EA ติดอันดับดัชนีความยั่งยืนระดับสากล 'The Sustainability Yearbook 2022'
10 พ.ค. 65 17:50 น. /
ดู 1,361 ครั้ง /
0 ความเห็น /
0 ชอบจัง
/
แชร์
ปัจจุบันภาคเอกชนนับว่ามีความสำคัญในการขับเคลื่อนธุรกิจของประเทศอย่างมาก โดยเฉพาะบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ที่สามารถดึงเม็ดเงินลงทุนจากทั้งในประเทศและต่างประเทศ
แต่ในขณะเดียวกันบริษัทจดทะเบียนเอง หากต้องการได้รับการยอมรับจากนักลงทุน สิ่งสำคัญคือการพัฒนาธุรกิจให้สามารถเติบโตได้อย่างยั่งยืน พร้อมกับตระหนักถึงการดำเนินธุรกิจอย่างมีความรับผิดชอบ และให้ความสำคัญกับประเด็นด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และบรรษัทภิบาล
เฉกเช่น บมจ.พลังงานบริสุทธิ์ หรือ EA ที่สามารถพัฒนาและสร้างการเติบโตให้ธุรกิจ จนได้รับคัดเลือกเป็น 1 ใน 41 บริษัทไทยติดอันดับดัชนีด้านความยั่งยืนระดับสากล 'The Sustainability Yearbook 2022' ระดับ Member ซึ่งจัดโดย S&P Global
อมร ทรัพย์ทวีกุล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) EA สะท้อนภาพธุรกิจของ EA ว่า การที่ S&P Global ประกาศรายชื่อบริษัทที่ได้รับการจัดอันดับใน The Sustainability Yearbook 2022 ในเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา มี 41 บริษัทไทยที่ติดอันดับจากบริษัททั่วโลก 716 บริษัท โดย EA เป็นหนึ่งในบริษัทที่ติดอันดับดัชนีดังกล่าว ในระดับ Member และผลประเมินด้านความยั่งยืนของ S&P Global สะท้อนให้เห็นถึงการเป็นองค์กรแห่งความยั่งยืนในสายตาผู้ลงทุนทั้งไทย และต่างประเทศ และแน่นอนว่าการจัดอันดับดังกล่าว จะเป็นข้อมูลสำคัญที่ผู้ลงทุนทั่วโลกใช้ในการวิเคราะห์ และพิจารณาตัดสินใจในการเข้าลงทุน
ในปีนี้ S&P Global เน้นย้ำถึงวิกฤติของปัญหาภาวะโลกร้อนที่จำเป็นต้องได้รับการแก้ไขอย่างเร่งด่วน นั่นจึงเป็นส่วนช่วยเสริมให้ EA มีความโดดเด่นมากยิ่งขึ้น เพราะธุรกิจหลักของ EA มุ่งมั่นในการนำเทคโนโลยีเข้ามาเสริมสร้างศักยภาพทางด้านพลังงานสะอาดและด้านพลังงานไฟฟ้า
โดยมีธุรกิจที่ถือว่าเป็น New S Curve อย่างโรงงานผลิตแบตเตอรี่ลิเทียมไอออนและโรงงานผลิตยานยนต์ไฟฟ้าที่มีกำลังการผลิตใหญ่ที่สุดในอาเซียน ตลอดจนเป็นผู้นำด้านสถานีอัดประจุ เพื่อที่จะยกระดับการเดินทางสมัยใหม่ให้มีความสะดวกสบาย ช่วยลดมลภาวะอย่างยั่งยืน และเป็นส่วนหนึ่งในการผลักดันให้ประเทศเข้าสู่การเป็นสังคมคาร์บอนต่ำ พร้อมทั้งสร้างงานสร้างอาชีพให้กับคนไทย มีรายได้สูงขึ้น ช่วยให้ประเทศไทยสามารถก้าวข้าม Middle income Trap ไปสู่ประเทศที่มีศักยภาพและมีความยั่งยืนทางด้านพลังงานในอนาคต
ขณะเดียวกัน EA ยังมีเป้าหมายที่จะพัฒนาองค์กร จากการเป็นผู้ผลิตพลังงานสะอาดสู่การเป็นผู้นำในธุรกิจ EV แบบครบวงจร ซึ่งในปี 2565 จะเป็นปีแห่งการเก็บเกี่ยวผลตอบแทนจากที่ได้ทยอยลงทุนมาอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งยังมีการลงทุนเพิ่มเติม โดยจะเน้นในธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้า (EV) ซึ่งจะสนับสนุนการเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ
แน่นอนว่า ผลตอบแทนจากการที่บริษัทฯ ได้ลงทุนมาเริ่มเห็นผลชัดเจนมากขึ้น ทำให้ในปี 2565 บริษัทฯ มองถึงตั้งเป้าหมายการเติบโตไม่ต่ำกว่า 20% โดยมาจากการเติบโตของธุรกิจ EV ทั้งในส่วนของ แบตเตอรี่ รถบัสไฟฟ้า รถบรรทุกไฟฟ้า และสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า ขณะที่ธุรกิจไบโอดีเซล-พลังงานทดแทน วางเป้าหมายรักษาการเติบโตต่อเนื่อง
สำหรับผลการดำเนินงาน ในปี 2564 ที่ผ่านมา พบว่า EA มีกำไรสุทธิ อยู่ที่ 6,100.07 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 895.50 ล้านบาท หรือ 17.21% เมื่อเทียบกับปี 2563 ที่มีกำไรสุทธิรวม 5,204.57 ล้านบาท
โดยปี 2564 บริษัทมีรายได้ 20,588.10 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3,358.96 ล้านบาท หรือ เพิ่มขึ้น 19.53% เมื่อเทียบกับปี 2563 ที่มารายได้รวม 17,199.14 ล้านบาท
สำหรับผลการดำเนินงานงวดปี 2564 บริษัทฯ มีรายได้ปัจจัยหลักจาก
- ธุรกิจจำหน่ายกระแสไฟฟ้า เท่ากับ 10,933.99 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.13% จากปีก่อน โดยโรงงานพลังลมสามารถผลิตกระแสไฟฟ้าเพิ่มขึ้นจากความเร็วลมที่สูงขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
- ธุรกิจไบโอดีเซล มีรายได้ 8,165.83 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 30.40% เมื่อเทียบจากปี 2563 สาเหตุหลักมาจากในปี 2564 ผลผลิตน้ำมันปาล์มดิบออกมาได้น้อย แต่การส่งออกมีมากขึ้น รวมทั้งมาเลเซีย เกิดปัญหาแรงงานในอุตสาหกรรมน้ำมันปาล์มดิบ ส่งผลให้ราคาการจำหน่ายน้ำมันปาล์มดิบ ทั้งในและนอกประเทศปรับตัวสูงขึ้น ขณะที่การจำหน่ายน้ำมันไบโอดีเซล ได้รับผลกระทบจาก มติคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) ปรับลดส่วนผสมของ B100 ในน้ำมันดีเซล และผลกระทบจากโควิด-19 ส่งผลต่อภาคอุตสาหกรรมและการท่องเที่ยว
- ธุรกิจผลิตและจำหน่ายแบตเตอรี่ลิเทียมไอออนและยานยนต์ไฟฟ้า อยู่ที่ 1,012.20 ล้านบาท รับรู้รายได้การจำหน่ายรถโดยสารไฟฟ้าจำนวน 112 คัน
- รายได้อื่นๆ 384.29 ล้านบาท
ด้านสินทรัพย์รวมของ EA และบริษัทย่อย ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2564 เท่ากับ 85,476.25 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2563 เท่ากับ 6,992.48 ล้านบาท หรือ 8.91% โดยมีหนี้สินรวมเท่ากับ 50,374.53 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2563 เท่ากับ 1,517.64 ล้านบาท หรือ 3.11%
และในปีนี้ ทางคณะกรรมการบริษัทฯ มีมติจ่ายปันผลเป็นเงินสดในอัตรา 0.30 บาทต่อหุ้น
จากตัวเลขผลการดำเนินงานที่เติบโตสม่ำเสมอ รวมถึงการสร้างรายได้จากธุรกิจเดิม ทั้งโรงผลิตไฟฟ้า และผลิตไบโอดีเซล รวมถึงธุรกิจใหม่ ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจผลิตแบตเตอรี่ - แท่นชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า - รถบัสไฟฟ้า ล้วนแล้วแต่เป็นธุรกิจที่จะสร้างรายได้อย่างยั่งยืน
ขณะเดียวกัน ยังถือเป็นการช่วยลดมลพิษให้กับประเทศไทย จากการวิจัยพัฒนาและสร้างนวัตกรรมด้านพลังงานสะอาดอย่างไม่หยุดนิ่งอีกด้วย
อ้างอิง : https://www.energyabsolute.co.th/finance_highlights
https://www.pptvhd36.com/news/หุ้น-การลงทุน/166997
https://www.set.or.th/set/companyhi.........&country=TH
เฉกเช่น บมจ.พลังงานบริสุทธิ์ หรือ EA ที่สามารถพัฒนาและสร้างการเติบโตให้ธุรกิจ จนได้รับคัดเลือกเป็น 1 ใน 41 บริษัทไทยติดอันดับดัชนีด้านความยั่งยืนระดับสากล 'The Sustainability Yearbook 2022' ระดับ Member ซึ่งจัดโดย S&P Global
อมร ทรัพย์ทวีกุล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) EA สะท้อนภาพธุรกิจของ EA ว่า การที่ S&P Global ประกาศรายชื่อบริษัทที่ได้รับการจัดอันดับใน The Sustainability Yearbook 2022 ในเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา มี 41 บริษัทไทยที่ติดอันดับจากบริษัททั่วโลก 716 บริษัท โดย EA เป็นหนึ่งในบริษัทที่ติดอันดับดัชนีดังกล่าว ในระดับ Member และผลประเมินด้านความยั่งยืนของ S&P Global สะท้อนให้เห็นถึงการเป็นองค์กรแห่งความยั่งยืนในสายตาผู้ลงทุนทั้งไทย และต่างประเทศ และแน่นอนว่าการจัดอันดับดังกล่าว จะเป็นข้อมูลสำคัญที่ผู้ลงทุนทั่วโลกใช้ในการวิเคราะห์ และพิจารณาตัดสินใจในการเข้าลงทุน
ในปีนี้ S&P Global เน้นย้ำถึงวิกฤติของปัญหาภาวะโลกร้อนที่จำเป็นต้องได้รับการแก้ไขอย่างเร่งด่วน นั่นจึงเป็นส่วนช่วยเสริมให้ EA มีความโดดเด่นมากยิ่งขึ้น เพราะธุรกิจหลักของ EA มุ่งมั่นในการนำเทคโนโลยีเข้ามาเสริมสร้างศักยภาพทางด้านพลังงานสะอาดและด้านพลังงานไฟฟ้า
โดยมีธุรกิจที่ถือว่าเป็น New S Curve อย่างโรงงานผลิตแบตเตอรี่ลิเทียมไอออนและโรงงานผลิตยานยนต์ไฟฟ้าที่มีกำลังการผลิตใหญ่ที่สุดในอาเซียน ตลอดจนเป็นผู้นำด้านสถานีอัดประจุ เพื่อที่จะยกระดับการเดินทางสมัยใหม่ให้มีความสะดวกสบาย ช่วยลดมลภาวะอย่างยั่งยืน และเป็นส่วนหนึ่งในการผลักดันให้ประเทศเข้าสู่การเป็นสังคมคาร์บอนต่ำ พร้อมทั้งสร้างงานสร้างอาชีพให้กับคนไทย มีรายได้สูงขึ้น ช่วยให้ประเทศไทยสามารถก้าวข้าม Middle income Trap ไปสู่ประเทศที่มีศักยภาพและมีความยั่งยืนทางด้านพลังงานในอนาคต
ขณะเดียวกัน EA ยังมีเป้าหมายที่จะพัฒนาองค์กร จากการเป็นผู้ผลิตพลังงานสะอาดสู่การเป็นผู้นำในธุรกิจ EV แบบครบวงจร ซึ่งในปี 2565 จะเป็นปีแห่งการเก็บเกี่ยวผลตอบแทนจากที่ได้ทยอยลงทุนมาอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งยังมีการลงทุนเพิ่มเติม โดยจะเน้นในธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้า (EV) ซึ่งจะสนับสนุนการเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ
แน่นอนว่า ผลตอบแทนจากการที่บริษัทฯ ได้ลงทุนมาเริ่มเห็นผลชัดเจนมากขึ้น ทำให้ในปี 2565 บริษัทฯ มองถึงตั้งเป้าหมายการเติบโตไม่ต่ำกว่า 20% โดยมาจากการเติบโตของธุรกิจ EV ทั้งในส่วนของ แบตเตอรี่ รถบัสไฟฟ้า รถบรรทุกไฟฟ้า และสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า ขณะที่ธุรกิจไบโอดีเซล-พลังงานทดแทน วางเป้าหมายรักษาการเติบโตต่อเนื่อง
สำหรับผลการดำเนินงาน ในปี 2564 ที่ผ่านมา พบว่า EA มีกำไรสุทธิ อยู่ที่ 6,100.07 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 895.50 ล้านบาท หรือ 17.21% เมื่อเทียบกับปี 2563 ที่มีกำไรสุทธิรวม 5,204.57 ล้านบาท
โดยปี 2564 บริษัทมีรายได้ 20,588.10 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3,358.96 ล้านบาท หรือ เพิ่มขึ้น 19.53% เมื่อเทียบกับปี 2563 ที่มารายได้รวม 17,199.14 ล้านบาท
สำหรับผลการดำเนินงานงวดปี 2564 บริษัทฯ มีรายได้ปัจจัยหลักจาก
- ธุรกิจจำหน่ายกระแสไฟฟ้า เท่ากับ 10,933.99 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.13% จากปีก่อน โดยโรงงานพลังลมสามารถผลิตกระแสไฟฟ้าเพิ่มขึ้นจากความเร็วลมที่สูงขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
- ธุรกิจไบโอดีเซล มีรายได้ 8,165.83 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 30.40% เมื่อเทียบจากปี 2563 สาเหตุหลักมาจากในปี 2564 ผลผลิตน้ำมันปาล์มดิบออกมาได้น้อย แต่การส่งออกมีมากขึ้น รวมทั้งมาเลเซีย เกิดปัญหาแรงงานในอุตสาหกรรมน้ำมันปาล์มดิบ ส่งผลให้ราคาการจำหน่ายน้ำมันปาล์มดิบ ทั้งในและนอกประเทศปรับตัวสูงขึ้น ขณะที่การจำหน่ายน้ำมันไบโอดีเซล ได้รับผลกระทบจาก มติคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) ปรับลดส่วนผสมของ B100 ในน้ำมันดีเซล และผลกระทบจากโควิด-19 ส่งผลต่อภาคอุตสาหกรรมและการท่องเที่ยว
- ธุรกิจผลิตและจำหน่ายแบตเตอรี่ลิเทียมไอออนและยานยนต์ไฟฟ้า อยู่ที่ 1,012.20 ล้านบาท รับรู้รายได้การจำหน่ายรถโดยสารไฟฟ้าจำนวน 112 คัน
- รายได้อื่นๆ 384.29 ล้านบาท
ด้านสินทรัพย์รวมของ EA และบริษัทย่อย ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2564 เท่ากับ 85,476.25 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2563 เท่ากับ 6,992.48 ล้านบาท หรือ 8.91% โดยมีหนี้สินรวมเท่ากับ 50,374.53 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2563 เท่ากับ 1,517.64 ล้านบาท หรือ 3.11%
และในปีนี้ ทางคณะกรรมการบริษัทฯ มีมติจ่ายปันผลเป็นเงินสดในอัตรา 0.30 บาทต่อหุ้น
จากตัวเลขผลการดำเนินงานที่เติบโตสม่ำเสมอ รวมถึงการสร้างรายได้จากธุรกิจเดิม ทั้งโรงผลิตไฟฟ้า และผลิตไบโอดีเซล รวมถึงธุรกิจใหม่ ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจผลิตแบตเตอรี่ - แท่นชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า - รถบัสไฟฟ้า ล้วนแล้วแต่เป็นธุรกิจที่จะสร้างรายได้อย่างยั่งยืน
ขณะเดียวกัน ยังถือเป็นการช่วยลดมลพิษให้กับประเทศไทย จากการวิจัยพัฒนาและสร้างนวัตกรรมด้านพลังงานสะอาดอย่างไม่หยุดนิ่งอีกด้วย
อ้างอิง : https://www.energyabsolute.co.th/finance_highlights
https://www.pptvhd36.com/news/หุ้น-การลงทุน/166997
https://www.set.or.th/set/companyhi.........&country=TH
เลขไอพี : ไม่แสดง
| ตั้งกระทู้โดย Windows 7
อ่านต่อ คุณอาจจะสนใจเนื้อหาเหล่านี้ (ความคิดเห็นกระทู้ อยู่ด้านล่าง)
ความคิดเห็น
ยังไม่มีความคิดเห็น
จะต้องเป็นสมาชิกจึงจะแสดงความคิดเห็นได้
เป็นสมาชิกอยู่แล้ว ลงชื่อเข้าใช้ระบบ
ยังไม่ได้เป็นสมาชิก สมัครสมาชิกใหม่
หรือจะลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google หรือ Facebook ก็ได้
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Facebook
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google
เป็นสมาชิกอยู่แล้ว ลงชื่อเข้าใช้ระบบ
ยังไม่ได้เป็นสมาชิก สมัครสมาชิกใหม่
หรือจะลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google หรือ Facebook ก็ได้
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Facebook
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google