ผู้นำยานยนต์ทั่วโลก เร่งกำลังผลิตยานยนต์ไฟฟ้ามากกขึ้น
17 เม.ย. 65 19:40 น. /
ดู 3,034 ครั้ง /
3 ความเห็น /
0 ชอบจัง
/
แชร์
หลังจากที่มีการปฏิวัติอุตสาหกรรม (Industrial Revolution) ในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 17 ต่อเนื่องมาจนถึงช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 18 มีการเปลี่ยนถ่ายจากการใช้แรงงานคนมาใช้เครื่องจักรแทน กลายเป็นระบบอุตสาหกรรมเข้ามาแทนที่ ไม่ว่าเป็นด้านการขนถ่ายผลผลิตทางการเกษตร การคมนาคม โดยนำถ่านหินมาเป็นเชื้อเพลิงในการขับเคลื่อนเครื่องจักรไอน้ำ และโรงผลิตไฟฟ้า รวมถึงการใช้เชื้อเพลิงฟอซซิล ส่งผลให้เกิดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์หรือก๊าซเรือนกระจกสู่ชั้นบรรยากาศ ทำให้อุณหภูมิโลกสูงขึ้นและสภาพอากาศแปรปรวนรุนแรง จนนำไปสู่การเกิดภาวะโลกร้อนในปัจจุบัน
ปัญหาโลกร้อนจึงกลายเป็นปัญหาระดับโลกที่ทุกประเทศ ทุกคนจะต้องให้ความร่วมมือและหาทางแก้ไข จนเกิดเป็นพิธีสารเกียวโต (Kyoto Protocol) ขึ้นในปี ค.ศ.1997 และความตกลงปารีส (Paris Agreement) ในปี ค.ศ.2015 โดยขอความร่วมมือในการรักษาอุณหภูมิโลไม่ให้สูงเกินกว่า 2 องศาเซลเซียส (เทียบกับระดับก่อนยุคอุตสาหกรรม) แต่เป้าหมายคือ 1.5 องศาเซลเซียส นับแต่นั้นมาวิถีการดำเนินกิจกรรมต่างๆ ทางด้านอุตสาหกรรม ด้านยานยนต์ รูปแบบการผลิตไฟฟ้าก็ได้เปลี่ยนไป โดยหันมาให้ความสำคัญและคำนึงถึงปัญหาสิ่งแวดล้อมเป็นอันดับแรก และนำพลังงานสะอาดเข้ามาแทนที่
พลังงานสะอาด หรือพลังงานทดแทน คือ พลังงานที่ไม่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม หรือเกิดมลภาวะน้อยที่สุดในทุกๆกระบวนการ ตั้งแต่การผลิต แปรรูป การนำไปใช้งาน และการจัดการของเสีย เช่น พลังงานลม พลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานน้ำ พลังงานความร้อนใต้พิภพ พลังงานเชื้อเพลิงชีวมวล และอื่นๆ ที่อาจจะเกิดขึ้นใหม่ในอนาคต ซึ่งในปัจจุบันได้รับความสนใจเป็นจำนวนมาก เนื่องจากมีแรงสนับสนุนจากรัฐบาล ประชาชนหันมาให้ความสนใจและกังวลถึงปัญหาสิ่งแวดล้อมจึงให้ความร่วมมือในการเปลี่ยนแปลง สิ่งที่เห็นได้ชัดเจนสำหรับในไทยปีนี้คือ คนไทยหันมาใช้ยานยนต์ไฟฟ้าเพิ่มขึ้น ข้อดีคือประหยัดด้านค่าบำรุงรักษา ลดมลพิษทางอากาศ และตอนนี้ผู้นำยานยนต์ทั่วโลกต่างหันมาใช้พล้งงานสะอาดด้วยเช่นกัน
ประเทศเยอรมนี ด้านอุตสาหกรรมยานยนต์ รัฐบาลให้การผลักดันและสนับสนุนในการใช้พลังงานสะอาด โดยจัดตั้งหน่วยงาน NPE ข้ึ้นร่วมกับบริษัทเอกชน องค์กรต่างๆ เพื่อจัดตั้งคณะกรรมการยานยนต์ไฟฟ้า ในการร่วมพัฒนาโครงการต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง หนึ่งในโครงการที่จัดตั้งขึ้นคือ Lighthouse project โดยให้รัฐบาลท้องถิ่นที่เป็น User มาใช้งานยานยนต์ไฟฟ้าจริง และส่งผลตอบรับกลับไปยังผู้ผลิตยานยนต์และชิ้นส่วนยานยนต์ไฟฟ้า ว่าควรจะพัฒนาต่อยอดนวัตกรรมนี้ไปในทิศทางใด ไม่ว่าจะเป็นด้านโครงสร้างพื้นฐาน เพื่อให้เหมาะสมกับระบบนิเวศที่ใช้งานจริงของรถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งรัฐบาลเยอรมันตั้งเป้าหมายว่า ภายในปี 2030 จะมีการแบนไม่ให้รถยนต์ดีเซลที่ยังคงใช้งานอยู่ในประเทศ
ประเทศจีน เป็นประเทศที่มีการศึกษาด้านพลังงานทางเลือกมาตั้งแต่ปี 1991 จนกระทั่งจีนเข้าสู่องค์การการค้าโลก จึงทำให้จีนต้องการเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีสำหรับการใช้ยานยนต์พลังงานทางเลือกอย่างรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ซึ่งเริ่มโครงการ Ten cities, Thousand Vehicles คือให้ 10 เมืองนำรถ EV จำนวน 10,000 คันมาใช้งาน และส่วนกลางจะจัดตั้งงบประมาณเพื่อรองรับค่าใช้จ่ายให้แก่ผู้ใช้รถดังกล่าว จุดประสงค์เพื่อให้เกิดการใช้งานรถยนต์ไฟฟ้า และแก้ไขปัญหาด้านมลพิษ จนปี 2017 จีนมีมาตรการเพิ่มประสิทธิภาพรถ EV เรียกว่า New Energy Vehicles : NEV ไม่เพียงแต่ครอบคลุมเรื่องการผลิตรถ EV เท่านั้น แต่รวมไปถึงพลังงานทางเลือกอื่นๆ ทั้งนี้เพื่อให้ผู้ประกอบการหันมาเอาใจใส่ในเรื่องมาตรฐานการผลิต ควมคุมการปล่อยคาร์บอนตามที่รัฐบาลดำหนด เป็นการยกระดับมาตรฐานด้านการผลิตรถยนต์พลังงานทางเลือกอีกด้วย โดยจีนตั้งเป้าหมายไว้ว่าภายในปี 2020 จะต้องมียอดขายรถ NEV ประมาณ 10% ของยอดขายรถทั้งหมดให้ได้ หรือคิดเป็นประมาณ 20 ล้านคันต่อปี
ต้องบอกว่าตอนนี้พลังงานสะอาด หรือพลังงานทดแทน ได้เริ่มมีบทบาทอย่างเป็นจริงเป็นจังแล้ว ไม่ว่าจะในประเทศที่พัฒนาแล้ว หรือประเทศที่กำลังพัฒนา เชื่อว่าในอนาคตอันใกล้นี้ พลังงานสะอาด จะกลายมาเป็นพลังงานหลักของแต่ละประเทศอย่างแน่นอน หากเป็นเช่นนั้นเราจะช่วยเซฟโลกได้มากขึ้นเลยทีเดียว
เลขไอพี : ไม่แสดง
| ตั้งกระทู้โดย MacOS
อ่านต่อ คุณอาจจะสนใจเนื้อหาเหล่านี้ (ความคิดเห็นกระทู้ อยู่ด้านล่าง)
ความคิดเห็น
จะต้องเป็นสมาชิกจึงจะแสดงความคิดเห็นได้
เป็นสมาชิกอยู่แล้ว ลงชื่อเข้าใช้ระบบ
ยังไม่ได้เป็นสมาชิก สมัครสมาชิกใหม่
หรือจะลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google หรือ Facebook ก็ได้
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Facebook
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google
เป็นสมาชิกอยู่แล้ว ลงชื่อเข้าใช้ระบบ
ยังไม่ได้เป็นสมาชิก สมัครสมาชิกใหม่
หรือจะลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google หรือ Facebook ก็ได้
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Facebook
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google