ฟาดพร้อมข้อมูล! มิว มีน ตุลย์ มาดิสคัสประเด็นสังคม การเมือง ให้ได้ฉุกคิดตาม
2 ก.ย. 64 03:07 น. /
ดู 1,682 ครั้ง /
1 ความเห็น /
0 ชอบจัง
/
แชร์
เป็นไลฟ์ที่ปังมากเมื่อได้เห็น มิว ศุภศิษฐ์, มีน พีรวิชญ์ และ ตุลย์ ภากร 3 หนุ่มขวัญใจสาววาย
ที่นอกจากจะมอบความสุขความฟินผ่านผลงานต่างๆ แล้ว พวกเขายังได้ใช้พื้นที่ของตัวเองส่งเสียงวิพากษ์
วิจารณ์ปัญหาสังคมในปัจจุบันให้เห็นกันอยู่บ่อยๆ ทาง THE STANDARD POP เลยไม่พลาดชวนพวกเขา
มาพูดคุยใน POP Live Special: POP Powerful Voices in Crisis ว่าเสียงของพวกเขาจะสร้างอิมแพ็ค
เปลี่ยนแปลงสังคมได้อย่างไร
คอมเมนต์มาบอกให้ ฟาดให้ปังปุริเย่ไปเลย ตุลย์บอก วันนี้ไม่มีใครยั้งใครมีแต่ดันหลัง
เอาล่ะเตรียมหลังแอ่นได้เลย XD
และเปิดมาตุลย์คือโดนทักจากพิธีกรเลยนะว่า เหมือนซีรีส์ พฤติการณ์ที่ตาย ที่เขาเล่นและจบไปได้สักพักใหญ่ๆ แล้ว
ยังเหมือนฉายในไม่กี่วันก่อนหน้านี้อยู่เลย ในประเด็นที่สะท้อนถึงระบบราชการไทยที่จะไม่มีตัวร้าย
ซึ่งมิวก็ให้ความเห็นเพิ่มเติมว่า ในสังคมของประเทศไทยจัดกรอบว่าอาชีพนี้เป็นคนดีคนร้ายอยู่ ทำไมเขาถึงไม่คิดว่า
การทำดีของเขามันเป็นหน้าที่ที่ได้เงินภาษีของประชาชนไป ฟากของมีนก็ฟาดเพิ่ม
ผมไม่ได้แคร์ความดีขนาดนั้น เราไม่ได้ต้องการคนดีในระบบของเรา แต่เราต้องการระบบที่ดี เพราะถ้าระบบมันดี เดี๋ยวคนดีมันมาเอง
พูดถึงระบบราชการแล้ว ต้องอัญเชิญโอวาทจากหมอบรรณหน่อย
"นี่ต้องรอให้มันระบาดทั่วก่อนใช่ป่ะ พวกคุณถึงจะเริ่มทำงานกันอะ แม่-งเปลืองภาษีว่-ะ"
https://twitter.com/safeyourpain/status/1431229718007730181
ก่อนทั้ง 3 จะโดนถามว่ามีเหตุการณ์อะไรที่ทำให้รู้สึกว่าผิดปกติจนต้องออกมา take action
มิว: ผมเอ๊ะตอนเลือกตั้ง การนำเสนอโพลล์ต่างๆ มันได้ข้อมูลที่แปลกมาก แล้วไม่บอกว่ากลุ่มตัวอย่างมาจากไหน ทำให้บางคนรับข้อมูลที่เป็นเฟกนิวส์บางคนเขาไม่ได้ศึกษาเพิ่มเติมก็พร้อมจะเชื่อเลย การปล่อยโพลล์ที่ไม่รู้ที่มาที่ไปออกมาทำให้หลายๆ คนเชื่อในทางที่ผิด
ตุลย์: เลือกตั้งปี 62 ใช้งบประมาณจัดตั้งเยอะที่สุดในประวัติศาสตร์ไทย 5,800 ล้าน
แต่คนเลือกตั้งยังไม่สามารถเชื่อเลยว่าผลจะออกมาน่าเชื่อถือ หรือเหตุการณ์ วันเฉลิม ช่วงมิถุนาผมรู้สึกต้องลุกขึ้นมาละ เรารู้สึกว่าจะทำให้การละเมิดสิทธิมนุษยชน การบังคับหายให้เป็นเรื่องปกติไม่ได้ เรื่องบางกลอยก็จะเป็นกลุ่มชาติพันธุ์ที่ไม่ได้รับการทรีตอย่างเท่าเทียมถูกบังคับให้ออกมาจากพื้นที่ที่เคยใช้ชีวิต และสู้กับราชการแต่ผู้นำในกลุ่มกลับถูกอุ้มหาย เขาโดนปฏิบัติขนาดนั้นไม่ต้องพูดถึงโอกาสในการศึกษาหรือเติบโตในโลกทุนนิยมเลย ข้าวจะกรอกปากเขายังไม่มี ผมเลยรู้สึกต้องพูด
เป็นหน้าที่ของเรา
มีน: จุดเริ่มต้นผมมันเล็กมากๆ ตอนอายุไม่ถึง 10 ขวบผมนั่งกินข้าวอยู่กับญาติ
และจุดประเด็นกันว่าข้าวที่กินเนี่ยทำไมมันแข็งจังเป็นข้าวที่สนับสนุนทีวีช่องนึง พอคุยกันเรื่องนี้โต๊ะกินข้าวก็กระจัดกระจาย เลยรู้สึกว่าทุกเรื่องคุยกันได้หมดทำไมประเด็นทางสังคมมันคุยกันไม่ได้ เราก็เลยพยายามศึกษา
แล้วก็พูดถึงประเด็นเรื่องนี้มาโดยตลอดเพราะเราเชื่อว่าทุกคนพูดได้ทุกคนมีสิทธิ์ที่จะพูด แค่สถาบันครอบครัวยังคุยกันไม่ได้ ก็ไม่ต้องหวังถึงสถาบันอื่น
และชอบที่หนุ่มๆ เขาดิสคัสกันจากตอนแรกที่พิธีกรถามเรื่องการศึกษาหาข้อมูลก่อนมาเคลื่อนไหวบนโซเชียล
ในประเด็นต่างๆ อย่างมิวเปิดมาว่า การศึกษาข้อมูล สารที่เราได้รับมามันเป็นยังไง แต่ละคนจะมี ref ต่างกัน มันมีข้อมูลต่างกัน และอยากให้โฟกัสเนื้อหาที่จะสื่อมากกว่า พอถูกคนมาคอมเมนต์หรือใช้ hate speech ก็จะทำให้หลงประเด็นที่ต้องการจะสื่อไป แต่มีนก็แสดงความเห็นว่า บางคนเขาเสนอว่าเราไม่ควรไปลดทอนความโกรธที่สั่งสมมาจากคนๆ นั้น ทีนี้เราจะหาจุดร่วมยังไง มิวก็ขอเสริมในประเด็นนี้ว่า ถ้ามันเป็นการใส่อารมณ์ แต่ไม่ได้เข้าข่าย Hate Speech ที่ลดทอนคุณค่าของเขา ผมรู้สึกว่าทำได้ แต่ถ้าเกินเลยถึงขั้นผิดกฎหมาย ด่าพ่อแม่ มันก็เป็นสิ่งที่ไม่ควรทำ ซึ่งตุลย์ก็มองว่า การโต้แย้งที่ใส่ความโกรธเข้าไป
มันก็มีเหตุผลได้ เราเลือกไม่ฟังด้วยการที่บอกว่าเขาเป็นคนแบบนั้น ผมว่าเราสามารถฟังคนที่เขามีอารณ์โกรธได้และใช้ตรรกะมองว่ามันเป็นเรื่องจริงรึเปล่าใช่ข้อความที่เราควรต้องศึกษาเพิ่มรึเปล่า ก็ควรจะรับฟัง
Call out น่ากลัวไหม พอได้ออกมาแล้วเป็นยังไง?
ตุลย์: ผมไม่ได้รู้สึกว่าเป็น Big matter อะไร รู้สึกว่าเป็นปกติของระบอบประชาธิปไตย ถ้าพูดไม่ได้สิแปลก ถ้าเราไม่ได้ offend ใครก็ควรพูดได้ ครั้งแรกที่แสดงออกทางการเมืองคือโพสต์ปี 62 ที่เอาปากกาไปคูหาเลือกตั้ง
มีน: ผู้ใหญ่ก็แสดงความเป็นห่วงมาเยอะเราก็เข้าใจเขามากๆ แต่สุดท้ายสังคมที่จะพัฒนาไปได้มันต้องมีการพูดและการฟัง การ Call out ควรเป็นเรื่องปกติแต่หลายๆ ครั้งเราเห็นในทวิตเตอร์คนที่ออกมาพูดแรงๆ จะได้รับแสงยิ่งบาร์สูง อันนี้เราไม่ค่อยเห็นด้วย ควรมองที่เนื้อหามากกว่า
มิว: น่ากลัวครับ จากที่ทั้งสองคนพูดมาทำให้รู้ความเป็นประชาธิปไตยของประเทศไทยมันผิดปกติ กลัวผู้ใหญ่จะมองเรายังไง แฟนๆ คนรอบตัวประเทศจะเป็นยังไง แต่พอมองย้อนมามันต้องกลัวเหรอ เราควรมีสิทธิในการพูด พอได้ออกมาพูดก็สบายใจขึ้น ก็ยังมีคนที่ยังซัปพอร์ตเราอยู่ ที่ออกมาแบบจริงจัง เห็นว่าสถานการณ์ในประเทศมันแย่ แล้วแฟนคลับเราตายจากเหตุการณ์ที่เกิดในปัจจุบัน เราไม่โอเคมากๆ
สัญญาณตอนมีนพูดเริ่มขาดหายๆ ก็มีแซวกันแล้วว่า ใครยิงสัญญาณ XD
มีนยังมีเสริมเรื่องที่ทุกคนอาจไม่ได้มีความคิดเหมือนตอนนี้ว่า ทุกคนมีความคิดที่ผิดได้ เหมือนเมื่อก่อนเราก็เข้าใจว่ามีแค่เพศหญิงกับเพศชาย ขอโยงเข้า LGBTQ ทุกวันนี้มันก็มี LGBTQIA+, Androgynous ไม่มีเพศไปเลย เหมือนว่าคนเรามันเปลี่ยนได้ตลอด วันนี้ผมอาจเป็นผู้ชายพรุ่งนี้ผมอาจเปลี่ยนไปชอบผู้ชายก็ไม่ได้หมายความความเป็นชายของผมตลอด 23 ปีมันผิด อดีตมันก็ผ่านไปและเราก็ยอมรับแก้ไขเท่านั้นเอง ตุลย์เลยมอง
บทสนทนาของศตวรรษที่ 21 คือเรากำลังเข้าใจสิทธิมนุษยชนมากขึ้นเรื่อยๆ ผ่านโซเชียล คนที่เข้าใจ Human Rights จริงๆ แล้วออกมาพูด ผมบอกเลยว่าไม่มีทางบ้ง มันเป็นบทสนทนาที่หลังจากนี้เราจะต้องคุยกันอีกยาวว่า เราโดนลดทอนสิทธิมนุษยชนอะไรไปแล้วบ้าง
ยังมีพูดถึงเรื่องชุดความคิด Generation gap กันอีก
มิว: ตอนนี้ชุดความคิดของแต่ละ gen มันไม่เหมือนกัน แต่ไม่ค่อยมีใครมาศึกษาชุดความคิดต่าง gen อยากลองศึกษาชุดความคิดของแต่ละยุค การสื่อสาร สื่อ การรับสื่อ เมื่อก่อนจะพบว่าการเปลี่ยนแปลงเป็นเรื่องยาก ถ้ามัวแต่ยึดว่าฉันคิดแบบนี้ๆ มันก็ไม่มีการ compromise ที่แท้จริง
มีน: ผมมีคำหนึ่งอยู่ในหัวตลอด ผมจะไม่ยอมแก่หลุดซึ่งข่าวสารไป
ถ้าวันนึงผมอายุ 60 ผมขอคุยกับคนอายุ 10 ขวบรู้เรื่อง หรืออย่างการที่คนรุ่นพ่อแม่จะเชื่อสุดหัวใจ
เลยว่าข่าวที่เสนอผ่านทีวีคือเรื่องจริง ปัญหานี้เชื่อว่าน่าจะเป็นกันหลายครอบครัว
ตุลย์: ฝากไปถึงผู้ใหญ่ คนที่คุณใช้คำว่าเด็กสมัยนี้ เขาคือผลผลิตที่คุณพยายามส่งเรียนหนังสือ คุณจะไม่ฟังเขาหน่อยเหรอ อย่าให้เขาเริ่มรู้สึกหมดหวังกับประเทศ เราเป็นพลังสำคัญเช่นเดียวกันในวัยที่กำลังเบ่งบาน เราถูกตัดโอกาสไปมากมาย ได้โปรดรับฟังพวกเรานะครับ
และไปสุดมากมีนเลือกอ่านคอมเมนต์ที่มีคนถามว่า compromise แปลว่าอะไร
ตุลย์: แปลว่ากระสุนยางป่ะครับ หรือแก๊สน้ำตาอะไรงี้
มีน: ถ้าแปลด้วย dictionary แปลว่าประนีประนอมครับ
แต่ละคนมันต๊าชชชช เปรี้ยวไม่ไหวแล้ว!
เป็นไลฟ์คุณภาพ ที่ได้รู้เบื้องหลังของการออกมาพูดถึงประเด็นต่างๆ ของพวกเขา
ซึ่งเป็นคนบันเทิงรุ่นใหม่ที่ได้ส่งเสียงแทนประชาชนให้สังคมได้รับรู้ถึงความบิดเบี้ยวหลายๆ อย่างในสังคมนี้
#มิวศุภศิษฏ์ #มีนพีรวิชญ์ #ตุลย์ภากร
ที่นอกจากจะมอบความสุขความฟินผ่านผลงานต่างๆ แล้ว พวกเขายังได้ใช้พื้นที่ของตัวเองส่งเสียงวิพากษ์
วิจารณ์ปัญหาสังคมในปัจจุบันให้เห็นกันอยู่บ่อยๆ ทาง THE STANDARD POP เลยไม่พลาดชวนพวกเขา
มาพูดคุยใน POP Live Special: POP Powerful Voices in Crisis ว่าเสียงของพวกเขาจะสร้างอิมแพ็ค
เปลี่ยนแปลงสังคมได้อย่างไร
เอาล่ะเตรียมหลังแอ่นได้เลย XD
และเปิดมาตุลย์คือโดนทักจากพิธีกรเลยนะว่า เหมือนซีรีส์ พฤติการณ์ที่ตาย ที่เขาเล่นและจบไปได้สักพักใหญ่ๆ แล้ว
ยังเหมือนฉายในไม่กี่วันก่อนหน้านี้อยู่เลย ในประเด็นที่สะท้อนถึงระบบราชการไทยที่จะไม่มีตัวร้าย
ซึ่งมิวก็ให้ความเห็นเพิ่มเติมว่า ในสังคมของประเทศไทยจัดกรอบว่าอาชีพนี้เป็นคนดีคนร้ายอยู่ ทำไมเขาถึงไม่คิดว่า
การทำดีของเขามันเป็นหน้าที่ที่ได้เงินภาษีของประชาชนไป ฟากของมีนก็ฟาดเพิ่ม
ผมไม่ได้แคร์ความดีขนาดนั้น เราไม่ได้ต้องการคนดีในระบบของเรา แต่เราต้องการระบบที่ดี เพราะถ้าระบบมันดี เดี๋ยวคนดีมันมาเอง
พูดถึงระบบราชการแล้ว ต้องอัญเชิญโอวาทจากหมอบรรณหน่อย
"นี่ต้องรอให้มันระบาดทั่วก่อนใช่ป่ะ พวกคุณถึงจะเริ่มทำงานกันอะ แม่-งเปลืองภาษีว่-ะ"
https://twitter.com/safeyourpain/status/1431229718007730181
ก่อนทั้ง 3 จะโดนถามว่ามีเหตุการณ์อะไรที่ทำให้รู้สึกว่าผิดปกติจนต้องออกมา take action
มิว: ผมเอ๊ะตอนเลือกตั้ง การนำเสนอโพลล์ต่างๆ มันได้ข้อมูลที่แปลกมาก แล้วไม่บอกว่ากลุ่มตัวอย่างมาจากไหน ทำให้บางคนรับข้อมูลที่เป็นเฟกนิวส์บางคนเขาไม่ได้ศึกษาเพิ่มเติมก็พร้อมจะเชื่อเลย การปล่อยโพลล์ที่ไม่รู้ที่มาที่ไปออกมาทำให้หลายๆ คนเชื่อในทางที่ผิด
ตุลย์: เลือกตั้งปี 62 ใช้งบประมาณจัดตั้งเยอะที่สุดในประวัติศาสตร์ไทย 5,800 ล้าน
แต่คนเลือกตั้งยังไม่สามารถเชื่อเลยว่าผลจะออกมาน่าเชื่อถือ หรือเหตุการณ์ วันเฉลิม ช่วงมิถุนาผมรู้สึกต้องลุกขึ้นมาละ เรารู้สึกว่าจะทำให้การละเมิดสิทธิมนุษยชน การบังคับหายให้เป็นเรื่องปกติไม่ได้ เรื่องบางกลอยก็จะเป็นกลุ่มชาติพันธุ์ที่ไม่ได้รับการทรีตอย่างเท่าเทียมถูกบังคับให้ออกมาจากพื้นที่ที่เคยใช้ชีวิต และสู้กับราชการแต่ผู้นำในกลุ่มกลับถูกอุ้มหาย เขาโดนปฏิบัติขนาดนั้นไม่ต้องพูดถึงโอกาสในการศึกษาหรือเติบโตในโลกทุนนิยมเลย ข้าวจะกรอกปากเขายังไม่มี ผมเลยรู้สึกต้องพูด
เป็นหน้าที่ของเรา
มีน: จุดเริ่มต้นผมมันเล็กมากๆ ตอนอายุไม่ถึง 10 ขวบผมนั่งกินข้าวอยู่กับญาติ
และจุดประเด็นกันว่าข้าวที่กินเนี่ยทำไมมันแข็งจังเป็นข้าวที่สนับสนุนทีวีช่องนึง พอคุยกันเรื่องนี้โต๊ะกินข้าวก็กระจัดกระจาย เลยรู้สึกว่าทุกเรื่องคุยกันได้หมดทำไมประเด็นทางสังคมมันคุยกันไม่ได้ เราก็เลยพยายามศึกษา
แล้วก็พูดถึงประเด็นเรื่องนี้มาโดยตลอดเพราะเราเชื่อว่าทุกคนพูดได้ทุกคนมีสิทธิ์ที่จะพูด แค่สถาบันครอบครัวยังคุยกันไม่ได้ ก็ไม่ต้องหวังถึงสถาบันอื่น
และชอบที่หนุ่มๆ เขาดิสคัสกันจากตอนแรกที่พิธีกรถามเรื่องการศึกษาหาข้อมูลก่อนมาเคลื่อนไหวบนโซเชียล
ในประเด็นต่างๆ อย่างมิวเปิดมาว่า การศึกษาข้อมูล สารที่เราได้รับมามันเป็นยังไง แต่ละคนจะมี ref ต่างกัน มันมีข้อมูลต่างกัน และอยากให้โฟกัสเนื้อหาที่จะสื่อมากกว่า พอถูกคนมาคอมเมนต์หรือใช้ hate speech ก็จะทำให้หลงประเด็นที่ต้องการจะสื่อไป แต่มีนก็แสดงความเห็นว่า บางคนเขาเสนอว่าเราไม่ควรไปลดทอนความโกรธที่สั่งสมมาจากคนๆ นั้น ทีนี้เราจะหาจุดร่วมยังไง มิวก็ขอเสริมในประเด็นนี้ว่า ถ้ามันเป็นการใส่อารมณ์ แต่ไม่ได้เข้าข่าย Hate Speech ที่ลดทอนคุณค่าของเขา ผมรู้สึกว่าทำได้ แต่ถ้าเกินเลยถึงขั้นผิดกฎหมาย ด่าพ่อแม่ มันก็เป็นสิ่งที่ไม่ควรทำ ซึ่งตุลย์ก็มองว่า การโต้แย้งที่ใส่ความโกรธเข้าไป
มันก็มีเหตุผลได้ เราเลือกไม่ฟังด้วยการที่บอกว่าเขาเป็นคนแบบนั้น ผมว่าเราสามารถฟังคนที่เขามีอารณ์โกรธได้และใช้ตรรกะมองว่ามันเป็นเรื่องจริงรึเปล่าใช่ข้อความที่เราควรต้องศึกษาเพิ่มรึเปล่า ก็ควรจะรับฟัง
Call out น่ากลัวไหม พอได้ออกมาแล้วเป็นยังไง?
ตุลย์: ผมไม่ได้รู้สึกว่าเป็น Big matter อะไร รู้สึกว่าเป็นปกติของระบอบประชาธิปไตย ถ้าพูดไม่ได้สิแปลก ถ้าเราไม่ได้ offend ใครก็ควรพูดได้ ครั้งแรกที่แสดงออกทางการเมืองคือโพสต์ปี 62 ที่เอาปากกาไปคูหาเลือกตั้ง
มีน: ผู้ใหญ่ก็แสดงความเป็นห่วงมาเยอะเราก็เข้าใจเขามากๆ แต่สุดท้ายสังคมที่จะพัฒนาไปได้มันต้องมีการพูดและการฟัง การ Call out ควรเป็นเรื่องปกติแต่หลายๆ ครั้งเราเห็นในทวิตเตอร์คนที่ออกมาพูดแรงๆ จะได้รับแสงยิ่งบาร์สูง อันนี้เราไม่ค่อยเห็นด้วย ควรมองที่เนื้อหามากกว่า
มิว: น่ากลัวครับ จากที่ทั้งสองคนพูดมาทำให้รู้ความเป็นประชาธิปไตยของประเทศไทยมันผิดปกติ กลัวผู้ใหญ่จะมองเรายังไง แฟนๆ คนรอบตัวประเทศจะเป็นยังไง แต่พอมองย้อนมามันต้องกลัวเหรอ เราควรมีสิทธิในการพูด พอได้ออกมาพูดก็สบายใจขึ้น ก็ยังมีคนที่ยังซัปพอร์ตเราอยู่ ที่ออกมาแบบจริงจัง เห็นว่าสถานการณ์ในประเทศมันแย่ แล้วแฟนคลับเราตายจากเหตุการณ์ที่เกิดในปัจจุบัน เราไม่โอเคมากๆ
สัญญาณตอนมีนพูดเริ่มขาดหายๆ ก็มีแซวกันแล้วว่า ใครยิงสัญญาณ XD
มีนยังมีเสริมเรื่องที่ทุกคนอาจไม่ได้มีความคิดเหมือนตอนนี้ว่า ทุกคนมีความคิดที่ผิดได้ เหมือนเมื่อก่อนเราก็เข้าใจว่ามีแค่เพศหญิงกับเพศชาย ขอโยงเข้า LGBTQ ทุกวันนี้มันก็มี LGBTQIA+, Androgynous ไม่มีเพศไปเลย เหมือนว่าคนเรามันเปลี่ยนได้ตลอด วันนี้ผมอาจเป็นผู้ชายพรุ่งนี้ผมอาจเปลี่ยนไปชอบผู้ชายก็ไม่ได้หมายความความเป็นชายของผมตลอด 23 ปีมันผิด อดีตมันก็ผ่านไปและเราก็ยอมรับแก้ไขเท่านั้นเอง ตุลย์เลยมอง
บทสนทนาของศตวรรษที่ 21 คือเรากำลังเข้าใจสิทธิมนุษยชนมากขึ้นเรื่อยๆ ผ่านโซเชียล คนที่เข้าใจ Human Rights จริงๆ แล้วออกมาพูด ผมบอกเลยว่าไม่มีทางบ้ง มันเป็นบทสนทนาที่หลังจากนี้เราจะต้องคุยกันอีกยาวว่า เราโดนลดทอนสิทธิมนุษยชนอะไรไปแล้วบ้าง
ยังมีพูดถึงเรื่องชุดความคิด Generation gap กันอีก
มิว: ตอนนี้ชุดความคิดของแต่ละ gen มันไม่เหมือนกัน แต่ไม่ค่อยมีใครมาศึกษาชุดความคิดต่าง gen อยากลองศึกษาชุดความคิดของแต่ละยุค การสื่อสาร สื่อ การรับสื่อ เมื่อก่อนจะพบว่าการเปลี่ยนแปลงเป็นเรื่องยาก ถ้ามัวแต่ยึดว่าฉันคิดแบบนี้ๆ มันก็ไม่มีการ compromise ที่แท้จริง
มีน: ผมมีคำหนึ่งอยู่ในหัวตลอด ผมจะไม่ยอมแก่หลุดซึ่งข่าวสารไป
ถ้าวันนึงผมอายุ 60 ผมขอคุยกับคนอายุ 10 ขวบรู้เรื่อง หรืออย่างการที่คนรุ่นพ่อแม่จะเชื่อสุดหัวใจ
เลยว่าข่าวที่เสนอผ่านทีวีคือเรื่องจริง ปัญหานี้เชื่อว่าน่าจะเป็นกันหลายครอบครัว
ตุลย์: ฝากไปถึงผู้ใหญ่ คนที่คุณใช้คำว่าเด็กสมัยนี้ เขาคือผลผลิตที่คุณพยายามส่งเรียนหนังสือ คุณจะไม่ฟังเขาหน่อยเหรอ อย่าให้เขาเริ่มรู้สึกหมดหวังกับประเทศ เราเป็นพลังสำคัญเช่นเดียวกันในวัยที่กำลังเบ่งบาน เราถูกตัดโอกาสไปมากมาย ได้โปรดรับฟังพวกเรานะครับ
และไปสุดมากมีนเลือกอ่านคอมเมนต์ที่มีคนถามว่า compromise แปลว่าอะไร
ตุลย์: แปลว่ากระสุนยางป่ะครับ หรือแก๊สน้ำตาอะไรงี้
มีน: ถ้าแปลด้วย dictionary แปลว่าประนีประนอมครับ
แต่ละคนมันต๊าชชชช เปรี้ยวไม่ไหวแล้ว!
เป็นไลฟ์คุณภาพ ที่ได้รู้เบื้องหลังของการออกมาพูดถึงประเด็นต่างๆ ของพวกเขา
ซึ่งเป็นคนบันเทิงรุ่นใหม่ที่ได้ส่งเสียงแทนประชาชนให้สังคมได้รับรู้ถึงความบิดเบี้ยวหลายๆ อย่างในสังคมนี้
#มิวศุภศิษฏ์ #มีนพีรวิชญ์ #ตุลย์ภากร
ขอบคุณภาพและคลิปจาก
YT: THE STANDARD POP
@safeyourpain
แก้ไขล่าสุด 3 ก.ย. 64 18:59 |
เลขไอพี : ไม่แสดง
| ตั้งกระทู้โดย Windows 10
อ่านต่อ คุณอาจจะสนใจเนื้อหาเหล่านี้ (ความคิดเห็นกระทู้ อยู่ด้านล่าง)
ความคิดเห็น
ยังไม่มีความคิดเห็น
จะต้องเป็นสมาชิกจึงจะแสดงความคิดเห็นได้
เป็นสมาชิกอยู่แล้ว ลงชื่อเข้าใช้ระบบ
ยังไม่ได้เป็นสมาชิก สมัครสมาชิกใหม่
หรือจะลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google หรือ Facebook ก็ได้
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Facebook
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google
เป็นสมาชิกอยู่แล้ว ลงชื่อเข้าใช้ระบบ
ยังไม่ได้เป็นสมาชิก สมัครสมาชิกใหม่
หรือจะลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google หรือ Facebook ก็ได้
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Facebook
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google