่หลาย ๆ ประเทศในโลกพยายามให้ทั้งโลกเห็นว่า ประชาชนได้รับวีคซีนไปแล้วกี่เปอร์เซนต์ของประชาชนในประเทศ เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ ในขณะที่ประเทศไทยได้ วัคซีนมา 2 ล้านโดส และต่อให้ฉีดให้กับ 1 ล้านคนภายในเดือนเมษายน (แบบครบ สองเข็ม) ก็จะเป็นแค่ 1.66% ของประชาชนทั้งประเทศ (คิดที่ 60 ล้านคน) ก็จะเรียกได้ว่าน้อยมากจริง ๆ อันนี้คงต้องถามว่าใครเป็นกุนซือให้กับผู้บริหารประเทศในการบริหารวัคซีนตรงนี้ ข่าวลือที่ออกมามีหลากหลาย และยังคงเป็นรัฐบาลเองที่ไม่เคยจะมาบริหารข่าวลือต่าง ๆ เหล่านั้น เพราะที่สุดแล้วมันเพิ่มความพังให้กับตัวรัฐบาลเองเช่นกัน ในความเป็นจริงที่เราไม่เคยรู้เลยคือ เราสั่งช้า ต่อรองช้า หรือมีเรื่องการเมืองระดับโลก หรือแม้กระทั่งผลประโยชน์บางอย่างของคนบางกลุ่ม แต่ที่แน่ๆ การบริหารวัคซีนกับการบริหารข้อมูลเรื่องการระบาด ที่สวนทางกันอย่างสิ้นเชิง ทำให้ตอนนี้เราอยู่ในภาวะปากเหว ของการพังของระบบสาธารณสุข ในขณะที่ตัวเลขของผู้ติดเชื้อกำลังสร้าง New High ไปเรื่อย ๆ ซึ่งไม่มีใครอยากไปให้ถึงจุดนั้นแน่นอน

    ประการต่อมา ในการบริหารความเสี่ยงเรื่องเตียงผู้ป่วย การเข้าถึงของผู้ป่วย กับการระบาดระลอกใหม่ ครั้งนี้เราจะได้ยินเสมอว่า โทรไม่ติด ไม่มีเตียง หาเตียงไม่ได้ ไม่มีคนมารับ ฯลฯ คำถามของเพจนี้ หรือแอดมินคงอยากจะถามว่า ไม่ได้เตรียมตัวแผนการต่าง ๆ ในการบริหารเหตุการณ์แบบนี้ ครั้งมีเคสที่น่าจะสะเทือนใจ และเชื่อว่าน่าจะเกิดขึ้นอีก ทำไมต้องมาทำหลังจากที่เกิดการระบาดแล้ว ไม่มีการวางแผนในการเกิดวิกฤตเลยเหรอ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการสื่อสารเพื่อให้ผู้ป่วยได้เข้าถึงการรักษาพยาบาล รวมถึงการจัดพื้นที่ในการรักษาพยาบาลในรูปแบบต่าง ๆ ซึ่งท้ายที่สุดรวมไปถึงการสื่อสารอย่างเป็นระบบให้กับประชาชน ในการเข้าถึงการรักษาในรูปแบบต่าง ๆ และที่สำคัญมาก ๆ ผู้บริหารพยายามบอกว่าได้บูรณาการแล้ว แต่ในความเป็นจริงมันไม่ได้เกิดการบูรณาการอย่างที่ท่าน ๆ ได้พูดไว้เลย ไม่ว่าจะเป็น สปสช หรือ สายด่วนต่าง ๆ ไม่ได้มีความเป็นหนึ่งในด้านข้อมูล และการบริหารอย่างที่มันควรจะเป็น

ประการสุดท้าย ความชะล่าใจในการบริหารความเสี่ยงเรื่องการเดินทางข้ามจังหวัด หรือการออกนโยบายเพื่อจำกัดการเดินทาง เป็นเรื่องที่ชัดเจนมากว่า ผู้บริหารตั้งใจปล่อยให้คนเดินทางข้ามจังหวัดตอนเทศกาลสงกรานต์ ในขณะที่ปีที่แล้ว Total Lock Down แล้วควบคุมอยู่ การที่ปล่อยให้เกิดการเดินทางข้ามจังหวัดแบบนี้ เหมือนการยอมรับความเสี่ยงกลาย ๆ โดยที่ตัวเองไม่มีความพร้อมในการบริหารวิกฤต รวมถึงสองประการที่ได้พูดมาแล้วข้างต้น ตัวเลขสุดท้ายต้องบวมจนถึงสิ้นเดือนเมษายน และถ้าช่วงวันแรงงานยังไม่บริหารความเสี่ยงเรื่องการรวมกลุ่มกันอีก จะทำให้สถานการณ์ยิ่งบานปลายไปจนถึงเกือบปลายเดือน พฤษภาคมแน่นอน

ทั้งสามประการสะท้องให้เห็นถึงภาวะผู้นำของผู้บริหารบริเทศ ในการบริการความเสี่ยงที่ทำให้ประเทศไทยเสียโอกาสในหลาย ๆ ประการแน่นอน การสูญเสียโอกาสในการฟื้นฟูเศรษฐกิจหากผู้นำประเทศบริหารความเสี่ยงเรื่องวัคซีนก็ดี การบริหารเรื่องการรักษาก็ดี รวมถึงการควบคุมฝูงชนก็ดี ถ้าทำดีกว่าที่เป็นอยู่นี่ ประเทศไทยคงมีแสงสว่างที่ปลายทางอุโมงจริง ๆ สักที ไม่เป็นแบบนี้ ที่เริ่มกลับมาดำมืดอีกครั้่ง ผู้ประกอบการรายเล็ก รายย่อย และขนาดกลาง จะมีสายป่าน จนสามารถผ่าน เวฟนี้ได้จริง ๆ เหรอ ผู้ประกอบการ ประชาชน จะไม่บาดเจ็บ จากการที่ผู้นำไม่มีภาวะผู้นำ และไม่สามารถบริหารความเสี่ยงต่าง ๆ เหล่านี้ ทุกคนจะบาดเจ็บ ล้มตาย จากสภาพแบบนี้ไปอีกนานเท่าไหร่ หาคำตอบไม่ได้จริง ๆ

#ผนงรจตกม #โควิด #โควิดทองหล่อ

ขอบคุณบทความจาก เฟสบุ๊กเพจ ต้นทุนค่าเสียโอกาส - Opportunity Cost

https://www.facebook.com/Oppcost2020/photos/a.145773250367776/288406502771116/
เลขไอพี : ไม่แสดง | ตั้งกระทู้โดย Windows 10

อ่านต่อ คุณอาจจะสนใจเนื้อหาเหล่านี้ (ความคิดเห็นกระทู้ อยู่ด้านล่าง)

ความคิดเห็น

#1 | _uwu_ | 26 เม.ย. 64 23:45 น.

ไอพี: ไม่แสดง | โดย Windows 10

แสดงความคิดเห็น

จะต้องเป็นสมาชิกจึงจะแสดงความคิดเห็นได้
เป็นสมาชิกอยู่แล้ว ลงชื่อเข้าใช้ระบบ
ยังไม่ได้เป็นสมาชิก สมัครสมาชิกใหม่
หรือจะลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google หรือ Facebook ก็ได้
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Facebook
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google