อีก4ปัญหาที่ชาวท่องเที่ยวไทยต้องสู้
27 ธ.ค. 65 19:50 น. /
ดู 11,347 ครั้ง /
2 ความเห็น /
0 ชอบจัง
/
แชร์

ในที่สุดตอนนี้ตลาดการท่องเที่ยวของไทยเราก็ทำเป้าหมาย ดึงนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าไทยได้กว่า 10 ล้านคนอย่างที่ตั้งใจไว้ แม้จะห่างไกลจากช่วงปกติที่ทำได้ดีมากกว่า 40 ล้านคนก็ตาม ซึ่งผลงานครั้งนี้ดูเหมือนหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องต่างๆ ก็กระดี๊กระด๊าออกอาการดีใจไม่น้อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเม็ดเงินที่น่าจะทำได้ถึง 6 แสนล้านเพราะนี่ขนาดนักท่องเที่ยวจีนยังไม่มากันเลยนะตัวเลขก็ทำได้ดีขนาดนี้แล้ว
แต่ถ้าเราจะมาดูกันจริง ๆ ตัวเลข 10 ล้านคนนี้ อาจจะไม่ได้สะท้อนภาพการฟื้นตัวของนักท่องเที่ยวอย่างชัดเจนนัก เพราะยังมีคนในในธุรกิจท่องเที่ยวที่มีปัญหาและอุปสรรค ต้องคิด ต้องแก้ แถมเม็ดเงินที่คาดว่าจะได้มันก็คงไม่ได้กระจายกันอย่างทั่วถึงมาก คงมีแต่แหล่งท่องเที่ยวขึ้นชื่อในเมืองหลัก ธุรกิจบางอย่าง หรือคนทำธุรกิจบางประเภทที่ได้ประโยชน์เท่านั้น ซึ่งประเด็นพวกนี้ไปตรงกับเรื่องที่เราได้ไปอ่านเจอ เป็นบทความอันหนึ่งจากธนาคารแห่งประเทศไทย ที่ได้สะท้อนปัญหาและอุปสรรคของการท่องเที่ยว ที่ต้องรอให้มีการปลดล็อก เพื่อให้ตลาดท่องเที่ยวเติบโตอย่างที่เราอยากได้จริง ๆ เราว่าน่าสนใจมากเลยอยากมาแชร์ให้อ่านกัน มีประเด็นหลัก ๆ คือ
1.การฟื้นตัวที่ยังไม่ทั่วถึง
ประเด็นนี้ ธปท. มองว่า นักท่องเที่ยวต่างชาติที่มาเที่ยว ส่วนใหญ่ยังกระจุกตัวอยู่ในกลุ่มจังหวัดท่องเที่ยวสำคัญ เช่น กรุงเทพฯ ชลบุรี และภูเก็ต แถมยังพักในโรงแรมระดับ 4-5 ดาวขึ้นไป ซึ่งเป็นแบบนี้แน่นอน โรงแรมเล็ก ๆ หรือดาวน้อย ๆ คงจะยังไม่ฟื้นตัวเอาได้เร็ว แถมตอนนี้สงครามหั่นราคาแย่งลูกค้าก็มีเยอะด้วย จะหวังกลุ่มนักท่องเที่ยวระดับกลาง-ล่าง ก็น่าจะทำได้ยากเพราะเป็นกลุ่มที่ระวังเรื่องการใช้เงิน แถมเทรนด์เที่ยวแบบประหยัดก็มีมากขึ้นไปอีกตามที่เราเห็นๆในสื่อโซเชียลนั่นแหล่ะ
2.การใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวยังต่ำกว่าก่อนโควิด
ทางธปท. มองว่า นักท่องเที่ยวที่มากันตอนนี้ส่วนใหญ่เที่ยวระยะสั้น ๆ ไม่เหมือนก่อนเกิดโควิด-19 เมื่อมากันไม่กี่วันค่าใช้จ่ายต่อคนก็คงไม่ได้มาก เท่ากับคนมาอยู่นาน ๆ ก็จริงนะแถมพฤติกรรมก็เป็นแนวเที่ยวแบบ local ไปอีก กลุ่มคนใช้จ่ายระดับไฮเอนด์กินหรูอยู่ดีชอบแบรนด์เนม ช้อปปิ้งดิวตี้ฟรี สายเปย์อย่างจีนยังไม่กลับมา และกลับมาก็ไม่รู้ว่าพฤติกรรมการบริโภคจะเหมือนเดิมหรือไม่ ขนาดคนเกาหลี ญี่ปุ่น จีนจากที่อื่นๆ ตอนนี้เทรนด์ที่มาเที่ยวไทยหรือมาทำรายการยังเน้น กินเที่ยว Street Food เป็นหลักเลย
3.ปัญหาคอขวดด้านจำนวนเครื่องบินที่มีจำกัด
ประเด็นนี้ เรียกได้ว่าเป็นปัญหาระดับชาติเลยทีเดียว ขนาดนายกฯ ตู่ยังออกมาสั่งการให้กระทรวงคมนาคม หารือกับบรรดาสายการบินต่าง ๆ ให้เพิ่มเที่ยวบินเข้ามาเมืองไทยเยอะๆ เพราะถ้าไม่มีสายการบินขนนักท่องเที่ยวเข้ามา ตลาดมันจะฟื้นได้ไง ธปท. ยังวิเคราะห์อีกว่า ตอนนี้สายการบินก็มีปัญหาหลายอย่าง ที่สำคัญ คือ เครื่องบินที่หยุดบินนานต้องได้รับการซ่อมบำรุง แต่ไทยมีศูนย์ซ่อมเพียงแห่งเดียว แถมยังมีปัญหาการขาดอะไหล่อีก ทำให้ใช้ระยะเวลาในการซ่อมบำรุงนานกว่าปกติ เรื่องการเงินของธุรกิจสายการบินที่บอบช้ำมานาน ก็เป็นปัญหาน่าปวดหัว เพราะทำให้สายการบินจะเพิ่มเครื่อง หรือจะเช่าซื้อก็ต้องใช้เงินมัดจำสูง ที่สำคัญเมืองไทยเองก็ยังไม่กลับมาเป็นศูนย์กลางของการบิน ทำให้จำนวนเที่ยวบินที่เข้ามาไทยยังมีจำกัด
4.ต้นทุนการประกอบธุรกิจสูงขึ้นมาก
ประเด็นนี้ ไม่ใช่แค่ผู้ประกอบการในธุรกิจท่องเที่ยวเท่านั้นที่ต้องเจอ แต่แทบจะเรียกได้ว่าทุกธุรกิจต้องเจอกันหมด ซึ่งมีทั้งต้นทุนราคาวัตถุดิบอาหาร ค่าสาธารณูปโภค รวมถึงค่าจ้างแรงงาน ซึ่งไม่ใช่แค่สูง แต่ก็หายากอีกด้วย หากได้คนมาทำงานแต่ไม่ใช่คนในธุรกิจท่องเที่ยวมาก่อน ก็ต้องฝึกต้องเทรนด์กันให้ชำนาญ กว่าจะทำงานได้ดีก็อีกพักนึง
ทั้ง 4 ประเด็นที่ธปท. มองว่าต้องรีบปลดล็อกโดยเร็ว เพื่อให้ธุรกิจท่องเที่ยวได้ลืมตาอ้าปากจริง ๆ และยังมีสิ่งที่ภาครัฐต้องทำต่ออีกด้วย อย่างการกระตุ้นท่องเที่ยวเมืองรอง จะช่วยให้การฟื้นตัวมีความทั่วถึงมากขึ้น มาตรการช่วยเหลือด้านต้นทุน ขยายเวลาพักชำระเงินต้นและดอกเบี้ย จัดหาแหล่งเงินทุนที่เข้าถึงง่าย และจัดอบรมพนักงานบริการ จะช่วยลดต้นทุนของภาคการท่องเที่ยวได้
นอกจากนี้ด้านคุณภาพยังคงเป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม โดยภาครัฐควรปรับปรุงทัศนียภาพ ความปลอดภัย และภาพลักษณ์การท่องเที่ยวควบคู่ไปด้วย เพื่อดึงดูดกลุ่มนักท่องเที่ยวคุณภาพทั้งไทยและต่างชาติที่ไม่ใช่เพียงทัวร์ศูนย์เหรียญเช่นในอดีต เรียกว่าให้เน้นคุณภาพมากกว่าปริมาณนั่นเอง นี่ก็เป็นประเด็นที่เราคงต้องเฝ้าดูกันว่า ภาครัฐจะทำอะไรต่อ และการท่องเที่ยวไทยจะเดินหน้าฟื้นตัว กลับมาเป็นเครื่องยนต์อีกตัวที่สำคัญที่ทำให้เศรษฐกิจไทยฟื้นตัวได้มากน้อยแค่ไหน
ส่วนข่าวล่ามาแรงช่วงนี้คือจีนประกาศจะเปิดประเทศ 8 ม.ค.นี้แล้วว จากที่ตามข่าวจีนมานาน (เพราะมีตั๋วบินค้างอยู่ แหะๆ) ถึงจะเป็นข่าวดีต้อนรับปีใหม่ แต่จากสถาณการณ์โควิดที่จีนตอนนี้เห็นว่าแย่มาก ยอดคนติดพุ่งแตะวันละหลักล้าน คนกักตัวขาดแคลนยา อุปกรณ์ในชีวิตประจำวันขนาดที่ยาพาราทั่วไปยังหาซื้อยากเลย ถึงขนาดมีคนจีนที่ไทยหัวใสรับออเดอร์ส่งกันไปเป็นล่ำเป็นสัน (อันนี้ดูตามเพจคนอยู่จีนในโซเชียลมาด้วย) เลยไม่ค่อยแน่ใจว่าการประกาศเปิดตอนนี้จะมากระตุ้นธุรกิจท่องเที่ยวและเศรษฐกิจไทยให้พุ่งกลับมาเหมือนก่อนโควิด หรือมาจะแค่หวือหวาแล้วซ้ำเติมด้วยการระบาดแล้วกลับไปปิดประเทศอีกรอบ
แต่ยังไงซะชีวิตคนไทยก็ต้องเดินต่อไปขอฝากความหวังไว้กับรัฐบาลชุดใหม่เลยได้ไหม? ช่วยต่อลมหายใจให้ธุรกิจท่องเที่ยวในไทยในระยะยาวให้มากกว่านี้อีกสักนิด
ที่มาข้อมูล : ปลดล็อกการท่องเที่ยวให้ปัง เติมพลังเศรษฐกิจไทย คอลัมน์ : ร่วมด้วยช่วยคิด ผู้เขียน : ดร.กิ่งกาญจน์ เกษศิริ, ชุติกา เกียรติเรืองไกร ธนาคารแห่งประเทศไทย
https://www.bot.or.th/Thai/ResearchAndPublications/articles/Pages/Article_22Dec2022.aspx
แฉจีนหยุดรายงานยอดผู้ติดโควิดเพราะตัวเลขรายวันพุ่งแตะหลักล้านแล้ว (thansettakij.com)
แต่ถ้าเราจะมาดูกันจริง ๆ ตัวเลข 10 ล้านคนนี้ อาจจะไม่ได้สะท้อนภาพการฟื้นตัวของนักท่องเที่ยวอย่างชัดเจนนัก เพราะยังมีคนในในธุรกิจท่องเที่ยวที่มีปัญหาและอุปสรรค ต้องคิด ต้องแก้ แถมเม็ดเงินที่คาดว่าจะได้มันก็คงไม่ได้กระจายกันอย่างทั่วถึงมาก คงมีแต่แหล่งท่องเที่ยวขึ้นชื่อในเมืองหลัก ธุรกิจบางอย่าง หรือคนทำธุรกิจบางประเภทที่ได้ประโยชน์เท่านั้น ซึ่งประเด็นพวกนี้ไปตรงกับเรื่องที่เราได้ไปอ่านเจอ เป็นบทความอันหนึ่งจากธนาคารแห่งประเทศไทย ที่ได้สะท้อนปัญหาและอุปสรรคของการท่องเที่ยว ที่ต้องรอให้มีการปลดล็อก เพื่อให้ตลาดท่องเที่ยวเติบโตอย่างที่เราอยากได้จริง ๆ เราว่าน่าสนใจมากเลยอยากมาแชร์ให้อ่านกัน มีประเด็นหลัก ๆ คือ
1.การฟื้นตัวที่ยังไม่ทั่วถึง
ประเด็นนี้ ธปท. มองว่า นักท่องเที่ยวต่างชาติที่มาเที่ยว ส่วนใหญ่ยังกระจุกตัวอยู่ในกลุ่มจังหวัดท่องเที่ยวสำคัญ เช่น กรุงเทพฯ ชลบุรี และภูเก็ต แถมยังพักในโรงแรมระดับ 4-5 ดาวขึ้นไป ซึ่งเป็นแบบนี้แน่นอน โรงแรมเล็ก ๆ หรือดาวน้อย ๆ คงจะยังไม่ฟื้นตัวเอาได้เร็ว แถมตอนนี้สงครามหั่นราคาแย่งลูกค้าก็มีเยอะด้วย จะหวังกลุ่มนักท่องเที่ยวระดับกลาง-ล่าง ก็น่าจะทำได้ยากเพราะเป็นกลุ่มที่ระวังเรื่องการใช้เงิน แถมเทรนด์เที่ยวแบบประหยัดก็มีมากขึ้นไปอีกตามที่เราเห็นๆในสื่อโซเชียลนั่นแหล่ะ
2.การใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวยังต่ำกว่าก่อนโควิด
ทางธปท. มองว่า นักท่องเที่ยวที่มากันตอนนี้ส่วนใหญ่เที่ยวระยะสั้น ๆ ไม่เหมือนก่อนเกิดโควิด-19 เมื่อมากันไม่กี่วันค่าใช้จ่ายต่อคนก็คงไม่ได้มาก เท่ากับคนมาอยู่นาน ๆ ก็จริงนะแถมพฤติกรรมก็เป็นแนวเที่ยวแบบ local ไปอีก กลุ่มคนใช้จ่ายระดับไฮเอนด์กินหรูอยู่ดีชอบแบรนด์เนม ช้อปปิ้งดิวตี้ฟรี สายเปย์อย่างจีนยังไม่กลับมา และกลับมาก็ไม่รู้ว่าพฤติกรรมการบริโภคจะเหมือนเดิมหรือไม่ ขนาดคนเกาหลี ญี่ปุ่น จีนจากที่อื่นๆ ตอนนี้เทรนด์ที่มาเที่ยวไทยหรือมาทำรายการยังเน้น กินเที่ยว Street Food เป็นหลักเลย
3.ปัญหาคอขวดด้านจำนวนเครื่องบินที่มีจำกัด
ประเด็นนี้ เรียกได้ว่าเป็นปัญหาระดับชาติเลยทีเดียว ขนาดนายกฯ ตู่ยังออกมาสั่งการให้กระทรวงคมนาคม หารือกับบรรดาสายการบินต่าง ๆ ให้เพิ่มเที่ยวบินเข้ามาเมืองไทยเยอะๆ เพราะถ้าไม่มีสายการบินขนนักท่องเที่ยวเข้ามา ตลาดมันจะฟื้นได้ไง ธปท. ยังวิเคราะห์อีกว่า ตอนนี้สายการบินก็มีปัญหาหลายอย่าง ที่สำคัญ คือ เครื่องบินที่หยุดบินนานต้องได้รับการซ่อมบำรุง แต่ไทยมีศูนย์ซ่อมเพียงแห่งเดียว แถมยังมีปัญหาการขาดอะไหล่อีก ทำให้ใช้ระยะเวลาในการซ่อมบำรุงนานกว่าปกติ เรื่องการเงินของธุรกิจสายการบินที่บอบช้ำมานาน ก็เป็นปัญหาน่าปวดหัว เพราะทำให้สายการบินจะเพิ่มเครื่อง หรือจะเช่าซื้อก็ต้องใช้เงินมัดจำสูง ที่สำคัญเมืองไทยเองก็ยังไม่กลับมาเป็นศูนย์กลางของการบิน ทำให้จำนวนเที่ยวบินที่เข้ามาไทยยังมีจำกัด
4.ต้นทุนการประกอบธุรกิจสูงขึ้นมาก
ประเด็นนี้ ไม่ใช่แค่ผู้ประกอบการในธุรกิจท่องเที่ยวเท่านั้นที่ต้องเจอ แต่แทบจะเรียกได้ว่าทุกธุรกิจต้องเจอกันหมด ซึ่งมีทั้งต้นทุนราคาวัตถุดิบอาหาร ค่าสาธารณูปโภค รวมถึงค่าจ้างแรงงาน ซึ่งไม่ใช่แค่สูง แต่ก็หายากอีกด้วย หากได้คนมาทำงานแต่ไม่ใช่คนในธุรกิจท่องเที่ยวมาก่อน ก็ต้องฝึกต้องเทรนด์กันให้ชำนาญ กว่าจะทำงานได้ดีก็อีกพักนึง
ทั้ง 4 ประเด็นที่ธปท. มองว่าต้องรีบปลดล็อกโดยเร็ว เพื่อให้ธุรกิจท่องเที่ยวได้ลืมตาอ้าปากจริง ๆ และยังมีสิ่งที่ภาครัฐต้องทำต่ออีกด้วย อย่างการกระตุ้นท่องเที่ยวเมืองรอง จะช่วยให้การฟื้นตัวมีความทั่วถึงมากขึ้น มาตรการช่วยเหลือด้านต้นทุน ขยายเวลาพักชำระเงินต้นและดอกเบี้ย จัดหาแหล่งเงินทุนที่เข้าถึงง่าย และจัดอบรมพนักงานบริการ จะช่วยลดต้นทุนของภาคการท่องเที่ยวได้
นอกจากนี้ด้านคุณภาพยังคงเป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม โดยภาครัฐควรปรับปรุงทัศนียภาพ ความปลอดภัย และภาพลักษณ์การท่องเที่ยวควบคู่ไปด้วย เพื่อดึงดูดกลุ่มนักท่องเที่ยวคุณภาพทั้งไทยและต่างชาติที่ไม่ใช่เพียงทัวร์ศูนย์เหรียญเช่นในอดีต เรียกว่าให้เน้นคุณภาพมากกว่าปริมาณนั่นเอง นี่ก็เป็นประเด็นที่เราคงต้องเฝ้าดูกันว่า ภาครัฐจะทำอะไรต่อ และการท่องเที่ยวไทยจะเดินหน้าฟื้นตัว กลับมาเป็นเครื่องยนต์อีกตัวที่สำคัญที่ทำให้เศรษฐกิจไทยฟื้นตัวได้มากน้อยแค่ไหน
ส่วนข่าวล่ามาแรงช่วงนี้คือจีนประกาศจะเปิดประเทศ 8 ม.ค.นี้แล้วว จากที่ตามข่าวจีนมานาน (เพราะมีตั๋วบินค้างอยู่ แหะๆ) ถึงจะเป็นข่าวดีต้อนรับปีใหม่ แต่จากสถาณการณ์โควิดที่จีนตอนนี้เห็นว่าแย่มาก ยอดคนติดพุ่งแตะวันละหลักล้าน คนกักตัวขาดแคลนยา อุปกรณ์ในชีวิตประจำวันขนาดที่ยาพาราทั่วไปยังหาซื้อยากเลย ถึงขนาดมีคนจีนที่ไทยหัวใสรับออเดอร์ส่งกันไปเป็นล่ำเป็นสัน (อันนี้ดูตามเพจคนอยู่จีนในโซเชียลมาด้วย) เลยไม่ค่อยแน่ใจว่าการประกาศเปิดตอนนี้จะมากระตุ้นธุรกิจท่องเที่ยวและเศรษฐกิจไทยให้พุ่งกลับมาเหมือนก่อนโควิด หรือมาจะแค่หวือหวาแล้วซ้ำเติมด้วยการระบาดแล้วกลับไปปิดประเทศอีกรอบ
แต่ยังไงซะชีวิตคนไทยก็ต้องเดินต่อไปขอฝากความหวังไว้กับรัฐบาลชุดใหม่เลยได้ไหม? ช่วยต่อลมหายใจให้ธุรกิจท่องเที่ยวในไทยในระยะยาวให้มากกว่านี้อีกสักนิด
ที่มาข้อมูล : ปลดล็อกการท่องเที่ยวให้ปัง เติมพลังเศรษฐกิจไทย คอลัมน์ : ร่วมด้วยช่วยคิด ผู้เขียน : ดร.กิ่งกาญจน์ เกษศิริ, ชุติกา เกียรติเรืองไกร ธนาคารแห่งประเทศไทย
https://www.bot.or.th/Thai/ResearchAndPublications/articles/Pages/Article_22Dec2022.aspx
แฉจีนหยุดรายงานยอดผู้ติดโควิดเพราะตัวเลขรายวันพุ่งแตะหลักล้านแล้ว (thansettakij.com)
เลขไอพี : ไม่แสดง
| ตั้งกระทู้โดย MacOS
อ่านต่อ คุณอาจจะสนใจเนื้อหาเหล่านี้ (ความคิดเห็นกระทู้ อยู่ด้านล่าง)
ความคิดเห็น
จะต้องเป็นสมาชิกจึงจะแสดงความคิดเห็นได้
เป็นสมาชิกอยู่แล้ว ลงชื่อเข้าใช้ระบบ
ยังไม่ได้เป็นสมาชิก สมัครสมาชิกใหม่
หรือจะลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google หรือ Facebook ก็ได้
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Facebook
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google
เป็นสมาชิกอยู่แล้ว ลงชื่อเข้าใช้ระบบ
ยังไม่ได้เป็นสมาชิก สมัครสมาชิกใหม่
หรือจะลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google หรือ Facebook ก็ได้
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Facebook
ลงชื่อเข้าใช้ระบบด้วย Google