คนไทยกำลังจะได้ใช้ "ยานพาหนะไฟฟ้า" ในชีวิตประจำวัน พูดคุยกับพลังงานบริสุทธิ์์
23 พ.ย. 64 01:19 น. /
ดู 13,581 ครั้ง /
3 ความเห็น /
0 ชอบจัง
/
แชร์
ถึงหลายประเทศทั่วโลกจะใช้รถยนต์ไฟฟ้าหรือ EV กันจนกลายเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวัน แต่ผ่านมา 10 ปีก็แล้ว 5 ปีก็แล้วในไทยยังเหมือนฝัน จะด้วยภาษีนำเข้าก็ดี ไร้สายการผลิตและประกอบในไทยก็ดี หรือรัฐไทยยังไม่เอื้อต่อการลงทุนของกลุ่มธุรกิจ EV ก็แล้วแต่ แต่ดูเหมือนวันที่คนไทยจะมียานยนต์ EV ใช้ในชีวิตประจำวันกำลังจะมาถึง
'อมร ทรัพย์ทวีกุล' รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) หรือ EA ผู้นำทางด้านพลังงานทดแทนและไบโอ เล่าว่า หลังจากการฝึกฝนและเตรียมความพร้อมเพื่อเข้าสู่ตลาดยานพาหนะไฟฟ้า (electric vehicle: EV) มานานกว่า 5 ปี ในปี 2564 ที่กำลังจะมาถึงนี้ 'พลังงานบริสุทธิ์' เตรียมพร้อมที่จะปล่อยสินค้าในกลุ่ม EV เข้าสู่ตลาดและคนไทยก็จะได้เริ่มเห็นสินค้าในกลุ่มยานพาหนะไฟฟ้าออกวิ่งบนท้องถนนมากขึ้น
โดยแผนเดิมหลังจากโครงสร้างโรงงานและโรงงานแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนแล้วเสร็จ บริษัทตั้งเป้าจะตีตลาดกลุ่มรถยนต์สำหรับรถแท็กซี่ แต่เนื่องจากผลกระทบของวิกฤติโควิด-19 บริษัทจึงปรับแผนจากการลุยตลาดแท็กซี่ไฟฟ้าที่จำเป็นจะต้องพึ่งพานักท่องเที่ยว มาเน้นตลาดผู้ให้บริการรถโดยสารระหว่างจังหวัดระยะไม่เกิน 200 กิโลเมตร รถโดยสารรับส่งระยะสั้น หรือรถชัตเตอร์บัสแทน โดยปัจจุบันบริษัทฯ สามารถผลิตรถบัสได้หลายขนาด ตั้งแต่ 8 เมตร 10 เมตร ไปจนถึง 12 เมตร
ที่สำคัญที่สุดคือในกลุ่มรถบัสไฟฟ้า 'พลังงานบริสุทธิ์' ยังเตรียมเสนอตัวเป็นซัพพลายเออร์ให้กับบริษัทผู้ชนะการประมูลสัมปทานรถโดยสารประจำทางของ ขสมก. ที่จำเป็นจะต้องใช้รถบัสเข้าประจำการกว่า 2,500 คัน โดยอยู่ระหว่างรอกระบวนการทั้งหมดเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรีแล้วเสร็จ
ขณะเดียวกัน 'พลังงานบริสุทธิ์' ยังเตรียมใช้จุดแข็งทางด้านเทคโนโลยีที่บริษัทฯ สามารถผลิตแบตเตอรี่แบบชาร์จไว (fast charge) ในการเข้าสู่ตลาดโลจิสติกให้ผู้ประกอบการมีโอกาสได้เลือกใช้รถขนส่งไฟฟ้าที่มีความคุ้มค่าในการใช้งานมากขึ้น โดยในปลายไตรมาส 1 ไปจนถึงต้นไตรมาสที่ 2 ของปี 2564 บริษัทฯ เตรียมผลิตยานยนต์ไฟฟ้าในเชิงพาณิชย์ออกสู่ตลาด โดยกำลังผลิตของโรงงานมีราว 3,000 คัน และสามารถเพิ่มกำลังผลิตได้สูงสุดเป็น 6,000 คัน
โดยนอกจากธุรกิจรถยนต์และรถบัสไฟฟ้าแล้ว ในปลายปี 2563 ที่กำลังจะล่วงเข้าสู่ปี 2564 'พลังงานบริสุทธิ์' ยังได้ทดลองให้บริการเรือโดยสารไฟฟ้าแล้วในช่วงปลาย ธ.ค. นี้ ภายใต้บริษัทลูก บริษัท อี-สมาร์ท ทรานสปอร์ต จำกัด โดยเบื้องต้นผลิตและพร้อมเปิดให้บริการแล้ว 3 ลำในเส้นทางท่าสะพานพระราม 5 ท่าสาทร และคาดว่าจะเปิดบริการได้ครบ 27 ลำในปลายไตรมาส 1 ปีหน้า ค่าโดยสารเริ่มต้น 20 บาทตลอดสายในช่วงสำรวจตลาด ก่อนพิจารณาปรับเพิ่มอีกครั้งหลังเก็บข้อมูลตลาดเสร็จสิ้น
'อมร' เผยว่า บริษัทฯ ตั้งเป้าสร้างการเติบโตของรายได้ในปี 2564 เอาไว้ที่ 20-30% หลังจากเริ่มรับรู้รายได้จากธุรกิจพัฒนาลิเธียมแบตเตอรี่และยานพาหนะไฟฟ้า (Electric Vehicle : EV) อย่างรถยนต์ไฟฟ้า รถบัสไฟฟ้า และเรือไฟฟ้าที่ส่วนวางโครงสร้างโรงงานและเตรียมการผลิตเสร็จสิ้น เข้าสู่ขั้นตอนออกสู่ตลาด
โดยคาดว่าในอนาคตอันใกล้กลุ่มธุรกิจดังกล่าวจะขยับสัดส่วนรายได้ขึ้นมาอยู่ 20-30% จากรายได้ทั้งเครือของบริษัทจากในปัจจุบันที่มีสัดส่วนเพียง 1.5% เท่านั้น
"โลกวันนี้ไม่ได้สงสัยอีกแล้วว่า EV จะมาหรือไม่ ขึ้นอยู่กับว่ามาเร็วแค่ไหนเท่านั้น สำหรับผมมองว่ามนุษย์รับเอาสิ่งที่ดีกับสิ่งแวดล้อมและคุณภาพชีวิตได้เร็วขึ้นๆ เรื่อยๆ ไม่ถึง 5 ปีหรือ 10 ปีหรอก อีกไม่นาน EV นี่แหละจะเป็นเรื่องใกลตัวเรา ในมุมนึงคือต่อยอดธุรกิจให้เติบโต อีกมุมคือผลักดันให้ประเทศไทยสร้างธุรกิจใหม่ๆ ในยุคดิสรัปชัน"
"สำหรับพลังงานบริสุทธิ์หวังว่าธุรกิจ EV จะมีส่วนสำคัญในการผลักดันการเติบโตของบริษัท โดยปีหน้าจะเริ่มเห็นบทบาทและอีกไม่นานน่าจะมีบทบาทสำคัญ สร้างรายได้หลายสิบเปอร์เซ็นต์ให้กับบริษัทเพิ่มเติมจากรายได้อื่นๆ ของเรา"
ทั้งนี้ 9 เดือนแรกของปี 2563 บริษัทฯ มีรายได้รวม 12,738 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก 9 เดือนของปีก่อน 17% และมีกำไรสุทธิ 3,720 ล้านบาท ธุรกิจไบโอดีเซลมีรายได้ 4,639 ลำนบาท เพิ่มขึ้น 72% ด้านรุรกิจไฟฟ้ามีรายได้ 7,795 ล้านบาท ลดลง 2% เหตุจากการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานลมได้น้อยกว่าที่คาด เพราะนี้กระแสลมแรงเลื่อนมาเกิดในไตรมาส 4 ส่วนรายได้จากโซลาร์เพิ่มขึ้น 3% ส่วนไตรมาส 3/63 มีรายได้รวม 3,801 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 1,119 ล้านบาท
เครดิตจาก :
Sirarom | Writer : workpointtoday
โดยแผนเดิมหลังจากโครงสร้างโรงงานและโรงงานแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนแล้วเสร็จ บริษัทตั้งเป้าจะตีตลาดกลุ่มรถยนต์สำหรับรถแท็กซี่ แต่เนื่องจากผลกระทบของวิกฤติโควิด-19 บริษัทจึงปรับแผนจากการลุยตลาดแท็กซี่ไฟฟ้าที่จำเป็นจะต้องพึ่งพานักท่องเที่ยว มาเน้นตลาดผู้ให้บริการรถโดยสารระหว่างจังหวัดระยะไม่เกิน 200 กิโลเมตร รถโดยสารรับส่งระยะสั้น หรือรถชัตเตอร์บัสแทน โดยปัจจุบันบริษัทฯ สามารถผลิตรถบัสได้หลายขนาด ตั้งแต่ 8 เมตร 10 เมตร ไปจนถึง 12 เมตร
ที่สำคัญที่สุดคือในกลุ่มรถบัสไฟฟ้า 'พลังงานบริสุทธิ์' ยังเตรียมเสนอตัวเป็นซัพพลายเออร์ให้กับบริษัทผู้ชนะการประมูลสัมปทานรถโดยสารประจำทางของ ขสมก. ที่จำเป็นจะต้องใช้รถบัสเข้าประจำการกว่า 2,500 คัน โดยอยู่ระหว่างรอกระบวนการทั้งหมดเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรีแล้วเสร็จ
ขณะเดียวกัน 'พลังงานบริสุทธิ์' ยังเตรียมใช้จุดแข็งทางด้านเทคโนโลยีที่บริษัทฯ สามารถผลิตแบตเตอรี่แบบชาร์จไว (fast charge) ในการเข้าสู่ตลาดโลจิสติกให้ผู้ประกอบการมีโอกาสได้เลือกใช้รถขนส่งไฟฟ้าที่มีความคุ้มค่าในการใช้งานมากขึ้น โดยในปลายไตรมาส 1 ไปจนถึงต้นไตรมาสที่ 2 ของปี 2564 บริษัทฯ เตรียมผลิตยานยนต์ไฟฟ้าในเชิงพาณิชย์ออกสู่ตลาด โดยกำลังผลิตของโรงงานมีราว 3,000 คัน และสามารถเพิ่มกำลังผลิตได้สูงสุดเป็น 6,000 คัน
โดยนอกจากธุรกิจรถยนต์และรถบัสไฟฟ้าแล้ว ในปลายปี 2563 ที่กำลังจะล่วงเข้าสู่ปี 2564 'พลังงานบริสุทธิ์' ยังได้ทดลองให้บริการเรือโดยสารไฟฟ้าแล้วในช่วงปลาย ธ.ค. นี้ ภายใต้บริษัทลูก บริษัท อี-สมาร์ท ทรานสปอร์ต จำกัด โดยเบื้องต้นผลิตและพร้อมเปิดให้บริการแล้ว 3 ลำในเส้นทางท่าสะพานพระราม 5 ท่าสาทร และคาดว่าจะเปิดบริการได้ครบ 27 ลำในปลายไตรมาส 1 ปีหน้า ค่าโดยสารเริ่มต้น 20 บาทตลอดสายในช่วงสำรวจตลาด ก่อนพิจารณาปรับเพิ่มอีกครั้งหลังเก็บข้อมูลตลาดเสร็จสิ้น
'อมร' เผยว่า บริษัทฯ ตั้งเป้าสร้างการเติบโตของรายได้ในปี 2564 เอาไว้ที่ 20-30% หลังจากเริ่มรับรู้รายได้จากธุรกิจพัฒนาลิเธียมแบตเตอรี่และยานพาหนะไฟฟ้า (Electric Vehicle : EV) อย่างรถยนต์ไฟฟ้า รถบัสไฟฟ้า และเรือไฟฟ้าที่ส่วนวางโครงสร้างโรงงานและเตรียมการผลิตเสร็จสิ้น เข้าสู่ขั้นตอนออกสู่ตลาด
โดยคาดว่าในอนาคตอันใกล้กลุ่มธุรกิจดังกล่าวจะขยับสัดส่วนรายได้ขึ้นมาอยู่ 20-30% จากรายได้ทั้งเครือของบริษัทจากในปัจจุบันที่มีสัดส่วนเพียง 1.5% เท่านั้น
"โลกวันนี้ไม่ได้สงสัยอีกแล้วว่า EV จะมาหรือไม่ ขึ้นอยู่กับว่ามาเร็วแค่ไหนเท่านั้น สำหรับผมมองว่ามนุษย์รับเอาสิ่งที่ดีกับสิ่งแวดล้อมและคุณภาพชีวิตได้เร็วขึ้นๆ เรื่อยๆ ไม่ถึง 5 ปีหรือ 10 ปีหรอก อีกไม่นาน EV นี่แหละจะเป็นเรื่องใกลตัวเรา ในมุมนึงคือต่อยอดธุรกิจให้เติบโต อีกมุมคือผลักดันให้ประเทศไทยสร้างธุรกิจใหม่ๆ ในยุคดิสรัปชัน"
"สำหรับพลังงานบริสุทธิ์หวังว่าธุรกิจ EV จะมีส่วนสำคัญในการผลักดันการเติบโตของบริษัท โดยปีหน้าจะเริ่มเห็นบทบาทและอีกไม่นานน่าจะมีบทบาทสำคัญ สร้างรายได้หลายสิบเปอร์เซ็นต์ให้กับบริษัทเพิ่มเติมจากรายได้อื่นๆ ของเรา"
ทั้งนี้ 9 เดือนแรกของปี 2563 บริษัทฯ มีรายได้รวม 12,738 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก 9 เดือนของปีก่อน 17% และมีกำไรสุทธิ 3,720 ล้านบาท ธุรกิจไบโอดีเซลมีรายได้ 4,639 ลำนบาท เพิ่มขึ้น 72% ด้านรุรกิจไฟฟ้ามีรายได้ 7,795 ล้านบาท ลดลง 2% เหตุจากการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานลมได้น้อยกว่าที่คาด เพราะนี้กระแสลมแรงเลื่อนมาเกิดในไตรมาส 4 ส่วนรายได้จากโซลาร์เพิ่มขึ้น 3% ส่วนไตรมาส 3/63 มีรายได้รวม 3,801 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 1,119 ล้านบาท
เครดิตจาก :
Sirarom | Writer : workpointtoday
เลขไอพี : ไม่แสดง
| ตั้งกระทู้โดย Windows 7
อ่านต่อ คุณอาจจะสนใจเนื้อหาเหล่านี้ (ความคิดเห็นกระทู้ อยู่ด้านล่าง)
ความคิดเห็น
จะต้องเป็นสมาชิกจึงจะแสดงความคิดเห็นได้
เป็นสมาชิกอยู่แล้ว ลงชื่อเข้าใช้ระบบ
ยังไม่ได้เป็นสมาชิก สมัครสมาชิกใหม่
หรือจะลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google หรือ Facebook ก็ได้
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Facebook
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google
เป็นสมาชิกอยู่แล้ว ลงชื่อเข้าใช้ระบบ
ยังไม่ได้เป็นสมาชิก สมัครสมาชิกใหม่
หรือจะลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google หรือ Facebook ก็ได้
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Facebook
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google