ตรงจุดตรงใจนักท่องเที่ยวหรือไม่ กับนโยบายเข้าไทย
13 ก.ย. 65 14:14 น. /
ดู 1,432 ครั้ง /
3 ความเห็น /
0 ชอบจัง
/
แชร์
โครงการดึงนักท่องเที่ยวเข้าประเทศไทยใหม่ล่าสุด กับการขยายระยะวีซ่าการอาศัยอยู่ในประเทศไทย
โดยแบ่งออกเป็น 4 กลุ่มที่เป็นเป้าหมายที่ประเทศไทยจะดึงดูดให้มาถือ LTR Visa ได้แก่
- กลุ่มผู้มีความมั่งคั่งสูง
- กลุ่มผู้เกษียณอายุจากต่างประเทศ
- กลุ่มผู้ที่ต้องการทำงานจากประเทศไทย
- ผู้มีทักษะเชี่ยวชาญพิเศษ โดยจะให้สิทธิประโยชน์ ประกอบด้วย สิทธิพำนักในประเทศไทย 10 ปี สามารถใช้ช่องทางพิเศษ (Fast Track) ในการเข้าออกราชอาณาจักร ณ ท่าอากาศยานระหว่างประเทศ รายงานตัวทุก1 ปี (จากเดิมทุก 90 วัน) และไม่ต้องยื่นขออนุญาตกลับเข้ามาในราชอาณาจักร (Re-entry permit) อนุญาตให้ทำงานในประเทศไทย โดยลดภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาเหลือร้อยละ 17 สำหรับกลุ่มผู้มีทักษะเชี่ยวชาญพิเศษ และมีผู้ติดตามได้ 4 คน
หากวิเคราะห์จากกลุ่มนี้ บอกได้เลยว่าเป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติที่อยากเข้ามาพำนักในไทย อันนี้ก็เป็นอีกหนึ่งแนวคิดอันชาญฉลาดของรัฐบาล แต่ช่วยธุรกิจท่องเที่ยวได้จริงมั้ย เพราะความจริงประเทศเราต้องการนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางมาท่องเที่ยวในประเทศไทยในวันพักผ่อน พวกเค้าเหล่านี้จะหอมเงินมาใช้จ่ายกันโดยไม่ได้คิดมาก
ยกตัวอย่างเช่น ยุโรป จะมีเทศกาลหยุดงาน 1เดือนในช่วง กรกฎาคม สิงหาคม ในทุกๆปี กลุ่มนี้ก็จะรอเวลาเพื่อพักผ่อนอย่างเต็มที่ หรือวันหยุดยาวของประเทศจีนที่นักท่องเที่ยวจะชอบมาเมืองไทยกิน เที่ยวและซื้อของฝากกลับไป
ปัจจุบันหลังเปิดประเทศ กลุ่มโรงแรม สายการบิน ร้านค้าในสนามบิน หรือ ธุรกิจเล็กๆ ต่างบ่นเป็นเสียงเดียวกันว่าน่าแปลกที่มีนักท่องเที่ยวมาเพิ่มขึ้น แต่ฉไหนเงินไม่สะพัด รู้สึกเงียบเหงากว่าแต่ก่อน สิ่งที่หน้ากังวลใจคือ หากสายป่านด้านการเงินของพวกกลุ่มธุรกิจนี้หมดลงจะเป็นอย่างไร การเลิกจ้างงานจะเกิดขึ้นให้เห็นอีกครั้งหรือไม่ ภาครัฐควรเข้ามาดูแลในเรื่อง เงินสมทบช่วยเหลือ ทั้งกลุ่มลูกจ้างและนายจ้าง การมองไปถึงการเก็บค่าเช่า การขึ้นดอกเบี้ยของกลุ่มธนาคารต่างๆเพราะถ้าไม่ใช่รัฐบาลใครกันที่จะสามารถทำให้ประเทศไทยรอดจากวิกฤตินี้
ได้แต่หวังว่าทุกอย่างจะกลับมาเร็ววัน และประเทศไทยของเราคงไม่ต้องเจอกับวิกฤตโรคติดต่อใหม่ๆ หรือภัยจากธรรมชาติ ที่เรียกได้ว่าถ้าหลังจากนี้เราเจอวิกฤต เศรษฐกิจไทยคงไม่มีวันกลับมาแข็งแรงได้อย่างเดิม
โดยแบ่งออกเป็น 4 กลุ่มที่เป็นเป้าหมายที่ประเทศไทยจะดึงดูดให้มาถือ LTR Visa ได้แก่
- กลุ่มผู้มีความมั่งคั่งสูง
- กลุ่มผู้เกษียณอายุจากต่างประเทศ
- กลุ่มผู้ที่ต้องการทำงานจากประเทศไทย
- ผู้มีทักษะเชี่ยวชาญพิเศษ โดยจะให้สิทธิประโยชน์ ประกอบด้วย สิทธิพำนักในประเทศไทย 10 ปี สามารถใช้ช่องทางพิเศษ (Fast Track) ในการเข้าออกราชอาณาจักร ณ ท่าอากาศยานระหว่างประเทศ รายงานตัวทุก1 ปี (จากเดิมทุก 90 วัน) และไม่ต้องยื่นขออนุญาตกลับเข้ามาในราชอาณาจักร (Re-entry permit) อนุญาตให้ทำงานในประเทศไทย โดยลดภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาเหลือร้อยละ 17 สำหรับกลุ่มผู้มีทักษะเชี่ยวชาญพิเศษ และมีผู้ติดตามได้ 4 คน
ยกตัวอย่างเช่น ยุโรป จะมีเทศกาลหยุดงาน 1เดือนในช่วง กรกฎาคม สิงหาคม ในทุกๆปี กลุ่มนี้ก็จะรอเวลาเพื่อพักผ่อนอย่างเต็มที่ หรือวันหยุดยาวของประเทศจีนที่นักท่องเที่ยวจะชอบมาเมืองไทยกิน เที่ยวและซื้อของฝากกลับไป
ปัจจุบันหลังเปิดประเทศ กลุ่มโรงแรม สายการบิน ร้านค้าในสนามบิน หรือ ธุรกิจเล็กๆ ต่างบ่นเป็นเสียงเดียวกันว่าน่าแปลกที่มีนักท่องเที่ยวมาเพิ่มขึ้น แต่ฉไหนเงินไม่สะพัด รู้สึกเงียบเหงากว่าแต่ก่อน สิ่งที่หน้ากังวลใจคือ หากสายป่านด้านการเงินของพวกกลุ่มธุรกิจนี้หมดลงจะเป็นอย่างไร การเลิกจ้างงานจะเกิดขึ้นให้เห็นอีกครั้งหรือไม่ ภาครัฐควรเข้ามาดูแลในเรื่อง เงินสมทบช่วยเหลือ ทั้งกลุ่มลูกจ้างและนายจ้าง การมองไปถึงการเก็บค่าเช่า การขึ้นดอกเบี้ยของกลุ่มธนาคารต่างๆเพราะถ้าไม่ใช่รัฐบาลใครกันที่จะสามารถทำให้ประเทศไทยรอดจากวิกฤตินี้
ได้แต่หวังว่าทุกอย่างจะกลับมาเร็ววัน และประเทศไทยของเราคงไม่ต้องเจอกับวิกฤตโรคติดต่อใหม่ๆ หรือภัยจากธรรมชาติ ที่เรียกได้ว่าถ้าหลังจากนี้เราเจอวิกฤต เศรษฐกิจไทยคงไม่มีวันกลับมาแข็งแรงได้อย่างเดิม
เลขไอพี : ไม่แสดง
| ตั้งกระทู้โดย MacOS
อ่านต่อ คุณอาจจะสนใจเนื้อหาเหล่านี้ (ความคิดเห็นกระทู้ อยู่ด้านล่าง)
ความคิดเห็น
จะต้องเป็นสมาชิกจึงจะแสดงความคิดเห็นได้
เป็นสมาชิกอยู่แล้ว ลงชื่อเข้าใช้ระบบ
ยังไม่ได้เป็นสมาชิก สมัครสมาชิกใหม่
หรือจะลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google หรือ Facebook ก็ได้
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Facebook
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google
เป็นสมาชิกอยู่แล้ว ลงชื่อเข้าใช้ระบบ
ยังไม่ได้เป็นสมาชิก สมัครสมาชิกใหม่
หรือจะลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google หรือ Facebook ก็ได้
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Facebook
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google