ภูเก็ตแซนบอกซ์" ความหวังใหม่ของการเปิดประเทศ
12 มิ.ย. 64 03:14 น. /
ดู 14,096 ครั้ง /
4 ความเห็น /
0 ชอบจัง
/
แชร์
1 กรกฎาคมนี้ ภูเก็ตแซนด์บ๊อกซ์ ความหวังของเศรษฐกิจประเทศ จะมาจริงแล้ว เพื่อให้เป็นโมเดลเปิดประเทศหลังจากเกิดภูมิคุ้มกันหมู่
2 ปีมาแล้วที่ประเทศไทยเผชิญกับโรคโควิด-19 ซึ่งนำพาปัญหาต่างๆมากมายตั้งแต่เรื่องของ ความเป็นอยู่ที่เปลี่ยนไป การ Social Distancing จนถึงการปิดประเทศที่นำพาปัญหาหลักมาถึงเรานั่นคือปัญหา "เศรษฐกิจ" ที่ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงอย่างมาก
ประเทศเราเป็นหนึ่งประเทศที่พึ่งพาการท่องเที่ยวเป็นหลัก หากเรายังปิดประเทศไม่รับนักท่องเที่ยวอยู่แบบนี้เท่ากับนับถอยหลังรอเวลาพังกันหมดเลย ดูได้จากห้างร้าน โรงแรม ตามสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ที่ทยอยปิดตัวกันไป ดังนั้นความสำคัญเร่งด่วนตอนนี้นอกจากเรื่องการ ควบคุมการระบาดในประเทศ ให้ได้แล้ว สิ่งสำคัญที่สุดอีก 1 อย่างเลยคือ นโยบายการสนับสนุนการเดินทางท่องเที่ยวให้เป็นแบบแผนเสียที
ภาพที่อยากเห็นเหลือเกินตอนนี้คือภาพนักท่องเที่ยวเต็มสนามบินสักที
ซึ่งในสัปดาห์ที่ผ่านมามีแผน แผนนึงปรากฏตามหน้าข่าวสารคือแผน "ภูเก็ตแซนบอกซ์" รายละเอียดคือแนวทางการเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ที่ "ได้รับการฉีดวัคซีนแล้ว" จากประเทศที่มีความเสี่ยงต่ำและปานกลางของจังหวัดภูเก็ต ที่จะมีกำหนดดำเนินการในวันที่ 1 กรกฎาคม 2564 โดยมีกำหนดแผนการเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติโดยไม่ต้องกักตัว โดยมีรายละเอียดแยกย่อย 6 ข้อคือ
1.เปิดรับเฉพาะนักท่องเที่ยวที่ได้รับวัคซีนครบโดสตามเกณฑ์ของวัคซีนแต่ละชนิด มีระยะเวลาการฉีดมากกว่า 14 วัน แต่ไม่เกิน 1 ปี และเป็นผู้เดินทางจากกลุ่มประเทศต้นทางที่มีความเสี่ยงต่ำ-ปานกลาง ตามหลักเกณฑ์ของกระทรวงสาธารณสุข
2.กำหนดให้เด็กอายุต่ำกว่า 6 ปีที่เดินทางมาพร้อมกับผู้ปกครองที่ฉีดวัคซีนแล้วเดินทางเข้าได้ ในขณะที่เด็กอายุระหว่าง 6-18 ปีจะต้องได้รับการตรวจเชื้อเมื่อเดินทางมาถึงสนามบินภูเก็ต
3.มีเอกสารรับรองการฉีดวัคซีนจากประเทศต้นทาง โดยวัคซีนจะต้องขึ้นทะเบียนตามกฎหมายของประเทศไทย หรือได้รับการรับรองโดยองค์การอนามัยโลก (WHO)
4.มีการติดตั้งแอปพลิเคชันแจ้งเตือน
5.พำนักในโรงแรมที่พักที่ผ่านมาตรฐาน SHA+ เป็นเวลา 14 คืน และภายหลังการ พำนักตามระยะเวลาที่กาหนดสามารถเดินทางไปยังพื้นที่อื่นในประเทศไทยได้
6.รายงานตัวและรับการตรวจเชื้อโควิด-19 ตามมาตรการควบคุมโรคของกระทรวงสาธารณสุข และสามารถทำกิจกรรมท่องเที่ยวได้ภายใต้มาตรการป้องกันตามมาตรฐาน DMHTTA
ซึ่งส่วนตัวของ จขกท.แล้วเห็นด้วยเป็นอย่างมาก เพราะนอกจากจะช่วยผู้ประกอบการที่จังหวัดภูเก็ตแล้วโครงการนี้ยังเป็นโครงการต้นแบบ (ที่เรียกว่า Sandbox) ที่สามารถเอาไปพัฒนาเป็นแนวทางกับจังหวัดท่องเที่ยวต่างๆของประเทศได้อีกด้วย ซึ่งก็หวังว่าโครงการนี้จะสามารถช่วยเยี่ยวผู้ประกอบการในประเทศและกระตุ้นเศรษฐกิจการท่องเที่ยวในประเทศได้ ประเทศจะได้เริ่มฟื้นสักที
.... กระทู้นี้ย้ายมาจากห้องข่าวประชาสัมพันธ์ ...
2 ปีมาแล้วที่ประเทศไทยเผชิญกับโรคโควิด-19 ซึ่งนำพาปัญหาต่างๆมากมายตั้งแต่เรื่องของ ความเป็นอยู่ที่เปลี่ยนไป การ Social Distancing จนถึงการปิดประเทศที่นำพาปัญหาหลักมาถึงเรานั่นคือปัญหา "เศรษฐกิจ" ที่ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงอย่างมาก
ประเทศเราเป็นหนึ่งประเทศที่พึ่งพาการท่องเที่ยวเป็นหลัก หากเรายังปิดประเทศไม่รับนักท่องเที่ยวอยู่แบบนี้เท่ากับนับถอยหลังรอเวลาพังกันหมดเลย ดูได้จากห้างร้าน โรงแรม ตามสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ที่ทยอยปิดตัวกันไป ดังนั้นความสำคัญเร่งด่วนตอนนี้นอกจากเรื่องการ ควบคุมการระบาดในประเทศ ให้ได้แล้ว สิ่งสำคัญที่สุดอีก 1 อย่างเลยคือ นโยบายการสนับสนุนการเดินทางท่องเที่ยวให้เป็นแบบแผนเสียที
ภาพที่อยากเห็นเหลือเกินตอนนี้คือภาพนักท่องเที่ยวเต็มสนามบินสักที
ซึ่งในสัปดาห์ที่ผ่านมามีแผน แผนนึงปรากฏตามหน้าข่าวสารคือแผน "ภูเก็ตแซนบอกซ์" รายละเอียดคือแนวทางการเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ที่ "ได้รับการฉีดวัคซีนแล้ว" จากประเทศที่มีความเสี่ยงต่ำและปานกลางของจังหวัดภูเก็ต ที่จะมีกำหนดดำเนินการในวันที่ 1 กรกฎาคม 2564 โดยมีกำหนดแผนการเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติโดยไม่ต้องกักตัว โดยมีรายละเอียดแยกย่อย 6 ข้อคือ
1.เปิดรับเฉพาะนักท่องเที่ยวที่ได้รับวัคซีนครบโดสตามเกณฑ์ของวัคซีนแต่ละชนิด มีระยะเวลาการฉีดมากกว่า 14 วัน แต่ไม่เกิน 1 ปี และเป็นผู้เดินทางจากกลุ่มประเทศต้นทางที่มีความเสี่ยงต่ำ-ปานกลาง ตามหลักเกณฑ์ของกระทรวงสาธารณสุข
2.กำหนดให้เด็กอายุต่ำกว่า 6 ปีที่เดินทางมาพร้อมกับผู้ปกครองที่ฉีดวัคซีนแล้วเดินทางเข้าได้ ในขณะที่เด็กอายุระหว่าง 6-18 ปีจะต้องได้รับการตรวจเชื้อเมื่อเดินทางมาถึงสนามบินภูเก็ต
3.มีเอกสารรับรองการฉีดวัคซีนจากประเทศต้นทาง โดยวัคซีนจะต้องขึ้นทะเบียนตามกฎหมายของประเทศไทย หรือได้รับการรับรองโดยองค์การอนามัยโลก (WHO)
4.มีการติดตั้งแอปพลิเคชันแจ้งเตือน
5.พำนักในโรงแรมที่พักที่ผ่านมาตรฐาน SHA+ เป็นเวลา 14 คืน และภายหลังการ พำนักตามระยะเวลาที่กาหนดสามารถเดินทางไปยังพื้นที่อื่นในประเทศไทยได้
6.รายงานตัวและรับการตรวจเชื้อโควิด-19 ตามมาตรการควบคุมโรคของกระทรวงสาธารณสุข และสามารถทำกิจกรรมท่องเที่ยวได้ภายใต้มาตรการป้องกันตามมาตรฐาน DMHTTA
ซึ่งส่วนตัวของ จขกท.แล้วเห็นด้วยเป็นอย่างมาก เพราะนอกจากจะช่วยผู้ประกอบการที่จังหวัดภูเก็ตแล้วโครงการนี้ยังเป็นโครงการต้นแบบ (ที่เรียกว่า Sandbox) ที่สามารถเอาไปพัฒนาเป็นแนวทางกับจังหวัดท่องเที่ยวต่างๆของประเทศได้อีกด้วย ซึ่งก็หวังว่าโครงการนี้จะสามารถช่วยเยี่ยวผู้ประกอบการในประเทศและกระตุ้นเศรษฐกิจการท่องเที่ยวในประเทศได้ ประเทศจะได้เริ่มฟื้นสักที
.... กระทู้นี้ย้ายมาจากห้องข่าวประชาสัมพันธ์ ...
เลขไอพี : ไม่แสดง
| ตั้งกระทู้โดย Windows 10
อ่านต่อ คุณอาจจะสนใจเนื้อหาเหล่านี้ (ความคิดเห็นกระทู้ อยู่ด้านล่าง)
ความคิดเห็น
จะต้องเป็นสมาชิกจึงจะแสดงความคิดเห็นได้
เป็นสมาชิกอยู่แล้ว ลงชื่อเข้าใช้ระบบ
ยังไม่ได้เป็นสมาชิก สมัครสมาชิกใหม่
หรือจะลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google หรือ Facebook ก็ได้
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Facebook
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google
เป็นสมาชิกอยู่แล้ว ลงชื่อเข้าใช้ระบบ
ยังไม่ได้เป็นสมาชิก สมัครสมาชิกใหม่
หรือจะลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google หรือ Facebook ก็ได้
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Facebook
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google