ประเทศไทยควรจะเดินหน้าc#เปิดประเทศ ในขณะที่ยังมีการ #ระบาด แบบนี้จริงไหม
23 พ.ค. 64 13:54 น. /
ดู 14,046 ครั้ง /
2 ความเห็น /
0 ชอบจัง
/
แชร์
#PhuketSandbox โครงการนำร่องของการท่องเที่ยวเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจมวลรวมหลังจากเผชิญสภาวะการณ์ pandemic
วันนี้ #ภูเก็ต น่าจะฉีดเข็มแรกไปอย่างน้อย 300,000 คนแล้ว และเข็มที่สองภายในเดือนมิถุนายนนี้ น่าจะทันการณ์ 1 กรกฎาคม ตามแผนงานของ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ถ้าเป็นไปตามคาดการณ์ แปลว่า ภายในสิ้นปี ภูเก็ตน่าจะเป็นพื้นที่สำหรับ ชาวต่างชาติที่ #ฉีดวัคซีนครบ2โดส และเป็นพื้นที่ที่ไม่ต้องกักตัวตามนิยามของรัฐ และขยายโมเดลนี้ไปยังพื้นที่อื่น ๆ อันจะทำให้สภาพเศรษฐกิจของไทยน่าจะเติบโตได้
การท่องเที่ยวในหลาย ๆ พื้นที่ของโลก มีความพยายามที่เปิดรับนักท่องเที่ยวชาติต่าง ๆ เพราะเชื่อว่าภายในสองปีที่ผ่านมา ความกระหายเรื่องการท่องเที่ยวน่าจะมีมาก demand น่าจะมากมาย เพียงแต่รอ supply side ให้พร้อมเท่านั้นเอง
อียูเตรียมเปิดรับนักท่องเที่ยวเช่นกัน สำหรับนักท่องเที่ยวหลากหลายประเทศมากขึ้น โดยเฉพาะคนที่ฉีดวัคซีนครบ 2 โดสแล้วเช่นกัน แสดงให้เห็นว่า การท่องเที่ยวน่าจะเป็นปัจจัยในการแก้ปัญหาระยะสั้นของการเติบโตเศรษฐกิจมวลรวมของแต่ละประเทศ โดยเฉพาะในประเทศที่ไม่ได้มีจำนวนประชากรมากมาย เพราะหากมีจำนวนประชากรมากมายอย่าง สหรัฐ หรือ จีนที่เป็น ประเทศที่มีประชาชนจำนวนมาก
การผลักดันให้เกิดการบริโภคในประเทศยังสามารถพอทำให้เศรษฐกิจในประเทศเติบโตได้ ไม่ว่าจะเป็นนโยบาย QE ต่าง ๆ หรือง่าย ๆ คือ การใส่เงินเข้าไปในระบบนั้นเอง แต่ประเทศที่มีจำนวนประชากรน้อย การผลักดันลำพังภายในประเทศอาจจะไม่เพียงพอ เนื่องจากเคยได้รับเงินจากท่องเที่ยวแล้วไปผลักดันการบริโภคภายในประเทศเป็นลำดับถัดมา
การฉีดวัคซีนน่าจะเป็นแนวทางการแก้ไข้เศรษฐกิจที่รัฐบาลต้องทำอย่างเร็วที่สุด ตอนนี้มีวัคซีนอะไรก็ต้องฉีดนำไปก่อน เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ เป็นแนวต้านโรคติดต่อ ก่อนที่จะนำวัคซีนทางเลือกอื่น ๆ มาเพิ่มเติม ส่วนตัวยังเชื่อว่าทุกวัคซีนมักจะมีผลข้างเคียงไม่ทางใดก็ทางนึง ไม่ว่าจะเป็นผลในระยะสั้น กลาง หรือ ยาว
แต่ที่แน่ ๆ ทุกวัคซีนมีหลักฐานการผ่อนหนักเป็นเบา เมื่อมีการติดเชื้อ แต่ยังไม่มีผลการศึกษาในเชื้อกลายพันธุ์ต่าง ๆ อย่างมากเพียงพอ แต่ ณ เวลานี้ ประเทศไทยน่าจะไม่มีทางเลือกมากนัก (ส่วนตัวเชื่อว่า วัคซีน เป็นเรื่องการเมืองของประเทศต่าง ๆ ไม่ใช่แค่เพียงประเทศเรา การนำทีมเพื่อเจรจาต่อรองน่าจะเป็นความสามารถของการบริหารของรัฐจริง ๆ)
มีข่าวหนึ่ง https://www.matichon.co.th/news-monitor/news_2736925
"รัฐบาลควรใช้ #โมเดลของอังกฤษ สำหรับแผนการฉีดวัคซีน .เริ่มด้วยวัคซีนแอสตร้าฯและไฟเซอร์ (10ล้านโดส) แล้วเพิ่มปริมาณด้วยตัวอื่นอีกหลายๆ ตัว ..สำคัญอยู่ที่ความสามารถของทีมงานรัฐบาลที่จะไปเจรจาหาวัคซีนเพิ่มให้ได้..อย่าจัดเกรดแล้วเรียกเป็นวัคซีนทางเลือกเลย..ควรเป็นวัคซีนสำหรับทุกคน "
"หัวใจสำคัญในการต่อสู้โควิดคือการจัดหาวัคซีนให้เพียงพอ..อังกฤษทำได้ดีส่วนนึงเกิดจากหญิงเก่งคนนี้ Kate Bingham ที่รัฐบาลมอบให้เป็นผู้นำทีมเฉพาะกิจจัดหาวัคซีนสำหรับอังกฤษ.. Kate เป็นผู้นำบริษัทกลุ่มทุนที่เน้นลงทุนด้านสุขภาพ จึงมีคอนเน็กชั่นและเข้าใจกลไกของธุรกิจนี้เป็นอย่างดี.."
"ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคของอังกฤษคืนสู่สภาพก่อนโควิดระบาดแล้ว เร็วกว่าที่คาดไว้มาก"
ในขณะที่ตัวเลขผู้ติดเชื้อในประเทศไทย น่าจะยังคงตัวเลขแบบนี้ไปอย่างน้อยอีก 1 เดือน จนถึงปลาายเดือนมิถุนายน (มองโลกในแง่ดี) กรกฎาคม ตัวเลขน่าจะเริ่มลด แต่ตัวเลขที่ภูเก็ตไม่ได้เพิ่มขึ้น และ Phuket Sandbox เกิดขึ้นได้จริง และการระดมฉีดวัคซีนในกทม เป็นไปตามแผน ในเนื้อข่าวมีการแบ่งวัคซีน ASTRA ให้กับกรุงเทพ 2.5 ล้านโดส ในเดือนมิถุนายน และยังไม่ทราบจำนวนในเดือนกรกฎาคม แปลว่า ถ้าสามารถแก้ปัญหาที่กรุงเทพฯ ซึ่งเป็นหัวใจหลักของเศรษฐกิจไทยได้ รวมถึงเป็นเมืองเห็นการท่องเที่ยว
ภายในเดือน กันยายน เราอาจจะเห็นแผนการณ์เปิดประเทศแบบลดจำนวนวันกักตัวได้อีกทีก็ได้ หรือถ้าเป็นได้ อาจจะขยับเหมือนอียูในปลายปีซึ่งเป็นช่วงเวลาทองของการท่องเที่ยวประเทศไทย และ ต้นปี 2565 สำหรับรับนักท่องเที่ยวจีนก็เป็นไปได้
ได้แต่หวังเพื่อที่จะเห็นแสงสว่างที่ปลายทางอุโมงค์
https://scontent.fbkk9-2.fna.fbcdn..........amp;oe=60CE7EE6
ที่มา https://www.facebook.com/101197531492015/posts/306300090981757/
การท่องเที่ยวในหลาย ๆ พื้นที่ของโลก มีความพยายามที่เปิดรับนักท่องเที่ยวชาติต่าง ๆ เพราะเชื่อว่าภายในสองปีที่ผ่านมา ความกระหายเรื่องการท่องเที่ยวน่าจะมีมาก demand น่าจะมากมาย เพียงแต่รอ supply side ให้พร้อมเท่านั้นเอง
อียูเตรียมเปิดรับนักท่องเที่ยวเช่นกัน สำหรับนักท่องเที่ยวหลากหลายประเทศมากขึ้น โดยเฉพาะคนที่ฉีดวัคซีนครบ 2 โดสแล้วเช่นกัน แสดงให้เห็นว่า การท่องเที่ยวน่าจะเป็นปัจจัยในการแก้ปัญหาระยะสั้นของการเติบโตเศรษฐกิจมวลรวมของแต่ละประเทศ โดยเฉพาะในประเทศที่ไม่ได้มีจำนวนประชากรมากมาย เพราะหากมีจำนวนประชากรมากมายอย่าง สหรัฐ หรือ จีนที่เป็น ประเทศที่มีประชาชนจำนวนมาก
การผลักดันให้เกิดการบริโภคในประเทศยังสามารถพอทำให้เศรษฐกิจในประเทศเติบโตได้ ไม่ว่าจะเป็นนโยบาย QE ต่าง ๆ หรือง่าย ๆ คือ การใส่เงินเข้าไปในระบบนั้นเอง แต่ประเทศที่มีจำนวนประชากรน้อย การผลักดันลำพังภายในประเทศอาจจะไม่เพียงพอ เนื่องจากเคยได้รับเงินจากท่องเที่ยวแล้วไปผลักดันการบริโภคภายในประเทศเป็นลำดับถัดมา
การฉีดวัคซีนน่าจะเป็นแนวทางการแก้ไข้เศรษฐกิจที่รัฐบาลต้องทำอย่างเร็วที่สุด ตอนนี้มีวัคซีนอะไรก็ต้องฉีดนำไปก่อน เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ เป็นแนวต้านโรคติดต่อ ก่อนที่จะนำวัคซีนทางเลือกอื่น ๆ มาเพิ่มเติม ส่วนตัวยังเชื่อว่าทุกวัคซีนมักจะมีผลข้างเคียงไม่ทางใดก็ทางนึง ไม่ว่าจะเป็นผลในระยะสั้น กลาง หรือ ยาว
แต่ที่แน่ ๆ ทุกวัคซีนมีหลักฐานการผ่อนหนักเป็นเบา เมื่อมีการติดเชื้อ แต่ยังไม่มีผลการศึกษาในเชื้อกลายพันธุ์ต่าง ๆ อย่างมากเพียงพอ แต่ ณ เวลานี้ ประเทศไทยน่าจะไม่มีทางเลือกมากนัก (ส่วนตัวเชื่อว่า วัคซีน เป็นเรื่องการเมืองของประเทศต่าง ๆ ไม่ใช่แค่เพียงประเทศเรา การนำทีมเพื่อเจรจาต่อรองน่าจะเป็นความสามารถของการบริหารของรัฐจริง ๆ)
มีข่าวหนึ่ง https://www.matichon.co.th/news-monitor/news_2736925
"รัฐบาลควรใช้ #โมเดลของอังกฤษ สำหรับแผนการฉีดวัคซีน .เริ่มด้วยวัคซีนแอสตร้าฯและไฟเซอร์ (10ล้านโดส) แล้วเพิ่มปริมาณด้วยตัวอื่นอีกหลายๆ ตัว ..สำคัญอยู่ที่ความสามารถของทีมงานรัฐบาลที่จะไปเจรจาหาวัคซีนเพิ่มให้ได้..อย่าจัดเกรดแล้วเรียกเป็นวัคซีนทางเลือกเลย..ควรเป็นวัคซีนสำหรับทุกคน "
"หัวใจสำคัญในการต่อสู้โควิดคือการจัดหาวัคซีนให้เพียงพอ..อังกฤษทำได้ดีส่วนนึงเกิดจากหญิงเก่งคนนี้ Kate Bingham ที่รัฐบาลมอบให้เป็นผู้นำทีมเฉพาะกิจจัดหาวัคซีนสำหรับอังกฤษ.. Kate เป็นผู้นำบริษัทกลุ่มทุนที่เน้นลงทุนด้านสุขภาพ จึงมีคอนเน็กชั่นและเข้าใจกลไกของธุรกิจนี้เป็นอย่างดี.."
"ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคของอังกฤษคืนสู่สภาพก่อนโควิดระบาดแล้ว เร็วกว่าที่คาดไว้มาก"
ในขณะที่ตัวเลขผู้ติดเชื้อในประเทศไทย น่าจะยังคงตัวเลขแบบนี้ไปอย่างน้อยอีก 1 เดือน จนถึงปลาายเดือนมิถุนายน (มองโลกในแง่ดี) กรกฎาคม ตัวเลขน่าจะเริ่มลด แต่ตัวเลขที่ภูเก็ตไม่ได้เพิ่มขึ้น และ Phuket Sandbox เกิดขึ้นได้จริง และการระดมฉีดวัคซีนในกทม เป็นไปตามแผน ในเนื้อข่าวมีการแบ่งวัคซีน ASTRA ให้กับกรุงเทพ 2.5 ล้านโดส ในเดือนมิถุนายน และยังไม่ทราบจำนวนในเดือนกรกฎาคม แปลว่า ถ้าสามารถแก้ปัญหาที่กรุงเทพฯ ซึ่งเป็นหัวใจหลักของเศรษฐกิจไทยได้ รวมถึงเป็นเมืองเห็นการท่องเที่ยว
ภายในเดือน กันยายน เราอาจจะเห็นแผนการณ์เปิดประเทศแบบลดจำนวนวันกักตัวได้อีกทีก็ได้ หรือถ้าเป็นได้ อาจจะขยับเหมือนอียูในปลายปีซึ่งเป็นช่วงเวลาทองของการท่องเที่ยวประเทศไทย และ ต้นปี 2565 สำหรับรับนักท่องเที่ยวจีนก็เป็นไปได้
ได้แต่หวังเพื่อที่จะเห็นแสงสว่างที่ปลายทางอุโมงค์
https://scontent.fbkk9-2.fna.fbcdn..........amp;oe=60CE7EE6
ที่มา https://www.facebook.com/101197531492015/posts/306300090981757/
เลขไอพี : ไม่แสดง
| ตั้งกระทู้โดย Windows 10
อ่านต่อ คุณอาจจะสนใจเนื้อหาเหล่านี้ (ความคิดเห็นกระทู้ อยู่ด้านล่าง)
ความคิดเห็น
จะต้องเป็นสมาชิกจึงจะแสดงความคิดเห็นได้
เป็นสมาชิกอยู่แล้ว ลงชื่อเข้าใช้ระบบ
ยังไม่ได้เป็นสมาชิก สมัครสมาชิกใหม่
หรือจะลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google หรือ Facebook ก็ได้
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Facebook
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google
เป็นสมาชิกอยู่แล้ว ลงชื่อเข้าใช้ระบบ
ยังไม่ได้เป็นสมาชิก สมัครสมาชิกใหม่
หรือจะลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google หรือ Facebook ก็ได้
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Facebook
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google