ธุรกิจท่องเที่ยวกลับมาน่าห่วงอีกครั้ง จากข่าว "โอไมครอน" เข้ามาในประเทศ
18 ธ.ค. 64 21:03 น. /
ดู 1,968 ครั้ง /
1 ความเห็น /
0 ชอบจัง
/
แชร์
จากที่เห็นหลายข่าว โอไมครอน เข้ามาเริ่มมีการกระจายมากขึ้น หวังว่าจะไม่มีการปิดประเทศอีกรอบนะ ตอนนี้ที่น่าเป็นห่วงอย่างมากก็คือกลุ่มธุรกิจการท่องเที่ยว ที่มีความเสี่ยงจากการลดการเข้ามาอย่างต่อเนื่อง
จากเนื้อหาที่มีการตั้งกระทู้ในพันทิพ https://pantip.com/topic/41162104
ปัจจัยระดับโลกส่งความอ่อนไหวต่อการท่องเที่ยวไทย ทำให้นักท่องเที่ยวทั้งหลายเริ่มชะลอการเดินทาง เป็นสัญญาณบ่งบอกให้รัฐต้องเยียวยาผู้ประกอบการที่อยู่ในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวต่อไปอีก 2 ปี พร้อมกับกระตุ้นการท่องเที่ยวให้กลับมาฟื้นตัวอีกครั้ง
หลังจากที่โควิดได้พัฒนาสายพันธุ์ขึ้นมาใหม่ "โอไมครอน" จนระบาดไปทั่วยุโรปซ้ำอีกระลอก และกระจายไปแล้วอย่างน้อย 38 ประเทศทั่วโลก ตลาดลงทุนแทบจะทั่วโลกก็ต้อนรับด้วยการปรับตัวลดลง สะท้อนให้เห็นถึงความกังวลในระดับโลก ตัดกลับมาที่ไทย ในขณะที่เราเพิ่งจะเริ่มแคมเปญเปิดประเทศไปเมื่อวันที่ 1 พ.ย. 64 ที่ผ่านมา ยังไม่ทันจะได้เข้าที่เข้าทางดี เจ้าโอไมครอนก็เดินทางมาถึงประเทศเราจนได้
ถึงแม้ว่าตอนนี้ไทยยังไม่ได้มีการระบาดอย่างหนัก แต่ก็ต้องยอมรับว่าทำให้สถานการณ์ในประเทศระส่ำระสายไม่น้อย เพราะเป็นช่วงจังหวะกอบโกยจากนักท่องเที่ยวต่างชาติ ซึ่งทาง ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย นายชำนาญ ศรีสวัสดิ์ ก็ออกมาบอกเองว่าสร้างความกังวลให้กับผู้ประกอบการสูงเป็นอย่างมาก ส่งผลให้ความเชื่อมั่นหายไปอีกครั้ง
เพราะเรื่องของการท่องเที่ยวเป็นต้องสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักท่องเที่ยวเป็นหลัก ดังนั้นภาครัฐอาจจะต้องทำการบ้านเพิ่มเติมหากในอนาคตจะมีการระบาดของเจ้าโอไมครอนขึ้นมาจริงๆ อีกครั้งจะทำอย่างไร
อย่างไรก็ตามทางประธาน สทท. ยังบอกอีกว่ามี "นักท่องเที่ยวต่างชาติอาจชะลอการเดินทางลงบ้าง เพื่อรอประเมินสถานการณ์และความชัดเจนก่อนวางแผนเดินทางใหม่ ทำให้การขับเคลื่อนภาคการท่องเที่ยวไทย ต้องหันมาเน้นกระตุ้นการเดินทางท่องเที่ยวของตลาดในประเทศ เพราะการกระตุกและกระตุ้นตลาดต่างชาติ น่าจะทำได้ค่อนข้างยาก
จึงเสนอให้รัฐบาลจัดทำแคมเปญเกี่ยวกับการท่องเที่ยว เพื่อเป็นการกระตุ้นการท่องเที่ยวของประเทศ กระจายประโยชน์ไปให้ทั่วถึงทุกพื้นที่ ไม่อยากให้เน้นแค่เมืองท่องเที่ยว เนื่องจากทุกคนเหนื่อยเหมือนกันหมดในตอนนี้ รวมถึงเพื่อให้ผู้ประกอบการในทุกสาขาอาชีพที่เกี่ยวกับท่องเที่ยว ได้ประโยชน์ไปด้วย ถือเป็นการเฉลี่ยทุกข์เฉลี่ยทุกข์ร่วมกัน"
ที่มาของข้อมูล https://www.matichon.co.th/economy/news_3078753
จะเห็นได้ว่าผู้ประกอบการที่อยู่ในอุตสาหกรรมท่องเที่ยว รวมทุกสาขาอาชีพที่ได้รับอานิสงค์จากการท่องเที่ยว ที่ผ่านมาต้องต่อสู้มาด้วยแรงของตนเองตลอด การเยียวยาที่ควรเกิดขึ้นก็ไม่ได้กระจายแบบทั่วถึงอย่างที่จะทำให้มันเกิดขึ้น และในวันที่ถึงจะเปิดประเทศแล้ว ก็ยังมีปัจจัยหลายๆ อย่างที่ยังไม่สร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักท่องเที่ยว เมื่อไม่มีนักท่องเที่ยว ผู้ประกอบการก็ต่างหวั่นใจไปด้วย ว่าเปิดประเทศนั้นจะไปได้ยาวไกลแค่ไหน
การท่องเที่ยวอาจจะกลับมาฟื้นตัวแบบเต็มรูปแบบได้ก็น่าจะเข้าปี 2566 ต้องดังนั้นอีกระยะเวลา 2 ปี (ถ้าไม่มีวิวัฒนาการของโควิด) นอกจากรัฐจะต้องออกแคมเปญกระตุ้นท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศแล้ว รัฐก็มีสิ่งที่สำคัญอีกอย่างที่อย่ามองข้าม นั่นก็คือการเยียวยาช่วยเหลือผู้ประกอบการต่อไป.....ผู้ประกอบการจะได้มีกำลังผลิตสินค้าและบริการที่ดีออกมาต้อนรับนักท่องเที่ยวได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ต้องไปขึ้นราคาสินค้าหรือบริการ ฟาดนักท่องเที่ยวแบบเจ็บตัวยับเยิน ลำพังเศรษฐกิจส่วนตัวของนักท่องเที่ยวเองก็ไม่น่าจะสามารถทุ่มเทได้เท่ากับแต่ก่อน แต่ที่อยากออกมาท่องเที่ยวก็เพื่อเป็นการทำกิจกรรมปลดปล่อยความเครียดกับสถานการณ์ที่ผ่านมาเท่านั้นเอง
นอกจากนี้ยังมีสถานการณ์ระดับโลกที่น่าจับตามองอีกก็คือ สหรัฐประกาศคว่ำบาตรการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกปักกิ่ง 2022 สะท้อนให้เห็นว่าความขัดแย้งระหว่างอเมริกาและจีนยังคงอยู่ไม่ได้หายไปไหน ไม่แน่ไม่นอน จขกท. เองก็มองว่าตรงนี้ไทยอาจจะได้รับผลกระทบด้วย เพราะไทยเองยังต้องซื้อวัคซีนไฟเซอร์จากอเมริกา ในขณะเดียวกันเราก็ต้องรักษาความสัมพันธ์ที่ดีกับจีน ถามว่าแล้วกระทบกับไทยอย่างไร อาจจะกระทบในส่วนของการมาเที่ยวเมืองไทยของชาวจีน เพราะนักท่องเที่ยวที่เข้ามาสร้างเม็ดเงินมหาศาลกับประเทศไทยมากที่สุดก็มาจากนักท่องเที่ยวจีนนี่แหละ
https://www.prachachat.net/world-news/news-816008
ไม่ว่าจะปัจจัยโอไมครอน หรือความขัดแย้งของอเมริกาและจีน ก็มีโอกาสที่ส่งผลการเปิดประเทศของไทยทั้งนั้น รัฐบาลจึงจำเป็นที่จะต้องช่วยเหลือผู้ประกอบการ สร้างความมั่นใจให้กับนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ รวมถึงการอ่านเกมโลก งานหนักหน่อยนะครับรัฐ แต่ถ้าทำได้ชาติรอดครับ!
ปัจจัยระดับโลกส่งความอ่อนไหวต่อการท่องเที่ยวไทย ทำให้นักท่องเที่ยวทั้งหลายเริ่มชะลอการเดินทาง เป็นสัญญาณบ่งบอกให้รัฐต้องเยียวยาผู้ประกอบการที่อยู่ในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวต่อไปอีก 2 ปี พร้อมกับกระตุ้นการท่องเที่ยวให้กลับมาฟื้นตัวอีกครั้ง
หลังจากที่โควิดได้พัฒนาสายพันธุ์ขึ้นมาใหม่ "โอไมครอน" จนระบาดไปทั่วยุโรปซ้ำอีกระลอก และกระจายไปแล้วอย่างน้อย 38 ประเทศทั่วโลก ตลาดลงทุนแทบจะทั่วโลกก็ต้อนรับด้วยการปรับตัวลดลง สะท้อนให้เห็นถึงความกังวลในระดับโลก ตัดกลับมาที่ไทย ในขณะที่เราเพิ่งจะเริ่มแคมเปญเปิดประเทศไปเมื่อวันที่ 1 พ.ย. 64 ที่ผ่านมา ยังไม่ทันจะได้เข้าที่เข้าทางดี เจ้าโอไมครอนก็เดินทางมาถึงประเทศเราจนได้
ถึงแม้ว่าตอนนี้ไทยยังไม่ได้มีการระบาดอย่างหนัก แต่ก็ต้องยอมรับว่าทำให้สถานการณ์ในประเทศระส่ำระสายไม่น้อย เพราะเป็นช่วงจังหวะกอบโกยจากนักท่องเที่ยวต่างชาติ ซึ่งทาง ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย นายชำนาญ ศรีสวัสดิ์ ก็ออกมาบอกเองว่าสร้างความกังวลให้กับผู้ประกอบการสูงเป็นอย่างมาก ส่งผลให้ความเชื่อมั่นหายไปอีกครั้ง
เพราะเรื่องของการท่องเที่ยวเป็นต้องสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักท่องเที่ยวเป็นหลัก ดังนั้นภาครัฐอาจจะต้องทำการบ้านเพิ่มเติมหากในอนาคตจะมีการระบาดของเจ้าโอไมครอนขึ้นมาจริงๆ อีกครั้งจะทำอย่างไร
อย่างไรก็ตามทางประธาน สทท. ยังบอกอีกว่ามี "นักท่องเที่ยวต่างชาติอาจชะลอการเดินทางลงบ้าง เพื่อรอประเมินสถานการณ์และความชัดเจนก่อนวางแผนเดินทางใหม่ ทำให้การขับเคลื่อนภาคการท่องเที่ยวไทย ต้องหันมาเน้นกระตุ้นการเดินทางท่องเที่ยวของตลาดในประเทศ เพราะการกระตุกและกระตุ้นตลาดต่างชาติ น่าจะทำได้ค่อนข้างยาก
จึงเสนอให้รัฐบาลจัดทำแคมเปญเกี่ยวกับการท่องเที่ยว เพื่อเป็นการกระตุ้นการท่องเที่ยวของประเทศ กระจายประโยชน์ไปให้ทั่วถึงทุกพื้นที่ ไม่อยากให้เน้นแค่เมืองท่องเที่ยว เนื่องจากทุกคนเหนื่อยเหมือนกันหมดในตอนนี้ รวมถึงเพื่อให้ผู้ประกอบการในทุกสาขาอาชีพที่เกี่ยวกับท่องเที่ยว ได้ประโยชน์ไปด้วย ถือเป็นการเฉลี่ยทุกข์เฉลี่ยทุกข์ร่วมกัน"
ที่มาของข้อมูล https://www.matichon.co.th/economy/news_3078753
จะเห็นได้ว่าผู้ประกอบการที่อยู่ในอุตสาหกรรมท่องเที่ยว รวมทุกสาขาอาชีพที่ได้รับอานิสงค์จากการท่องเที่ยว ที่ผ่านมาต้องต่อสู้มาด้วยแรงของตนเองตลอด การเยียวยาที่ควรเกิดขึ้นก็ไม่ได้กระจายแบบทั่วถึงอย่างที่จะทำให้มันเกิดขึ้น และในวันที่ถึงจะเปิดประเทศแล้ว ก็ยังมีปัจจัยหลายๆ อย่างที่ยังไม่สร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักท่องเที่ยว เมื่อไม่มีนักท่องเที่ยว ผู้ประกอบการก็ต่างหวั่นใจไปด้วย ว่าเปิดประเทศนั้นจะไปได้ยาวไกลแค่ไหน
การท่องเที่ยวอาจจะกลับมาฟื้นตัวแบบเต็มรูปแบบได้ก็น่าจะเข้าปี 2566 ต้องดังนั้นอีกระยะเวลา 2 ปี (ถ้าไม่มีวิวัฒนาการของโควิด) นอกจากรัฐจะต้องออกแคมเปญกระตุ้นท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศแล้ว รัฐก็มีสิ่งที่สำคัญอีกอย่างที่อย่ามองข้าม นั่นก็คือการเยียวยาช่วยเหลือผู้ประกอบการต่อไป.....ผู้ประกอบการจะได้มีกำลังผลิตสินค้าและบริการที่ดีออกมาต้อนรับนักท่องเที่ยวได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ต้องไปขึ้นราคาสินค้าหรือบริการ ฟาดนักท่องเที่ยวแบบเจ็บตัวยับเยิน ลำพังเศรษฐกิจส่วนตัวของนักท่องเที่ยวเองก็ไม่น่าจะสามารถทุ่มเทได้เท่ากับแต่ก่อน แต่ที่อยากออกมาท่องเที่ยวก็เพื่อเป็นการทำกิจกรรมปลดปล่อยความเครียดกับสถานการณ์ที่ผ่านมาเท่านั้นเอง
นอกจากนี้ยังมีสถานการณ์ระดับโลกที่น่าจับตามองอีกก็คือ สหรัฐประกาศคว่ำบาตรการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกปักกิ่ง 2022 สะท้อนให้เห็นว่าความขัดแย้งระหว่างอเมริกาและจีนยังคงอยู่ไม่ได้หายไปไหน ไม่แน่ไม่นอน จขกท. เองก็มองว่าตรงนี้ไทยอาจจะได้รับผลกระทบด้วย เพราะไทยเองยังต้องซื้อวัคซีนไฟเซอร์จากอเมริกา ในขณะเดียวกันเราก็ต้องรักษาความสัมพันธ์ที่ดีกับจีน ถามว่าแล้วกระทบกับไทยอย่างไร อาจจะกระทบในส่วนของการมาเที่ยวเมืองไทยของชาวจีน เพราะนักท่องเที่ยวที่เข้ามาสร้างเม็ดเงินมหาศาลกับประเทศไทยมากที่สุดก็มาจากนักท่องเที่ยวจีนนี่แหละ
https://www.prachachat.net/world-news/news-816008
ไม่ว่าจะปัจจัยโอไมครอน หรือความขัดแย้งของอเมริกาและจีน ก็มีโอกาสที่ส่งผลการเปิดประเทศของไทยทั้งนั้น รัฐบาลจึงจำเป็นที่จะต้องช่วยเหลือผู้ประกอบการ สร้างความมั่นใจให้กับนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ รวมถึงการอ่านเกมโลก งานหนักหน่อยนะครับรัฐ แต่ถ้าทำได้ชาติรอดครับ!
เลขไอพี : ไม่แสดง
| ตั้งกระทู้โดย Windows 10
อ่านต่อ คุณอาจจะสนใจเนื้อหาเหล่านี้ (ความคิดเห็นกระทู้ อยู่ด้านล่าง)
ความคิดเห็น
จะต้องเป็นสมาชิกจึงจะแสดงความคิดเห็นได้
เป็นสมาชิกอยู่แล้ว ลงชื่อเข้าใช้ระบบ
ยังไม่ได้เป็นสมาชิก สมัครสมาชิกใหม่
หรือจะลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google หรือ Facebook ก็ได้
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Facebook
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google
เป็นสมาชิกอยู่แล้ว ลงชื่อเข้าใช้ระบบ
ยังไม่ได้เป็นสมาชิก สมัครสมาชิกใหม่
หรือจะลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google หรือ Facebook ก็ได้
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Facebook
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google