ผู้ประกอบการสั่นคลอนอีกครั้ง ถ้าโอมิครอนระบาดหนักอีก ภาครัฐจะเยียวยาหรือไม่
5 ม.ค. 65 16:43 น. /
ดู 2,181 ครั้ง /
2 ความเห็น /
0 ชอบจัง
/
แชร์
ขอบคุณรูปประกอบจากเว็บไซต์กรุงเทพธุรกิจ
"โอมิครอน" เริ่มลามไปทั่วโลกกระทบเศรษฐกิจอีกครั้ง รวมถึงกระทบการท่องเที่ยวของไทย ที่เปิดประเทศมาได้เพียง 2 เดือน ความหวังเริ่มสั่นคลอนเหลือเพียงทางออกเดียวเท่านั้น คือภาครัฐต้องเป็นเรือช่วยชีพ เยียวยาผู้ประกอบการอย่างจริงจัง พาผู้ประกอบการฝ่ามรสุม ที่ธุรกิจอยู่ได้ภายใต้สภาวะเช่นนี้ เพื่อยืดระยะรอวันที่ท่องเที่ยวกลับมาแข็งแรงได้อีกครั้ง
สิ่งที่ผู้ประกอบการกังวลมาตลอดก็คือสถานการณ์การระบาดของโควิด ที่จะมาอีกกี่ระรอกก็ยังมิอาจทราบได้ และคาดเดาไม่ได้ ภายใต้ความไม่แน่นอนนี้ คนทำมาค้าขายวิตกเป็นอย่างมากครับ จาก 2 ปีที่ผ่านมากว่าจะเปิดประเทศได้เมื่อ 2 เดือนที่แล้วก็เลือดตาแทบกระเด็น กระทบหมดครับ เล็ก กลาง ใหญ่
ขอบคุณรูปประกอบจากเว็บไซต์กรุงเทพธุรกิจ
ข่าวที่เราไม่ควรจะได้เห็นก็เห็น ไม่คิดว่าจะเกิดก็เกิดขึ้น ตัวอย่างของเคสสายการบินก่อนหน้านี้ก็มีข่าวออกมาให้เห็นภาพความย่ำแย่แบบชัดอยู่ และเหมือนจะตอกย้ำความชัดเจนขึ้นไปอีก กับผลกระทบที่ธุรกิจขนาดใหญ่อย่างไมเนอร์ (MINT) เอง ก็ยังเจอตัวเลขการขาดทุนมาแล้ว 2 ปี และแก้ปัญหาด้วยการขายหุ้นบริษัทย่อย 40% เพื่อเพิ่มสภาพคล่อง และลดหนี้ โดยธุรกิจกลุ่มไมเนอร์จะมีธุรกิจที่เกี่ยวกับโรงแรม ร้านอาหารและเครื่องดื่ม รวมถึงจำหน่ายและผลิตสินค้าต่างๆ ซึ่งแน่นอนได้รับผลกระทบจากโควิดไปเต็มๆ ขนาดไม่ใช่ธุรกิจกลุ่มแรกที่ถูกปิด เหมือนสนามบิน ร้านขายของในสนามบิน ยังหนักขนาดนี้ ลองคืนย้อนกลับไปสิครับ คนที่เขาโดนกระทบแรกๆ ป่านนี้สภาพจะเป็นอย่างไร
อีกข่าวหนึ่งที่ผมได้นั่งอ่านข่าวของไทยรัฐ ที่เป็นความเห็นของ "ผศ.ดร.สันติ ชัยศรีสวัสดิ์สุข" ศูนย์ศึกษาพัฒนาการเศรษฐกิจ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์
ผมขอเล่าย่อๆ แล้วกัน ว่ามุมมองของ ผศ.ดร. สันติ ได้มองว่า "หากโควิดสายพันธุ์โอมิครอน ระบาดในไทยจะเกิดผลกระทบแน่นอนต่อการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ และการคาดหวังกับการท่องเที่ยวมากเกินไป ซึ่งต่อให้ไม่มีประเด็นโควิดสายพันธุ์นี้ ยังมองไม่เห็นจะมีนักท่องเที่ยวเข้ามาจำนวนมาก
โอมิครอน ยิ่งทำให้เกิดการระแวงในการเดินทาง สถานการณ์ไม่แน่นอนว่าจะระบาดหรือไม่ หากระบาดจริงๆ จะใช้มาตรการแบบเดิมไม่ได้แล้ว และการที่เศรษฐกิจโตก็เกิดจากเงินของรัฐเข้ามาในระบบเป็นล้านๆ มีแนวโน้มต้องใช้เงินเพิ่มขึ้น ส่วนการขยายเพดานหนี้จาก 30% เป็น 35% ในงบประมาณรายปี
ในกรณีเลวร้ายหากโอมิครอน เข้ามาในไทย จะทำให้เศรษฐกิจฟื้นตัวช้าไปอีก และช้ากว่าคนอื่น หากคุมโอมิครอนไม่ได้ ซึ่งไม่ใช่เฉพาะไทย จะทำให้เปิดประเทศไม่ได้ 100% และคนไม่อยู่ในอารมณ์ในการท่องเที่ยว
เมื่อคนกังวลไม่เดินทางยิ่งทำให้ไทยรับผลกระทบ เพราะรอแต่ให้คนเดินทางเข้ามา เมื่อคนไม่เข้ามาจะทำให้คนจนเพิ่มมากขึ้น และรัฐจะทนไหวหรือไม่ ในการแจกเงินต่อไป ทั้งโครงการคนละครึ่ง หรือเราเที่ยวด้วยกัน ต้องใช้เงินเพิ่มเติมลงไปอีก และจากที่กู้ไป 5 แสนล้าน ไม่ได้รวมอยู่ในนี้ เพราะต้องไปช่วยเอสเอ็มอี แต่หากเจอปัญหาไปต่อไม่ไหว กลายเป็นว่าเติมเงินเท่าไรก็ไม่พอ"
ดังนั้นรัฐต้องวางแผนการใช้เงินที่กู้มาดีดี โดยความรอบคอบ และเน้นความยั่งยืน เมื่อจะนำเงินเข้าระบบจะต้องได้รับการเยียวยากันแบบถ้วนหน้าและเต็มเม็ดเต็มหน่วย ไม่ใช่การเอาเบตาดีนทาที่เนื้องอก นอกจากไม่หายและยังไม่เกิดประโยชน์ในระยะยาวด้วยซ้ำ
ผู้ประกอบการทุกขนาด ทุกอุตสาหกรรม ที่ได้รับผลกระทบจากนโยบายเพื่อควบคุมดูแลการระบาด สมควรได้รับการเยียวยาและดูแลจากภาครัฐอย่างเหมาะสมครับ จะรอดตายได้ถ้าทุกองคาพยบขับเคลื่อนอย่างมั่นคงไปพร้อมๆ กัน
https://pantip.com/topic/41187687
#ผู้ประกอบการ
#ทางรอด
#โอมิครอน
#โอไมครอน
#กลุ่มการท่องเที่ยว
#กลุ่มไมเนอร์
เลขไอพี : ไม่แสดง
| ตั้งกระทู้โดย Windows 10
อ่านต่อ คุณอาจจะสนใจเนื้อหาเหล่านี้ (ความคิดเห็นกระทู้ อยู่ด้านล่าง)
ความคิดเห็น
จะต้องเป็นสมาชิกจึงจะแสดงความคิดเห็นได้
เป็นสมาชิกอยู่แล้ว ลงชื่อเข้าใช้ระบบ
ยังไม่ได้เป็นสมาชิก สมัครสมาชิกใหม่
หรือจะลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google หรือ Facebook ก็ได้
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Facebook
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google
เป็นสมาชิกอยู่แล้ว ลงชื่อเข้าใช้ระบบ
ยังไม่ได้เป็นสมาชิก สมัครสมาชิกใหม่
หรือจะลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google หรือ Facebook ก็ได้
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Facebook
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google